Fandom : Venom (2018 Movie)
Pairing : Venom (Symbiote) x Eddie Brock
Author: @sullie_sp
A/N: ***WARNING: XENOPHILIA / TENTACLE + SPOILER ALERT(หนัก)*** ออกตัวก่อนเลยค่ะว่าไม่เคยอ่านคอมิคเลย เป็นแค่ความรู้สึกหลังจากดูหนังจบ(บวกกับเห็นภาพจากคอมิคหลาย ๆ หน้าที่มีคนลงในทวิต)แล้วมันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ / หาก OOC หลุดไปยังไง ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ
เอ็ดดี้กำลังคิดว่าตัวเองได้ยอมรับอีกหนึ่งตัวตนที่อยู่ข้างในเขานั้นไปตั้งแต่ตอนไหน
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้เต็มใจนัก
เท่าที่จำได้ มันก็แค่เริ่มจากการเอาตัวรอด
สัญชาตญาณขั้นพื้นฐานของแทบทุกสิ่งมีชีวิต
เสียงร้องตะโกนผ่าอากาศ พร้อมกับร่างของเขาที่กำลังลอยเคว้งคว้างเพราะตกจากยอดตึกสูงเสียดฟ้า
"แกหายไปไหนวะ!"
เป็นครั้งแรกที่เขาถามหาถึงอีกฝ่าย
แค่วินาทีเดียว
ราวกับมีแรงยึดเหนี่ยว ดึงรั้งร่างไม่ให้ร่วงลงไปกระแทกกับพื้นล่าง
รอดตาย
เขารู้สึกขอบคุณ
แม้ว่าหลังจากนั้นจะมีเรื่องให้ด่าสาดเทเสียก็ตาม
แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกดีได้ขนาดนั้น เมื่อสสารดำมืดปรากฎขึ้นในวิสัยทัศน์อย่างชัดเจน ช่วย
ชีวิตเขาไว้อีกคราในป่า
โดยเฉพาะยามที่ปล่อยให้ตัวเองเชื่อมต่อ
เอ่อ... เขาจะข้ามส่วนนั้นไปแล้วกัน
เอาเป็นว่าจากเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนนั้น หากเป็นแค่ปรสิตธรรมดาทั่วไป(ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้านี่ ไม่ใช่)ก็คงทิ้งร่างเขาให้เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ชีวิตบัดซบนอนแห้งแข็งตายอยู่อย่างนั้น
ซึ่งนั่นทำให้การมีอยู่ของ 'เวน่อม' ไม่ได้เป็นเรื่องแย่สักเท่าไหร่
มันอาจจะเป็นความคิดแสนแปลกประหลาด กับการให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาควบคุม
กลืนกิน
แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจองจำเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งได้แทรกซึม ผสานเข้ากับทุกเซลล์ ทุกอณูทั่วร่างกายเขานั้น กลับทำให้เขา ...
เอ็ดดี้
เสียงนั้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
ทำไม ถึง เมิน
เขารู้สึกถึงของเหลว ลื่นราวกับเมือกแสนชื้นแฉะแต่ไม่ได้ทำให้เปียกนั้นกำลังเคลื่อนไหววนรอบต้นคอไปมา สายใยสีดำยืดออกมาอยู่ตรงหน้าเขา ก่อรูปเป็นใบหน้าที่ปัจจุบันเขาคุ้นชินไปเสีย
"ฉันเคยเมินนายที่ไหน ฉันกำลังทำงานอยู่เนี่ยเห็นไหม"
เขาหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาแล้วหันจอหาอีกฝ่าย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ารายนั้นจะเข้าใจหรือเปล่า
งานนักข่าวที่ได้มันมาหลังจากการเปิดโปงไลฟ์ฟาวเดชั่น เขาก็ยังไม่อยากเสียมันไปอีกรอบเพราะนอกจากมันจะช่วยให้เขาจ่ายค่าอะไรต่อมิอะไรต่าง ๆ นานาเพื่อใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องลำบาก เขายังได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการอีกด้วย
แล้วเขาก็วางแล็ปท็อปลงบนโต๊ะหันกลับมาหาตัวเองตามเดิม
ไม่ได้ทำงาน นายคิด
ก็ถูกของอีกฝ่าย งานตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าแทบจะว่างเปล่าไร้ความคืบหน้าเลย
แต่อันนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขายังไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไรนัก
การที่มีใครก็ไม่รู้มารับรู้ถึงความคิด ความรู้สึกของตนอยู่ตลอดเวลา
ทำเอาความเป็นส่วนตัวของเขาหายไปเสียหมด
เวน่อม ไม่ใช่ใครอื่น เราคือเรา
"เลิกอ่านความคิดฉันสักทีได้ไหม"
ไม่ได้ เพราะเชื่อมต่อกันแล้ว
พร้อมกับใบหน้านั้นที่ลอยไปด้านหลัง และสลายตัวเหลือเพียงแค่สิ่งที่พันรอบคอของเขาราวกับผ้าพันคอสีดำ
เยี่ยม
เท่านี้ต่อให้เขาจะเก็บเงียบไว้ในใจแค่ไหน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการพูดอัดโทรโข่งป่าวประกาศอยู่ดี
เชื่อมต่อ ทำไมไม่อยากคิดถึงมันล่ะ เอ็ดดี้
เสียงในหัวของเขายังคงพูดไม่หยุด
แล้วภาพเหตุการณ์ในป่านั่นก็แล่นกลับมาในหัวเขา
ไม่ ๆๆๆ
อะไรที่มันผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป
อย่าไปสนใจ
เอ็ดดี้
เสียงนั้นดังขึ้น พร้อมกับสายซิมบิโอตที่ไหลเคลื่อนตัวลงไปวนบนแผ่นหลังใต้เสื้อผ้าแทน
เพราะเราทำสิ่งที่เรียกว่า จูบ ใช่ไหม
คำพูดนั้นทำเอาเขาถึงกับปิดหน้าจอพับลง นั่งโน้มตัวไปใกล้โต๊ะเพื่อให้ข้อศอกทั้งสองข้างวางบนนั้น ก่อนจะกางมือเปิดออกกดหน้าตัวเองซุกปิดไว้
ลูบหน้าแรง ๆ พร้อมกับเสียงของลมหายใจถอนออกยาว
เวรเอ๊ย อุตส่าห์ไม่คิดแล้วแท้ ๆ
เขาพยายามคิดมาตลอดว่าที่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายจูบกับตนอย่างดูดดื่ม เพราะคนตรงหน้าก็คือแอนน์
ปักใจเชื่ออยู่อย่างนั้น
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพจริง ๆ ที่เขาเห็นก่อนจะเป็นเธอ ก็คือ...
เวน่อมไง
แล้วเสียงในหัวก็ตอบให้เขาเรียบร้อย โดยที่ไม่ได้ขอเลยสักนิด
พร้อมกับเส้นใยหนาลื่นนั้นเปลี่ยนจากแผ่นหลังมาวนรอบเอวของเขาแทน
"นี่แกอยู่เฉย ๆ เป็นไหม"
เขาพูดพลางยกเสื้อตัวเองขึ้น ตาจับจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตที่เอาแต่วนรอบเอวเขาไม่ยอมหยุด
มันเคลื่อนตัวช้าลง และเลื่อนขึ้นมาวนรอบอกแทน
แปลก
คล้ายกับเจลประคบเย็นกำลังแปะ กดทับ ซึ่งไม่ได้เย็นเพียงอย่างเดียวแต่มันกลับทำให้อุ่นอย่างประหลาด
เขายังคงไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงสัมผัสบนผิวที่เขาเริ่มรู้สึกว่ามันออกแรงดูดติดมากขึ้นทีละนิด
เอ็ดดี้ เป็นของเรา
เขาใช้มือข้างหนึ่งจับมันออกตามสัญชาตญาณ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้สสารเหลวไหลผ่านร่องนิ้วกลับไปรัดร่างตนเองแน่นขึ้น ซ้ำยังเคลื่อนตัวชนทับส่วนนูนเด่นบนอกของเขาทั้งสองข้างไปมา
"ทำอะไรของแก หยุดนะ!"
ชายหนุ่มส่งเสียงโวยวายลั่นห้อง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร
และเมื่อเขากำลังจะปล่อยเสื้อตัวเองลงปิดเรือนร่าง กลับรู้สึกถึงการควบคุมราวกับน็อตยึดตรึงไม่ให้แบมือออก
มันยังคงวนเวียนเล่นกับอกเขา
ปลุกปั่นอารมณ์ข้างใน
จะทำแบบที่ เรา ต้องการ
"อั่ก... หยุด สิวะ"
เขาดีดตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินลนลานวนไปวนมารอบห้องแม้ว่าพื้นที่จะคับแคบก็ตาม แต่เจ้าเมือกยาวไม่มีที่สิ้นสุดนั้นกลับดึงร่างเขาไปติดกำแพงโดยมีพื้นสีดำกั้นระหว่างผิวของเขากับผนังเพื่อรองรับการกระแทก แขนทั้งสองข้างยกเหนือศีรษะพร้อมกับสายยาวอันเป็นส่วนหนึ่งของอีกร่างนั้นรัดข้อมือทั้งสองให้ติดกัน พร้อมสายรยางค์เส้นหนึ่งดึงเสื้อเปิดขึ้น
แล้วมันก็ยืดลอยออกมาจากข้างหลังของเขา ก่อตัวรวมเป็นรูปหน้ากำลังแสยะยิ้มขณะมองเขาอยู่
ต้องการ เราทั้งคู่ ... นายจะฝืนไปทำไม
อีกฝ่ายพูดขึ้นพร้อมกับแยกตัวเองเป็นเส้นเล็กลงหลายสายเลื้อยไปทั่วร่างของเขา
ทั้งรอบคอ ราวกับโดนโลมเลียพร้อมกันทีเดียวหลายจุด
ยอดอกโดนวนดึงเล่นแล้วก็กดครอบจุกไว้ แรงดูดของมันต่างจากริมฝีปากของมนุษย์ด้วยกันที่เขาเคยผ่านมา
แรง แต่ไม่ทำให้รู้สึกทรมาน
สายเส้นใหญ่สุดนั้นพันรอบเอว เคลื่อนตัววนไปตามร่องกล้ามเนื้อท้องเพื่อรั้งร่างเขา
แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการที่กางเกงของเขากำลังถูกเกี่ยวดึงร่นลงจนเผยให้เห็นส่วนนูนกลางหว่างขาอันมีชั้นในปิดบังเอาไว้
"แกจะทำบ้าอะไร! เว----- อึ้ก!"
เขากำลังจะอ้าปากเตรียมพ่นสารพัดคำ แต่ทันทีที่เรียวปากเปิดออก โพรงปากของเขาได้ถูกรุกล้ำด้วยลิ้นยาวจนเติมเต็ม มันกดพับ ชอนไช ทิ้งรสประหลาดไปทั่วปาก และดันเข้ามาลึกเสียจนเขาแทบจะสำลัก
ขณะเดียวกัน มันกลับทำให้รู้สึก ... ผ่อนคลาย
เป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เขาพยายามจะขยับตัวดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แน่นอนว่ามันไม่เกิดผลอะไรเลย
ราวกับร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
จิตใจของเขาก็เช่นกัน
ต่อต้าน
แต่โหยหา
เอ็ดดี้ ยอมรับความรู้สึกตัวเอง ยอมรับในเรา
เสียงแหบต่ำนั้นอ่อนโยนลงคล้ายการล่อลวงยิ่งทำให้ความพยายามในการต่อต้านมันยากขึ้น ไม่นานนัก เจ้าซิมบิโอตตัวดีเริ่มยืดเส้นแทรกผ่านเนื้อผ้าลงไปครอบคลุมของรักของเขาจนเจ้าตัวสะดุ้ง
เขาอยากร้องตะโกน แต่ด้วยปากไร้พื้นที่ว่างจึงทำได้เพียงแค่ส่งกระแสความคิดออกไป
'หยุดเดี๋ยวนี้ เวน่อม'
แต่เราต้องการสิ่งนี้ แล้วเราจะหยุดไปทำไม
แล้วเจ้ากางเกงในก็ถูกดึงถอดออก ช่วงล่างของเขาเปลือยเปล่า
ขาทั้งสองข้างถูกดึงรั้งให้ยกขึ้นกางออกโดยเถาวัลย์ดำมืดพันรอบขาของเขาเลื้อยไม่ยอมหยุด
ก้อนเมือกที่จับของรักของเขาอยู่นั้นรัดแน่น ดูดดึงและขยับเสียดสี
สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหายจากสัมผัสที่ไม่มีเซ็กส์ครั้งไหนทำให้ได้ขนาดนี้มาก่อน
ทำให้เขานึกถึงจูบนั้น แต่ครั้งนี้มันรุนแรงกว่า
เป็นของเรา
แล้วกำแพงแห่งความยับยั้งชั่งใจก็หายไปสิ้น เมื่อใยหนืดก่อตัวขึ้นจากพื้นดำที่รองด้านหลังเขา กลายเป็นเส้นเอ็นหนาดันเข้าไปในช่องทางด้านล่างแล้วขยายตัวจนคับแน่น
มากเกินไป
การรุกล้ำนั้นไม่ได้มีเพียงทางกายภายนอกเท่านั้น
เขาปล่อยให้ความคิด
จิตใจ
ฝังตัวเอง จองจำไว้ในความมืดมิด
ทั้งร่างของเขา ทุกส่วน พร้อมกัน
ยินยอมกับการถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์
"แค่กก! .. เวน่อม ด.. ได้โปรด"
ทันทีที่ลิ้นยาวถอนออกให้ปากของเขาได้รับอิสระ เสียงไอสำลักและร้องครางหวิวก็ดังขึ้นจากปากหนาไม่หยุด
ร่างกายบิดเกร็ง ตอดรัดสิ่งที่อยู่ภายในช่องล่างแน่น
เขาพยายามขยับสะโพกตัวเองตอบรับแรงกระทำทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง แต่การที่อยู่ในสภาวะถูกตรึงติดกำแพงลอยเหนือพื้นนั้นทำให้ทุกอย่างยากขึ้น และอีกหนึ่งชีวิตนั้นก็ดูจะรับรู้อารมณ์ของเขาได้ดี
ขอร้องสิ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าไปค้นสมองส่วนไหนถึงได้ช่างแกล้งนัก แต่การที่กายของเขากำลังถูกบีบค้าง เอ็นข้างในร่างนั้นช้าลงจนเขารู้สึกว่ามันหยุดเคลื่อนไหว รวมถึงส่วนอื่นที่ถูกเส้นใยรัดไว้ก็นิ่งไปเช่นกัน
เขายอมรับว่ามันเป็นเรื่องประหลาดและบ้ามากที่อารมณ์ทางเพศของตัวเองนั้นเกิดขึ้นกับสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน
แต่ความอยากมันกลืนกินทุกอย่างไปเสีย
ต้องการ
ต้องการ ต้องการ ต้องการ
ต้องการ
"อ... อีก ขอล่ะ ... มากกว่านี้ ... มากกว่านี้"
รีบเหลือเกิน เอ็ดดี้ที่รัก
พอได้ยินสรรพนามตามหลังชื่อตัวเองร่างกายของเขากระตุกสั่นราวกับไฟฟ้าช็อตทั่วร่าง
มันรู้สึกดีเหลือเกิน
เขาปล่อยให้ของเหลวลื่นไถลไปบนร่าง แผงอกยังโดนดูดดึงราวกับอยู่ในแก้วสุญญากาศ แก่นกายได้รับการรูดเค้นอย่างรวดเร็ว เขาแอ่นตัวขยับสะโพกเด้งไปมารับกับใยเอ็นข้างในที่เข้ามาลึกและเติมเต็มทุกสัมผัส และเพราะไม่ใช่ของแข็งปรับสภาพและรูปร่างได้มันจึงไม่ทำให้เขาปวดแสบอะไร มีเพียงรสสุขสมหลั่งไหลออกมาจนแทบคลั่ง
"อ๊ะ .. อ๊า .. า .. ดี ... ตรงนั้น ... เร็วว อื้อ อ..."
เสียงครางดังลั่นทั่วห้องจนเขาหวังว่ามันจะไม่ทะลุผ่านกำแพงดังไปรบกวนเพื่อนบ้านข้าง ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าความคิดส่งผ่านกันทันใจเพราะลิ้นยาวนั้นแลบยื่นออกมาทำให้เขาเงียบโดยฝากมันไว้ในปากเขา
ร้อน
อุณหภูมิจากข้างในมากเกินกว่าที่ความเย็นจากร่างอีกฝ่ายที่รัดเขาอยู่จะทำให้ความร้อนนั้นลดน้อยลง บวกกับการขยับไม่มีแรงตกหรือยั้งเอาไว้ในช่องทางด้านล่างยิ่งโหมให้ไฟลุกโชน
แสงสว่างในความมืดมิดนั้นเป็นอย่างไร เขาเพิ่งเข้าใจมันก็ตอนนี้
ใกล้แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น
อีกนิด
"อื้ม มม.. มม อ..อึกก! อื้อ อ....อ !!"
แล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง
เขารู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยอยู่กลางอากาศ(ซึ่งเขาก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ)ขณะปลดปล่อยของเหลวอุ่นแสดงให้ถึงความต้องการที่ถูกเติมเต็ม มันถูกกลืนหายไปกับอีกฝ่ายที่ครอบกายเขาอยู่ ร่างกายกระตุกทำเอาเผลอกัดลิ้นยาว ส่งผลให้มันยืดดันเข้ามาลึกกระทุ้งในคอ โลมเลียอย่างหนักก่อนจะดึงกลับไป
เขารู้สึกดี
เรารู้สึกดี
เอ็ดดี้
ใบหน้าที่ลอยอยู่ตรงหน้านั้นเรียกชื่อของเขา
เหนื่อยล้า
เขารู้แค่ว่าตัวเอง ณ ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงจะขานรับหรือทำอะไรทั้งสิ้น
ไม่รู้เลยว่าเดินทางมาล้มตัวลงนอนบนเตียงได้อย่างไร
ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีเวน่อมอยู่ล่ะมั๊ง
ร่างกายเอ็ดดี้ สุดยอด
เขาฟังเสียงนั้นขณะกำลังอ้าปากหายใจหอบหนักพร้อมขดตัวอยู่บนที่นอน รู้สึกถึงสัมผัสจากอีกฝ่ายปล่อยให้เขาเป็นอิสระเหลือเพียงส่วนที่ไหลวนอยู่บนหน้าท้องโดยไม่อยากตอบกลับไปว่าความรู้สึกที่ได้รับก็เช่นกัน เพราะนอกจากความเหนื่อยจนขี้เกียจจะขยับปากเปล่งเสียงพูดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายคิดลงมือทำอะไรแผลง ๆ อีกหรือเปล่า
รู้นะ ว่าเอ็ดดี้รู้สึกดี
ลืมไปว่าเจ้านั่นอยู่ในความคิดของเขาตลอด
แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขาขอแค่ได้นอนพักสักตื่นก่อนจะลุกขึ้นมาทำงานต่อก็น่าจะพอไหว
คิดดังนั้นแล้วก็หลับตาลง
เอ็ดดี้
'อะไรอีก'
เราเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริงแล้วนะ
เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความหน่วงบนหน้าท้องได้หายไปโผล่บนมือจนเขาต้องยกขึ้นมามอง
สายซิมบิโอตสีดำผุดขึ้นจากหลังมือของเขา เลื้อยผ่านร่องนิ้วก่อนจะวนพันรอบนิ้ว สร้างตัวเป็นวงแหวนแนบสนิทบนนิ้วนาง
ข้างซ้าย
'ทำอะไรของแก'
ให้รู้ ว่าเป็นของเราไง ที่รัก
ได้ยินแล้วอยากจะพ่นคำอีกมากมายด่าทอ แต่ความรู้สึกของการที่มีใครมาจับจองแสดงความเป็นเจ้าของ
ใครที่ช่วยชีวิตเขา ผ่านช่วงเวลาลำบาก แม้ว่ามันจะสั้นแค่ไหนก็ตาม
ก็ไม่คิดจะปฏิเสธนะ
ช่างมันไปเถอะ
อีกอย่าง มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่เลย
นั่นแค่...
อะไรบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่ในหัวของเขา ก็แค่นั้น
'พอ ๆ ฉันจะนอน'
เขาบอกกับอีกหนึ่งชีวิตข้างในผ่านความคิดและทำตัวเองให้สงบเพราะรู้ดีว่าหากคิดอะไรฟุ้งซ่านไปก็เท่ากับเปิดโปงตัวเอง ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะยินยอมไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้วเงียบไป
เขาลดมือตัวเองลง
เข้าสู่ห้วงนิทรา
พร้อมกับแหวนสีดำสนิทบนนิ้วที่ยังอยู่แบบนั้นตลอดคืน
.
.
.
.
.
.
พักผ่อนเสีย... ที่รักของฉัน
--END--
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in