กว่าจะได้อัลบั้ม 23   มาครอบครอง แฟน ๆ ก็โดนค่ายเลื่อนวันปล่อยอัลบั้มเรื่อย ๆ แต่หัวอกคนเป็นแฟนเพลงอะเนอะ ไม่ว่าจะเลื่อนกี่ครั้งก็โกรธไม่ลงเพราะชินแล้ว ฮ่า ๆ แต่ก็เข้าใจนะเพราะทัวร์เยอะมากจริง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ แล้วต้องทำอัลบั้มไปด้วย ซึ่งช่วงปลายปีที่แล้วฮยอกโอก็ tease แฟนเพลงผ่านอินสตาแกรมของแต่ละคนเรื่อย ๆ ว่ากำลังอัดเพลงอัลบั้มใหม่กันอยู่ที่สตูดิโอให้ได้ใจชื้นว่า เอ้อ คราวนี้ไม่เลื่อนแน่นอน!
อันที่จริงว่าจะเขียนรีวิวอัลบั้ม 23   อย่างเดียว ไป ๆ มา ๆ แนะนำเพลงคร่าว ๆ จากอีพี 20  และ 22   ด้วยเลยแล้วกัน
ลีอินอู: กลอง (บนซ้าย)
โอฮยอก: ร้องนำ,กีต้าร์ (บนขวา)
อิมดงกอน: เบส (ล่างซ้าย)
อิมฮยอนแจ: กีต้าร์ (ล่างขวา)
  
เรารู้จักวงนี้เพราะมีคนแชร์เพลง Comes and Goes  ในเฟซบุ๊กแล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เราบังเอิญไปเห็นพอดี แล้วก็บังเอิญกดเข้าไปฟัง แต่ไม่ได้บังเอิญชอบแน่นอน อันนั้นตั้งใจ<3 
จากนั้นเราก็ไปไล่ฟังตั้งแต่อีพี 20   มีแต่เพลงเพราะ ๆ ทั้งนั้น อย่าง Ohio, Lonely, Wi Ing Wi In g, Feels Like Roller Coaster Ride  (ส่วนตัวเราชอบ I Have No Hometown  ด้วย) ต่อด้วยอีพี 22   ที่เรียกได้ว่าแจ้งเกิดสุด ๆ เราแนะนำเพลง Comes And Goes, Hooka, Gondry , Mer, Big Bird  และซิงเกิล Panda Bear   สองอีพีที่กล่าวไปข้างต้นเป็นแนวอินดี้ป๊อบฟังสบาย ๆ โยกตามได้เบา ๆ 
มาถึงไฮไลต์วันนี้กับอัลบั้มเต็ม 23   ที่หลายคนตั้งตาคอย คอนเซ็ปต์อัลบั้ม 23   คือ Youth (วัยหนุ่มสาว)  เพราะอีพีก่อน ๆ ไม่ค่อยได้พูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ อัลบั้มนี้เลยใส่มาแบบไม่ยั้งเพราะชีวิตวัยรุ่นนั้นแสนสั้น เป็นวัยที่อยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง ซึ่งฮยอกนักร้องนำบอกว่าอยากนำเสนอชีวิตวัยรุ่นในแง่ความบ้าบิ่นเพราะการลองผิดลองถูก (เราจับใจความมาจากในวีไลฟ์เมื่อวาน) 
เพลงที่ใส่ (*) คือเพลงที่เราชอบเป็นพิเศษ 
1. Burning Youth  
เพลงภาษาอังกฤษทั้งเพลง ดนตรีให้อารมณ์แบบหนังฝรั่งวัยรุ่นที่ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง เนื้อเพลงเกี่ยวกับไม่ว่าเราจะเหลวไหลขนาดไหนเราก็คงไม่ผิดขนาดนั้น และแน่นอนว่าเรา (คนแต่งเพลง) คงไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น ความรู้สึกโดดเดี่ยว ที่เหมือนทุกอย่างค่อย ๆ หายไป
2. Tokyo Inn (*) 
เพลงนี้สนุกทีเดียวเพราะเสียงฮัมฮู้ ฮู้ หู่ หู่ หู่ หู่ ฮู นี่แหละ อยากร้องท่อนนี้ในคอนเสิร์ต Hyukoh  จัง
3. Leather Jacket (*) 
ฮยอกบอกว่าเกี่ยวกับพ่อกับลูกชายไม่ถูกกัน และตามประสาเด็กผู้ชายก็จะชอบเล่นอะไรแผลง ๆ ตามเอ็มวีเลย เราชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม จังหวะดนตรีกึ่งร็อกเลยแหละ สนุกมาก แถมมีท่อนภาษาอังกฤษให้แฟนที่ไม่ใช่เกาหลีได้ร้องตามด้วย 
4. Tomboy (*) 
เอ็มวี Tomboy อนิเมะสวยมากและก็เศร้าในคราวเดียว เพลงกล่าวถึงวัยเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ ไม่ต้องรู้ความหมายฟังแค่เพลงอย่างเดียวก็รู้สึกอยากร้องไห้ได้ ส่วนตัวเราว่าฟังไปฟังมาคล้าย ๆ เพลง A Little Girl   ที่โอฮยอกไปร้องประกอบซีรีส์ Reply 1988  เหมือนกันแฮะ
VIDEO 
5. 2002WorldCup (*) 
เพลงนี้เป็นเพลงรักและน่ารักมาก ๆ ด้วย จังหวะสนุกชวนขยับแข้งขยับขามาก
When you die (I’ll be next to you) 
When you drown (and I’ll drown for you) 
When you’re sad (can I sing you blues) 
When you’re naked (I’ll be coming through) 
6. Jesus Lived In a Motel Room (*) 
เพลงนี้เบสเท่มาก เป็นเพลงภาษาอังกฤษ เนื้อเพลงเหมือนจะถ่อมตัวเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่ทำไมจากวิธีการร้องและการออกเสียงทำไมดูเย้ยหยันปานนี้
7. Wanli (*) 
เพลงภาษาจีนที่ดนตรีมันพ่ะย่ะค่ะมาก เซอร์มาก ตอนดูตัวอย่างที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้เรากรี๊ดแตกเพราะความเท่ของน้อง ๆ ตลกที่เพจ Hyukoh Th  บอกว่าเป็นเพลงปรัชญาสี่บรรทัด ตัวเอ็มวีภาพสวยมาก สมกับที่ไปถ่ายถึงมองโกเลีย
VIDEO 
คอนเซ็ปต์เพลงนี้น่าจะ "มาคนเดียว ไปคนเดียว" เราฟังเพลงนี้ตอนขึ้นบีทีเอสกลับบ้านแล้วเข้ามาก ท่ามกลางคนมากมาย ทุกคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ยุ่งอยู่กับตัวเอง ราวกับว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาเดียวที่ได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง
9. Reserved Seat 
verse แรกเสียงร้องกับกีต้าร์อย่างเหงา เพลงเกี่ยวกับการรำพึงรำพันถึงความเศร้า ซึ่งความเศร้ามีหลายสาเหตุ เศร้าเพราะสิ่งที่ไม่อาจแก้ไข เศร้าเพราะหมดกำลังใจ หรือเศร้าเพราะสิ่งที่เป็น
 
10. Simon 
เราชอบจังหวะกลองในเพลงนี้มาก ชิลมาก อารมณ์แบบ Sunday Morning  ของ Maroon 5 
11. Paul (*) 
เปียโนกับเสียงแหบ ๆ ของโอฮยอกเข้ากันเสมอ  เป็นเพลงอกหักที่กล้ำกลืนฝืนทนดี ประมาณว่าเราต้องเดินต่อไปแม้น้ำตาจะนองหน้าก็ตาม ท่อนโหยหวนบาดใจมาก
12. Surf Boy  
ดนตรีน่ารักมาก ออกไปทางป๊อบแบบอีพีแรก ๆ (ประมาณเพลง Panda Bear ) โยกตามได้สบาย ๆ 
Hope for the best 
Plan for the worst~ 
โดยรวมแล้วเราชอบอัลบั้มนี้ที่แสดงให้เห็นว่า Hyukoh  ได้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เพลงโตขึ้น ซับซ้อนขึ้น มีประเด็นที่ต้องการสื่อชัดเจนทำให้เพลงทั้งหมดสอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกัน อีกทั้งยังครบเครื่องทั้งเศร้า เหงา ซึ้ง หัวเราะ และร้องไห้ (ส่วนตัวเราฟังตอนพิมพ์งานไอเดียไหลลื่นมาก) ฝากวงเล็ก ๆ วงนี้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ 
ถ้าอยากได้เนื้อเพลงแปลเป็นภาษาอังกฤษ 
จิ้ม  เลยจ้า และหากพบเราแปลหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงผิดตรงไหนทักท้วงได้เลยนะ ไว้เจอกันอัลบั้มหน้าจ้ะ ^_^ 
 
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in