Sakurai Sho/Matsumoto Jun
ภาพของช่างภาพเดินถือกล้องตัวใหญ่ตามบัณฑิตเหมือนเงาตามตัวเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในวันซ้อมรับปริญญาและวันพิธีการ
ไม่เว้นแม้แต่ซากุไร โชที่ปกติจะรับหน้าที่ตากล้องให้กับคนอื่นเสียส่วนใหญ่ วันนี้ก็มี ‘เงา’ แบกกล้องตามต้อยๆกับเขาเหมือนกัน
แถมยังมีถึงสองเงา...ผลัดกันสั่งให้เขาหยุดโพสต์ท่าถ่ายรูปแทบทุกสองก้าวก็ว่าได้
“เฮ้ย! พี่อยู่นิ่งๆก่อนนั่นแหละๆ แสงสวยมากเลย” ไอบะ มาซากิ ช่างภาพหมายเลขหนึ่งยกมือประกอบคำสั่งซึ่งบัณฑิตป้ายแดงจากคณะเศรษฐศาสตร์ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“เสร็จจากกล้องไอบะคุงก็หันมาทางนี้เลยพี่แค่เหลือบๆมานะ ไม่ต้องยิ้มมาก ยกมุมปากพอ นั่นแหละ...เชี่ย พี่ใครวะโคตรหล่อเลย” อิคุตะ โทมะ ช่างภาพหมายเลขสองรับช่วงต่อพร้อมชมเปาะเสร็จสรรพขณะคนเป็นรุ่นพี่ส่ายหน้าขบขันปนระอา ยกน้ำขึ้นจิบดับร้อน
“ไม่ต้องขยันมากก็ได้ยังไงค่าจ้างก็ยังเป็นเลี้ยงเนื้อย่างสี่มื้อเท่าเดิม” หยอกรุ่นน้องปีสองและปีสี่ร่วมคณะยิ้มๆหัวเราะเมื่อช่างภาพจำเป็นทั้งสองเงยหน้าจากเช็ครูปในกล้องขึ้นยิงฟันให้อย่างพร้อมเพรียงกัน
“ค่าจ้างก็ส่วนค่าจ้างน่ะพี่แต่คนเรารับปริญญาป.ตรีแบบได้ความรู้สึกเฟรชๆมันก็แค่ครั้งเดียวในชีวิตและก็ได้เป็นตากล้องของบัณฑิตที่เป็นถึงประธานสโมฯแล้ว ต่อให้พี่แค่เดินกินน้ำเราก็จะถ่าย” โทมะว่าพลางยกกล้องขึ้นถ่ายบัณฑิตกินน้ำตามคำบอกโดยมีมาซากิยิ้มกว้างพยักหน้าเห็นพ้อง
“บ้าพลังกันจริงๆนะ กระเป๋าที่ฝากไว้หยิบตังค์ในนั้นไปซื้ออะไรกินได้ตามสบายนะ”
ได้ยินเสียงเฮจากรุ่นน้องตามคาดแต่เขารู้ดีว่าสองคนนี้คงไม่หยิบไปมากเท่าไหร่
ขนาดค่าจ้างยังมักน้อยเอาแค่กินเนื้อย่างเลยทั้งที่ฝีมือควรจะเรียกราคามากกว่านั้นอีกเท่าตัวก็ย่อมได้
โชเดินไปเรื่อยๆตามถนนในมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยบัณฑิตเพิ่งออกจากหอประชุมหลังเสร็จพิธีช่วงเช้าแวะถ่ายรูปกับคนนั้นคนนี้ไปตลอดทางประสาเด็กกิจกรรมที่มีคนรู้จักเกือบทั้งมหาวิทยาลัย
ยิ้ม ทักทาย รับของขวัญแสดงความยินดีถ่ายภาพยิ้มอีกทีและกล่าวขอบคุณที่มาร่วมแสดงความยินดี...เป็นขั้นตอนที่ทำวนไม่รู้กี่รอบแต่เขาไม่เบื่อสักนิด
อย่างเจ้าอิคุตะมันว่า...คนเราจะรับปริญญาแบบรู้สึกเต็มเปี่ยมจริงๆก็มีแค่ครั้งเดียวในชีวิต
ผ่านไปพักใหญ่ มองดูสภาพของช่างกล้องสองคนที่เหงื่อท่วมตัวแล้วโชก็ต้องออกปากไล่ให้ไปซื้อน้ำเย็นๆดื่มแล้วนั่งพักสักหน่อย พร้อมหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ม้าหินฐานทัพวางสัมภาระเป็นตัวอย่างนั่นแหละ เด็กบ้าพลังสองคนถึงยอมแยกไป
ทว่านั่งพักได้ไม่นานก็ต้องลุกขึ้นมาอีกรอบเมื่อเห็นเพื่อนต่างคณะที่สนิทกันจากทำงานในสโมสรนักศึกษาด้วยกันเดินตรงมาหา
“ไงมึง!” เพื่อนร่างเล็กผิวเข้มโผเข้าสวมกอดจนเขาเซไปด้านหลัง
“นึกว่าจะไม่เจอกันแล้วนะโอโนะคุง” โชกอดตอบ ตบแผ่นหลังชื้นเหงื่อใต้ชุดครุยเบาๆทักทายได้ยินเสียงลั่นชัตเตอร์ก็หันมองเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งในเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า สองมือประคองกล้องที่คงจะเป็น ‘เงา’ ประจำตัวของเพื่อนในงานนี้
“ขอโทษครับพอดีผมเห็นพวกพี่กอดกันแล้วแสงสวยพอดีเลยถ่ายเก็บไว้” เสียงอธิบายฟังลนๆน่าเอ็นดูขณะเจ้าตัวลดกล้องลงไว้ระดับอก เผยดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสโดดเด่นบนใบหน้าขาวราวกับตุ๊กตาอันเคยคุ้นทำให้บัณฑิตคณะเศรษฐศาสตร์ชะงักไปครู่หนึ่ง
แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอจะทำให้บัณฑิตจากคณะศิลปกรรมศาสตร์อ่านสถานการณ์ได้ขาดโอโนะ กระแอมเบาๆ ยกยิ้มกรุ้มกริ่มพลางหันไปทางช่างภาพประจำตัว
“โชคุงไม่ได้จะว่าอะไรหรอกเห็นดูดุๆแบบนี้แต่ใจดีนะ ทำงานสโมฯด้วยกันก็รู้นี่ จุนจังอย่าคิดมากเลย” อธิบายให้น้องฟังก็ปรายตาไปทางเพื่อนข้างตัวที่ยังคงจ้องเด็กนิเทศฯปีสามไม่วางตาพลันสมองคิดอะไรบางอย่างออก
“จุนจังอยู่กับโชคุงแปบนึงนะฉันจะไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย อั้นมาตั้งแต่อยู่ในหอประชุมแล้ว ใกล้ราดเต็มที” กล่าวจบคำกลัวไม่สมจริงก็กุมเป้าวิ่งตื๋อไปทางห้องน้ำ ไม่ลืมจะลอบขยิบตาให้อดีตประธานสโมสรนักศึกษา
แน่นอนว่าโชเข้าใจในทันที มุมปากยกขึ้นน้อยๆแทนคำขอบคุณ
บัณฑิตหนุ่มผินหน้ามาทางช่างภาพจำเป็นที่ยืนพลิกกล้องในมืออย่างประหม่ากระตุกยิ้มบางเมื่อเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
“พูดอะไรบ้างเถอะ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่กัดหรอก”
“ผมไม่อยากทำให้ซากุไรซังรำคาญ” คนอายุน้อยกว่าเงยหน้าขึ้นตอบเสียงเบา ดวงตากลมโตสีสวยคล้ายพยายามเคลื่อนขึ้นสบตากับเขาแต่สุดท้ายก็หลุบลงมองมือตัวเองอยู่ดี
ตอนที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันในสโมสรนักศึกษา....เขาจำได้ว่ามัตสึโมโตะจุน เป็นเด็กหนุ่มที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม จริงจังและมีความเป็นผู้นำสูงจนทำให้รุ่นพี่เกือบทุกคนในสโมสรเกรงใจแม้ขณะนั้นอีกฝ่ายจะเป็นแค่นักศึกษาชั้นปีที่สองก็ตาม
แทบจะเป็นคนละคนกับเด็กหนุ่มท่าทางขี้อายเพียรก้มหน้างุดมองพื้นอยู่ตรงหน้าเขาแก้มขาวระบายสีเรื่ออย่างน่ามอง
น่าเอ็นดูเหลือเกิน
“ถ่ายรูปหน่อยสิ” โชเอ่ยขึ้นดื้อๆเรียกดวงตาคู่ล้อมด้วยขนตางอนยาวกะพริบปริบอย่างสนเท่ห์แต่ก็กระชับกล้องในมือเตรียมพร้อม
“ได้ครับ”
“ไม่...” รุ่นพี่คนดังส่ายหน้ายิ้มๆหยิบกล้องของตนเองที่วางรวมอยู่กับข้าวของอื่นๆบนโต๊ะม้าหินขึ้นมาจากกระเป๋า “ฉันหมายถึงฉันจะถ่ายรูปนาย ไปยืนตรงเสาหน่อยสิ”
“แต่...วันนี้มันวันรับปริญญาของซากุไรซัง” เสียงนาสิกสะดุดหูตั้งแต่วันแรกที่พบกันในห้องประชุมสโมสรนักศึกษาเมื่อราวหนึ่งปีก่อน ค้านเสียงแผ่ว ขณะเจ้าของชื่อคลี่ยิ้มบาง
“ไม่มีกฎที่ไหนห้ามบัณฑิตถ่ายรูปช่างภาพในวันรับปริญญาของตัวเองนี่”
จุนเหมือนจะจนคำพูด ร่างสูงโปร่งถอยไปยืนพิงเสา มือยังถือกล้องประจำตัวเอาไว้
โชยกกล้องขึ้นแนบดวงตากับช่องมองภาพ ได้ยินเสียงของตนสั่งออกไป
“ยิ้มนะ หนึ่ง...สอง....สาม”
รอยยิ้มสดใสผ่านเลนส์เข้ามาตกกระทบกลางใจ เขาขอถ่ายรูปจุนอีกสองสามรูป แต่เหมือนรูปแรกจะเป็นรูปที่ถูกใจที่สุด
โชจ้องมองภาพนี้มาตั้งแต่นั่งรถกลับบ้านตอนเปิดดูภาพถ่ายในแล็บท็อป รู้สึกละสายตาจากรอยยิ้มของรุ่นน้องไม่ได้เสียที
เป็นเอามากแล้วซากุไรโช...ส่ายหน้าระอาตนเอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปกล้องตัวโตตั้งบนโต๊ะทำงานมีแล็บท็อปตั้งเป็นฉากหลัง
จะรู้ตัวว่าอะไรอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนถ่ายรูปก็หลังจากอัพโหลดลงโซเชียลเน็ตเวิร์กไปแล้ว…
Sho Sakurai : กล้องที่แบกไปวันนี้แต่ก็เป็นหม้าย
…ตามด้วยแจ้งเตือนคนกดไลก์และคอมเมนท์เด้งวินาทีต่อวินาที
Mazaki ei ei : ไม่ได้มองรูปกล้องเลยครับมองรูปตรงแบ็กกราวด์มากกว่า ใครหรอค้าบบบ คุ้นๆน้ออ อิ_อิ
IKu Toma ma: ไล่ผมกับไอบะคุงไปซื้อน้ำเพราะงี้สินะ!!!
Kazzz Nino : สวยจังเลยครับสวยเหมือนคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมแล้วนั่งม้วนเป็นซูชิตอนนี้เลย คึ_คึ
Ohno no Fish : แหม่....
Shun Oguri : ชอบเพื่อนผมหรอครับพี่ชอบก็จีบ อ่ะชอบก็จีบเลยเซ่~ ชูวับ ปั๊บๆ
ครั้นเลื่อนถึงความคิดเห็นของรุ่นน้องนามโอกุริ ชุน รอยยิ้มบางก็แต้มบนใบหน้า ปลายนิ้วจรดบนหน้าจอสัมผัสอย่างตั้งใจทุกตัวอักษร
Sho Sakurai : Shun Oguri ก็กำลังจะจีบอยู่นี่ไง
รอบข้างก็เป็นใจกันซะเหลือเกิน5555
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ