เกลียดอย่างใดมักได้อย่างนั้น...ผมได้ยินสำนวนนี้มาตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน
แล้วมันคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมายังสถานที่อโคจรแบบนี้บ่อยๆทั้งเกลียดเข้าไส้
ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมถึงชังมันนัก...ผมตอบได้แต่เพียงว่า ‘คลื่นไส้’
สถานที่ที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเรือนร่างลอยฟุ้งจนน่าสะอิดสะเอียน ทุกคนย่างเข้ามาเพื่อเสพสุขทางกาย
ซึ่งผมเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไร
ว่าผมหัวโบราณก็ได้ แต่เซ็กส์สำหรับผมแล้ว...มันเป็นลำดับของความสัมพันธ์ที่ต้องผ่านการทำความรู้จักค่อยๆจับมือใสๆ จูบพอเขินแก้ม ไต่บันไดขึ้นไปเรื่อยๆจนเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันบนสวรรค์ชั้นเจ็ด
คุณคิดอย่างไรผมไม่รู้...สำหรับตัวผมแล้ว มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครก็ไม่รู้มารุกล้ำช่องทางหลัง
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ผมนั่งอยู่ตรงบาร์ จิบเตกีล่า มองกลุ่มเพื่อนเต้นกระจายอยู่บนฟลอร์ ไม่สนใจจะเข้าไปร่วมวง
“ไม่ไปเต้นหน่อยหรอครับ” บาร์เทนเดอร์ตรงเคาน์เตอร์ถาม ผมหันไปมองเขาแล้วยกยิ้มบาง
“อยากให้ไปก็บอกได้นะ วันนี้ใส่เสื้อเชิ้ต เมาก็เปลื้องปล่อยบินได้เลย” กล่าวติดตลก เลิกคิ้วเมื่อเห็นอีกคนจ้องหน้านิ่ง ก่อนมือใหญ่อุ่นที่ว่างจากจับมิกเซอร์จะกุมมือผมไว้เบาๆ โน้มลงมากระซิบ
“ไปสิ...แต่อย่าหาว่าไม่เตือนนะ” เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ ริมฝีปากนุ่มหยุ่นกดจูบหนักบนแก้มผมอย่างเอาแต่ใจ ผมหัวเราะคิกคัก นานครั้งผู้ชายคนนี้จะเผยด้านหายากสักที
ผมผละออกมาเท้าคาง มองเขาด้วยดวงตากลมโตที่รู้ว่าเขาคลั่งมันเสียยิ่งกว่าอะไร
“คิดว่าไปหรอ นายคิดว่าที่ฉันมาเข้าผับทั้งที่เกลียดโคตรเป็นเพราะอะไรหืม...” ลากเสียงยาวในช่วงท้ายพร้อมแย้มยิ้มฉอเลาะ ยู่หน้าเมื่อมือนั้นส่งข้ามเคาน์เตอร์มาจับจมูกผมบิดไปมา ก่อนเราจะสบตากันหัวเราะเสียงใสเหมือนเด็กมัธยมหยอกล้อกัน
ท่ามกลางกลิ่นความปรารถนาฉาบฉวยชวนละอิดสะเอียนที่ผมเกลียดชัง
มีกลิ่นหอมหวานของคนที่ผมรักอยู่ในนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in