Harry Styles/Louis Tomlinson
0.
ราวสิบห้านาทีก่อน...ลูอิสนั่งพิงหัวเตียงอยู่ในห้องของตนเอง ตรงหน้าเป็นสมุดจดเปิดค้างไว้ที่หน้าว่างพร้อมดินสอกดวางทับ
แล้วขณะนี้...เขาลงจากรถจักรยานยนต์ของรุ่นน้องร่วมคณะที่บังเอิญเจอระหว่างลงลิฟท์มาชั้นล่างพอดีทัศนวิสัยเบื้องหน้าเปลี่ยนไป จากเพดานห้องกลายเป็นตึกทาสีครีมผ่านม่านฝนที่คุ้นตาดี
หอพักที่เด็กปีหนึ่งนามแฮร์รี่ สไตลส์อยู่
เม้มปากแน่น ไม่เข้าใจว่าทำไมจิตใต้สำนึกถึงพาตนมาในที่แบบนี้เมื่อคิดหัวข้อรายงานวิชาเอกไม่ออก
แต่ก่อน...ถ้าเป็นแบบนี้ ลูอิสจะนั่งเงียบๆ หยิบกีตาร์ขึ้นมาเกาไม่ก็นอนนิ่งๆ คิดเรื่อยเปื่อย
หากคิดอีกทีไม่แปลกใจ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนั้นตั้งแต่คนตัวโตก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา
ถอนหายใจพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคนข้างบน ไม่นานร่างสูงใหญ่ที่ดูเหมือนจะหนาด้วยกล้ามเนื้อขึ้นทุกวันในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นยื่นมือมารับร่มคันเล็กในมือของเขาไป สบดวงตาคมใหญ่สีเขียวจัดมองมาคล้ายถามอยู่ในที แล้วส่ายหน้า...ไม่เข้าใจตนเอง
“อย่าถามผมเลย...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ผมแค่คิดรายงานไม่ออก” ตอบไปตามจริง คิ้วขมวดมุ่น
คิดไม่ออกแล้วมาหาแฮร์รี่...นี่เขาเป็นบ้าอะไร
เดินเข้ามาในห้องเดิม ขัดสมาธิหน้าโต๊ะญี่ปุ่น มองเจ้าของห้องที่หยิบเอกสารบนเตียงมาวางและนั่งลงข้างกัน ก้มอ่านและขีดเน้นจุดสำคัญเงียบๆ แต่ไม่ให้ความรู้สึกห่างเหินอย่างควรจะเป็น
อาจเพราะมือหนาอุ่นเอื้อมมากุมมือของเขาไว้หลวมๆ
ลูอิสนั่งนิ่ง เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เรื่อยเปื่อย ฟุบหน้ากับวงแขนเมื่อเริ่มเบื่อและสมองยังว่างเปล่า ผล็อยหลับไปทั้งยังอยู่ในท่านั่ง
ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม แต่เขาไม่รู้สึกเสียเวลาแม้แต่น้อย
รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าวันใหม่บนเตียงในห้องเดิม พร้อมกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรียนช่วงเช้า ให้ตาลีตาเหลือกขอยืมเสื้อผ้าของแฮร์รี่แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองอย่างเร่งด่วน
อยากโทษที่ไม่ยอมปลุกตั้งแต่เมื่อคืน แต่เห็นเด็กปีหนึ่งตัวโตในเสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์หาวหวอดๆขี่รถจักรยานยนต์มาส่งถึงหน้าคณะแล้วทำไม่ลง
เข้าไปในห้องเรียนอย่างเฉียดฉิว ผ่านโต๊ะอื่นๆไปนั่งที่ประจำของตน แปลกใจเล็กน้อยกับสายตาหลายคู่ที่มองมา บ้างซุบซิบกับเพื่อนข้างๆ บ้างหัวเราะแต่ลูอิสก็ทำไม่สนใจ
เพราะดูจากสายตาเป็นประกายระริกของเลียมแล้ว เขามั่นใจว่าได้คำตอบแน่นอน
“เขามองไรกันวะ” ก้มมองเสื้อที่ดูใหญ่อย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาอยู่บนตัวเขาและกางเกงขายาวที่พับขาขึ้นมาหลายทบแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร
เลียมกระตุกยิ้มหึ “มันอยู่ข้างหลังเว้ยมึง เดี๋ยวกูถ่ายรูปให้ดูแหม่...เดี๋ยวนี้ประกาศตัวออกสื่อหรอ”
คนพูดดูสนุกสนาน ขณะคนฟังขมวดคิ้ว รับโทรศัพท์มือถือมาดู
เสื้อที่เขาใส่อยู่เป็นเสื้อยืดแบบเสื้อเบสบอล ข้างหน้าเป็นตราที่น่าจะเป็นของโรงเรียนเก่าของแฮร์รี่ ด้วยความเร่งรีบจึงไม่ได้สังเกตด้านหลัง
ที่มันสกรีนคำว่า Styles ตัวหนาใหญ่ไว้ พร้อมเลข 01
ส่งโทรศัพท์คืนเพื่อนสนิทไปด้วยใบหน้าที่พยายามปั้นให้นิ่งเฉย แต่ความร้อนที่ผิวแก้มทั้งสองก็ฟ้องว่าความพยายามของลูอิสล้มเหลว
จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไม่รู้....แต่เราต้องคุยกัน
คุณ 094!
1.
วันนี้แฮร์รี่มีเรียนสองวิชาตอนบ่ายและเย็น เขาจึงมีเวลาพักผ่อนอย่างเหลือเฟือหลังกรำทบทวนบทเรียนเพื่อควิซสำหรับวิชาตอนเย็นถึงตี่สี่
ซึ่งมันคงไม่กินเวลานอนขนาดนั้นหากเขาตั้งใจเรียนในห้อง ไม่ใช่เข้าไปแอบหลับตรงแถวหลังสุดทุกครั้งแบบนั้น
ซ้ำวิชานี้คือประวัติศาสตร์ดนตรีในยุโรป รายละเอียดมากมายต้องจดจำทำเอาแทบกระอักเลือด
แต่ยังดีที่มีพี่ว้ากตัวเล็กที่จู่ๆก็โทรศัพท์บอกให้ไปรับหน้าหอพักมาเป็นกำลังใจให้สามารถอ่านจนจบ
หากก็ต้องปรือตางัวเงียเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ตั้งปลุกของลูอิสดังขึ้น พร้อมคนที่เขาอุ้มให้มานอนบนเตียงทะลึ่งตัวขึ้นอย่างร้อนรนครั้นถามก็ได้ความว่าวันนี้มีวิชาหนึ่งสอนชดเชยช่วงเช้า อีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาเข้าเรียน
มองอีกฝ่ายที่ไม่มีอะไรติดตัวมานอกจากโทรศัพท์มือถือ สมุดจดและปากกาด้ามหนึ่งก่อนจะพยักหน้า ลุกขึ้นไปเปิดตู้หาเสื้อผ้าให้หยิบยืมชั่วคราว คว้าเสื้อตัวกางเกงตัวขึ้นมาส่งๆและยื่นให้ร่างเล็กรับไปผลุบเข้าห้องน้ำอย่างรีบร้อน
จากนั้นคว้ากุญแจ ขณะลงไปยังลานจอดรถก็พยายามสะบัดศีรษะใส่ความมึน จัดการส่งรุ่นพี่หน้าคณะเรียบร้อยก็กลับมานอนต่อกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังตามเวลาที่ตั้งไว้
ชั้นเรียนช่วงเย็นเลิกช้าตามเคย กว่าจะได้ออกมาจากห้องเรียนก็เกือบหนึ่งทุ่ม ดวงตาคมเหนื่อยหน่ายเปลี่ยนเป็นสงสัยคิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆเมื่อเห็นคนคุ้นเคยนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนม้านั่งยาวใต้ถุนตึกคณะ
จะคิดว่ามานั่งรอเขาก็ดูเข้าข้างตัวเองเกินไป...แต่ดูจากร่างเล็กนั่งอยู่ลำพังแบบนี้มันอดคิดไม่ได้จริงๆ
ร่างสูงในชุดนักศึกษาเรียบร้อยเดินเข้าไปใกล้ ทำเฉยต่อสายตาล้อเลียนของบรรดาเพื่อนร่วมชั้นเรียน
“ทำไมพี่ยังไม่กลับหอครับ ผมจำได้ว่าวันนี้เลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสาม”
ดวงตาสีฟ้าอมเทาของคนที่ก้มจดจ่อกับโทรศัพท์ในมือช้อนขึ้นมอง แววขุ่นเขียวรับกับน้ำเสียงที่ตอบมาทำเอาคนฟังเลิกคิ้วฉงน
“ผมมารอคุณนั่นแหละ”
คำตอบยืนยันชวนน่าดีใจ แต่ดูสีหน้าบึ้งตึงริมฝีปากบางเชิดขึ้นน้อยๆนั่นแล้ว
ไม่พ้นคงมาดักรอชำระความบางอย่าง
แต่...เขาจำได้ว่าไม่ได้ทำอะไรที่มันไม่ควรถึงจะเป็นเมื่อเช้าที่ง่วงงุน แต่ก็ยังมีสติจดจำได้ครบ
“รอผม...”เสียงทุ้มออกแหบต่ำทวนคำ “มีอะไรหรอครับ”
ลูอิสไม่ตอบ ทำเพียงจ้องเขม็ง ก่อนจะหันหลัง...ให้เห็นด้านหลังเสื้อที่สวมอยู่
พิมพ์คำว่า Styles ตัวหนาใหญ่เด่นเห็นชัดแต่ไกล พร้อมเลข 01
มันเป็นเสื้อที่แฮร์รี่ได้มาจากงานกีฬาสีตอนเกรดสิบเอ็ด หลังจากนั้นก็เก็บไว้ใส่เป็นชุดไปรเวท แต่ก็ซุกไว้ก้นตู้จนลืมกระทั่งจัดตู้ใหม่ตามคำสั่งมารดาครั้งกลับบ้านช่วงปิดเทอมจึงนำติดมาด้วย เพิ่งนำออกมาซักใหม่เมื่อสองวันก่อนทำให้มันพับเก็บอยู่บนสุด
ลูอิสไม่ค่อยชอบถูกประกาศความเป็นเจ้าของเท่าไหร่ ให้พอเห็นลายด้านหลังนั้น เด็กปีหนึ่งตัวโตไม่แปลกใจนักที่อีกพี่ว้ากตัวเล็กจะเก็บมาโมโห
หากดูท่าทางฟึดฟัดน่าเอ็นดูแล้ว เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะแหย่
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ”
“มันเป็นชื่อของคุณนะแฮซซ่า! ผมใส่เดินไปมาโคตรอายเลย” ลูอิสแหว ใบหน้าหวานแดงก่ำที่ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออาย
แต่แฮร์รี่คิดว่าน่าจะทั้งสองอย่างผสมกัน โดยหนักไปทางข้อหลังมากกว่า
น่ารักมากไปแล้วนะครับบูแบร์...มุมปากหยักคลี่ยิ้มบาง
ยิ่งเรียกชื่อที่ขานตามแม่และพี่สาวของเขาด้วยแล้ว
“งั้นวันหลังก็เอาเสื้อมีชื่อมาให้ผมใส่สิบูแบร์ จะได้เสมอกันไงครับ แต่ผมคงใส่ไม่ได้” ทอดดวงตาแววอ่อนโยนระคนหยอกล้อลงมองคนตัวเล็กกว่าที่หน้าบึ้งกว่าเดิม
“ผมไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้นซะหน่อย”
ตัวสูงเลยหัวไหล่ของเขาขึ้นมาแค่นิดเดียว ไหล่เล็กแคบ น้ำหนักยกขึ้นอุ้มได้สบาย
ไม่ต้องพูดถึงขนาดเสื้อใส่ได้พอดีตัว...ที่ถ้าเขาใส่คงฟิตเน้นไปทุกสัดส่วน
สภาพคงดูไม่จืด
คิดในใจขันๆปนเอ็นดูแต่ไม่อยากจะให้ลูอิสอารมณ์บูดไปมากกว่านี้ จึงพยักหน้ายิ้มๆคล้อยตาม มองรอบบริเวณใต้ถุนตึกที่ขณะนี้มีแค่พวกเขาอยู่ตามลำพังแล้วลดมือลงจับมือเล็กไว้หลวมๆ สะกิดเบาๆให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“ทานอะไรหรือยังครับ”
คนเป็นรุ่นพี่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แล้วอยากทานอะไรครับ”
“ผมอยากกินแมค”
แฮร์รี่ขมวดคิ้ว “กินแมคอีกแล้วนะครับ มันไม่มีประโยชน์เลยนะ ผมว่าไปร้านตรงข้ามหอพี่ดีกว่า”
“แต่ผมอยากกิน”
ถ้อยฟังดูเอาแต่ใจ ปากบางเชิดขึ้นดื้อดึง หากแววตามองมาคล้ายออดอ้อนอยู่ในที
อีกแล้ว...ไม่เคยเอาชนะได้เสียที
เอ่ยอย่างจนใจ “ก็ได้ครับ”
ปล.เนียนส่งงานเก่าเจ้าค่ะ---
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in