Harry Styles/Louis Tomlinson
ลูอิส ทอมลินสัน เรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยม เข้าทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นเวลาหลายปีจนอายุเข้าใกล้เลขสาม
เพื่อสุดท้ายจะพบว่า...เขาไม่อยากเป็นสถาปนิกหรือนักออกแบบใดๆ
แล้วจะไปทำอะไรกิน(วะ)
ระหว่างกำลังสูบบุหรี่ถอนหายใจเฮือกๆอยู่กับกองโมเดลและกระดาษมากมายสุมทั่วห้องพัก ก็ได้รับข้อความจากรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยที่ส่งมาปรับทุกข์ยาวเหยียดอีกตามเคย
‘พี่! เลขาไอ้คุณสไตลส์ลาออกอีกแล้วอ่ะ รายที่ห้าในเดือนนี้แล้ว ฝ่ายบุคคลปวดหัวไม่รู้จะปวดยังไงแล้ว’
เรื่องเดิม...เรื่องเลขาฯส่วนตัวของเจ้าของบริษัทที่มันทำงานอยู่ลาออก ร้อนถึงบรรดาสถาปนิกในบริษัทต้องคอยสับเปลี่ยนกันรับหน้าที่เลขานุการจำเป็นไปติดตามเวลาประชุม
คงไม่มีใครรู้สึกเหมือนเข้าแดนประหารหาก ‘คุณสไตลส์’ ที่ว่าหรือชื่อเต็มคือ แฮร์รี่ สไตลส์ จะทำงานด้วยง่าย ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ดีกรีศิลปินในเลือดสูงจนพูดจาสนทนากับใครไม่รู้เรื่องเช่นนี้ ความคิดหรือก็แหวกแนว ชอบคิดทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องแต่ก็มีลูกค้าหลายคนถูกใจงาน ผลงานแหวกแนวสร้างสรรค์เข้าตากรรมการ จึงประสบความสำเร็จเป็นสถาปนิกแถวหน้า ได้รับรางวัลหลายเวทีตั้งแต่อายุยังน้อย
เพราะความเบื่อชีวิตหรืออะไรไม่ทราบ...ทำให้ลูอิสพิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า
‘เขามายด์เรื่องสาขาที่จบหรือว่าประสบการณ์เลขามะ ถ้าไม่มายด์...เดี๋ยวกูเป็นเลขาให้แม่งเอง’
ฝ่ายรุ่นน้องรัวตัวอักษรแสดงความประหลาดใจสุดขีดมาตามความคาดหมายเขาจึงสำทับ
‘กูพูดจริง จะให้กูส่งเรซูเม่ที่ไหน’
คู่สนทนาเงียบไปพักใหญ่ก่อนกลับมาพร้อมอีเมล์แอดเดรสอันหนึ่ง ลูอิสใช้เวลาไม่นานในการเขียนเรซูเม่ของตนและส่งไป
หลังสะสางโปรเจคสุดท้ายแล้วเสร็จเขาก็ลาออกจากบริษัทมาเริ่มบทบาทเลขานุการส่วนตัวของแฮร์รี่- สไตลส์
เพื่อจะพบว่า...เขารู้สึกเข้าใจอย่างถ่องแท้
เพราะมึงเป็นคนแบบนี้ไง! อินดี้ไม่สนหินสนแดดอะไรทั้งนั้น ลองทำ คิด หรือพูดอะไรแบบคนทั่วไปทำกันไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เวลาประชุมสำคัญต่ออนาคตของบริษัทก็พูดจาไม่รู้เรื่อง ศัพท์แสงที่ใช้ วิธีเรียงประโยคแปลกประหลาดไม่เคยพบเห็นในตำราไหน
ใครทนได้ก็แปลกแล้ว!
และเขาก็คงเป็นคนแปลก...เพราะเขาทำงานกับสถาปนิกใหญ่ผู้นี้มาได้กว่าสองเดือนแล้ว
‘มึงอยู่ได้ยังไงวะ’ เพื่อนคนหนึ่งถามตอนไปกินเกล้าด้วยกัน
‘พี่แม่ง...อึดว่ะ’ รุ่นน้องร่วมบริษัทชมอย่างทึ่งขณะสังสรรค์ในร้านบรรยากาศดีตอนวันศุกร์ต้นเดือน
‘มึงเป็นคนเหล็กใช่ไหมตอบกูมา’ รุ่นพี่ร่วมสถาบันจ้องหน้าเขาเขม็ง
ซึ่งลูอิสทำเพียงคลี่ยิ้มตอบสั้นๆจากหัวใจ
‘ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ’ ก่อนส่ายหน้าช้าๆประกอบอารามจนใจเมื่อได้รับกริยาตอบรับเป็นสายตาไม่เชื่อถือจากทุกทิศทางพุ่งมายังตนแล้วยอมรับเสียงขื่น
‘บางที...กูก็อาจจะเป็นคนไม่ปกติแต่กูไม่รู้ตัวเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ไงมึง ที่แม่งได้พลังทายาทสลิธีรินมา’
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะเรียกคนกำลังปล่อยใจล่องลอยในอดีตกลับมายกหูขึ้นรับด้วยสำเนียงเป็นทางการเยี่ยงเลขาฯหน้าห้องมืออาชีพ สนทนาพร้อมกับเปิดสมุดบันทึกประจำตัวตรวจตารางงานไปด้วย ตกลงกันได้ก็จดเพิ่มลงไป เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
โชคดีของเขาที่เจ้านายไม่ใช่คนเจ้าสำราญจึงไร้ปัญหาคอยสับรางอย่างที่เคยกังวล
หรือพูดให้ถูก...เจ้านายของเขาเป็นตัวของตัวเองสูงจนไม่มีหญิงสาวคนไหนเข้าถึงมากกว่า
จบจากรับโทรศัพท์ติดต่องานลูอิสก็เข้าท่องอินเทอร์เน็ตจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นให้เจ้านายผู้น่ารักเพราะพี่แกบอกว่าอยากไปหาแรงบันดาลใจออกแบบตึกโครงการใหม่ที่ปราสาทมัตสึโมโตะ
‘สีดำของปราสาทอันงดงามเหมือนขนของอีกาจะดูดแสงรบกวนออกไปทำให้ผมมีสมาธิและเกิดไอเดีย’
เจ้านายว่ามาอย่างนั้นด้วยแววตามุ่งมั่น...เลขานุการดีเด่นอย่างเขาก็ขัดศรัทธาไม่ลง
“คุณทอมลินสัน”
ระหว่างกำลังกรอกรายละเอียดการจองก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากประตูห้องทำงาน ลูอิสผินหน้ามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเดียวกับน้ำเสียง
“ครับคุณสไตลส์”
ชายหนุ่มที่เปิดประตูออกมาจากห้องทำงานมีรูปร่างสูงยาวเข่าดีเหมือนนายแบบ มีกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำซึ่งคงดูดีกว่านี้หากเจ้าตัวไม่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีเข้มยับยู่กับกางเกงยีนส์ขาดเข่า รองเท้าหนังสีรุ้ง ผมตัดสั้นที่เรียบร้อยเวลาหวีจัดทรงดีๆ แต่ตอนนี้ปล่อยยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ใบหน้าหล่อเหลาชวนนึกถึงพวกขุนนางในรูปภาพประดับตามปราสาทโบราณ หากเจ้าของทำให้มันเสียของด้วยหนวดเคราหรอมแหรม
รวมแล้ว...ลูอิสคิดว่าก็เข้ากับผลงานคอนเซ็ปต์พิสดารจากสมองผู้ชายคนนี้ดี
“กดตั๋วเครื่องบินเพิ่มอีกที่นะ”
“ชื่ออะไรครับ” เลขาฯจรดปลายนิ้วกับคีย์บอร์ด เตรียมพร้อมกรอกลงไปในช่องว่าง
“ลูอิส ทอมลินสัน”
“ชื่อเหมือนผมเลยนะครับ”
“เพราะผมจะให้เจ้าของชื่อไปกับผมไง”
ลูอิสหันหน้าไปเลิกคิ้วให้นายสถาปนิกใหญ่
“คุณมั่นใจว่าผมจะว่างไปกับคุณหรอครับ”
“ผมไปวันธรรมดา ซึ่งตรงกับเวลาที่คุณมานั่งหน้าห้องผมผมเลยมั่นใจว่าคุณไปกับผมได้”
เอากับเขาสิ...เลขาฯหนุ่มพยายามไม่กลอกตา จัดการทำตามคำสั่งจนเสร็จ
ผลของการจองตั๋วเครื่องบินส่งลูอิสข้ามทวีปมาเดินตามเจ้านายแสนอินดี้ของตนที่แดนอาทิตย์อุทัย จะว่าไปก็ไม่ต่างจากเวลางานปกติเท่าไรนัก...แต่งานปกติที่ว่าคือสมัยเขายังเป็นสถาปนิกน่ะนะ
คิดแบบนั้นแล้วก็นึกถึงช่วงเวลาลงพื้นที่ตรวจไซต์งานขึ้นมาห่างไปไม่ถึงสามเดือน แต่เขารู้สึกว่ามันยาวนานเหลือเกิน
พลันคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด
คิดถึง...แล้วคิดจะกลับไปหรือเปล่า
“คุณดูสนุกเวลาออกนอกสถานที่นะ” เสียงทุ้มโพล่งขึ้นเหมือนล่วงรู้ความคิดทำให้ลูอิสสะดุ้ง ดวงตาสีฟ้าอมเทาเหลือบขึ้นมองใบหน้าร่างสูงใหญ่ที่ระดับสายตาปกติตนอยู่ประมาณปลายคางอีกฝ่ายเท่านั้น
นัยน์ตาสีเขียวจัดในกรอบคมใหญ่ประสานสายตาตอบกลับมา
“ผมรู้จากเรซูเม่ว่าคุณเป็นภูมิสถาปนิกมาห้าปีตั้งแต่เรียนจบ เวลามองคุณทำงานกับผม ผมก็คิดอยู่ตลอดว่าคุณแค่เบื่อหรือเปล่าเลยมาทำงานนี้ พอหายเบื่อ คุณก็ไป”
“คุณช่างคิดดีนะ”
“คุณเป็นสถาปนิกเหมือนผม คุณน่าจะรู้ว่าคนแบบพวกเราสมองมันไม่เคยหยุดนิ่งหรอก มองอะไรก็คิดนั่นคิดนี่ฟุ้งเรื่อยเปื่อย” เว้นช่วงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่เชิงเป็นรอยยิ้ม “เป็นบ้าก็ว่าได้”
“เคยเป็น...คุณตกคำนี้ไป” ลูอิสโต้เนิบๆ ไม่ลืมจะเน้นชัดตรงคำว่า ‘เคย’
“ไม่ได้ลืมหรอก ความเป็นสถาปนิกมันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณทำงานเป็นสถาปนิกหรือไม่ได้ทำ มันอยู่ในตัวคุณ อยู่ในจิตวิญญาณ และมันอยู่ในนี้” นิ้วชีเรียวยาวแตะแผ่วเบาบนอกเบื้องซ้ายของเขา “มันอยู่กับคุณตลอดเวลา ต่อให้คุณเปลี่ยนงานอีกกี่งานก็ตามมันก็ไม่มีวันเปลี่ยน”
เลขาฯหนุ่มชะงัก ก่อนพยักหน้าจำนน
เจ้านายของเขาพูดถูกทุกอย่าง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” จงใจรวนกลับไป รู้ดีว่าอีกฝ่ายเข้าใจเผลอๆจะเข้าใจได้ง่ายกว่าประโยคที่พูดแบบคนปกติด้วยซ้ำ
ชักเริ่มคิดแล้ว...ว่าเขาเป็นคนไม่ปกติจริงๆ
“ผมแค่กลัวคุณเบื่อ แล้วลาออก ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นน่ะ” แฮร์รี่ถอนหายใจ “ผมชอบคุณนะ คุณทำงานเก่งและคล่องน่ะใช่ แต่ที่ผมชอบคุณคือคุณเข้าใจผม”
ลูอิสฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนถูกสารภาพรักชอบกล
“ผมรู้ว่าผมมันอยู่ด้วยยากเลยทำให้ผมไม่อยากอยู่กับใครนานเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้คุณอยู่กับผมนะลูอี”
“ถ้าคนอื่นพูดผมจะคิดว่าเขากำลังบอกรักผมอยู่นะคุณสไตลส์”
“ถ้าพูดว่าผมรักคุณแล้วคุณจะเป็นเลขาให้ผมไปนานๆผมก็พูดนะ” ใบหน้าหล่อเหลาดูจริงจัง ทำท่าจะพูดออกมาจริงๆ ซึ่งเขาคิดว่าปล่อยให้เป็นแบบนั้นคงจั๊กจี้พิลึก
มือยกขึ้นตะครุบริมฝีปากหยักไว้ก่อนมันจะขยับเอ่ยออกมา
“โอเค...ผมรู้แล้ว ผมจะเป็นเลขาให้คุณไปนานจนคุณไล่ผมออกเลย”
สิ้นคำก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเจ้านายผู้แสนเข้าใจยากยกนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้ากระดิกยิกๆเป็นเชิงเร่ง
ลูอิสถอนหายใจ...คิดว่าอายุเขาคงสั้นถึงขั้นติดลบแล้วเป็นแน่
ถึงกระนั้นก็ยกนิ้วก้อยมือข้างที่ว่างขึ้นมาไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยใหญ่กว่า...เขย่าเบาๆ
สัมผัสนั้นแผ่วเบาหากส่งความรู้สึกบางอย่างไปถึงอกข้างซ้ายให้อุ่นวาบ เต็มตื้นจนต้องยิ้มออกมา
แย้มยิ้มกว้างขึ้นเมื่อมือใหญ่อีกข้างขยับขึ้นจับมือเขาที่ทาบปิดปากลง เผยรอยยิ้มแต้มบนวงหน้าหล่อเหลา
“มือคุณเล็กจัง ผมอยากจับอีกนานๆเลย” เสียงทุ้มต่ำว่าพลางจับมือที่กอบกุมมือเขาอยู่แกว่งไปมา
ลูอิสรู้สึกว่าหัวใจแกว่งตามไปด้วย...แก้มสองข้างร้อนผ่าวแต่ก็เบือนหน้าไปทางปราสาทสีดำเรืองรองท่ามกลางแสงสุดท้ายของวัน เบี่ยงประเด็นด้วยเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ปราสาทมัตสึโมโตะสวยดีนะ...คุณสไตลส์”
แต่เหมือนเจ้านายจะไม่ให้ความร่วมมือด้วย...
“ไม่...ผมว่าคุณสวยกว่า”
พรหมลิขิตสั่งให้พี่พิมพ์ไปแบบนี้ใช่ไหมคะ ตอบบบ แง้งงง เรื่องนี้น่ารักมากๆเลยพี่ปู แบบเป็นพาร์ทเกริ่นอ่ะ ว่าเอ้อ เจอกันแบบนี้นะ ฮือออ แฮร์รี่ตอนพูดภาษาคนอบอุ่นมากกกก ไม่ไหวแล้ว บทจะจีบเขาก็จีบกันดื้อๆเลยค่ะคุณ ความเขินมีแต่ฟังก์ชั่นเพิ่มค่ะ -///- เขิน เขินมาก เขินมากมากมาก ฟลัฟใสๆสไตล์พี่ปูก็ดีเหมือนเดิมอ่ะ จับใจน้องค่ะ รักนะคะ จุ๊บๆ