เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฝันนั้นฉันเป็นของเธอKSRENEBUNNY
Chapter 12: First mission
  • “ขอจูบพี่ก่อนไปได้มั้ยคะ?”

    เอ่ยถามแล้วเหม่อมองคนตรงหน้าอย่างรอคอยคำตอบ เมื่อเห็นคนพี่ไม่ได้ปฏิเสธอะไรจึงโน้มตัวลง เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หมายจะประทับจูบลงบนริมฝีปากบาง แต่แล้วคนพี่ก็ยกนิ้วเรียวขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่ม

    “ถ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ฉันมีรางวัลให้”

    “รางวัลอะไรคะ?”

    เกิ้ลเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย

    “อยากรู้ก็รอดกลับมาสิ”

    “บอกตอนนี้ไม่ได้เหรอ?”

    ควีนส่งรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์กลับมาให้แทนคำตอบ

    “ก็ได้ งั้นพี่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

    “อย่าตายล่ะ ระวังตัวด้วย”

    “ค่ะ”

    พยักหน้าหงึกหงักพลางฉีกยิ้มกว้างจนตาปิดแล้วเดินออกจากบ้านไป โดยมีร่างบางมองตามจนลับสายตา


    เกิ้ลเดินข้ามไปขึ้นรถที่อีกฝั่งของถนน โดยมีชายหน้าซื่อๆ เป็นคนขับรถให้ รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปตามถนน กอดกระเป๋าเป้ไว้พลางมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ในใจเฝ้าคิดถึงแต่คำพูดของควีน รางวัลที่บอกคืออะไรนะ? จะเป็นจูบที่ขอไปรึเปล่า? หรือทำอาหารอร่อยๆ ให้? หรือพาไปที่สวยๆ อีก? แต่ให้อะไรก็ชอบทั้งนั้นแหละ


    สภาพแวดล้อมแปรเปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องเป็นแถบริมชายฝั่ง กลิ่นลมทะเลตีรวนเข้าจมูกทันที หลังจากจอดรถแอบที่หลังซากตึกสีหม่น เกิ้ลกล่าวขอบคุณแล้วก้าวลงจากรถ เดินตรงไปยังห้องเช่าเก่าๆ ที่อยู่ห่างไปเกือบห้าร้อยเมตร ไม่ลืมที่จะเดินสำรวจบริเวณใกล้ๆ เผื่อไว้เป็นทางหนีหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา

    ใช้มือเคาะกระจกพลางก้มลงเอ่ยพูดกับหญิงชราท่าทางใจดี

    “มาเช่าห้องที่โทรจองไว้ค่ะ”

    “ชื่ออะไร?”

    “จีนค่ะ”

    หญิงชราใช้สายตาเพ่งมองหน้าเกิ้ลลอดผ่านแว่นกรอบสีแดงเลือดนกก่อนจะยิ้มกว้าง

    “ชื่อเหมาะกับหน้าตาดีนะหนู หน้าอาหมวยเชียว”

    ยกยิ้มบางๆ ให้กับหญิงชราที่เดินงกๆ เงิ่นๆ ไปหยิบกุญแจห้องมาวางบนเคาน์เตอร์ กล่าวขอบคุณแล้วเดินไปยังชั้นบน


    ห้องสังเกตการณ์อยู่ชั้น 3 ตรงกับท่าเรือที่อยู่ห่างออกไปราวหนึ่งกิโลเมตรพอดี สภาพภายในห้องมีขี้เกลือจากลมทะเลเกาะเป็นจุดๆ ตามผนัง พัดลมเพดานเก่าๆ ส่ายไปมาราวกับเตรียมพร้อมจะสละเพดานมาบั่นคอคนด้านล่างได้ทุกเมื่อ วางกระเป๋าเป้ไว้บนเตียงสามฟุตที่มีรอยกระดำกระด่างตามผ้าปูที่นอนสีตุ่น ก่อนจะใช้กล้องส่องทางไกลนั่งสำรวจเรือบรรทุกสินค้าที่เวียนมาจอดเทียบท่าเพื่อขนถ่ายลังสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์อยู่เป็นครึ่งค่อนวัน หยิบมือถือที่ใช้เฉพาะภารกิจนี้ขึ้นมากดเบอร์คนพี่ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่กดโทรออก เพราะนึกขึ้นได้ว่าหากพลาดพลั้งโดนจับขึ้นมา อย่างน้อยควีนจะได้ไม่โดนหางเลขไปด้วย

    แต่ความรู้สึกที่มันกระวนกระวายเพราะภาพของอีกคนคอยแวะเวียนมาทักทายอยู่เรื่อยเนี่ยสิ ห่างกันยังไม่ถึงวันทำไมกลับคิดถึงและโหยหามากขนาดนี้นะ?


    ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

    ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ถึงแม้ว่าเกิ้ลจะเริ่มออกสำรวจบริเวณรอบๆ แล้วแต่ก็ยังเก็บข้อมูลได้ไม่เยอะ จึงตัดสินใจเดินไปยังท่าเรือ นับว่าเป็นท่าเรือที่มีการสัญจรคับคั่งในระดับหนึ่ง ผู้คนต่างเดินกันให้ขวักไขว่ ทั้งชาวประมง ชาวบ้าน นักเดินเรือและนักท่องเที่ยว หันซ้ายมองขวาก่อนจะเดินไปคุยกับชายร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังเทปลาหมึกออกจากลัง

    “พี่ๆ ฉันเพิ่งย้ายมาแถวนี้ พอจะมีงานให้ทำมั้ย?”

    ทันทีที่ชายคนนั้นหันกลับมา เธอถึงกับอุทาน

    “พี่แกต”

    “แกตเกิ๊ตอะไรล่ะ ข้าชื่อโก”

    จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ว่าจะมองยังไงก็คือพี่แกตชัดๆ แต่ฉุกคิดได้ว่าตอนนี้อยู่อีกโลกนึง เพราะฉะนั้นชายคนนี้ไม่ใช่พี่ชายของเธออย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้าไม่ยอมพูดอะไร ชายร่างสูงจึงเอ่ยพูดอีกครั้ง

    “เอ้า จะจ้องกันอีกนานมั้ย?”

    “อ้อ ขอโทษทีจ้ะ มีงานให้ทำมั้ยจ๊ะ?”

    “จะไหวเร้อ? ตรงนี้มีแต่กลิ่นคาวปลา ไม่มีงานสบายๆ ให้ทำหรอก”

    “สบายมากพี่ จ้างฉันเท่าไหร่ก็ได้”

    ชายร่างสูงมองเกิ้ลอย่างพิจารณา พยักหน้าแล้วชี้มือไปยังด้านข้าง

    “ขาดคนคัดเกรดอาหารทะเลพอดี ทำได้ป่ะล่ะ?”

    “ได้ๆ พี่สอนนิดเดียวก็เป็นแล้ว ฉันหัวไว”

    “ชื่ออะไรล่ะ?”

    “จีนจ้ะ”

    “เรียกข้าเฮียโกแล้วกัน”

    เฮียโกสอนคัดอาหารทะเลกับเกิ้ลสักพักก็ปล่อยให้ทำเอง เธอจึงนั่งลงแล้วเริ่มลงมือคัดปลาหมึก สายตาคอยสอดส่องรอบๆ เป็นระยะๆ ถึงแม้จะเหม็นกลิ่นคาวของอาหารทะเลมากเพียงใด แต่นี่ก็นับเป็นส่วนนึงของภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ

    “หัวไวเหมือนกันนะเนี่ย”

    เฮียโกเดินกลับมาดูผลงานของเกิ้ลก่อนจะเอ่ยปากชม เธอยิ้มให้พอเป็นพิธีแล้วหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ จนเวลาล่วงเลยไปยันบ่ายแก่ๆ ก็ทำเสร็จ ลุกขึ้นเดินไปหาชายร่างสูงแล้วเอ่ยปากถาม

    “เฮียๆ เสร็จแล้วอ่ะ ทำอะไรต่อ?”

    “แค่นี้แหละ มาๆ เดี๋ยวข้าเลี้ยงข้าว”

    เดินตามไปยังร้านข้าวข้างทาง มีทั้งจับกังและลูกเรือที่พักกินข้าวอยู่ในร้านนั้น เฮียโกเลือกนั่งที่โต๊ะว่างกลางร้าน

    “อยากกินอะไรสั่งเลย”

    “เมนูไหนอร่อยอ่ะเฮีย?”

    “ต้องกะเพราหมูกรอบ”

    “ตามนั้น”

    “แปะ เอากะเพราหมูกรอบพิเศษ 2 จาน”

    เฮียโกหันไปตะโกนสั่งอาหาร หันกลับมายิ้มแล้วเริ่มชวนคุย

    “ไปไงมาไงล่ะเนี่ย?”

    “ฉันมาหาเงินไปช่วยแม่ที่เป็นอัมพาตจ้ะ ส่งน้องเรียนด้วย”

    “โอ้โห ชีวิตดูลำบากจัง น้องเรียนอยู่ชั้นไหน?”

    “เห็นน้องบอกอยู่ชั้น 3 จ้ะแต่บางวันก็ต้องลงมาเรียนที่ลานด้านล่าง”

    เฮียโกระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ทำเอาทุกคนในร้านสะดุ้งโหยง

    “ข้าหมายถึงเรียนอยู่ ป.ไหนแล้ว”

    “อ้อ ขอโทษทีเฮีย ฉันเป็นคนซื่อๆ น่ะ น้องเรียนอยู่ ป.5 จ้ะ”

    “แล้วเอ็งอายุเท่าไหร่?”

    “19 จ้ะ”

    เฮียโกล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเงินพลางยื่นให้เกิ้ลที่มองแบงก์สีม่วงแล้วทำหน้ามุ่ย

    “อ่ะ เก็บไว้ส่งน้องเรียน”

    “มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอเฮีย?”

    เฮียโกจึงสลับเป็นแบงก์สีแดง 2 ใบแล้วยื่นให้อีกครั้ง

    “เอ็งนี่มันเด็กดีจริงๆ ข้าชักจะชอบเอ็งแล้วว่ะ”

    “ขอบคุณจ้ะ”


    ผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเดือน

    หลังจากเป็นลูกมือคัดอาหารทะเลอยู่ท่าเรือ ก็เริ่มเก็บข้อมูลได้เพิ่มขึ้นอีกนิดหลังจากที่ค่อยๆ หลอกถามเฮียโกทีละเล็กละน้อย ทำให้ได้รู้ว่าทุกวันพุธช่วงเกือบตีหนึ่งจะมีเรือขนส่งสินค้าแปลกๆ เข้ามาจอดเทียบท่า และวันนี้บังเอิญเป็นวันพุธพอดี คอยเฝ้าดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือที่แสดงผลว่าตีหนึ่งกว่าแล้ว แต่ยังไร้วี่แววเรือขนส่งสินค้าตามที่เฮียโกบอก รอนานๆ เข้าเริ่มจะง่วง บวกกับความเหนื่อยล้าจากการทำงานตากแดดตากลมมาทั้งวันทำให้เธอถูกดึงเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย จนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงมือถือสั่นกับพื้นเสียงดัง รีบหยิบกล้องส่องทางไกลส่องดู แต่ก็ไม่พบกับเรือบรรทุกสินค้า

    “เฮียโกมั่วปะวะ?”

    บ่นพึมพำกับตัวเอง รอไปอีกพักใหญ่จนความง่วงเริ่มกลับมาเล่นงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาก็พลันเห็นเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่จอดเทียบท่า รีบคว้าเสื้อแจ็คเก็ตแล้ววิ่งตรงไปยังท่าเรือทันที แต่โชคไม่เข้าข้าง เกิ้ลบังเอิญวิ่งผ่านเฮียโกที่นอนกอดขวดเหล้าอยู่ริมถนน หยุดยืนมองด้วยความลังเล ภารกิจก็ต้องทำ แต่ปล่อยเฮียแกทิ้งไว้ตรงนี้ก็ไม่ได้ สุดท้ายเธอจึงเลือกช่วยชายร่างสูงก่อน

    เกิ้ลเดินไปเขย่าตัวของเฮียโกพลางเอ่ยเรียก

    “เฮียโก”

    “ใครวะ?”

    “จีนเองจ้ะ”

    “อ้อ...ไอ้จีน”

    “เฮียมานอนอะไรตรงนี้?”

    “เมียข้ามันมีชู้ว่ะ”

    พูดจบเฮียแกก็ร้องไห้เสียงดังจนต้องตบเข้าที่แขนเบาๆ เพื่อเรียกสติ

    “เฮียเมามากแล้ว กลับไปนอนพักเถอะ”

    “ก็ข้าบอกอยู่ว่าเมียข้ามีชู้ ยังจะให้กลับไปเจอมันอีกเหรอวะ?”

    “แต่เฮียจะนอนอยู่ตรงนี้ไม่ได้”

    “เอ็งมีผัวรึยังไอ้จีน? แต่ก็ทำงานงกๆ หาเลี้ยงครอบครัวแบบนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปมีผัวเนอะ ฮ่าๆ”

    เฮียโกพูดพล่ามด้วยเสียงยานคางตามประสาคนเมา ทำเอาเกิ้ลถึงกับชะงัก

    แฟนงั้นเหรอ? นั่นสิ...ตั้งแต่บอกว่าจะจีบเจ๊แกคราวนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเลย รู้แต่ว่าทุกอย่างที่ทำให้เพราะหัวใจสั่งให้ทำ แล้วมันจำเป็นต้องขอเป็นแฟนมั้ยนะ? ต้องขอดิ ให้มาทึกทักเอาเองคงไม่งาม แต่มันจะไวไปรึเปล่า? แล้วถ้าเจ๊แกปฏิเสธต้องทำยังไงต่อล่ะ?

    “...ไอ้จีน!!”

    “ห...ห๊ะ? ว่าไงเฮีย?”

    “เหม่ออะไรของเอ็งวะ? เรียกตั้งนานไม่ได้ยินรึไง?”

    “ขอโทษทีจ้ะ ฉันคิดไรไปเรื่อยเปื่อย”

    ยิ้มแห้งๆ ให้เฮียโกที่คิ้วขมวดยุ่ง

    “คิดถึงที่บ้านล่ะสิ”

    “ช...ใช่ๆ ไม่รู้ป่านนี้แม่จะเป็นยังไงบ้าง”

    “แล้วนี่เอ็งออกมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ?”

    “ฉันหิวน่ะจ้ะ เลยจะลงมาซื้อบะหมี่”

    “เออๆ ไปๆ กลับไปนอนได้แล้ว ถ้าข้าไม่เห็นเอ็งที่ท่าเรือตอนตีห้าจะด่าให้ยับเลย”

    เฮียโกพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก เกิ้ลส่ายหัวเล็กน้อย โถเฮีย...ดูสภาพตัวเองก่อนค่อยด่าคนอื่นเถอะ แบบนี้จะไปตื่นไหวได้ยังไง

    “มาเฮีย เดี๋ยวฉันไปส่งบ้าน”

    “ข้ากลับเองได้ เอ็งนั่นแหละเป็นผู้หญิงยิงเรือ ไปๆ กลับไปได้แล้ว”

    เฮียโกโบกมือไปมาเพื่อไล่เกิ้ลที่จะเข้าไปพยุงตัวให้ลุกขึ้น เธอจึงถอยออกมามองชายร่างสูงค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นแล้วเดินโซซัดโซเซไปอีกทาง เมื่อเห็นว่าเดินไปไกลแล้ว จึงรีบวิ่งไปยังท่าเรือที่ว่างเปล่า มัวแต่ไปช่วยเฮียโกจนพลาดโอกาสเลยให้ตายเถอะ กว่ารอบใหม่จะมาตั้งอาทิตย์หน้า แทนที่จะได้ปิดจ๊อบแล้วกลับไปกอดเจ๊แกแล้วแท้ๆ

    ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วเดินออกจากท่าเรือไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกคนงานชาย 2-3 คนดักทางไว้ บริเวณโดยรอบนั้นค่อนข้างเปลี่ยวพอสมควร มีเพียงแค่แสงสลัวๆ จากเสาไฟฟ้าสาดลงมาให้ความสว่างเท่านั้น

    “จะรีบไปไหนจ๊ะ?”

    “หลบหน่อย”

    เกิ้ลพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่ง

    “แหมๆ เสียงดุซะด้วย น่ากลัวจังเลย”

    ชายร่างท้วมเอ่ยแซวเกิ้ลอย่างหยอกล้อ

    “ไม่ใช่คนแถวนี้เหรอจ๊ะ? หน้าตาไม่คุ้น”

    “....”

    “ถามก็ต...โอ๊ย!!”

    ชายร่างท้วมที่ยื่นมือมาหมายจะจับใบหน้าเรียวแต่กลับถูกบิดข้อมือจนร้องโอดโอย

    “เฮ้ย จับนังนี่ไว้!!”

    ออกคำสั่งแล้วเดินถอยหลังเพื่อหลบให้ลูกน้องพุ่งตรงเข้าหาเหยื่อ แต่ทั้งสองคนนั้นก็ไม่อาจจับตัวเกิ้ลไว้ได้ เธอจัดการซัดจนสลบเหมือดคาพื้นก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาชายร่างท้วมที่รีบก้าวถอยหลังพลางแหกปากด้วยความกลัว

    “ช...ช่วยด้วย”

    “บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้หลบ?”

    “ข...ขอโทษ กลัวแล้ว อย่าท…”

    ฟาดมือเข้าที่ท้ายทอยของชายร่างอ้วนอย่างแรงจนล้มหน้าฟาดคะมำลงพื้นสลบตามลูกน้องไป ก่อนจะสบถออกมาเบาๆ

    “บ้าเอ๊ย! เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ”

    ก้าวขาวิ่งออกจากท่าเรืออย่างเร็วที่สุด ลัดเลาะไปอีกทางแล้วกลับขึ้นไปยังห้องของตัวเอง คว้ากล้องส่องทางไกลเพื่อส่องดูเหตุการณ์ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไรนอกจากพวกจิ๊กโก๋คนงานฟื้นขึ้นมาแล้วรีบลุกวิ่งหนีกันป่าราบ


    “ไงเฮีย”

    เอ่ยทักทายทันทีที่เห็นเฮียโกเดินสะโหลสะเหลมาทางเธอในเช้าวันต่อมา

    “เป็นไงบ้าง?”

    “คัดปลาเสร็จไป 5 ลังแล้วจ้ะ”

    “ดีๆ”

    เอ่ยตอบพลางหาวแล้วยกมือขึ้นขยี้ผม

    “เฮียไหวป่ะเนี่ย?”

    “ไหวๆ ”

    เฮียโกนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย

    “ข้าได้ยินคนในตลาดคุยกันว่าเมื่อคืนพวกจับกังท้ายอ่าวมันโดนซ้อม”

    “....”

    สะดุ้งเล็กน้อย รีบก้มหน้าแล้วเอื้อมมือไปลากปลาหมึกลังใหม่มาใกล้ๆ

    “เอ็งก็ระวังๆ ตัวหน่อย แถวนี้มันอันตราย”

    “ได้จ้ะ”

    “ถ้าวันนี้ทำงานเสร็จแล้วก็กลับไปนอนพักได้เลย”

    “ขอบคุณจ้ะ”


    เกิ้ลคัดแยกอาหารทะเลเสร็จตั้งแต่ก่อนเที่ยง จึงขอตัวกลับไปนอน จำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่มาปฏิบัติภารกิจนี่ได้นอนต่อวันเกิน 2 ชม.บ้างรึเปล่า เพราะใจเฝ้าแต่คิดจะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็วที่สุด เพื่อกลับไปหาผู้หญิงที่คิดถึงสุดหัวใจ

    นอนหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราบนเตียงเก่าๆ จนสิ้นแสงอัสดง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อของเธอในความมืด

    “เกิ้ล”

    สะดุ้งลุกขึ้นนั่งสุดตัว สายตารีบสาดส่องไปรอบๆ ห้องพร้อมทั้งหัวใจที่เต้นระรัว แต่กลับไม่เจอสิ่งผิดปกติใดๆ มีเพียงห้องมืดๆ กับเสียงพัดลมดังกึกกักบนเพดาน เกิ้ลหอบหายใจถี่จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น คำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจด้วยความกลัว ใครเรียกเธอกัน? มาที่นี่ไม่น่าจะมีใครรู้จักชื่อจริงนี่? หรือพวกคนร้ายรู้ตัวว่าโดนสอดแนมเลยมาดักเก็บ?

    คิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วค่อยๆ เปิดหน้าต่างปีนออกไป ถึงแม้จะเป็นชั้นสามแต่ด้วยทักษะปาร์กัวร์จึงลงมาชั้นล่างได้ไม่ยากเย็น ทางเดียวที่จะรู้ได้คือต้องเดินอ้อมกลับขึ้นไปทางหน้าประตูห้อง หญิงชรามองร่างสูงเดินผ่านหน้าไปด้วยความพิศวง อาหมวยนี่เดินขึ้นไปตั้งแต่บ่ายยังไม่ลงมาไม่ใช่เหรอ? คิดในแง่ดีว่าอาจลงมาตอนที่แกเดินไปเก็บผ้าก็ได้ ไม่ใช่ผีหรอก

    เดินย่องขึ้นบันไดอย่างเงียบที่สุด ก่อนจะแอบชะเง้อมองไปยังหน้าประตูห้องของตนเอง

    ว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งเงา ทางเข้าออกมีเพียงแค่ทางเดียวคือบันไดที่เธอยืนอยู่ ตอนขึ้นมาก็ไม่ได้มีใครเดินสวนลงไป แล้วใครกันล่ะเป็นคนเรียกชื่อ? ทำหน้ามุ่ยพลางหยิบกุญแจไขประตู ไม่วายที่จะหันซ้ายมองขวาเพื่อตรวจดูรอบข้างอีกครั้งก่อนเข้าห้อง

    หรือจะเป็นพี่ควีน? แต่เสียงไม่ใช่แน่ๆ อีกอย่างเจ๊แกไม่มีทางมาหาแน่นอนเพราะตอนนี้เธออยู่ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งขนาดจะโทรหากันยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับมาหาถึงที่

    “หรือเราหูแว่วไปเองวะ?”

    คิดได้ดังนั้นเกิ้ลก็เลิกค้นหาที่มาของเสียงประหลาดแล้วล้มตัวลงนอน แต่ความสงสัยยังคงก่อตัวภายในจิตใจจนรู้สึกว้าวุ่น หากเป็นศัตรูล่ะ จะทำยังไง? สิ่งที่ทำเมื่อคืนมันเสี่ยงเปิดเผยตัวตนพอสมควร แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อจากนี้ไปต้องระวังตัวให้มากกว่านี้แล้วแหละ

    ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังบ้านเฮียโกเพื่อขอยืมมอเตอร์ไซค์ ฟังเฮียแกบ่นนิดหน่อยตามประสาก็ยื่นกุญแจรถมาให้ รีบขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะซึ่งหาได้ยากเหลือเกินในสมัยนี้ จนในที่สุดก็เจอตู้ที่ยังใช้การได้อยู่ รีบหยอดเหรียญต่อสายตรงหาควีนทันที เพราะในเวลานี้น่าจะถึงบ้านแล้ว

    (สวัสดีค่ะ)

    "เจ๊ ฉันเอง"

    (เกิ้ล!! โทรมาได้ยังไง?)

    "ใช้โทรศัพท์ไง ถามแปลกๆ"

    (นี่จะโทรมากวนกันใช่มั้ย? งั้นวางละนะ)

    "เฮ้ยเดี๋ยว! ถึงบ้านแล้วใช่มั้ยคะ?"

    (อือ ภารกิจเป็นยังไงบ้าง?...)

    คุยกันไปสักพัก ความรู้สึกคิดถึงและโหยหาคนพี่ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกหน่วงในหัวใจ หยาดน้ำตาใสรินไหลไปตามแก้มกลมอย่างเงียบๆ

    "ต้องวางแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ฉันจะรีบกลับไป ฉันสัญญา"

    (อย่าสัญญาอะไรทั้งนั้น ดูแลตัวเองนะ)

    "ได้ค่ะ"

    (เกิ้ล)

    "คะ?"

    (อย่าทำอะไรวู่วาม)

    "ค่ะ"

    หลังจากที่ควีนบอกตำแหน่งซ่อนกุญแจบ้านไว้เผื่อว่าจะกลับมาตอนที่เธอไม่อยู่แล้ววางสาย ร่างสูงถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นต่อไปไม่ไหว เหมือนควีนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะจบภารกิจให้เร็วที่สุด พอได้รับรู้ว่าคนพี่ยังเป็นห่วงและรออยู่เหมือนเดิมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่ที่แน่ๆ คือต้องกลับไปอย่างปลอดภัยครบสามสิบสองเพื่อเอารางวัลอย่างแน่นอน


    ในที่สุด วันที่เกิ้ลเฝ้ารอมาทั้งสัปดาห์ก็มาถึง หลังจากรีบทำงานให้เสร็จแล้วกลับมานอนพักเอาแรงเพื่อปฏิบัติภารกิจในตอนกลางคืน เมื่อถึงเวลาก็แอบไปซ่อนตัวใกล้ๆ กับท่าเรือ อากาศด้านนอกนั้นหนาวจนตัวสั่น แต่ร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่มุมมืดๆ ไม่นานนักเรือขนสินค้าก็จอดเทียบท่า ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนถ่ายลงมายังด้านล่างเพื่อรอขนขึ้นรถพ่วง ยืนมองสักพักก่อนจะตัดสินใจวิ่งลัดเลาะไปตามป่าเพื่อดักรอ ครู่ใหญ่เสียงรถพ่วงก็ดังเข้ามาใกล้ ใช้จังหวะที่รถชะลอตัวจากการเลี้ยวกระโดดขึ้นท้ายรถ ใส่ถุงมือแล้วสะเดาะกุญแจออก แง้มประตูเปิดพลางแทรกตัวเข้าไป ก่อนที่หัวใจจะเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น หากเจอของกลางแล้วต่อสายกริ๊งเดียวหาผู้กำกับเพื่อแจ้งเบาะแส ทุกอย่างก็จบ

    หยิบไฟฉายกระบอกเล็กขึ้นมาคาบไว้พลางใช้มีดทหารงัดลังไม้ออก ถึงแม้อากาศด้านนอกจะหนาวแต่เหงื่อกลับผุดเป็นเม็ดเรียงเต็มไรผม ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อแล้วงัดลังจนสำเร็จ ด้านในมีกระดาษฝอยเต็มไปหมด เกิ้ลจึงปัดๆ ออกจากลังก่อนจะเจอกับกล่องครีมแบรนด์ดังที่ถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อย รีบออกไปงัดลังในตู้อื่นๆ กลับพบแต่ข้าวของเครื่องใช้ อดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมาพลางสบถอย่างอารมณ์เสีย

    “เวรเอ๊ย! นี่มันของหนีภาษีนี่หว่า”

    รีบเก็บของให้เข้าที่เหมือนเดิมก่อนจะกระโดดลงข้างทางทันทีที่เห็นรถเริ่มชะลอตัว วิ่งลัดเลาะเป็นระยะทางกว่ายี่สิบกิโลเมตรเพื่อกลับมายังที่พัก ทั้งเหนื่อยล้า ทั้งผิดหวังที่ของในตู้มันไม่ใช่ภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ หลังจากโทรไปรายงานผู้กำกับวศิกานต์เรื่องของหนีภาษีในระหว่างทางกลับเพื่อกันคนดักฟังแล้ว กลับมาถึงห้องพักเกิ้ลจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง กำแพงที่กั้นน้ำตาไว้พังทลายลงทันที น้ำตาใสรินไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง ความหวังที่หล่อเลี้ยงมาทั้งสัปดาห์พังทลาย แบบนี้ไม่รู้เลยว่าต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน สี่เดือน ครึ่งปี หรือเป็นปี ป่านนั้นพี่ควีนคงไปตกลงปลงใจกับคนอื่น ไม่มารอคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นปีหรอก

    แต่ถ้าหากหนีกลับตอนนี้ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่าเช่นกัน ไหนจะโดนควีนต่อว่าหรืออาจถึงขั้นเฉดหัวไล่ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ ไหนจะตกงานเพราะทำภารกิจล้มเหลวอีก สุดท้ายมีทางเดียวคือทำภารกิจให้เสร็จลุล่วงเท่านั้น


    หลังจากพลาดไปรอบนึงแล้ว ครั้งนี้ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อสืบหาวันที่แน่นอนในการปราบปรามการขนอาวุธเถื่อน แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ดูเหมือนความหวังจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ ในตอนนี้เรือขนสินค้าเข้าเทียบท่าไม่ต่ำกว่าคืนละ 3 ลำ ซึ่งเธอไม่สามารถที่จะแอบย่องขึ้นรถไปตรวจเช็คของได้เหมือนครั้งก่อน รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูลยิ่งยากขึ้นกว่าเก่า ไปหลอกถามเฮียโกก็ไม่ได้เบาะแสอะไรมาก ตอนนี้รู้สึกมืดแปดด้านจนเริ่มหวนกลับมาคิดถึงวิธีเสี่ยงอันตรายอย่างแอบการขึ้นรถไปตรวจสอบสิ่งของ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่ไวที่สุด แต่ก็อันตรายที่สุดเช่นกัน หากพลาดท่าโดนจับมีหวังคงจะได้นอนเคี้ยวลูกตะกั่วเล่นที่ป่าข้างทางแน่ๆ


    “ไอ้จีน พักนี้เอ็งเป็นอะไรวะดูเหม่อๆ?”

    เฮียโกเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เห็นเกิ้ลคัดปลาไปถอนหายใจไปเป็นรอบที่ร้อยแล้ว

    “ไอ้จีน...ไอ้จีน!!!”

    “ห๊ะ?”

    สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเฮียโกที่ตอนนี้ลากเก้าอี้เล็กมานั่งข้างๆ

    “เอ็งนี่เป็นเอามากนะ ข้าเรียกตั้งหลายรอบแล้ว”

    “ว่าไงเฮีย?”

    “ถามว่าเป็นอะไร? พักนี้ดูเหม่อๆ”

    “ฉันเป็นห่วงแม่กับน้องน่ะจ้ะ”

    “อ้าวแล้วเอ็งได้ส่งเงินไปให้รึเปล่าล่ะ?”

    “ส่งจ้ะ แต่พอไม่ได้เจอนานๆ ก็คิดถึง”

    “จะกลับไปหาที่บ้านก่อนมั้ยล่ะ? ข้าให้หยุด”

    เฮียโกยกมือหนาขึ้นมาบีบไหล่ของเกิ้ลพลางยิ้มกว้าง

    “ไม่เป็นไรเฮีย เอาไว้ฉันเก็บเงินพาแม่ไปหาหมอได้เมื่อไหร่ค่อยกลับไป”

    “ลูกกตัญญูจริงๆ ถ้าข้ามีลูกแบบเอ็งนี่ภูมิใจตาย”

    ยกยิ้มให้เฮียโกที่เอ่ยพูดอย่างอารมณ์ดี

    “เอ้า! งั้นวันนี้ข้าเลี้ยงข้าว! รีบๆ ทำงานให้เสร็จล่ะ”

    “ได้เลยจ้ะ”

    เฮียโกพยักหน้าก่อนจะลุกไปคุมคนงานอีกทาง เกิ้ลจึงหันกลับมาตั้งใจคัดขนาดปลาต่อ ซึ่งวันนี้ทำเวลาได้ดีเช่นเคย ทำทุกอย่างเสร็จก่อนเที่ยง ลุกขึ้นแล้วเดินไปล้างมือ

    “ไปๆ กินข้าวๆ”

    เฮียโกเดินเข้ามากอดคอเกิ้ล ก่อนจะมีเสียงแว้ดๆ ของผู้หญิงดังขึ้นไม่ไกลนัก

    “หนอยไอ้โก!! ที่มึงไม่ค่อยกลับบ้านเพราะติดอินังเด็กนี่ใช่มั้ย?”

    “อะไรของเอ็งห๊ะอีออย!”

    ผู้หญิงท่าทางกร้านโลกที่เฮียโกเรียกว่าออยเดินตรงเข้ามาตบเกิ้ลเต็มแรงจนหน้าหัน แล้วตะโกนด่าทอด้วยคำพูดหยาบคาย

    “มึงไม่มีปัญญาหาผัวรึไงวะ? คันนักรึไงถึงชอบแย่งผัวชาวบ้าน”

    “....”

    ไม่เอ่ยตอบใดๆ แต่ใช้สายตาจ้องมองออยอย่างเย็นชา จนคนหาเรื่องถึงกับปรี๊ดแตกเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้อย่างที่ใจคิด

    “หน้าตาก็ดีแต่ดันไม่มีปัญญาหาผัวเอง ทุเรศ”

    “....”

    “นิ่งแบบนี้เถียงไม่ออกล่ะสิท่าอีนังหน้าด้าน! ร่านนักเหรอ!!”

    ยังไม่สาแก่ใจออย จิกหัวเกิ้ลที่ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ พยายามท่องไว้ในใจว่าเพื่อภารกิจ ต้องไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น ห้ามเอาปัญหามาใส่ตัวอีกไม่อย่างนั้นภารกิจอาจล้มเหลว นั่นหมายถึงโดนเด้งตั้งแต่งานแรกเลยก็ได้ ก่อนที่ออยจะตะโกนจนคนรอบๆ หันมามองอย่างสนใจ

    “เจ้าข้าเอ๊ย! อินังเด็กนี่มันชอบแย่งผัวชาวบ้าน! ระวังผัวตัวเองให้ดีนะทุกโค๊นน”

    “พอเลยอีออย! เอ็งเป็นบ้ารึไงห๊ะ?”

    เฮียโกกระชากออยให้หันไปทางเขา ยิ่งทำให้โมโหหนักกว่าเดิม

    “นี่มึงปกป้องเมียน้อยเหรอไอ้โก!!”

    “ข้ารักไอ้จีนมันเหมือนลูก!!”

    “ลูกกะผีน่ะสิ! หนอยย กะล่อนนักนะมึง เห็นคาตาขนาดนี้ยังจะกล้าพูดว่ารักเหมือนลูก”

    ออยเงื้อมือหมายจะตบอีกรอบแต่ถูกเฮียโกคว้าข้อมือแล้วลากออกไป

    “เอ็งมานี่เลยอีผีบ้า!”

    “ปล่อยกูนะไอ้โก!! มึงปกป้องเมียน้อยใช่มั้ย!!”

    แล้วออยก็กรี๊ดเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน เกิ้ลยืนมองเฮียโกกับเมียเดินทะเลาะกันห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย นี่แหละน้าพวกตีตนไปก่อนไข้ ยังไม่ทันจะถามอะไรก็แว้ดๆ ใส่แล้ว แถมโดนตบฟรีอีกต่างหาก ยกมือขึ้นลูบใบหน้าฝั่งที่โดนตบ ความรู้สึกชาบนใบหน้ายังไม่จางหาย ถอนใจอีกรอบก่อนจะเดินไปยังร้านข้าว เสียงซุบซิบนินทาเพื่อกระจายข่าวว่าเธอเป็นเมียน้อยของเฮียโกดังไปตลอดทาง

    “ดูสิ หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก แต่สันดานกลับชอบแย่งผัวชาวบ้าน”

    “ใช่ๆ เสียดายเนอะ ดันมาคว้าเอาไอ้โก ถ้าเป็นฉันนะ หน้าตาแบบนั้นไปหาเสี่ยเลี้ยงดีกว่า คิกๆ”

    “นางอาจจะเห็นเฮียโกมันหลอกง่ายก็ได้”

    ส่ายหน้าเบาๆ อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เพราะความจริงแล้วเธอกับเฮียโกไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ถ้าให้พูดกันตามจริง เฮียโกเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆ เลยด้วยซ้ำ คอยถามไถ่ถึงครอบครัวปลอมๆ ของเธอ รวมทั้งให้ทิปเล็กๆ น้อยๆ แล้วบอกให้เก็บไว้ส่งที่บ้าน จนบางทีก็เริ่มรู้สึกผิดที่ต้องโกหกคนดีๆ แบบนี้ แต่สิ่งที่ตระหนักถึงคือเมื่อภารกิจจบ ตัวตนของจีนนักคัดปลาหมึกมือทองของเฮียโกก็จะต้องหายไปจากท่าเรือแห่งนี้เช่นกัน

    เดินมายังร้านข้าวที่ชอบมานั่งกินเป็นประจำ หลังจากสั่งข้าวเสร็จแล้วก็มานั่งรอที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง หัวใจของเธอเริ่มเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินบทสนทนาของโต๊ะด้านหลัง

    “รอบนี้เสี่ยทองทำไมดูรีบๆ วะ?”

    “เห็นวงในบอกมาว่าแถวนี้มีสายให้ตำรวจเดินเพ่นพ่านอยู่”

    “จริงเหรอวะ? กูว่าน่าจะเป็นแค่ข่าวลือนะ เพราะไอ้พวกขนของผิดกฎหมายหลายเจ้ามันยังไม่โดนจับเลย”

    “แต่นี่เราขนอาวุธเถื่อน!”

    มีเสียงปั้กดังขึ้น เดาว่าคนที่พูดก่อนหน้าน่าจะโดนอีกคนตบหัวเพื่อเตือนสติ ก่อนจะลดระดับเสียงให้เบาลงกว่าเดิม

    “ไอ้ห่าพูดเบาๆ สิวะ อยากให้พ่อมาจับรึไง?”

    “โทษทีๆ”

    “เสี่ยจะมาดูของด้วยตัวเองปะวะ?”

    “เห็นบอกว่าจะมา เพราะล็อตนี้ของเยอะ”

    อาหารที่สั่งถูกวางไว้ตรงหน้า เกิ้ลจึงรีบกินให้เร็วที่สุด หูยังคงคอยเงี่ยฟังโต๊ะด้านหลังคุยกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาไปแล้วแต่เผื่อจะมีเบาะแสเพิ่มเติม จนในที่สุดพวกนั้นก็ลุกเดินออกจากร้านไป

    ข้อมูลที่ได้เพิ่มกลับมาคือคืนพรุ่งนี้พวกเสี่ยทองจะไปฉลองกันที่ร้านคาราโอเกะแถวบ้านเฮียโก มีเพียงทางเดียวที่จะล่วงรู้ความลับได้คือต้องปลอมตัวลงไปสืบคดีด้วยตนเอง งานนี้ต้องมีแต่งองค์ทรงเครื่องกันหน่อยแล้ว เกิ้ลจึงเดินไปยังร้านเครื่องสำอางเพื่อแปลงโฉม ไม่ลืมเลือกซื้อชุดเดรสสีแดงสุดวาบหวิวเพื่อล่อให้เหยื่อติดกับ โอกาสมาถึงแล้วและครั้งนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด


    ใช้เวลาแต่งหน้าและแต่งตัวเกือบสองชั่วโมงเพื่อให้มั่นใจว่าสวยพอที่เหยื่อเห็นแล้วต้องตกหลุมพรางทันที ไม่ลืมที่จะใส่เสื้อแขนยาวคลุมไว้ก่อนแล้วเดินทางไปยังร้านคาราโอเกะที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

    “มาสมัครเป็นเด็กดริ๊งค์ค่ะ”

    เอ่ยพูดกับหญิงที่ยืนอยู่หน้าร้าน โดนกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าไปหนึ่งรอบ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

    “ตามมา”

    ภายในร้านมีคนนั่งอยู่เยอะพอสมควร อาจเพราะเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ตามที่เฮียโกเคยเล่าให้ฟัง แขกหลายคนต่างเหลียวหลังมองตรงมายังเกิ้ล หยุดยืนด้านหลังผู้หญิงคนนั้นที่กำลังก้มลงกระซิบกับผู้หญิงอีกคน เดาได้ไม่ยากว่าเป็นเจ้าของร้าน

    “อยากเป็นเด็กดริ๊งค์เหรอ?”

    “ใช่ค่ะ”

    “ดี อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรมาก เรียกแขกให้ได้เยอะๆ ก็พอ ถ้าแขกออฟอยากไปก็ไป”

    “ได้ค่ะ”

    “ชื่ออะไรล่ะ?”

    “แก้วค่ะ”

    “ฉันชื่อเกด เป็นเจ้าของร้านนี้นะ เอ้า! อีปลา มาพาเด็กใหม่ไปส่งให้เสี่ยทองหน่อยซิ”

    ลอบยิ้มมุมปาก อะไรจะพอเหมาะพอดีขนาดนี้ เดินตามผู้หญิงร่างเล็กที่ชื่อปลาไปยังชั้นสอง ชั้นนี้น่าจะเป็นชั้นของห้องวีไอพีเพราะดูจากการตกแต่งทางเดินนี่คนละระดับกับชั้นล่างเลยทีเดียว ปลาเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไป

    “แม่เกดให้พาเด็กใหม่มาส่งค่ะ”

    “ดีๆ แหม่ เกดนี่น่ารักจริงๆ ถ้าเด็กถูกใจเสี่ยจะตบรางวัลให้อีก”

    “เข้าไปสิ”

    ปลาดันหลังเกิ้ลให้เดินเข้าห้องแล้วรีบปิดประตู ด้านในมีผู้ชายนั่งอยู่ 3-4 คน รายล้อมไปด้วยผู้หญิงมากหน้าหลายตา ใช้สายตามองกวาดแค่รอบเดียวก็รู้ทันทีว่าคนไหนคือเสี่ยทอง ชายร่างตุ้ยนุ้ยมีเครื่องประดับเต็มกายตามแบบฉบับเสี่ยหื่นกาม สายตาของชายหนุ่มในห้องทุกคนจับจ้องที่ผู้มาใหม่ เสี่ยทองถึงกับจิ๊ปากพลางส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความอึ้ง

    “โอ้โห...งานดีขนาดนี้พลาดไปได้ไง มาๆ หนูมานั่งข้างๆ เสี่ย”

    เอ่ยปากไล่เด็กๆ ที่รายล้อมเขาให้ออกห่าง เกิ้ลยิ้มหวานแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เสี่ยหื่นกาม

    “ชื่ออะไรจ๊ะหนู?”

    “แก้วค่ะ เพิ่งมาทำงานวันแรก”

    “อายุเท่าไหร่ล่ะ?”

    “19 ค่ะเสี่ย”

    “ดีเลยๆ แล้วนึกยังไงมาทำงานแบบนี้ล่ะ?”

    ปั้นหน้าน่าสงสารสักนิด พลางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

    “แม่ฉันเป็นอัลไซเมอร์ พี่ก็พิการ น้องก็ป่วยเป็นลูคีเมีย แถมไม่มีเงินเรียนค่ะ”

    “น่าสงสารจังเลยเนอะ”

    ถึงปากจะเอ่ยว่าสงสาร แต่สายตาหื่นกามของเสี่ยทองก็ค่อยๆ ไล่ลงไปตั้งแต่ใบหน้าคมจนถึงต้นขาขาวของเกิ้ล ควักแบงก์สีเทานับสองสามใบแล้วยื่นให้

    “เอาไว้ส่งไปให้ที่บ้านนะ”

    เกิ้ลยกมือพนมแล้วก้มไหว้บริเวณอกของเสี่ยทองที่ยกมืออวบขึ้นมาลูบหัวของเธอ

    “ขอบคุณนะคะเสี่ย”

    “ไม่เป็นไรๆ มา...ให้เสี่ยหอมหน่อย”

    เสี่ยทองเอียงหน้ามาหาเกิ้ลที่เบี่ยงตัวหลบแล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงออดอ้อน

    “เสี่ยขา...คนเยอะแยะ...อายเค้า”

    ใส่จริตจะก้านมารยาอีกสักนิดหน่อยก็ทำเอาเสี่ยร่างอ้วนหัวเราะพุงกระเพื่อมด้วยความชอบใจ

    “แหม...น่ารักซะจริงๆ ไปๆ ออกไปกันให้หมด”

    ชายที่เหลือส่งเสียงบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ พอได้สาวเอ๊าะๆ ทีไรไม่เคยตกมาถึงพวกเขาหรอก ยิ่งคนนี้สวยเด็ดขนาดที่เสี่ยยอมควักเงินให้ก่อนนี่อย่าหวัง เกิ้ลอาศัยจังหวะนี้รีบสำรวจรอบๆ ห้อง ไม่มีกล้องวงจรปิด มีเพียงการ์ดยืนเฝ้าหน้าห้องเท่านั้น ทันทีที่ประตูปิดลงเสี่ยหื่นกามก็โน้มตัวมาอีกครั้ง เกิ้ลรีบใช้มือดันหน้าชายร่างอ้วนออกพลางเขยิบออกห่าง

    “เสี่ยขา อย่ารีบสิคะ มาดื่มกันก่อนนะ”

    “ก็หนูน่ะสวยขนาดนี้ เสี่ยไม่รีบไม่ได้หรอกจ้ะ”

    “คืนนี้ยังสนุกด้วยกันอีกนานนะคะ อย่าให้งานกร่อยสิ”

    น้ำเสียงเสแสร้งออดอ้อนที่เกิ้ลสาบานว่ามันคือเสียงน่าขนลุกที่สุดถูกเอ่ยออกมาจากปากของเธอ ส่งสายตาหวานฉ่ำให้เสี่ยที่ยอมถอยตัวกลับไปนั่งตามเดิมแล้วยื่นแก้วเหล้าให้

    “ก็ได้ๆ ตามใจหนูแก้วเลยนะ”

    ชงเหล้าเข้มๆ ส่งให้เสี่ยทองที่รับไปดื่มแล้วพยายามจะลวนลามอีกครั้ง

    “เสี่ยทนไม่ไหวแล้ว ขอเถอะนะ”

    “แหมเสี่ยก็...หนูเพิ่งทำงานแบบนี้เป็นครั้งแรก เลยกลัวๆ น่ะค่ะ”

    “ไม่ต้องกลัวหรอก เสี่ยไม่ทิ้งหนูแน่นอน”

    คำพูดอย่างกับลอกบทมาจากในละครน้ำเน่าหลังข่าว ได้ยินแล้วอยากจะอ้วก เกิ้ลพยายามเก็บสีหน้าและท่าทางขยะแขยงไว้ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางด้านหลังเมื่อเห็นเสี่ยเริ่มจะเมาแล้ว

    “หนูแก้วจะไปไหนจ๊ะ?”

    “เดี๋ยวหนูนวดหลังให้นะ”

    “ดีๆ กำลังเมื่อยอยู่พอดี”

    ส่งมือไปนวดหลังให้เสี่ยทองที่ผ่อนลมหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม แล้วเขาก็โดนสันมือฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรงจนสลบ รีบปีนขึ้นมาหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกง จัดการสแกนหน้าเพื่อปลดล็อคโทรศัพท์ เปิดหาข้อมูลทั้งเบอร์โทร ข้อความ จนไปเจอกับอีเมลที่ระบุตารางเดินเรือขนส่งอาวุธเถื่อนทั้งหมดไว้ ก่อนจะรีบหยิบมือถือที่ซ่อนอยู่ที่เอวมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ไม่ลืมออกจากแอพพลิเคชั่นทั้งหมดแล้วยัดสมาร์ทโฟนกลับคืนสู่กระเป๋ากางเกงของเสี่ยร่างอ้วน

    ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ที่เหลือแค่ส่งรูปตารางการขนอาวุธเถื่อนไปให้ผู้กำกับวศิกานต์เท่านั้น ภารกิจก็เสร็จสมบูรณ์ เก็บมือถือไว้ที่เอวเช่นเคย หลังจากตรวจสอบว่าจะไม่มีการร่วงหล่นระหว่างทางแล้วเปิดประตูออกไป แต่โชคไม่เข้าข้างที่บังเอิญออยเดินมาพอดี

    “อีจีน!!”

    ถามจริง? ยัยนี่มันจำได้ไงวะ? นี่ขนาดโบ๊ะหน้ามาซะหนายิ่งกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กแล้วนะ

    ออยเอื้อมมือหมายจะจิกหัวเกิ้ลแต่กลับถูกรวบแขนมาบิดไว้ด้านหลังก่อนจะโดนดันไปจนติดราวกั้นด้านหน้า ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูออยที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

    “อย่ามายุ่งกับฉัน”

    “มึงกล้าขู่กูเหรอ?”

    พยายามดิ้นให้หลุดแต่กลับโดนบีบแขนแน่นกว่าเดิมจนต้องเลิกดิ้นรน

    “มึงก็เลิกยุ่งกับผัวชาวบ้านก่อนสิ”

    “ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้แกไม่ได้เห็นฉันแน่”

    “ถ้ากูยังเจอมึงนะ จะตบล้างน้ำให้มึงหายร่านเลยคอยดู”

    ผลักออยไปอีกทางก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้การ์ดหน้าห้องพลางเอ่ยพูด

    “เสี่ยทองเค้าหลับอยู่นะคะ น่าจะดื่มไปเยอะ”

    “หนูแก้วจ๋าาาา”

    เกิ้ลขบกรามแน่น เพราะมัวแต่เสียเวลายืนเถียงกับยัยออยหวงผัวจนผิดแผนอีกแล้ว แต่เพื่อไม่ให้น่าสงสัย รีบขานรับเสี่ยร่างอ้วนด้วยน้ำเสียงหวานจ๋อยแล้วเดินเข้าห้องคาราโอเกะอีกครั้ง

    “ขาาาาาา”

    “เมื่อกี้เสี่ยเผลอหลับ ขอโทษทีนะจ๊ะ”

    “ไม่เป็นไรค่าาา”

    “แล้วหนูไปไหนมาเหรอจ๊ะ?”

    “พอดีประจำเดือนหนูมาค่ะ เลยออกไปใส่ผ้าอนามัย”

    สีหน้าผิดหวังถูกฉายขึ้นบนใบหน้าอ้วนของเสี่ยทอง ดันมาเป็นเมนส์เอาวันนี้ซะได้ กะจะได้ฟันนังนี่แล้วแท้ๆ!

    “อ้อ...น่าเสียดายจัง”

    “ใช่ค่ะ น่าเสียดาย”

    “ไม่เป็นไรๆ มาๆ มาดื่มกันดีกว่า”

    แล้วเกิ้ลก็ล่อลวงมอมเสี่ยทองให้เมาแอ๋อีกครั้ง ก่อนจะจ้างให้เด็กในร้านเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ชายร่างอ้วน

    ‘แล้วเจอกันใหม่นะคะเสี่ยทอง’


    คว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกหลังร้าน มุ่งตรงกลับที่พักทันที ระหว่างทางก็หยิบมือถือต่อสายโทรหาผู้กำกับวศิกานต์

    “ท่านคะ ฉันส่งตารางขนอาวุธเถื่อนให้ทางอีเมลลับแล้วนะคะ”

    “ค่ะ คุณถอนตัวจากภารกิจได้เลย”

    “รับทราบค่ะท่าน”

    เมื่อถึงที่พัก เจอเฮียโกนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ไม้เก่าๆ หน้าเคาน์เตอร์

    “ไอ้จีน”

    “อ้าวเฮียโก”

    “ฉันมาขอโทษแทนอีออยมัน”

    “ไม่เป็นไรจ้ะ ช่างมันเถอะ”

    ยิ้มให้ชายร่างสูงที่มองเธอด้วยแววตาจริงใจ

    “แต่ข้าไม่ได้คิดกับเอ็งแบบนั้นเลยนะ! เอ็งเป็นเด็กกตัญญู ถ้าข้ามีลูกแบบเอ็งคงดีใจแย่”

    “เฮียโก พรุ่งนี้ฉันจะย้ายกลับบ้านแล้วนะ”

    “ทำไมไปกะทันหันนักล่ะ? เพราะอีออยใช่มั้ย?”

    สีหน้าตกใจถูกฉายบนใบหน้าเฮียโกอย่างเห็นได้ชัด เกิ้ลจึงยกยิ้มให้อีกครั้ง

    “ไม่ใช่จ้ะ ฉันพอจะเก็บเงินได้ก้อนนึงแล้ว เลยอยากกลับไปดูแลแม่สักหน่อย”

    “แน่นะ?”

    “จ้ะ”

    เฮียโกจึงควักเงินจากในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยัดใส่มือเกิ้ลแล้วยิ้มกว้าง

    “งั้นเอ็งเอาเงินนี้ไว้เป็นค่ารถนะ ถ้าเหลือก็ซื้อข้าวปลาให้แม่กับน้องกิน”

    “ไม่เป็นไรจ้ะ เฮียเก็บไว้เถอะ”

    “เอาน่า น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เอ็งก็ขยันทำงานมาตลอด ต่อไปนี้ข้าจะไม่มีนักคัดปลาหมึกมือทองแล้วสิ”

    “เอาไว้จะมาเยี่ยมนะจ๊ะเฮีย”

    “มาๆ กอดหน่อย”

    เกิ้ลกอดเฮียโกที่ยืนอ้าแขนรอรับอยู่ ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กอดกับพี่แกต พี่ชายแท้ๆ ของตนเองจริงๆ เฮียโกยกมือหนาขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะผละออกจากกัน

    “แล้วนี่เอ็งไปยังไงล่ะ?”

    “อ๋อเดี๋ยวไปขึ้นรถทัวร์จ้ะ”

    “ติดต่อมาบ้างล่ะ”

    “ได้จ้ะ งั้นฉันไปก่อนนะ”

    “เออ โชคดีนะไอ้จีน”

    “โชคดีจ้ะเฮีย”

    โบกมือลาเฮียโกที่เดินกลับไป รีบขึ้นไปเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋า เปลี่ยนชุดและลบเครื่องสำอางออกจนหมด แล้ววางกุญแจคืนไว้ที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังจุดนัดหมายที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามกิโลเมตรในตอนเช้ามืด


    รอบนี้เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักมารับเกิ้ลที่จุดนัดพบ ยิ่งเห็นสภาพแวดล้อมจากป่าเปลี่ยนเป็นตึกรามบ้านช่องแล้วยิ่งรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้อง หัวใจที่เคยเต้นปกติพลันเต้นเร็วขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อคนขับรถจอดให้ลงยังอีกถนนหนึ่งเพื่อป้องกันการสะกดรอยตามแล้ว ก็เริ่มออกวิ่งอ้อมไปอีกทางก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยแคบๆ เพื่อทะลุมายังหน้าหมู่บ้านของควีน หัวใจเต้นระรัวจนรู้สึกเจ็บแน่นบริเวณอกข้างซ้ายเมื่อระยะทางเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดเกิ้ลก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เดินอ้อมไปข้างบ้านเพื่อหยิบกุญแจที่ซ่อนอยู่ใต้รูปปั้นกระต่ายแล้วเดินกลับมาไขกุญแจที่ลูกบิดประตูสีเงิน

    บรรยากาศที่คุ้นเคยโรยตัวเข้ามาปกคลุมทันทีเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในตัวบ้าน ถึงแม้จะยังมืดอยู่เพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเช้า เดินขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมไปทำงานก่อนจะเดินลงมาทำอาหารเช้ารอ เลือกทำโจ๊กหมูใส่ไข่เพราะเห็นว่าควีนเอาแต่กินขนมปังในตอนเช้า หันกลับไปดูนาฬิกาเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่คนพี่จะลงมาชั้นล่างแล้วจึงรีบจัดแจงตักโจ๊กใส่ชามก่อนจะเดินไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว

    “เกิ้ล”

    หันไปตามเสียงเรียกก็พบควีนยืนจ้องมองอยู่ ฉีกยิ้มกว้างให้คนตัวเล็กที่ทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้แล้ววิ่งเข้ามาสวมกอดเธอด้วยความคิดถึง

    “กลับมาแล้วนะคะพี่ควีน”


    ติดตามตอนล่าสุดได้ที่ ReadAWrite เรื่อง ฝันนั้นฉันเป็นของเธอ <<< จิ้มเลย!

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in