เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เพ้อNO.W
ในที่สุดผมก็สังเกตเห็นความแปลกในชุมชนสามเเพร่ง

  •  

               บางครั้งหลายคนจะมองว่าสิ่งหนึ่งๆ นั้นแปลกตา ไม่เคยเห็น

              แต่เปล่าเลยมันเป็นของมันอย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่ง…มีสิ่งที่แปลกกว่ามัน ได้เกิดขึ้น

     

              เมื่อผมก้าวเท้าลงจากอูเบอร์  สิ่งแรกที่ผมเห็นคือศาลเจ้าพ่อเสือที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า  ผมมองไปรอบตัว ทุกอย่างแปลกตาไปหมดสำหรับคนที่ไม่เคยมาที่นี่เช่นผม ผมเดินลัดเลาะไปตามทางเท้าที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน  ผมมาที่นี่พร้อมกับโจทย์ในหัวที่อาจารย์สั่งมา ‘การสังเกต’  โจทย์นี้พาให้ผมและเพื่อนอีกสองคนเดินทางมายังชุมชนสามแพร่งแห่งนี้

     

                บอกตามตรงว่าผมไม่เห็นสิ่งใดในทั้งสามแพร่งนั้นแปลกตาพอที่จะเอามาเขียนได้เลยสักนิด  อย่างน้อยก็สำหรับผม  พวกเราเดินผ่านแพร่งสรรพศาสตร์  แพร่งนารา แพร่งภูธร  ที่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้  เจอหลายสิ่งหลายอย่างก็มากมาย  แต่ผมก็ยัง ‘สังเกต’ หาความแปลกที่ว่าไม่เจอ พวกเราจึงทำตามคำแนะนำที่ว่า

     

    “ถ้าเราเดินๆ ไปแล้วไม่เจอสิ่งที่แปลก สิ่งที่น่าสนใจ แปลว่าเรายังมองมันไม่ดีพอ ลองย้อนกลับทางเดิม หรือเดินใหม่อีกรอบ เราอาจจะเจอก็ได้ เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีแน่นอนในทุกที่”     

     

    และในที่สุดผมก็ ‘สังเกต’ เห็น  


    ไม่ใช่ด้วยตาเท่านั้น  แต่รวมถึงความรู้สึกด้วย  มันไม่ใช่สิ่งแปลกตามากนักสำหรับผม  มันกลับเป็นสิ่งที่ผมเคยเจอ  เคยสัมผัสมาก่อน  และผมก็เจอมันที่แพร่งภูธร  เราลองเดินเข้าไปกันอีกรอบตามคำแนะนำ แพร่งนี้จะมีจัตุรัสตรงกลางที่เป็นสวนหย่อมขนาดเล็กสำหรับให้คนมาพักผ่อน  ซึ่งรอบจัตุรัสนั้นมีทั้งร้านกาแฟโบราณ  ร้านก๋วยเตี๋ยว  อู่รถเก่า บ้านของคนแถวนั้น อาม่าที่ออกมานั่งดูหลานๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน  หรืออย่างภาพหมู่ที่แปะไว้บนประตูบ้านอย่างน่าสงสัยว่าเขาเอามาแปะไว้ทำไม


      มันคงเป็นความแปลกทั่วไปสำหรับคนอื่น  เพราะมันเป็นชุมชนเล็กๆ ชุมชนหนึ่ง  แต่สำหรับผม ทันทีที่เดินเข้ามาในซอยและพบกับ ‘ชีวิต’ ของผู้คนรอบจัตุรัสนี้ มันกลับกลายเป็นว่าผมถูกเครื่องย้อนเวลาขนาดใหญ่ดึงเอาผมกลับไปสู่อดีต  ผมลืมเทคโนโลยี  ลืมความเจริญของโลกที่ผมอยู่ไปชั่วขณะ  ผมเห็นชุมชนที่มีความรู้สึกแบบนี้ ผมเคยเห็นชีวิตแบบนี้มาแล้วสมัยเด็ก ถึงแดดจะร้อนจัด เหงื่อจะออกท่วมตัวขนาดไหน แต่ผมกลับลืมมันไปได้  ผมรู้สึกสงบ รู้สึกว่าตัวเองได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง ได้เห็นวิถีชีวิตตอนเด็กของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง 

     

                เสมือนผมย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในภาพความทรงจำวัยเด็ก  กลิ่นอายของมัน  วิถีชีวิต ความเป็นอยู่  ทุกอย่างเกิดขึ้นทันทีเมื่อผมใช้มากกว่าแค่ตาสังเกต  วินาทีนั้นผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข  เหมือนตัวเองได้เดินเล่นอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ

     

                ผมเดินย้อนกลับไปอีกสองแพร่ง  ความรู้สึกนี้ก็ยังตามไป  ผมเห็นวิถีชุมชนเก่าแก่  ความดั้งเดิม การดำเนินชีวิตที่มีความสุข ด้วยการอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาความสุขที่เกินตัว 

               

                และทันทีที่ผมก้าวออกมาเหยียบพื้นถนน  เห็นรถเมล์ที่ขับผ่าน  เห็นความวุ่นวายของการจราจร  ของเมืองที่เกือบจะเจริญแล้ว  ภาพ รวมถึงความรู้สึกสงบของผมพลันจางหาย และวินาทีนั้นเอง ที่ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้ค้นพบความแปลกที่แท้จริงแล้ว มันเป็นความแปลกของสิ่งใหม่ที่เข้ามาเยือนสิ่งเก่า  มันเป็นความแปลกของวัฒนธรรมยุคใหม่  ที่กำลังบั่นทอนและทำลายวิถีชีวิตเดิมๆ มันคือกระแส ‘เวลา’ ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in