ฉันรู้จักหญิงสาวผู้หนึ่ง
เธอผู้เป็นที่พึ่งของสรรพสิ่ง
เธอรับบทเป็นนักรับฟังควบคู่ไปกับนักเติมพลัง
ความสามารถพิเศษของเธอคือสามารถรับฟังผู้อื่นได้อย่างจริงใจ
เธออาจจะเกิดมาเพื่อเป็นที่พึ่งของมวลมนุษยชาติ, เธอคิด
เธอมีความสุขแม้กระทั่งกับเรื่องเล็กน้อย
น้ำหยดลงใบไม้ ดอกไม้ขยับเพราะลมพัดอ่อนๆ อากาศร้อนสามสิบสามองศา
“วันนี้ต้องดีนะ”
เป็นประโยคที่เธอใช้บอกตัวเองในกระจกทุกวันตอนเช้า
เธอใช้ชีวิตได้อย่างราบเรียบราวกับเส้นตรงบนไม้บรรทัดสิบสองฟุต
หากต้องแก้ปัญหาให้กับชีวิตอันยุ่งเหยิงของเธอเอง
มันอาจจะหนักเกินกว่าจะรับมือไหว, เธอเตือนตนเองเสมอ
สิ่งที่เธอหวาดกลัวมากที่สุด
คงจะเป็นการที่เธอหยิบยื่นความหวังให้ผู้อื่นไม่ได้ล่ะมั้ง
ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่เธอเดินเล่นบนสนามที่ปูด้วยหญ้าอันหนานุ่ม
ก้าวเท้าซ้ายออกไป ตามมาด้วยขวา ซ้ายและขวา ซ้ายและขวา
เธอสลับเท้าราวกับว่าตัวเธอเป็นตุ๊กตา
ที่ขับเคลื่อนด้วยจังหวะของบทเพลงจากกล่องดนตรียังไงยังงั้น
ฉันแทบจะจินตนาการไม่ออกเลย ว่าฉันเคยเห็นภาพไหนที่แสดงถึงความสุขได้มากเท่านี้มาก่อน
เธอรู้อยู่แล้วว่าเธอเลือกเดินบนพื้นราบเรียบที่สุดเสมอ
เธอล้มลงบนพื้นด้วยความแรงเจ็ดจุดหนึ่งริกเตอร์
โอ๊ย!
สะดุดก้อนหินจนได้สินะ (เธอโกหก)
เธอปล่อยให้ตัวเองนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นมาพักนึงแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้น สบตากับท้องฟ้า
คงมีแค่เธอกับท้องฟ้าที่รู้ความลับนี้, เธอนึก
น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอทั้งสองข้าง
เธอร้องไห้โฮ
เธอไม่ได้เจ็บเพราะ(แกล้ง)สะดุดล้มเลยแม้แต่น้อย
สงสัย
เธอคงลืมไปแล้วว่า “ถ้าเธอไม่มีความสุข เธอจะไปสร้างความสุขให้คนอื่นได้อย่างไรกัน”
.
.
.
ฉันเห็นเรื่องราวทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น (:
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in