เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นาฬิกาทรายWITCHARIN NIRANAMKUL
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน จุดเริ่มต้นของบริษัท
  • ณ คณะวิศกรรมศาตร์ในสาขาที่ใครต่างก็ไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น

    "ผมว่าถ้าคุณคิดจะเริ่มธุรกิจทางนี้ ผมเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าคุณจะไปรอดรึเปล่าน่ะ คุณธัชวินท์"

       บทธัชวินท์   

    ผมที่ได้เลือกตัดสินใจในเส้นทางนี้ เพราะผมเองก็รู้สึกว่าไม่มีเส้นทางไหนที่ผมเลือกได้ถูกต้องเลยสักอย่าง ถึงแม้ว่าผมมีพ่อที่เป็นหุ้นส่วนบริษัทใหญ่และความสามารถในการลงหุ้นถูกสืบสายเลือดมายังผมพี่ชายคนโตของบ้าน แต่น้องชายกลับได้สายเลือดสร้างสรรค์มาจากใครคนไหนในตระกูลก็ไม่ทราบได้
    แล้วคุณพ่อได้ทิ้งความหวังลง ปล่อยให้พี่น้องได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระโดยมีข้อผูกมัดหนึ่งข้อว่า
    'จะไม่เป็นที่ปรึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กใหญ่แค่ไหนก็ตาม'
    ไม่รู้เลยว่าข้อผูกมัดนี้มันจะดีหรือมันจะแย่กันแน่
    แต่ผมก็ได้เจอกับ'วิธาน'รุ่นน้องที่ห่างกับผมถึงสี่ปี เราแทบจะไม่ได้เจอกันเลยในช่วงเรียนมหาลัย
    แต่ดันมาเจอกันในช่วงหัวเลี้ยวโค้งหักศอกของชีวิต
    นั่นทำให้ผมและวิธานเข้ากันได้ดีราวกับจิกซอว์ที่หากยากมาก ๆ มาลงล็อกกัน

    ในวันที่ฝนตกหนักและในห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหนังสือเล่มหนาที่เกี่ยวกับธุรกิจ 
    นั่นคือห้องของคุณพ่อ

    "นี่แกได้เริ่มเป็นเจ้านายโดยไม่ผ่านการเป็นลูกน้องงั้นหรอ" ชายใส่แว่นชุดดำที่ผมเรียกว่าพ่อ เขาเอ่ยถามผมหลังจากผมขอเช่าหนังสือเล่มนึงจากห้องของเขา 
    "ครับพ่อ"
    "เห็นได้ชัดเลยว่านายไม่มีรายได้จากสิ่งที่แกทำเลยแม้แต่บาทเดียว แถมสิ่งที่แกทำอยู่กินเงินทุนของแกเป็นว่าเล่น" ชายผู้เป็นพ่อวางหนังสือลง แล้วจ้องมองผมด้วยนัยตาสีคราม เพราะเขาเองก็เป็นลูกครึ่งที่ได้ภรรยาสุดสวยนัยตาสีน้ำตาลอ่อนผมสีดำเข้ม ส่วนผมก็ได้ตาสีฟ้าอ่อนมาครอบครอง เขาคือคนสร้างตระกูลที่มีความมั่นคงทางการเงิน แต่กลับมีลูกชายที่ในสายตาเขามองว่าไม่ได้เรื่อง
    "บริษัทของนายคงเต็มไปด้วยความรักที่ห้ามเกินกว่าจะควบคุม"
    "อะไรนะ" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
    "เอาเล่มนี้ไปอ่านจะดีกว่านะ" เขายื่นหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งให้กับผม ผมเองก็รับมาโดยไม่มีคำถามอะไรที่จะถามกลับไป
    "พ่อ สนใจมาเป็นหุ้นส่วนผมไหม"
    "ชั้นขอรอประสบการณ์ของแกก่อนดีกว่า" เขาตอบพร้อมนั่งไขว่ห้างแล้วประสานมือวางเยื้องหัวเข่า
    "ครับ" ไม่คิดเลยว่าคำถามที่ถามไปนั้นจะทำให้ผมประหม่าและใจเต้นแรงมาก ๆ 

    ในวันรุ่งขึ้นได้เกิดเรื่องที่ผมเองก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม 'ผมขับรถหลงทาง'
    และนั่นทำให้ผมได้พนักงานใหม่ที่มีคุณภาพมากคนนึง

    "นี่นายชงกาแฟยังไงกับถึงทำให้เศษกาแฟตกลงไปด้วยเนี่ย"
    "ขอโทษครับ"
    "อย่าบอกนะว่านายลืมใส่แผ่นกรองน่ะ"
    "โอ๊ยร้อน จริงด้วยครับผมลืม" พนักงานหนุ่มรีบคว้าผ้ามาเปิดหม้อต้มกาแฟ
    "ใช้ไม่ได้ ทำใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ"
    "ครับ ๆ"
    "รีบเลย โดยด่วน หมดเวลากะชั้นแล้ว"
    "ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า ขอเวลาเราทำกาแฟใหม่สักครู่นะคะ" เธอหันมขอโทษผมที่กำลังยืนรอกาแฟอยู่
    "ไม่เป็นไรหรอกครับผมรับได้"
    "ไม่ได้ค่ะ ชั้นไม่ยอมให้คุณซดกากกาแฟเข้าไปด้วยหรอกค่ะ"
    "เอ่อ"

    เสียงถกเถียงดั่นสนั่นกลางร้านที่กำลังสงบ จนผมอยากได้พนักงานคนนี้มาอยู่ในครอบครองเลย
    เธอชื่อ 'เมธาวดี' ตามป้ายชื่อที่ปรกฏอยู่บนเสื้อสีดำ

    ผมยืนรอหลังร้านเพื่อยื่นข้อเสนอให้เธอ
    "ให้ตายสิ ค่อยขอโทษหมอนั่นละกันต้องรีบไปแล้วสิ" เธอบ่นพึมพำคนเดียวหลังจากปิดประตูหลังร้าน
    "รีบมากไหมครับ"
    "ก็นิดหน่อยค่ะ กาแฟไม่อร่อยหรอคะ หรือรอนานไป"
    "ผมไม่มีปัญหาเรื่องรอหรอกครับ"
    "แล้วคุณมีอะไรรึเปล่าคะ?"
    "ผมอยากชวนคุณมาทำงานกับผม"
    "งานอะไรหรอคะ?"
    "ตรวจสอบคุณภาพน่ะ"
    "เอ๋ คุณสืบเรื่องชั้นมาหรอคะ"
    "เปล่า ผมกำลังสืบอยู่ตอนนี้ต่างหาก"
    "คือ ชั้นเองก็พึ่งลาออกจากงานและทำงานนี้ได้ไม่นาน"
    "ลาออกหรอ"
    "ชั้นไม่อยากทำงานกับคนทำอะไรผิดซ้ำ ๆ บ่อย ๆ น่ะคะ"
    "งานร้านนี้ด้วยรึเปล่า"
    "เปล่าค่ะ นี่พึ่งเริ่มงานได้สองอาทิตย์เอง"
    "งั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณดีกว่า นี่ช่องทางติดต่อ อยากทำอะไรใหม่ ๆ เมื่อไหร่ก็ติดต่อผมมาละกันนะ"
    ผมยื่นกระดาษที่มีช่องทางติดต่อทุกช่องทางที่ผมใช้ เผื่อว่าวันใดวันนึงเธอจะรับข้อเสนอนี้

    สามเดือนผ่านไป

    "ในที่สุดก็จบงานของลูกค้าท่านแรกแล้ว"
    "จะว่าไปกว่าจะจบเนี่ยเราเองก็ถ่ายวีดีโอเผื่อเจ้าน้องชายไปเยอะเลยแหะ"

    "ไม่ไหวหรอกนะพี่ นี่มันฟุตเทจบ้าบออะไรไม่มีคอนเซปอะไรสักอย่างผมคิดให้ไม่ออกหรอกนะ และบรีฟพี่ที่ส่งมาก็โคตรจะงงเลย" นี่คือสายโทรศัพท์ที่โทรหาผมหลังจากผมส่งข้อความไป
    "โถ่ พี่เชื่อว่าแกเก่ง"
    "บางทีพวกฟรีแลนซ์อาจจะ . . . "
    ตึ๊ด ๆ 
    "เฮ้ย สายซ้อนอะ โทษที"
    "อ้าว"

    "ฮัลโหลสวัสดีครับ ธัชวินท์ครับ"
    "สวัสดีค่ะ ยังจำพนักงานขี้เหวี่ยงเรื่องมากได้ไหมคะ"
    "อ่อจำได้สิครับ ผมรอคุณอยู่เลย"
    "ค่ะช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมคะว่างานที่คุณอยากให้ชั้นทำมันเป็นงานแบบไหน ผิดกฎหมายรึเปล่า"
    "ไม่ผิดกฎหมายแน่นอนครับไม่ต้องห่วง และตอนนี้ก็มีงานให้คุณทำเรียบร้อย"

    "ใครหรอครับ" วิธานถาม  พนักงานเพียงคนเดียวที่ผมจ่ายเงินเดือนด้วยเงินเก็บผมมาร่วมเกือบสองปี
    "พนักงานคนใหม่น่ะ"

    ไม่นานเธอก็เดินทางมายังที่ทำงานที่เป็นบ้านเช่าที่ผมเช่าไว้ร่วมหลายปี เรียกว่าเป็นที่ซุกหัวนอนผมก็ว่าได้
    "วีดีโอตัดต่อคุณห่วยมากค่ะ"
    "เอ๋ ผมตั้งใจทำมาทั้งอาทิตย์เลยนะ"
    "แล้วงานคุณก็ไม่เนี๊ยบ เป็นชั้นจะตัดราคาลงครึ่งนึงเลยนะ"
    "เอ๋ คุณ"
    "คุณวิศวกรคะ ช่วยแก้งานตามที่ชั้นบอกได้ไหมคะ"

    ณ เวลาสามทุ่มของคืนนั้น เป็นนอกเวลางานที่คุ้มค่ามาก จนผมอยากจ่ายค่าจ้างงาม ๆ ให้เธอ
    และผมทราบว่าเธอจำเป็นต้องออกจากงานเนื่องจากเจ้าของร้านสั่งปิดสาขาที่เธออยู่เพื่อลดต้นทุนในช่วงที่ค่าวัตถุดิบกำลังพุ่งสูง เธอหัวอุ่นไม่น้อย เพราะแทนที่จะเลือกปิดอีกสาขา กลับมาปิดสาขาที่คนอัดแน่นแต่ไม่มีที่จอดรถทำให้ถนนเส้นนั้นรถติดบ่อย นั่นแหละคือเหตุผลที่ต้องเป็นสาขาที่เธออยู่ และมุ่งพัฒนาสาขาที่มีที่จอดรถ ข่าวร้ายคือ อีกสาขาไม่มีที่ว่างให้เธอได้เป็นพนักงานและเธอก็ถอนตัวออกมาเพราะมีอีกทางเลือกที่เธอครุ่นคิดตลอดเวลา นั่นคือทางเลือกที่ผมยื่นให้

    สามวันผ่านไป
    "ไม่จริงใช่ไหมลูกค้าบอกว่าจะจ่ายเพิ่มเพราะรู้สึกว่าจ่ายน้อยไปงั้นหรอ" ผมอุทานออกมาเสียงดังหลังเมธาวดียื่นสลิปเงินให้ผม
    "ฝีมือเธอเองแหละครับ เราควรมีนักบัญชีและนักการตลาดได้แล้วนะครับ  บอส" วิธานเอ่ยในขณะที่กำลังเล่นอยู่กับผลงานชิ้นทดลองที่ยอมอดหลับอดนอนสุดท้ายก็โดนผู้หญิงที่ชื่อเมธาวดีสั่งแก้ไปง่าย ๆ
    "เรามีงานเพิ่มแล้วนะคะบอส ที่นี้พวกคุณสองคนต้องทำงานหนักแล้วล่ะ"
    "ส่วนคุณก็มีเวลาว่างเหลือเฟือสินะ"
    "ชั้นไม่คิดจะอยู่เฉย ๆ หรอกนะคะ จะหาฝ่ายบัญชีและนักการตลาดให้ พวกคุณจะได้งานยุ่งขึ้นไปอีก"
    "นี่ผมเพิ่มเงินเดือนให้คุณไม่ไหวหรอกนะ"
    "คุณอยากล้มละลายในก้าวแรกหรอ ที่คุณจ่ายชั้นว่ามันก็เยอะเกินไปแล้วนะ พ่อน้ำตาลหวาน"
    "อันนี้จริง ผมเห็นด้วย คุณจ่ายเงินเดือนเดือนนี้ให้ผมแค่ครึ่งนึงผมไม่ว่าอะไรคุณหรอก" วิธานเอ่ยพร้อมวางชิ้นงานสุดโปรดลงกล่อง ก่อนจะจัดเรียบของเพื่อเริ่มงานต่อไป
    "การเริ่มของผมมันมาจากศูนย์แล้วติดลบ มีแค่พวกคุณแล้วล่ะที่จะทำให้มันเลิกติดลบ" 
    "คุณมันหัวดื้อนะคะพ่อน้ำตาลหวาน เอาเป็นว่าวันนี้ชั้นขอเลิกงานแล้วไปทำงานของชั้นต่อนะคะ" พูดจบเมธาวดีก็ลุกขึ้นเก็บของลงกระเป๋า
    "แล้วพรุ่งนี้ชั้นจะมาจัดห้องรก ๆ นี้ให้นะคะ"
    "พรุ่งนี้วันหยุดนะ"
    "คุณต้องต้องมาช่วยค่ะ คุณธัชวินท์"
    "เ่อ่อ"
    "ฮ่า ๆ ผมชอบบริษัทนี้ซะแล้วสิ" วิธานพูดแล้วเดินมาโอบไหล่ผม เหมือนกับน้องชายที่มักจะโอบไหล่ผมตอนผมทำหน้าเหวอ

    และผมก็ตั้งความหวังว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะได้ลบล้างคำสบประมาทอาถรรพ์ของอาจารย์

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
WITCHARIN NIRANAMKUL (@fb1211815956424)
ต่อต่อไป กุหลาบสีขาว