เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นาฬิกาทรายWITCHARIN NIRANAMKUL
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน ซื้อเวลา
  • "วันนี้หลังปิดงานรหัสสามร้อยสิบสี่ได้แล้ว ผมขอประชุมหน่อยนะ" ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในบริษัทเกิดขึ้นเหมือนภาวะโลกรวน ที่บางครั้งก็สงบ บางครั้งก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ส่วนผู้เป็นหัวหน้า ก็สามารถแก้ปัญหาและพยุงกำลังใจของคนภายในบริษัทได้ทุกครั้ง
    "นี่วิช นายว่างไหม" เมโผล่มาด้านหลังผมราวกับนักลอบสังหาร หรือผมเป็นพวกประสาทรับรู้พังก็ไม่รู้สิ
    "เอิ่ม ผมมีใส่ซับแล้วก็วางดราฟใหม่"
    "งั้นหรอ พอดีอยากจะขอช่วยอะไรหน่อย"
    "เรื่องอะไรหรอ"
    "แต่งานนายก็ใช่สมาธินะ ไม่เป็นไรหรอก"
    "เอ่อ . . .ครับพี่" ทุกคนในบริษัทอายุมากกว่าผม แต่ทำเหมือนกับผมเป็นคุณลุงอยู่เรื่อยเลย โดนเฉพาะ ลลิตา
    "ลุงหนวดบาง พี่เอาไฟล์งานใหม่มาให้"
    "เอ๋ พี่อักษรินร์ไปถ่ายไว้ตอนไหนครับ"
    "ผมก็ทำงานตลอดเวลานะวิชรินทร์" ชายหนุ่มที่มีนัยตาสวยที่สุดในบริษัทตอบผมอย่างเย็นชา ในขณะกำลังเช็ดเลนส์กล้องอย่าเบามือ
    "นายดูยุ่ง ๆ ดีนะว่าไหม" สาวที่ครอบครองน้ำหอมที่ผมหลงไหลเดินเข้ามา เหมือนทุกคนกำลังว่างงานและรุมปั่นหัวผมอยู่ แน่ละผมเป็นคนเดียวที่แทบจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ เหมือนหุ่นตกแต่งห้องที่วางที่ไหนแล้วจะไม่ขยับถ้าไม่มีคนมาเคลื่อนย้ายมันไป
    "นี่ กาแฟใส่น้ำตาลสองช้อน ตอนนี้นายเป็นคนที่งานเยอะที่สุดแล้วนะ" เมธาวดียื่นกาแฟให้ผม เธอเป็นเหมือนบาริสต้าฉุกเฉินในยามที่ร้านกาแฟปิด และแน่นอนตอนนี้ร้านกาแฟที่ผมเคยเจอเมธาวดีครั้งแรกก็กำลังปิดปรับปรุงอยู่

    สามชั่วโมงผ่านไป . . .
    "เอาล่ะที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่อักษรินทร์ ช่วยเก็บรายละเอียดงานสุดท้ายทีนะ ส่วนเครื่องที่สองต้องได้เวลาซ่อมสักหน่อยแล้วล่ะ" วิธานดัดกระดูกสันหลังดังกร็อกไปทั่วร่างก่อนจะแจงรายการงานแล้วเดินเข้าห้องประชุม ส่วนวิชรินทร์ก็กำลังปั่นงานชิ้นสุดท้ายให้เสร็จก่อนการประชุมจะเริ่ม
    "นี่ อีกห้านาทีนะวิชรินทร์" เมธาวดีมาย้ำเตือนผม
    "แล้วนาฬิกาทรายนี่มันจับเวลากี่นาทีกันล่ะ"
    ความจริงแล้ววิชรินทร์กำลังหัวอุ่นเพราะนั่นทำให้เขาเขียนคำพูดของเธอลงในซับไตเติ้ล
    "คือว่า . . . นาฬิกานั่นมีชื่ออยู่นะครับพี่"
    "นี่นายตั้งชื่อให้กับนาฬิกาทรายด้วยหรอ" เมธาวดีหยิบนาฬิกาทรายขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อด้วยเลเซอร์ว่า 'WAIT A MINUTE' 
    "มันชื่อว่า แป๊บเดียว"
    "แป๊บเดียวหรอ"
    "รอสักครู่ หรือ แป๊บเดียว มันเป็นนาฬิกาทรายที่มีเวลา หนึ่งนาทีกับอีกสามสิบวินาทีครับ"
    "ตามทฤษฎีเลยหรอ"
    "ครับ ไว้เวลาผมอยากพักใช้ความคิดในกรณีเร่งด่วน หรือ ก่อนจะทำอะไรที่ใช้เวลานาน ๆ"
    "พี่ก็ว่า ทำไมทุกครั้งก่อนเริ่มงานแกมักจะนั่งนิ่ง ๆ แล้วหลับตาข้างเดียว"
    "เอ๋ นี่พี่สังเกตุด้วยหรอครับ"
    "ไปประชุมกัน" ในใจวิชรินทร์คิดเพียงแค่ว่า คน ๆ นี้ผูกปมและกระตุกต่อมเผือกได้เก่งชะมัด ราวกับเป็นผู้คุมเกมบทสนทนา และไม่ยอมให้ใครมาคุมเกมง่าย ๆ

    ณ ห้องประชุมที่บรรยากาศมีความเคร่งเครียด ต่างกับบรรยากาศภายในห้องทำงานอย่างลิบลับ
    "ผมขอเริ่มการประชุม และจดบันทึกการประชุมนี้อย่างละเอียดด้วยนะครับ ธานินทร์" ธันวินท์เดินเข้ามาคนสุดท้ายพร้อมกับเอกสารประมาณสิบแผ่น
    "สรุปคิวที่สั่งมาตอนนี้มีถึงรหัสสี่ร้อยสองค่ะ" ลลิตารายงานต่อทุกคนให้ทราบ มีเพียงวิธานที่สีหน้าไม่ดีนักเมื่อได้ยินประโยคนั้น
    "ผมคงต้องฝากเอมิให้ดูแลประมาสิบรหัส กว่าผมจะเขียนโค๊ดเสร็จ"
    "เอ่อความจริง เทรนผมสักครึ่งวัน ผมพอจะช่วยคุณได้นะวิธาน" อักษรินทร์เริ่มคันไม้คันมืออยากใช้ความสามารถที่มี ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะปฏิเสธหัวแข็งเพราะกลัวทำงานพลาดซ้ำรอย
    "ผมรบกวนด้วยนะ"
    "ส่วนเรื่องรายจ่าย ตอนนี้ถือว่ายังคงมีหลายอย่างที่ต้องใช้เงินครับ"
    "ในเรื่องการส่งพัสดุตอนนี้มีปัญหาในเรื่องจำนวนการส่งและรอบในการส่งครับ"
    "รหัสสี่ร้อย เป็นสินค้าที่ต้องใช้วัสดุใหม่ ซึ่งต้องทำการทดสอบวัสดุและยังหาวัสดุที่เหมาะกับงานนี้ไม่ได้ค่ะ"
    ทุกคนรายงานปัญหาประจำสัปดาห์และดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้จะมีเรื่องให้แก้มากมายพอควร
    "นั่นสิ เรื่องวัสดุของรหัสสี่ร้อยทำผมคิดไม่ออกเหมือนกันนะว่าควรจะทำยังไง"
    "วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรอ ลลิตาคุณมีไอเดียอะไรไหม"
    "ตอนที่รับงานนี้มา ฝ่ายลูกค้าบอกไว้ใจในความสามารถของทางเรา และไม่เกี่ยงเรื่องเวลาในการจัดส่งค่ะ"
    "วิชรินทร์ ? นายมีไอเดียหรอ" เสียงของเมธาวดีปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิด 
    "เอ่อ ถ้าเราใช้วัสดุรีไซเคิลล่ะครับ"
    ประโยคนั้นทำให้สายตาของเอมิและวิธานถึงกับส่องประกายออกมา
    "นี่เรามีม้ามืดไอเดียเป็นลุงหนวดบางหรอเนี่ย" ลลิตาพูดบรรยากาศในห้องประชุมเหมือนแสงที่ส่องลอดผ่านเมฆเทาหลังฝนตกไม่ผิด
    "คุณเพิ่มงานให้เอมิแล้วสิวิชรินทร์ รับผิดชอบเรื่องการจัดหาวัสดุได้รึเปล่า" วิธานถาม
    "แน่นอนครับ ผมจะลองดู"
    หลังจากการการประชุมก็ราบรื่นขึ้น ทุกคนพูดคุยถึงการแก้ปัญหา และวางแผนงานกันอย่างมืออาชีพขึ้นมาก 
    "งั้นผมให้เวลาคุณวิธานสองอาทิตย์กับคุณอักษรินทร์รับผิดชอบเรื่องโค๊ด และให้เอมิมาควบคุมการผลิตจนกว่าโค๊ดจะเสร็จสมบูรณ์ ส่วนงานที่จะเข้ามาคุณเมธาวดีและคุณลลิตา ช่วยแยกขนาดงานไว้หน่อยนะครับ รวมถึงคำนวณเวลา และอักษรินทร์งานพัสดุผมจะแก้ปัญหาให้โดยไวที่สุดส่วนคุณธานินทร์งานคุณช่วยไปสนับสนุนทางเอมิด้วยนะ และธัญวิชงานของคุณยังเหมือนเดิมครับ ผมขอปิดการประชุม ขอบคุณทุกคนมาก"
    "นี่นาย พี่มีอะไรจะถามเยอะเลย" เมธาวดีเดินมากระซิบวิชรินทร์ในขณะที่เขากำลังจะลุกจากเก้าอี้
    "เรื่องอะไรหรอครับพี่ แต่ผมมีคำถามอยู่เหมือนกัน"
    "ถามมาก่อนสิ"
    "พี่รู้ได้ไงว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่"
    "นายมักนั่งเอามือซ้ายกำหมัดเบา ๆ แล้วค้ำแก้มในตอนที่มีความคิดดี ๆ น่ะ"
    "นั่นก็สังเกตุผมหรอ"
    "หลังจากนายทำท่านั้นอยู่พักนึง นายก็มักทำงานดีขึ้นเสมอ"
    "งั้นหรอครับ แล้วคำถามที่จะถามผมล่ะ"
    "นายคิดเรื่องนั้นได้ไง เรื่องวัสดุ"
    "ผมไปเจอมาตอนที่กำลังหาไลน์ตัดใหม่เกี่ยวกับงานนี้น่ะครับ"
    "เจ๋งไปเลยนี่ งั้นเราไปทำงานต่อกันเถอะ"

    วิชรินทร์และเมธาวดีคือสองคนสุดท้ายที่เดินออกจากห้องประชุม และพบว่าเอมิรออยู่ที่โต๊ะทำงานของวิชรินทร์แล้ว
    "ชั้นเจอสิ่งหนึ่งที่อยากแก้ในไอเดียของนาย"
    "งานตัดต่อหรอ"
    "เปล่า ชั้นเซฟไว้ให้แล้ว ดูเหมือนมันจะไม่ได้ถูกเซฟไว้นะ แล้วนายก็เปิดโปรแกรมหลายอย่างด้วย"
    "ขอบคุณมากครับ"
    "นั่นต้องใช้อุปกรณ์ใหม่ด้วยหรอครับ"
    "ใช่แล้วล่ะ ดูเหมือนต้องไปหาซื้อมาด้วยนะ"
    "เห้ ผมมีไอเดียบางอย่าง" ธานินทร์เดินเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้นสุด ๆ และเผยไอเดียที่ทำให้เอมิต้องอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

    หลังจากนั้น งานก้เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ จนทำให้วิชรินทร์ต้องว่างงาน เนื่องจากคนถ่ายวีดีโอดันไปติดลมอยู่กับการเขียนโค๊ดงานใหม่ ดูเหมือนจะดุไร้ประโยชน์ไปในเวลานี้

    "นี่คุณพอจะว่างไหมวิชรินทร์" เสียงของธัชวินท์ปลุกวิชรินทร์จากการงีบเนื่องด้วยความว่างงานและสภาพเหมือนคนกำลังหมดไฟ
    "มีงานให้ผมทำแล้วหรอ"
    "เปล่าผมจะขอซื้อเวลาคุณไปกับผมหน่อย"
    "ซื้อเวลา ?"
    "พอดีมันเป็นเรื่องส่วนตัวไปหน่อย คืนนี้เดี๋ยวคุณช่วยมาที่บริษัทตอนสองทุ่มทีนะ"
    "เอ๋ มันเรื่องอะไรกันหรอ" 
    "ความลับ"

    เชื่อรึเปล่าล่ะว่าทุกวันนี้เรากำลังขายเวลา เพื่อแลกกับอะไรบางอย่างอยู่ และมันก็มีคนที่ซื้อเวลาเหล่านั้นเพื่ออะไรบางอย่างอยู่เช่นกัน สกุลซื้อขาย ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป จะเป็นอะไรก็ได้ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมซื้อขายเวลานั้น โอเคกับมัน และกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับว่า หลังการจบการซื้อขาย ใครได้รับอะไรไปบ้าง และคุ้มค่าพอที่เสียเวลาไปไหม ก็เท่านั้น

    "ว่าแต่ ทำไม่คุณถึงนัดผมมาที่แบบนี้เนี่ย"
    "ไม่ใช่สายดื่มหรอ"
    "เปล่าครับ แค่คออ่อนน่ะครับ"
    "เวลาแบบนี้ไม่ต้องนอบน้อมกับผมหรอก ผมแค่อยากหาคนมาดื่มเป็นเพื่อนเฉย ๆ"
    ณ ร้านนั่งชิว ที่บรรยากาศชิวตามชื่อ ธัชวินท์ซื้อเวลาชองวิชรินทร์ มาเพียงเพื่อนั่งดื่มเบียร์ชิว ๆ ที่ . . .
    "หัวหน้าดื่มเก่งเหมือนกันนะครับ"
    "ก็ ทุกครั้งหลังแก้ปัญหาใหญ่ ๆ ได้ เราก็ควรให้รางวัลตัวเอง ถูกมั๊ย?"
    "คิดเหมือนผมเลยครับ"
    "ใช่ ผมรู้สึกว่าคุณมีอะไรคล้ายผมมากเลยล่ะ"
    "ยังไงหรอครับ"
    "เส้นทางวัยเด็กของนาย คล้ายผมมากเลยนะ"
    "เอ๋ วัยเด็กหรอ"
    "ผมเคยเป็นคนชอบตัดต่อวีดีโอมาก ๆ เลยล่ะ ถ้าเห็นในไฟล์เก่า ๆ นั่นน่ะ ฝีมือห่วย ๆ ผมเอง"
    "เอ๋ ไม่ใช่คุณจ้างฟรีแลนซ์มาทำหรอครับ"
    "ฟรีแลนซ์หรอ ก็นายไง คนที่ชั้นจ้างมา คนแรกของบริษัท"
    วิชรินทร์ตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินประโยคนั้น เหมือนกับเขากำลังข้ามถนนแล้วมีรถบรรทุกพุ่งมาด้วยความเร็วสูง พร้อมส่งเข้าไปยังต่างโลก
    "นั่นหมายความว่า . . ."

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in