เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นาฬิกาทรายWITCHARIN NIRANAMKUL
ซากุระร่วงโรย
  • ชายที่ชื่อโจนาธาน คือชายที่ฉันเกลียดมาที่สุดในชีวิต หรือเป็นบทเรียนที่ฉันจะไม่มีวันลืม
    เขาเป็นหนุ่มหล่อผมบลอนด์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม สูงร้อยแปดสิบเอ็ด ร่างกายกำยำ
    แต่กลับใช้พละกำลังทำรายฉันจนเลือดตกยางออก เพียงเพราะมัวเมาไปกับสุรา
    และความเครียดที่กัดกินเขา ฉันดันไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาเองเลยต้องเจ็บตัว
    นั้นคือจุดที่จบความสัมพันธ์ของเราลง

       บทคามีเลีย เอมิ   

    ฉันชื่อคามีเลีย แต่พ่อเรียกฉันว่า 'เอมิ' เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น พ่อเป็นคนไทยที่เป็นวิศวกรมาทำงานอยู่ญี่ปุ่น และแม่คือรักที่ไม่มันคงของพ่อ
    ฉันกับแฟนหนุ่ม หรือ ผู้บ่าวเก่า รวมถึงพ่อ มาถึงจุดแตกหักของความสัมพันธ์พร้อมกัน
    คืนนั้นฉันได้ดื่มเบียร์เป็นเพื่อนพ่อ ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบินกลับมายังบ้านเกิดของพ่อ
    พ่อลาออกจากงานมาหางานใหม่ ส่วนฉัน ยังเคว้งคว้างอยู่เลย 
    ความจริงแล้วฉันมักช่วยงานของพ่ออยู่บ่อย ๆ จนมีทักษะวิศวกรอยู่บ้าง
    แต่ถึงอย่างนั้น สายงาน R&D ของฉัน ก็ยังคงเป็นงานที่ปวดหัวพอตัว แต่ด้วยประโยคที่พ่อเคยพูดกับฉัน
    'ถ้าทำให้มันสนุกได้ เดี๋ยวมันก็จะสนุกตามเราไปด้วย'

    หลังจากกลับมา พ่อเองก็ได้งานโดยทันทีจากเพื่อนสนิท
    และเขาก็แนะนำให้ฉันรู้จักกับชายคนนึงที่บอกว่าฉันเหมาะกับที่นั่นมากที่สุด
    แต่แลดูจะทำให้มันสนุกเนี่ย มันก็ก้ำกึ่งระหว่างคำว่าลำบาก กับ น่าตื่นเต้นไปเยอะเลย
    ชวนให้สับสนชะมัด
    "เธอรู้จักบริษัท คัสตอมทรีดีรึเปล่าล่ะ"
    "ไม่รู้จักเลยค่ะ" ฉันตอบชายวัยกลางคนที่ดูจากแววตาและสีหน้า คงผ่านการทำงานหนักมาเยอะ และรวยมาก ๆ แน่ ๆ 
    "ผมแนะนำที่นี่เลยนะ เพราะว่า ที่แห่งนั้นจะขาดคนอย่างคุณไปไม่ได้เลยล่ะ"
    "ค่ะ ฉันจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาก่อนนะคะ แล้วจะพิจารณาอีกทีค่ะ"

    ฉันวุ่นวายมาหลายเรื่อง และแทบจะไม่ได้เจอหน้าพ่อเลยในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
    ไม่รู้สิ บางทีฉันควรพักผ่อน ฉันเองก็มีบาดแผลที่อาจจะเป็นแผลเป็นจากชายคนนั้นอยู่
    เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแผลนั้นหรอก และไม่ได้เป็นคนรุนแรงอะไร
    เพียงแค่ ฉันเองก็หมดรักไปพร้อม ๆ กับเขานั้นแหละ วงโคจรของเราคงเป็นเพียงแค่วงโคจรเส้นตัดที่ไม่ได้ขนานกัน 
    ณ ร้านไอทีแห่งหนึ่ง ฉันมีเป้าหมายที่จะมาซื้อเครื่องมือทำมาหากิน
    แต่ดันไปเจอชายหนุ่มที่นั่งกลุ้มอยู่ เขาสั่นขาขวาไม่เลิก ราวกับกำลังร้อนร้นมาก ๆ
    ฉันรู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มคนนั้นจนแอบขำอยู่เงียบ ๆ เขาคงเป็นหนุ่มราศีคนคู่ที่แลดูน่าจะโลกส่วนตัวสูงสุด ๆ ไม่แน่อาจจะเกิดวันเสาร์ด้วยก็ได้ 
    "มีอะไรให้ช่วยไหมครับ" พนักงานเดินมาถามฉัน นั่นทำให้อะไร ๆ มันง่ายขึ้นเยอะเลย

    ระหว่างทางกลับหลังจากเสร็จธุระกับร้านไอทีแล้ว
    ฉันก็มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง 
    ไม่แน่ . . . เพราะฉันไม่ได้เช็คสภาพอากาศ
    หรือโลกมันรวนกันแน่ จู่ ๆ ฝนก็ตกจนฉันต้องรีบหาที่กำบังฝนที่ใกล้ที่สุด
    ณ ศาลาผุ ๆ หลังคาถูปูอย่างดี ฉันเจอชายหนุ่มกำลังแกะสลักอะไรบางอย่างด้วยสมาธิที่แน่วแน่
    เขาและดูเป็นคนรอบคอบดีที่มีที่รองเศษไม้เล็ก ๆ ในขณะแกะสลัก และไม่มีเศษไม่อันไหนร่วงออกจากล่องกระดาษลังนั้นเลย แต่จู่ ๆ
    "โอ๊ย!!" เขาร้องเสียงดังหลังจากพลาดทำมีดแกะสลักบาดนิ้วตัวเอง จะว่าไปหมอนี่ แผลเต็มมือราวกับคนชอบทำร้ายตัวเองเลย
    "เอ่อ เป็นอะไรไหมคะ"
    "ปกติแหละครับ ผมมักเป็นแบบนี้บ่อย ๆ " เขาพูดพร้อมหัวเราะ ราวกับชินชาที่เห็นเลือดตัวเองไหล ในขณะที่กำลังห้ามเลือดด้วยทิชชู่ที่พกมา กลายเป็นกล่องเศษไม้นั้นเต็มไปด้วยทิชชู่เปื้อนเลือด
    "ให้ฉันช่วยคุณนะ" หลังจากเลือดหยุดไหลก็พบว่าแผลไม่ได้กว้าง ไม่ได้ลึก แสดงว่ามีดแกะสลักนั้นต้องลับจนคมมากแน่ ๆ 
    "เดี๋ยวฉันติดพลาสเตอร์ให้คุณนะ"
    "ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ พลาสเตอร์กันน้ำหรอ"
    "ค่ะ มันจะได้ไม่แผลจะได้หายไว"
    "ว่าแต่คุณก็มีแผลนะ"
    "ใกล้หายแล้วค่ะ"
    "งั้นหรอครับ ขอบคุณอีกครั้งนะ" ฉันดีใจที่เขาไม่ถามที่มาที่ไปของแผลนี้ เพราะไม่อยากคิดถึงผู้บ่าวเก่าผู้นั้นแล้วล่ะ
    "ว่าแต่คุณ ชอบทำงานอดิเรกสินะคะ" เนื่องจากความเงียบ คงไม่มีอะไรนอกจากจะคุยไปเรื่อยเปื่อยกับคนแปลกหน้าที่พึ่งช่วยติดพลาสเตอร์ให้ ท่ามกลางฝนที่ไม่ยอมหยุดเสียที
    "อ่อ ครับผมชอบงานที่ต้องใช่สมาธิกับใช้ความละเอียด แต่มันกลับทำให้ผมได้งานแปลก ๆ ด้วย"
    "งานแปลก ๆ หรอคะ"
    "ครับ งานที่คนจ้างพร้อมจ่ายเงิน ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่งานถ่ายภาพกับเก็บรายละเอียดชิ้นงานสามมิติ"
    "สามมิติหรอคะ" ฉันมีแต่คำถามมากมายในทุก ๆ ประโยคที่ชายคนนี้พูด
    "ผมชื่อ อักษรรินทร์ เป็นพนักงานฝีมือของบริษัทคัสตอมทรีดีน่ะครับ"
    "ชั้นชื่อ คามีเลีย เอมิ"
    "ชื่อเพราะดีนะครับ"
    "บริษัทที่คุณทำงานอยู่เป็นบริษัทแบบไหนหรอคะ" คำถามนั้นทำให้เขาวางมือจากสิ่งที่เขาทำ
    "เป็นบริษัทรับแก้ปัญหาเล็ก ๆ น่ะครับ"
    "รับแก้ปัญหาหรอคะ"
    "ปัญหาที่แปลงเป็นสินค้าน่ะครับ คำพูดติดปากของฝ่ายการตลาด"
    "น่าสนใจดีนะคะ แล้วซีอีโอของคุณเป็นคนยังไงหรอคะ"
    "ผมว่าหัวหน้าน่ะ คงเป็นคนที่ เชื่อในเรื่องโชคชะตาพอสมควรเลยล่ะ"
    "ฉันก็เชื่อเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ"
    "ว่าแต่ คุณทำงานอะไรหรอครับ วันนี้คงเป็นวันหยุดที่ดีเลยว่าไหม"
    "ชั้นจบ R&D มาน่ะคะ และกำลังว่างงานอยู่"
    "งั้นหรอครับ คุณทำให้ผมนึกถึงเมธาวดีเลย ผู้หญิงคนแรกของบริษัทที่ทุกวันนี้จะหยุมหัวกับหัวหน้าอยู่แล้ว"
    "เอ๋ เป็นการทำงานแบบไหนกันคะเนี่ย"
    "แหล่งรวมวงโคจรที่เป็นเส้นขนานนั่นแหละครับ นิยามบริษัทนี้สำหรับผม"
    "อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะคุณอักษรรินทร์"
    "ยินดีครับ" เขาทำหน้างง ๆ ใส่ฉัน แน่ล่ะฉันประหยัดเวลาที่จะสืบหาข้อมูลไปเยอะเพราะชายที่บังเอิญเจอตอนฝนตก 
    "งั้นชั้นขอตัวนะคะ ฝนหยุดแล้ว"
    "ครับ เดินดี ๆ นะครับ"
    "บางทีเราอาจจะได้เจอกันอีกนะคะ"
    "ห้ะ" ฉันแกล้งพูดกระซิบไปงั้นแหละ ใจฉันยังลังเลอยู่เลย กับคำพูดของชายวัยกลางคน
    และคำพูดทิ้งท้ายของเขาทำให้ฉันตัดสินใจเขียนเมลส่งให้กับบริษัททันที เพราะระบบของบริษัทนี้ยังไม่เข้าร่องเข้ารอยอะไรเลย แผนการทำงานก็น่าจะตาลปัดพอสมควร
    "อาจมีบางอย่างที่ทำให้คุณมาพบกับผมนะ คามีเลีย เอมิ เชื่อใจคนแปลกหน้าอย่างผมคุณอาจจะไม่ผิดหวัง"
    นั่นแหละ ชั้นเชื่อว่าความบังเอิญที่เราได้พบปะกับอะไรในแต่ละวัน มีบางอย่างแอบแฝงรอให้เราค้นหาคำตอบอยู่เสมอ

    // ณ บริษัทหรือฉายาบ้านสังสรรค์แห่งคัสตอมทรีดี
    "เอาแล้วไง พังไม่เป็นท่าอีกแล้ว อักษรรินทร์!!!"
    "โห . . .วิธาน นี่มันไลน์สั่งที่เยอะเลยนะทำไมเละเทะแบบนี้ล่ะ"
    "คงเป็นเพราะวัสดุที่ใช้ไม่ได้มาตฐานน่ะ คุณเมธาวดี!!!"
    "นี่นายจะมาโวยวายอะไรกัน ผลการทดสอบนายก็สรุปออกมาเองนี่ว่าใช้ได้"
    "เฮ้ย! นี่ทุกคนใกล้เวลาเลิกงานแล้วนะ"
    "ขอทำโอทีด่วนเลยบอส/พ่อน้ำตาลหวาน" ทุกคนตะโกนใส่ซีอีโอที่วางท่าจะบอกให้ทุกคนเลิกงาน
    "เราเลิกงานไม่ได้หรอกนะ เพราะออเดอร์ชุดนี้สำคัญมาก และผมก็ทำดราฟแรกยังไม่ผ่านเลย"
    "นี่นายแอบมาทดสอบวัสดุที่บริษัทตอนเที่ยงคืนงั้นหรอ"
    "บอส ผมขอโทษแต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้นี่นา"
    "คุณพ่อน้ำตาลหวาน ห่วงคนในบริษัทก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ก็ห่วงเครดิตคุณด้วย "
    "เอ่อ . . .แต่ว่า"
    "คุณเลือกพวกเรามาทำงานกันเองนะบอส ไว้ใจพวกเรา แค่ช่วงนี้"
    "ผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างอยู่นะ"
    "คุณควรทำงานของคุณไปนะคะหัวหน้า" ลลิตาถึงกับขู่ในพฤติกรรมของซีอีโอ เพราะเธอเองก็นำพาบริษัทมาถึงจุดที่ต้องทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ แต่ค่าตอบแทนนั้นงามยิ่งกว่าดอกทิวลิปสีชมพู
    แต่ตอนนี้พนักงานทั้งบริษัทกำลังรุ่มร้อน จากการคำนวณอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผิดพลาด และต้องสมหัวกันแก้ปัญหา

    หลายชั่วโมงผ่านไป จากห้องที่เป็นระเบียบตอนนี้เริ่มกลายเป็นห้องที่โดนพายุถล่ม
    "นี่ทุกคน ผมของีบหน่อยจะว่าอะไรรึเปล่า"
    "เดี๋ยวชั้นไปเอาผ้าห่มมาให้นะคะพ่อน้ำตาลหวาน" พูดจบเมธาวดีก็พุ่งไปเสียบปลั๊กน้ำร้อน พร้อมรับบทเป็นบาริสต้า ผลิตแหล่งพลังงานฉุกเฉิน และเดินไปหยิบผ่าห่มอุ่น ๆ มาให้หัวหน้า ผู้ที่เป็นดังคนขับรถไฟพี่พยายามประคองผู้โดยสารในโบกี้ให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
    "นี่ทุกคนใครจะเอากาแฟหรือโกโก้ร้อนหน่อยไหม"
    "ตอนนี้ขอโกโกร้อนสี่ที่และตามด้วยกาแฟเย็นทีหลังนะ"
    ในขณะที่ทุกคนกำลังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น คนขับรถไฟก็ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา เหมือนกำรถไฟที่กำลังหยุดขบวนกลางทางเพราะมีปัญหาขัดข้อง และต้องการช่างฝีมือดีมาซ่อมโดยด่วนเพื่อไปให้ถึงที่หมายโดยเลทให้น้อยที่สุด
    "เอ๋ มีเมลส่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ธัชวินท์บ่นพึมพำในใจด้วยความเหนื่อยล้าจากงานของตัวเอง
    "R&D หรอ เอ๊ะ!!"

    'ยังไงถ้าคุณมี R&D ที่เก่ง ๆ สักคนคุณเองก็คงไปได้สวย มันเหมือนนักยิงธนูเก่ง ๆ ที่ใจเย็นมองเพียงเป้าหมาย และปล่อยลูกธนูที่เียบดังกุญแจไขปัญหาที่เกิดขึ้น และลูกธนูนั้นก็ยิงเข้าเป้าศูนย์กลางแบบเป๊ะ ๆ'

    "คามีเลี เอมิ ชื่อเพราะดีแหะ"
    ผู้เป็นคนขับรถไฟเหมือนจะเจอช่างซ่อมเก่ง ๆ เข้าให้แล้ว
    "ทุกคน ใครมีอะไรค้างคาอยู่รีบเขียนลงโพสต์อิทแล้วแปะมันลงกำแพงเดี๋ยวนี้!!!"
    "เอ๋" วิธานหันมามองอย่าไม่เข้าใจ แต่ธัชวินท์ก็หยิบโพสต์อิท พร้อมปากกายื่นให้กับทุกคนแล้ว
    "ไม่ต้องห่วง วันนี้ผมจะเลี้ยงเบียร์ให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เอง ผมอยากให้ทุกคนปล่อยวาง"
    ความสามารถพิเศษเฉพาะของธัชวินท์ คือสายตาที่ทำให้พนักงานในบริษัทเชื่อใจเขา แม้ว่านั้นจะดูเป็นคำสั่งที่ไม่น่าทำตามเท่าไหร่นัก และไม่นานโพสต์อิทก็แปะอยู่เต็มห้อง จากนั้นไม่นานธัชวินท์ก็เรียบเรียงปัญหาไว้ตามลำดับความสำคัญที่ควรจะเป็น
    "เอาละ ได้เวลาดื่มกันแล้วล่ะ"
    ในคืนนั้นพนักงานทุกคนต่างดื่มให้กับปัญหาและความเครียดที่เจอ ปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปราวกับสายน้ำที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่นานทุกคนก็ผ่านค่ำคืนแสนโหดร้ายและตื่นมาพร้อมความสดชื่น ด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม พร้อมเผชิญกับปัญหาที่เจออยู่

    ในยามเช้าที่ท้องฟ้าโปร่ง ไร้เมฆหมอก มองเห็นใบไม้สีเขียวได้สดกว่าปกติ
    พนักงานทุกคนมาถึงที่หมายพร้อมกัน ทุกอย่างดูปกติ เว้นแต่ว่ามีหญิงสาวไม่คุณหน้ายืนอยู่หน้าประตูบริษัทอยู่ก่อนแล้ว

    "สวัสดีวันอังคารที่แสนวุ่นวายนะทุกคน" ธัชวินท์กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง
    "สวัสดีค่ะฉันชื่อคามิเลีย เอมิ เป็นพนักงานฝ่ายวิจัยและพัฒนา" 

    // คืนนั้นฉันได้รับการตอบเมลที่ดูแปลกประหลาดมาก
    "ผมรับคุณเข้าเป็นพนักงานแล้ว รบกวนคุณเข้ามาทำงานพรุ่งนี้เลย"
    เหมือนเป็นคำสั่ง แต่ดูเป็นคำขอร้องที่น่ารักมาก ๆ
    ฉันมาถึงที่หมายก่อนเวลาสิบนาที พบว่าชายที่ส่งเมลมาหาฉันเข้าอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว สูทสีน้ำเงินทำให้เขาดูดีมาก ฉันเดาว่าคน คนนี้คงเกิดราศีมีนแน่นอน เขาพาชั้นเข้าไปดูห้องทำงานและพบโพสต์อิทแปะอยู่เต็มผนัง เขาอธิบายปัญหา และบรีฟงานให้ฉันฟัง และนั่นทำให้ฉันตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะเริ่มงานในวันแรก

    หลังจากทุกคนแนะนำตัวเสร็จ ธัชวินท์ก็พาทุกคนเข้าประชุมโดยด่วน ไม่รู้เขาเอาเวลาไหนไปทำสไลด์ แต่หัวข้อที่ประชุม คือการทำงานนี้ให้บรรลุก่อนวันกำหนดส่งอีกสามวัน และค่อยทำงานอื่นควบไปอีกสี่งาน ช่างดูเป็นสัปดาห์นรกสิ้นดี และฉันก็เสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ทำให้สีหน้าของพนักงานทุกคนคลายกังวลลง และห้องที่ดูเป็นส่วนตัวกับเครื่องทดสอบวัสดุแสนแพงก็มาอยู่ในการดูแลของฉันแทนคุณวิธาน แน่นอนล่ะเหมือนชั้นถอดกระเป๋าหนัก ๆ ออกจากไหล่เขา ทำให้เขาทำงานได้ดีขึ้น งานสี่งานที่ต้องควบทำไปด้วยกลับเสร็จสิ้นภายในวันเดียว และผลการทดสอบวัสดุทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า งานใหม่ที่รับมานั้นไม่ใช่งานธรรมดาจริง ๆ 
    "นี่ผมพลาดไปเยอะเลยสินะ คุณคามีเลีย เอมิ"
    "เรียกฉันเอมิเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ และไม่แปลกหรอกนะคะที่มันจะพลาด ก็คุณเล่นควบงานหนัก ๆ ไปสองงานแบบนี้ พักผ่อนบ้างนะคะ"
    "ผมไม่เชี่ยวชาญมากกว่า หน้าที่นี้เป็นของคุณตั้งแต่แรกแล้ว"
    "สาว เลิกงานกันเถอะ ถึงเวลาเลิกงานแล้ว พรุ่งนี้จะเป็นงานของอักษรรินทร์ที่ต้องไปส่งพัสดุ และงานใหญ่ของนายวิธาน" ลลิตา เธอดูสดใสกว่าวินาทีแรกที่เจอ
    "ขอบคุณคุณมากนะเอมิ ไม่ได้คุณคงแย่เลย ไม่ว่าลมอะไรจะหอบคุณมา ผมขอบคุณคุณจริง ๆ" คุณธัชวินท์น้อมตัวให้ฉัน ทำให้ฉันต้องรีบโค้งคำนับให้รวดเร็ว เขาดูไม่คนไม่ห่วงตำแหน่งที่มีอยู่เลย
    "ไม่เป็นไรเลยค่ะ ขอบคุณหัวหน้าเหมือนกันนะคะที่รับฉันเข้าทำงานโดยไม่ลังเล"
    "งั้นเอาเป็นว่าทุกคนเลิกงาน แล้วมาลุยต่อกันพรุ่งนี้นะ"

    บรรยาศจากที่เหมือนพายุฤดูฝนถล่ม พลิกผลันกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกซากุระร่วงโรยท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in