เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIFE IN LETTERSSilapa Junior
เหตุผลของการอยู่ร่วมกัน
  • 1

    ตั้งแต่เด็กจนโต หนึ่งในสิ่งที่ผมหวังอยากมีมาตลอด คือเพื่อนตัวน้อยที่ซื่อสัตย์ อยู่ข้างกันทุกครั้งที่ต้องการ และพร้อมที่จะให้เราหมดใจ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น มูซู ในมูหลาน หรือ ทิงเกอร์เบลล์ ในปีเตอร์แพน 

    ถ้าความสัมพันธ์แบบนั้นมีอยู่จริงในโลก ผมคงไม่ต้องการใครอีก


    2

    เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราไม่สามารถดำรงชีวิตหรือพึ่งตัวเองอย่างสัมบูรณ์ได้ ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ทั้งทางตรงทางอ้อม ทั้งทางกายและจิตใจ ตลอดชีวิต 
    ผมได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับผู้นับร้อย หลายคนบันดาลใจ น้อยคนบั่นทอนใจ และผมก็รู้สึกโชคดีชะมัด ที่ไม่เคยจะต้องเหงาอยู่คนเดียว (แบบจริงๆ) 

    คนสนิทในแต่ละช่วงชีวิตเราปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทางของเราทับซ้อนกันงชั่วคราว ตั้งแต่ครู่เดียวจนถึงยาวนานเสียจนเหมือนตลอดไป เวลาเป็นตัวแปรสำคัญในความสัมพันธ์หรือไม่ คงจะขึ้นอยู่กับมุมมอง


    3

    เพื่อนสนิทผมคนนึงเคยบอกว่า ถ้าอยู่ด้านกันไปเรื่อยๆ แล้วเริ่มทำกริยาหรือแสดงความคิดอะไรให้อีกฝ่ายไม่ประทับใจ กลัวเขาจะรักเราน้อยลง 

    มันคงจะเปรียบเสมือนความน่าจะเป็นจากโยนเหรียญหัว-ก้อย ไม่มีทางเลยที่จะโยนเหรียญได้ด้านหัวตลอดโดนไม่ออกด้านก้อย ถ้าอยู่ด้วยกันนานพอ เราก็จะเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียจนหมด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เฉพาะฉะนั้นก็ต้องทำใจ ถ้าด้านที่ไม่ดีนักจะถูกพลิกออกมาให้คนอื่นเห็นบ้าง 

    ปัญหาคือเมื่อด้านเสียเปิดเผยออกมาให้เห็น ก็มักจะตามมาด้วยการผิดใจ งอน ไม่เข้าใจกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เอาจริงๆ นะ เหนื่อยใจที่สุด หลายครั้งหลายหนที่ความทำไปโดยไม่รู้ของเรา ไปกระทบกระทั่งความรู้สึกผู้อื่น (ในทางกลับกันก็ด้วย) บางช่วงหนักข้อเข้า บางทีก็อยากจะหนีไปอยู่เงียบๆคนเดียวในเมืองร้างแล้วมีเพื่อนแท้เป็นหุ่นแอนดรอยด์จะยังดีซะกว่า


    4

    ผมไม่เชื่อในการ ‘เลิกคบ’ อย่างตั้งใจ มันดูไม่อดทนและเอาแต่ได้บอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะ ผมแพ้บรรยากาศตรึงเครียด ของคนสองคนที่ไม่ถูกกันแต่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันภายใต้บริบทบางอย่าง เรียกอย่างง่ายว่าไม่สตรองพอ 

    มันจึงต้องมีการปรับความเข้าใจ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


    5

    เวลาคนเราทะเลาะกัน เปรียบเสมือนการโต้วาที ต่างคนก็ต่างหาเหตุผลมารองรับเคสของตัวเองให้ดูดีและน่าเชื่อถือ หรือไม่ก็พยายามที่จะเค้นหาความจริง เพื่อมาตัดสินกันให้รู้ดำรู้แดง แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องของอารมณ์และจิตใจ การมช้เหตุผลตรรกะมาชี้ชะตาผลลัพธ์คงไม่ถูกนัก

    เพื่อนผมอีกคนหนึ่งได้ให้คำปรึกษา ที่พอได้ฟังแล้วรู้สึกปลดล๊อค ดวงตาเห็นธรรมมากๆ (เว่อร์สุด) 
    เพื่อนบอกว่า

    บางครั้ง เรามัวแต่เถียงกันเพื่อนคุ้ยหาเอาความจริงกันอย่างแทบเป็นแทบตาย โดยลืมไปว่าความจริงอีกลุดหนึ่งคือการทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก 

    “But the truth is that I hurt your feelings, And I'm sorry for that.” 


    6

    ความสัมพันธ์ที่ดีควรอาศัยการยอมรับ (ในสิ่งที่รำม่ถูกใจของอีกฝ่าย) เป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยๆ แก้ไขปรับปรุงไปทีละนิด เหมือนกับรับบปฎิบัติการที่ถ้ายังไม่เลิกใช้ ก็จะมีการพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นใหม่อยู่เสมอ
    เราไม่จำเป็นต้องเข้าอกเข้าใจเห็นพ้องต้องกันไปเสียทุกอย่าง ขอแค่แคร์ความรู้สึกของกันและกัน ไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจโดยตั้งใจ แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอ

    ในทุกๆ ช่วงชีวิต มนุษย์เราคงต้องการอย่างน้อยๆ ก็ใครซักคน ที่คอยรับฟัง ชื่นชม ปลอยประโลม ยินดี หรือแม่แต่ท้าทาย กระตุ้นให้เรามีเหตุผลที่จะก้าวเดิน ใช้ชีวิตในวันต่อไปอย่างไม่ไร้เลื่อนลอยและมีความหมาย


    แด่มูซูและทิงเกอร์เบลล์ทุกตัวในโลกแห่งความจริง

    24 กันยายน 2559

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in