แสงไฟขาวขับให้รถเข็นขายบะหมี่โดดเด่นขึ้นมาบนข้างทาง เธอเอ่ยคำว่ากินขึ้นมาเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ของวัน
“นี่ กินบะหมี่มั้ย”
ไม่มีคำปฏิเสธกับคำถามนี้ เพราะเธอก็จะเดินเข้าไปสั่งอาหารอยู่ดีและเธอไม่ได้สนด้วยซ้ำว่าผมจะกินด้วยหรือไม่ ประโยคเมื่อครู่ไม่อาจนับว่าเป็นประโยคคำถามด้วยซ้ำไม่ต้องการคำตอบ ไม่ต้องการการตอบรับทั้งหมดที่คุณต้องทำคือเดินตามไปนั่งที่ด้วยความอิ่มล้นปรี่
“เมื่อกี๊ก็พึ่งกินติ่มซำไปไม่ใช่เหรอ”
“เอาน่า ก็ท้องมันยังว่างๆ อยู่”
ไม่แน่ใจว่าเธอไปเจออะไรมา แต่เมื่อตอนพระอาทิตย์ตกดินข้อความก็ถูกส่งมาหาผมห้วน สั้น และไร้สาระ ไม่มีเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ และของผมด้วย
‘หิว ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย’
ไม่มีคำถามว่าทำไมเป็นผมไม่มีคำถามว่าทำไมคนที่กินข้าวคนเดียวมาตลอดอย่างเธอถึงต้องการใครบางคนห้อยตามเธอตลอดการกินในค่ำคืนนี้แต่เมื่อผ่านร้านแล้วร้านเล่า เมนูแล้วเมนูเล่าจนแม้จะเดินกลับบ้านเธอก็ยังหยุดกับบะหมี่ข้างทางความสงสัยที่ควรเกิดขึ้นนานแล้วถึงได้ปรากฏขึ้นในใจผม
แสงไฟข้างทางริบหรี่วูบไหวประกอบกับความร้อนทำให้นึกถึงการดินเนอร์ใต้แสงเทียน
“ทำไมวันนี้กินเยอะจัง”
เธอดูดเส้นบะหมี่เข้าปากพลางเหลือบมองผม เส้นบะหมี่ถูกเกี่ยวพันด้วยตะเกียบอย่างไร้รูปแบบ
“ก็อยากกินอะ ไม่รู้ดิ”
“แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง มีคนคุยบ้างป้ะ”
ผมหัวเราะเบาๆ ปิดท้ายประโยค สิ่งที่สะท้อนกลับมามีเพียงความเงียบ
“ไม่มี...ก็เหมือนเดิมแหละ”
“เหมือนเดิมคือยังขี้เหงาอะนะ?”
“อื้อ”
“ไปอ่านการ์ตูนรักที่ไหนมาล่ะสิถึงได้รู้สึกเหงา”
“คงงั้น อ่านจบก็รู้สึกโหวงๆ เลยออกมาหาไรกิน”
“บ้ารึเปล่า ถ้ามันโหวงที่ใจ กินให้ตายก็ไม่อิ่มหรอก”
คุณลุงที่กำลังพักผ่อนจากการทำบะหมี่สูดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด
“แล้วแกทำให้เราอิ่มสักทีได้มั้ย”
สายตาเธอจ้องตรงมา เศร้าสร้อยและอ่อนแอ ไฟถนนวูบวาบควันบุหรี่ลอยมาจางๆ
โรแมนติกสิ้นดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in