ฉันเคยคิดว่าอยากจะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์...
ฉันเคยอยากเป็นนักบินอวกาศ พอผ่านไปไม่นานอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงสุดเจ๋งของโลก เติบโตอีกหน่อยความหลงใหลในไดโนเสาร์ทำให้เริ่มสนใจอยากเรียนบรรพชีวินวิทยา พอเข้ามัธยมศึกษากลับค้นพบว่าวิทยาศาสตร์อาหารก็เป็นตัวเลือกที่ดี โตอีกหน่อยพอค้นพบว่าตัวเองมีปัญหาทางจิตใจก็นึกอยากจะเป็นจิตแพทย์ ก่อนที่จะเขียนเรียงความส่งครูแล้วถูกชมว่าเขียนดีจึงได้เบนสายมาสนใจการเป็นนักเขียน เริ่มทดลองเขียนเรื่องสั้นให้เพื่อนอ่าน เขียนนิยายในแบบที่ตัวเองอยากบันดาลให้เป็น ก่อนที่ฝันจะเริ่มใหญ่ขึ้นตามวัยและแรงปราถนา อยากดำน้ำที่เกรทแบริเออร์รีฟ อยากเที่ยวรอบโลก อยากเป็นนักการเมือง อยากทำประโยชน์ให้สังคม อยากเปิดร้านหนังสือเป็นของตัวเอง อยากเล่นดนตรีเปิดหมวก อยากอยู่ในคณะละครสัตว์ อยากเรียนทุกคณะที่อยากเรียน อยากมีชีวิตยืนยาวเพื่อทำทุกสิ่งที่อยากทำ อยาก
อยาก
อยาก
อยาก
อยาก
อยากมีเงิน...
ความทรงจำในช่วงวัยมัธยมบางทีก็โหดร้ายสำหรับฉัน ฉันเคยเป็นหัวกะทิ เคยสอบได้อันดับ 1 ของชั้นเรียน ก่อนทุกอย่างจะเริ่มร่วงลงเหวเมื่อได้มาเรียนในสายการเรียนที่ใครๆก็ว่ายาก ฉันชอบชีววิทยาพอๆกับที่เกลียดชังฟิสิกส์ ฉันถูกชื่นชมในวิชาศิลปะและภาษาไทยพอๆกับที่ถูกด่าทอต่อว่าในวิชาคณิตศาสตร์ ฉันคิดเสมอว่าตัวเองถูกอาจารย์เกลียด และบางทีฉันก็เกลียดตัวเองที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน มันน่าเจ็บใจที่ไม่ว่าฉันจะทำวิชาภาษาไทย สังคมและศิลปะดีแค่ไหนฉันก็เป็นคนไร้ค่าอยู่ดีเพราะฉันสอบตกเลข เพราะแบบนั้นฉันจึงชอบเพ้อฝันจิตนาการว่าถ้าหากตัวฉันได้ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดจะเป็นอย่างไร หากฉันได้อยู่ในที่ที่ฉันจะโบยบินได้อย่างสง่างามมันจะไปได้ไกลขนาดไหนกันแน่ จะสามารถลบคำสบประมาทที่เจอมาตลอดได้หรือไม่ เพียงแค่คิดถึงวันที่จะหลุดพ้นจากโรงเรียนหัวใจของฉันก็มีแต่ความสุข
ก่อนที่โลกแห่งความจริงจะฟาดหน้ากันอย่างจัง
ว่าแต่... เวลาจะเลือกสาขาของคณะที่เรียนเขาเลือกจากอะไรกันนะ
ฉันเป็นคนที่ยึดมั่นกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาโดยตลอด คิดเพียงแค่ว่าต่อให้ไม่ใช่คณะหัวกะทิในมุมมองของผู้ใหญ่ แต่หากฉันทำได้ดียังไงก็ไม่มีวันอดตาย จนกระทั่งเมื่อฉันเติบโตขึ้น เริ่มออกมายืนด้วยขาของตัวเองมากขึ้น โลกความจริงก็มาเคาะกะโหลกเรียกสติให้ฉันลืมตาดูสภาพแท้จริงของตัวเองว่าความฝันในประเทศนี้ทำให้อิ่มท้องไม่ได้ ฉันจึงต้องเลือกสาขาในคณะที่มีโอกาสทำเงินให้มากกว่าโดยโยนทิ้งสิ่งที่อยากเรียนจริงๆไปอย่างไม่ใยดี
จนตอนนี้ที่ฉันถึงวัยทำงาน ร่องรอยความโศกเศร้าทดท้อกับชีวิตยังปรากฏร่องรอยอยู่ทั่วแขนข้างซ้ายคอยย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่าเคยเจ็บปวดกับสภาพชีวิตที่มีขนาดไหน ฉันกลายเป็นแค่หนึ่งในฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนองค์กร เป็นแค่ภาชนะใส่ความฝันของ"คนอื่น" เป็นแค่ร่างเนื้อกลวงโบ๋ที่คิดเพียงว่าต้องทำงานหาเงิน หาเงินแล้วยังไงต่อ
อ๋อ
ใช้หนี้
ใช้หนี้
ใช้หนี้
หนี้ที่ฉันไม่ได้ก่อ หนี้ที่ถูกล่ามโซ่คล้องขาไว้ด้วยคำว่า "กตัญญู" หนี้ที่ถ้าหากฉันตายไปคนในครอบครัวก็คงขาดที่พึ่ง
ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีความสุข ไม่มีงานในฝัน ฉันยังคงเพ้อหาชีวิตในอุดมคติและตระหนักได้ในท้ายที่สุดว่า "อุดมคติ" ก็คือ "อุดมคติ"
ความ"อยาก" ถูกบดจนป่นปี้ ได้แต่อิจฉาริษยาทุกคนที่ได้ทุกอย่างในสิ่งที่ต้องการ ได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจที่ต้องดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย ไม่ว่าจะทำงานหนักอย่างไรก็แทบไม่เห็นหนทางที่ดีขึ้น ภาระบนบ่าช่างเป็นโซ่ล่ามอันแข็งแกร่งที่กักขังฉันไว้บนโลกอันฟอนเฟะ "ความไม่มี"ได้รุมทึ้งกัดแทะจนแทบไม่เหลืออะไรให้ฉันยินดี กัดกินไปแม้กระทั่งความ"อยาก" ของตัวฉันในอดีต
ตอนนี้ฉันไม่อยากมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ หากการได้มีชีวิตจะเป็นเรื่องที่ทรมานถึงเพียงนี้
ฉันว่าเมืองนี้เป็นเมืองแห่งความฝันนะ ใช่ เมืองแห่งฝัน เพราะการจะทำให้มันเป็นจริงช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญฉันถึงได้มีแต่ความฝันเยอะมากมายขนาดนี้
เมื่อฉันโตขึ้นฉันถึงตระหนักอย่างถ่องแท้... การทำตามความฝันทำให้ฉันอิ่มท้องไม่ได้ การทำตามความฝันไม่สามารถปลดหนี้ให้กับครอบครัวของฉันได้ การทำตามความฝันไม่สามารถทำให้ฉันหาเงินได้มากพอที่จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ เพราะแบบนั้นฉันจึงทำงาน ทำงาน ทำงาน เพื่อหาเงิน หาเงิน และหาเงิน วาดหวังว่าเงินตราที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นจะทำให้ฉันยังสามารถไขว่คว้าภาพฝันอันเลือนรางนั้นได้อยู่
แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังฝัน
ฝันให้ตัวเองไม่ต้องทำได้แค่ฝันอีกต่อไปเสียที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in