(แฟนฟิค Good Omens - Ineffable Husbands - Crowley/Aziraphale) If Heaven and Hell knew about the relationship between their two certain employees, they should've known that it also is the greatest love story has ever told as well.
For Eternity
หากคุณใช้เวลานับพันปีมีปฏิสัมพันธ์กับใครสักคน – หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือหกพันกับอีกยี่สิบสามปี – หากคุณต้องใช้เวลากว่าหกพันปีที่ผ่านมากับสัมพันธภาพที่จะว่าศัตรูก็คงไม่ใช่มิตรก็ไม่เชิง และมันคาราคาซังอยู่เช่นนั้นมาตลอดกับความสัมพันธ์ที่ได้แต่หยอกกันไปมาตามประสาพงษ์พันธุ์ที่แตกต่าง และความจงรักภักดีคนละฝ่าย ทว่าก็วิ่งไล่ตามกันเรื่อยมาราวกับอีกฝ่ายเป็นแม่เหล็กต่างขั้ว – แน่ละ ต่างขั้วกันแบบสุดๆ หากจะพิจารณาสถานะทูตสวรรค์กับปิศาจ – ที่ดึงดูดกันตลอดเวลา และเหตุการณ์ต่างๆ ก็ดูจะเหวี่ยงพวกคุณให้เข้ากันใกล้กัน หรือมีอันต้องเกี่ยวเนื่องกันอยู่ร่ำไป คุณจะคงจะเริ่มรู้สึกได้ในตอนท้ายว่าแท้ที่จริงความสัมพันธ์นี้มันผูกพันยิ่งกว่ามิตรไมตรีธรรมดาแล้ว
พวกเราถูกส่งมาบนโลกแทบจะพร้อมกัน อยู่ด้วยกันมาตลอด อยู่มานานที่สุดกว่าใครๆ มีอะไรก็มีอันต้องข้องแวะกันอยู่เรื่อยไป คงเรียกว่าศัตรูไม่ได้ตั้งแต่ต้น ถ้ากับคนสองคนทั่วไปที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อก็คงกลายเป็นสนิทสนม รู้จักกันดีได้เพราะแบบนั้น ยิ่งโดยเฉพาะพวกเรา ผู้ที่มีจิตเหมือนกัน และปักใจต้องตรงกันแต่แรกด้วยแล้ว ความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดขึ้นระหว่างพวกเราจึงเป็นความรู้สึกที่ถักทอลึกซึ้งเรื่อยมา
เวลานี้เจ้าของความสัมพันธ์นับหกพันปีสองตนกำลังนั่งเพลิดเพลินกับมื้ออาหารที่เดอะริทซ์ซึ่งมักจะมีโต๊ะว่างอย่างน่าสงสัยทุกครั้งไปหลังจากสลับร่างคืนกลับมา ขณะดื่มด่ำบรรยากาศของช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน กระแสห้วงอารมณ์ที่โอบล้อมรอบขอบเขตของคนทั้งสองคล้ายจะโดดเด่นเป็นเอกเทศจากสิ่งรอบตัวทั้งหมด ไม่มีใครหรืออะไรจะมาทำลายหรือแทรกผ่านเข้าไปได้ มันอ่อนหวานดังไนติงเกิลที่กำลังขับขานเหนือจัตตุรัสเบิร์คลีย์ ผู้เป็นปิศาจนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ เขากินอาหารอย่างสุขสำราญแต่ความอภิรมย์ที่แท้จริงคือการพินิจมองทูตสวรรค์ที่กำลังละเลียดชิมอาหารจานแล้วจานเล่าอย่างเอร็ดอร่อยมากกว่า ทูตสวรรค์คนดังกล่าวนั่งอย่างสุภาพและวางตัวดีด้วยท่าทีกึ่งๆ ลำลองพลางยิ้มหวานคลับคล้ายกับการยั่วยวนไปมาราวกับจะหยอกเอินอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นเป็นจริตของทูตสวรรค์ที่โครว์ลีย์รู้จักและคุ้นเคยกับมันดี ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขาอ่อนยวบลงด้วยก็ตามไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนที่วางสายตาลงบนอีกฝ่าย ต่อหน้าอาซีราฟาเอล มุมปากของปิศาจมักจะขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มให้แก่ทูตสวรรค์เสมอ โครว์ลีย์ลอบมองอีกฝ่ายผ่านแว่นสีดำซึ่งจุดประสงค์หลักของมันคือการใส่เพื่อปกปิดดวงตาจากความสอดรู้สอดเห็นของมนุษย์ แต่ดูเหมือนแท้จริงแล้วมันจะมีไว้เพื่อปิดบังความรู้สึกที่จะแสดงออกยามอยู่ต่อหน้าอาซีราฟาเอลเสียมากกว่า แม้บางทีเขาจะถอดแว่นกันแดดที่สวมยามอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ – อันที่จริง คงจะถูกกว่าหากบอกว่าทูตสวรรค์เป็นคนเดียวที่เขาสบายใจ ไว้วางใจ และรู้สึกมั่นคงปลอดภัยที่จะเปิดเผยดวงตานี้ให้ได้เห็นด้วยเช่นกัน เพราะเขาเชื่อใจอีกฝ่ายยิ่งนัก และพึงใจจะให้อีกฝ่ายได้เห็นตัวตนที่เขาเป็น นอกจากนี้การเสนอความจริงใจ เปิดเผยต่อกันก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ถักทอสัมพันธภาพระหว่างเรามาเนิ่นนานกว่าหกพันปี – กระนั้นเขารู้ว่าไม่อาจปิดบังซ่อนความรู้สึกจากดวงตาได้สมบูรณ์แบบแน่นอน มันก็มีบางเวลาที่เขาแน่ใจว่าจะข่มความรู้สึกไว้ไม่ได้ตลอด ก็ลองมองดูทูตสวรรค์ตนนี้สิ จะกักเก็บความรู้สึกไว้ได้ทุกชั่วขณะอย่างไรไหว การสวมแว่นกันแดดไว้เพื่อความปลอดภัยจึงดูจะเหมาะสมและช่วยชีวิตรักเขาได้ดีแล้ว ดวงตาสีเหลืองที่บ่งชี้ถึงร่างอสรพิษมักจะสำแดงอาการตะกรุ้มตะกรามชั่วร้ายที่อดรนทนไม่ไหวอยากจะเผยความรู้สึกอันเอ่อล้นที่กักเก็บในใจออกไปให้คนตรงหน้ารับรู้ มันรุนแรงรุ่มร้อนราวกับไฟแผดเผา ยามใดที่ระลึกถึงทูตสวรรค์ผู้มาพร้อมกับรัศมีความดีงามอิ่มเอิบบนใบหน้า ดวงตาแห่งอสรพิษมักฉาบทับด้วยความรู้สึกอันผิดวิสัยปิศาจที่สะท้อนออกจากใจ แม้จะซุกซ่อนดวงตาหลังแว่นสีดำแต่ก็บอกได้อย่างแน่นอนว่าโครว์ลีย์ไม่ได้ถอนสายตาออกจากทูตสวรรค์เลย ทูตสวรรค์อมยิ้มที่ทำให้ใบหน้าดูแพรวพรายพร่าตาอีกฝ่ายก่อนจะยกแก้วแชมเปญในมือขึ้น
“ฉันว่ามันคงดีที่จะคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้คงสำเร็จเป็นผลไปไม่ได้ถ้าลึกๆ แล้วนายไม่ได้เป็นคนดีด้วยหัวใจแม้สักเพียงเล็กน้อย” ดวงตาสีฟ้าของทูตสวรรค์พร่าพร่างด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวล ทั้งยังเต็มไปด้วยความชื่นชมและให้เกียรติ ทูตสวรรค์หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำขณะกล่าวถ้อยคำนี้ออกไปราวกับกำลังชำแหละหัวใจตนออกให้อีกฝ่ายดู เขาพยายามรักษากิริยาให้ไหลลื่น เป็นธรรมชาติที่สุด – แต่พระเจ้าทรงโปรด เขากำลังสารภาพรัก – อาซีราฟาเอลพูดด้วยท่าทีเรียบรื่นเป็นปกติซึ่งต้องใช้ความพยายามหนักเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดพลางบุ้ยใบ้ ยกความดีความชอบมาทางโครว์ลีย์ผู้ซึ่ง ณ ขณะเวลานี้หัวใจเกือบจะหยุดทำงานแบบเฉียบพลันทันทีที่ได้สดับรับฟัง ใจของปิศาจแทบจะหยุดเต้น และลมหายใจก็สะดุดไปเมื่อความคิดที่ว่าทูตสวรรค์อาจจะตอบรับความรู้สึกของเขาในที่สุดพาดผ่านเข้ามา ทั้งที่สีหน้าถูกบังคับให้รักษาท่าทีปกติได้เป็นอย่างดีด้วยความชำนาญในการเก็บซ่อนอารมณ์ที่มีต่อแองเจิลของเขามาโดยตลอด เขาไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองกลั้นหายใจหรือหยุดนิ่งไปโดยผิดธรรมชาติด้วยซ้ำแม้รสชาติของความตื่นตะลึงและความตระหนกจะติดอยู่ปลายลิ้นตอนรีบตักตวงโอกาสไม่คาดฝัน ตอบรับคำสารภาพนั้นออกไปด้วยคำสารภาพอันหมดสิ้นของตนเฉกเช่นกันในทันทีราวกับกลัวมันจะหลุดมือไปด้วยความลื่นไหลเหมือนงูอย่างที่เขาเป็นทีเดียว ใจของเขาเต้นรัวระทึกผลักดันความจริงที่กลั่นจากความรู้สึกก้นบึ้งออกมา โครว์ลีย์ตอบออกไปด้วยเสียงที่มักจะถูกปรับให้อ่อนโยนลงโดยอัตโนมัติ เขาไม่ติดขัดหรือบื้อใบ้เลยเนื่องจากรอช่วงเวลาที่ได้กล่าวออกไปนี้มากว่าหกพันปี และเบื้องหลังแว่นตาสีดำสนิทก็คือดวงตาที่จ้องลึกลงไปในสีฟ้า แวกว่ายลงสู่สีฟ้าอันสว่างไสวดีงามนั้น จมดิ่งลงไปสู่ความลึกล้ำของความรู้สึก เขากำลังสบสายตาอีกฝ่ายด้วยเพราะสิ่งที่กำลังจะกล่าวนั้นคือความจริงเพียงเท่านั้น สิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมาเปิดเผยจริงใจ และโครว์ลีย์ก็ปรารถนาจะเสนอสิ่งเดียวกันกลับไป ถ้อยคำที่เราพูดแก่กันนี้คือการตีแผ่ แถลงไขความจริงของความรู้สึกลึกซึ้งที่อัดแน่นในใจมาเนิ่นนาน เปิดเผยออกมาอย่างถ้วนทั่วด้วยคำพูดที่เราทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเรานิยามต่างสัญลักษณ์แทนคำว่ารัก เหตุเพราะที่ผ่านมา เราต่างกักเก็บความรู้สึกต่ออีกฝ่ายไว้ในใจโดยที่รู้แจ้งแก่ใจดีว่าตนรู้สึกอย่างไร โหยหากันและกันอย่างเงียบงัน หากแต่กล่าวอ้างหยิบยกพงษ์พันธุ์ที่ตนสังกัดรวมถึงหน้าที่ต่อฝ่ายของตนในการเป็นตัวแทนความดีและสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายขึ้นเพื่อกลบกลืนมันไว้ด้วยกลัวจะไปทำให้อีกฝ่ายตระหนกหรืออาจทำให้อีกฝ่ายได้รับอันตรายหากเบื้องบนและเบื้องล่างล่วงรู้ ถึงแม้ว่าแท้จริงแล้วสายสัมพันธ์ระหว่างกันนี้คือสิ่งที่เราต่างรู้แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้องเพราะกลัวความเสี่ยงจะสูญเสียมันไป กลัวตัวเองจะต้องพรากจากหรือทำลายสายสัมพันธ์นี้โดยการแสร้งกลั้นใจ ฝืนความร้าวรานเป็นฝ่ายปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างทุกข์ทรมานด้วยมีสถานะหน้าที่ต่อความดีหรือความชั่วที่ต่างต้องธำรง – เหมือนเช่นที่เขาต้องบอกปัดโครว์ลีย์หลายครั้งยามอีกฝ่ายทำท่าจะให้เขาล้ำเส้นเข้าสู่สิ่งที่ทูตสวรรค์ไม่ควรยุ่งเกี่ยว ละทิ้งหรือทำผิดจากหน้าที่ของตนออกไป – ก็ตามที เราจึงไม่เคยแตะโดนมันราวกับสิ่งเปราะบางดังเครื่องแก้ว แต่ต่างระลึกถึงมันได้ในใจ รักษาตราตรึงความสัมพันธ์นี้ไว้ชั่วนิจนิรันด์กาลแบบที่เราทั้งคู่รับรู้แก่ใจนั้นย่อมดี โครว์ลีย์ไม่ยอมรับว่าตนเองมีความดีในใจเพราะกลัวจะเก็บงำความรู้สึกรักอันขัดกับการเป็นปิศาจที่มีต่ออาซีราฟาเอลไว้ไม่ได้ ในขณะที่ทูตสวรรค์ยกข้ออ้างขณะหลบสายตาไปด้วยว่าอีกฝ่ายมีสถานะปิศาจเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่อาจจะแสดงออกไป – ซึ่งไม่ค่อยเป็นผลเท่าไรนักหากพิจารณาถึงประกายหวานซึ้งแทนคำกล่าวว่ารักคนตรงหน้าหมดหัวใจที่มักจะพาดผ่านดวงตาสีฟ้ายามเมียงมองอีกฝ่าย – และส่วนหนึ่งพวกเขาก็กลัวจะไปทำลายตัวตนของอีกคนที่เราต่างเคารพซึ่งกันและกัน กลัวจะทำลายความเป็นปิศาจที่ต้องปลุกเร้าความชั่วร้าย และกลัวจะทำลายความดีงามแห่งทูตสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ การที่เรายอมรับถึงด้านดีและด้านร้ายผิดวิสัยสถานะของอีกฝ่ายจึงเหมือนการทำลายข้ออ้าง เส้นขีดกั้น รวมถึงความกลัวต่อปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่ายจากสถานะที่ค้ำคอ ไม่ต้องข่มกลืนความรู้สึกใดๆ อีกต่อไป มันคือการเดินหน้าต่อในความสัมพันธ์นี้โดยปราศจากความหวาดกลัวเพราะการที่เรามาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่จำต้องสงวนท่าที หรือเก็บงำมันไว้อีก พร้อมสารภาพทุกสิ่งจนหมดเปลือกเพื่อดำเนินความสัมพันธ์ไปตามครรลองที่รออยู่เบื้องหน้าอย่างที่มันควรจะเป็นมาตลอดแต่แรก อีกทั้งเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เหมือนจะเปิดเผยทุกอย่างถ่องแท้ในตัวแล้ว การฝืนซุกซ่อนมันไว้จึงเปล่าประโยชน์ โครว์ลีย์สานต่อคำสารภาพจากอีกฝ่ายด้วยคำสารภาพของตน – “และถ้าลึกลงลึกไปนายไม่ได้มีเศษเสี้ยวความร้ายเล็กๆ ในตัวที่ควรค่าแก่การแสดงออกมาบ้างด้วยเช่นกัน”
ขอโลกจงเป็นพยาน พวกเรากำลังเอ่ยมันออกมาไม่ต่างอะไรกับการสารภาพรักต่อกันไม่มีผิด เราสองคนตลอดจนสิ่งทั้งหลายที่รังสรรค์บันดาลระหว่างกัน ชวนให้คิดว่านี่อาจจะชะตาพันผูกจากพระเจ้าด้วยตัวเอง – เป็นดุจเดียวกับแผนการที่เหนือคำอธิบายอะไรพวกนั้น ทูตสวรรค์ยิ้มเหมือนการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิที่หอบเอาความผลิบานงอกงามมาด้วยและปิศาจก็คล้ายจะยิ้มบางๆ กระตุกยิ้มมุมปากที่เหยียดออกในแบบที่แม้จะมีแว่นตาสีดำปกปิดดวงตาที่สื่อความรู้สึกก็ยังรับรู้ได้ว่ากำลังหลงรักคนตรงหน้าสุดหัวใจ คลั่งไคล้แทบบ้า แถมยังอยู่ในห้วงภวังค์อันลึกซึ้งที่มีตาคู่เดียวนี้ไว้มองแค่ทูตสวรรค์ตรงหน้าเท่านั้น เขามองอีกฝ่ายราวกับโลกทั้งใบพลันงดงามมีความหมายเมื่อมีแองเจิลเป็นส่วนประกอบ ใบหน้าดูผ่อนคลายและแฝงไปด้วยความอ่อนละมุน โครว์ลีย์ตอบกลับไปด้วยอิริยาบถสบายๆ ตามนิสัยขณะที่ใจกำลังถูกความรู้สึกเข้าเกาะกุมจนแทบทนไม่ไหว อาซีราฟาเอลจับจ้องอีกฝ่ายชั่วลมหายใจหนึ่งด้วยดวงตาพราวระยับ ไม่หลบเลี่ยง ก่อนจะหลุบตาอย่างเอียงอายเล็กน้อยคล้ายกำลังจะจารจำซึมซับสลักเสลาความรู้สึกในช่วงเวลาขณะนี้ไว้ ริมฝีปากอมยิ้มคล้ายจะอดกลั้นความรักมหาศาลอันท่วมท้นไว้ไม่ได้
“แด่โลก –”
ภาพที่สะท้อนลงบนดวงตาที่เปี่ยมด้วยรักล้นเหลือของปิศาจคือทูตสวรรค์ที่กำลังโทสต์แชมเปญขึ้นสูงแทนสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองด้วยความยินดี โครว์ลีย์ไม่รอช้า พูดตอบกลับไปด้วยแววตาที่หากปราศจากแว่นตาคู่นั้นแล้ว คงทำให้อีกฝ่ายละลายลงได้เมื่อจ้องมองโดยตรง “– แด่โลก”
กระแสห้วงบรรยากาศโดยรอบพวกเขาทั้งสองหลอมรวมกลมเกลียวกันอย่างเหนียวแน่นและเปี่ยมด้วยความหมาย ขณะที่แองเจิลพูดนั้น ปิศาจรู้สึกเหมือนสายตาอีกฝ่ายกำลังบอกกับเขาว่าเขาเป็นเหมือนโลกทั้งใบ ใบหน้าอีกฝ่ายอ่อนหวาน เปี่ยมล้นไปด้วยความดีงามโอบเอื้อ และมันทำให้ในอกของโครว์ลีย์กระตุกอย่างแรง กระเพาะบิดเร้าเหมือนถูกกลับหัว และถูกเปลี่ยนไปเป็นงูทั้งที่เขายังคงรูปลักษณ์ของมนุษย์อยู่ โครว์ลีย์พยายามรวบรวมความเยือกเย็น วางท่าทีให้เป็นปกติอย่างมากแต่กลับรู้สึกราวกับตัวเองค้างแข็งอยู่เช่นนั้นเพราะเมื่อครู่เราสองคนเพิ่งยอมรับต่อกันถึงด้านร้ายๆ และด้านดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวอีกฝ่ายผิดจากพงษ์พันธุ์ฝั่งฝ่ายที่สังกัด มันเหมือนการยอมรับความรู้สึกแท้จริงที่มีให้กันอย่างถ่องแท้ด้วยเสมอเหมือนกัน เรารู้เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรามันมากเกินกว่าคำว่าเพื่อนธรรมดา แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครแตะต้องถึงมัน และหวงแหนทะนุถนอมมันไว้กับตัวโดยที่ต่างก็รู้ดีอยู่ตลอดถึงความจริงที่แท้ในความรู้สึกระหว่างเรา ประการหนึ่งเนื่องจากพวกเรายังมีเวลาชั่วนิจนิรันดร์ในความสัมพันธ์นี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ อีกทั้งเราต่างก็ตระหนักรู้แจ้งถึงมันในใจ และแบ่งปันให้อีกฝ่ายผ่านการแสดงออก การกระทำ และท่าทีรวมถึงเหตุการณ์อีกหลากหลายโดยไม่จำต้องพูดออกมา เราต่างระลึก ถนอมไว้กับตัวได้จนตราบสิ้นกาลปาวสาน เป็นไปแบบที่ได้รู้ว่ารัก และได้รับการปฏิบัติเช่นผู้ถูกรักอยู่ในสายสัมพันธ์ที่ไร้คำจำกัดความนี้โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับการที่สวรรค์เบื้องบนหรือนรกเบื้องล่างจะมากีดกันเราหากรับรู้ถึงความจริง และอีกประการหนึ่งคือมันเป็นความรู้สึกที่เราต่างก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาอีกฝ่ายก็ตระหนักแจ้งถึงมันว่าระหว่างเรามีสายสัมพันธ์แบบใดยึดโยงอยู่แล้ว และเราก็กลัวว่าจะทำร้ายอีกฝ่ายจึงพยายามพอใจกับสัมพันธภาพที่เป็นอยู่ไปเช่นนี้ โดยบอกกับตัวเองว่านี่คือดีที่สุดที่จะมีได้โดยไม่ต้องทำลายอีกฝ่าย
ในตอนแรกที่โครว์ลีย์พบกับทูตสวรรค์ผู้ซึ่งในกาลต่อมา ทุกๆ ช่วงเวลาของโลก เขาก็เป็นต้องมองหา หรือคอยสัมผัสถึงตัวตนความมีอยู่ของทูตสวรรค์ที่ชวนให้มันเขี้ยวอย่างน่าหงุดหงิดตนนี้เป็นกิจวัตร และการวิ่งวนรอบๆ คอยเตร็ดเตร่และก่อกวนทูตสวรรค์ก็ค่อยๆ กลายเป็นงานหลักของเขา – ส่วนการล่อลวงมนุษย์หรือก่อกำเนิดความชั่วร้าย เพิ่มจำนวนพลพรรคผู้เข้าร่วมฝ่ายมืดค่อยๆ กลายเป็นเรื่องฆ่าเวลาไป – การคอยกระเซ้าเย้าแหย่ทูตสวรรค์ ผลุบๆ โผล่ๆ ไปมาใกล้ๆ หาเรื่องให้อีกฝ่ายคอยกระวนกระวายหรือเอ็ดอึงด้วยอารมณ์ปรามๆ ที่ไม่สู้จะน่ากลัวหรือน่าเกรงขามนักคือความสุขสำราญรื่นเริงของเขา มันทำให้จิตใจเขาเบิกบานและรื่นรมย์
โครว์ลีย์พบทูตสวรรค์ – ซึ่งในสมัยนั้นที่เป็นกาลเวลาแห่งเอเดน ตอนที่เขายังชื่อว่าครอว์ลีย์และอีกฝ่ายยังดำรงฐานะผู้พิทักษ์ประตูตะวันออก เมื่อครั้งที่เขาได้รับภารกิจล่อลวงสตรีคนแรกให้ลิ้มรสผลไม้แห่งบาป อา ใช่ บาปอันหอมหวน สุกฉ่ำ และแสนหวาน เขาพบว่าทูตสวรรค์คนที่พิทักษ์สวนนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วงกับกับนิสัยติดจะเงอะงะบ้าง บางทีก็ประหม่า ช่างเป็นห่วงเป็นและขี้กังวลเกินเหตุ ปราณีตและละเอียดลออกับสิ่งต่างๆ ประดิดประดอยและพิถีพิถัน แถมยังเป็นพวกมีอารมณ์สุนทรีย์ละเมียดละไม มีจริตเล็กๆ น้อยๆ และเป็นพิถีพิถันกับเรื่องจุกจิกเล็กน้อยจนเกือบจะดูจู้จี้ ยึดติดกับอุดมการณ์ความคิดเรื่องความดี อยู่ด้วยแล้วให้ความรู้สึกอุ่นสบายผ่อนคลายด้วยบรรยากาศอบอุ่นละมุนละไม เป็นดุจดังตัวแทนแห่งความปรานีอ่อนโยน ยังไม่นับใบหน้ากลมเอิบอิ่มที่ดูนุ่มๆ และมักจะยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นประกายพราวระยับนั่นอีก แถมยังซื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ น่าล่อลวงได้ง่ายมากสำหรับปิศาจอย่างเขา โครว์ลีย์เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ ขณะพยายามวางแผนแทรกซึมผ่านเข้าไปแล้วก็ต้องนิ่วหน้า คล้ายจะใจอ่อนยวบยาบ บางครั้งก็เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในสวรรค์ที่ส่งเทวทูตนิสัยนุ่มนิ่ม อีกทั้งยังดูคล้ายจะส่องประกายผ่องแผ้วด้วยรัศมีผุดผาดอยู่ทุกเมื่อแบบนี้มาเป็นยามอารักขาสถานที่สำคัญนั้น มันทำให้นิสัยสงสัยใคร่รู้และความขบถเล็กๆ ของเขาต่อพงษ์พันธุ์และอุดมการณ์ของฝ่ายที่ตนสังกัดเกิดอดรนทนไม่ได้อยากจะทำความรู้จักขึ้นมา – ทูตสวรรค์คนดังกล่าวคืออาซีราฟาเอล
คนที่คล้ายจะเป็นศัตรูฝ่ายตรงข้ามในทีแรก – แม้เขาจะไม่แน่ใจนักหรอกว่าจะกล้านับคนที่ไม่มีใครเกลียดชังได้ลงคออย่างอาซีราฟาเอลเป็นศัตรูได้แต่แรกเห็น ยิ่งโดยเฉพาะหลังจากได้รับรู้อุปนิสัยและลักษณะท่าทีของทูตสวรรค์ตนนี้ด้วยแล้ว – เขารู้ว่าตนไม่ได้ตั้งแง่กับทูตสวรรค์ ออกจะกึ่งๆ ใจอ่อนและอาจจะเอ็นดูในแบบของปิศาจด้วยซ้ำ หากแต่ก็ยังย้ำเตือนตนไว้ว่าอีกฝ่ายนั้นย่อมต้องถือตัวว่าอยู่ตรงข้ามกันหรือรักษาอุดมการณ์สูงส่งไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์กับตนแน่ อีกทั้งเขาก็อยากจะรักษาวิสัยแห่งปิศาจไว้ด้วยการไม่นึกนิยมชมชอบฝ่ายตรงข้าม และปฏิบัติตนเพื่อวัตถุประสงค์อย่างการสร้างความเลวร้ายตลอดจนบาปแก่มนุษย์ ทว่ากาลกลับตาลปัตรให้เขานึกชอบอกชอบใจในตัวอีกฝ่ายจนกลายเป็นปักใจเข้าหาด้วยรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งหยอก แสร้งล่อลวงโน้มน้าวตามประสาปิศาจ จนถึงวนเวียนไปมารอบๆ กวนใจให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา ตลอดเวลาของโลก พวกเรามีอันต้องข้องแวะกันในรูปแบบต่างๆ จนสุดท้ายสัมพันธภาพระหว่างเราก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีอะไรอธิบายได้ มันเริ่มต้นมาจากการที่เขาเข้าไปทักทายทูตสวรรค์เป็นครั้งแรกหลังแอปเปิ้ลแห่งเอเดนถูกเด็ดจากต้น และมนุษย์ก็ถูกขับไล่ ตอนนั้นเขาชั่งใจว่าจะทำอย่างไรกับทูตสวรรค์ดี ทั้งนี้ ด้วยพฤติกรรมของทูตสวรรค์ที่เฝ้าสังเกตรับรู้มาตลอดก็เหมือนจะผลักดันให้เขาเดินหน้าสานต่อการตัดสินใจเริ่มความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดมาจนถึงตอนนี้ต่อไป เพราะราวกับเขารู้ดีตั้งแต่ต้นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ที่มีจิตเหมือนกัน สามารถเชื่อมต่อกันได้ ครั้นแล้วจึงเลื้อยไปปรากฏตัวข้างๆ ทูตสวรรค์เหนือกำแพง
ด้วยนิสัยติดตัว โครว์ลีย์นึกอยากจะรู้ ประสงค์จะทดลองดูว่าอาซีราฟาเอลจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับตน ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงร้อนรุ่มใจหาคำตอบนักว่าอีกฝ่ายจะเหมือนๆ กับพวกเทวทูตตนอื่นๆ หรือไม่กับอุดมการณ์อันสูงส่งเหนือความตระหนักรู้ว่าถูกหรือผิด มีเพียงการยึดถือในความเชื่อและแผนการของพระเจ้าโดยไม่สนว่าสิ่งนั้นจะส่งผลอย่างไร ไม่เห็นหัวผู้อื่นไม่ว่าจะมนุษย์หรือปิศาจก็ตาม มันเป็นเหตุทำให้เขาเป็นกบฎตกจากสวรรค์ด้วยเช่นกัน เมื่อเมฆฝนแรกก่อตัวครึ้มเหนือกำแพงตะวันออก โครว์ลีย์ก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนากับทูตสวรรค์ที่กึ่งๆ จะไม่ไว้ใจอย่างรุนแรง ทว่าด้วยมารยาทอันดีของทูตสวรรค์ผู้ติดจะสำอางเล็กๆ คนนี้ บทสนทนากระท่อนกระท่อนซึ่งค่อนข้างไปทางกระอักกระอ่วนในคราแรกก็เริ่มขึ้น ครั้นแล้ว โครว์ลีย์ก็ตกลงสู่ห้วงลึกบางอย่าง – ลึกจนไม่อาจวัดหยั่งก้นบึ้งได้ทีเดียวเชียวละ – เป็นห้วงลึกที่รังแต่จะดึงเขาลึกลงไป พร้อมทั้งโอบล้อมรอบตัวไว้อย่างนั้นประดุจจะทำให้เขาค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ ทรมานจนเขาไม่อาจอดทนต่อความรู้สึกยากจะบรรยายที่แทบจะระเบิดออกมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรในทีแรก แต่ครั้นแล้วก็เกือบๆ จะเข้าใจว่าพวกเทวทูตและมนุษย์เรียกสิ่งเดียวกันนี้ว่ารัก รักคงจะคล้ายๆ กับสิ่งที่เขารู้สึกตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้กระมังในยามที่อาซีราฟาเอลบอกกับเขาว่าได้ให้ดาบเพลิงประจำตัวแก่มนุษย์ไปแล้ว นั่นถือเป็นการฝ่าฝืนประสงค์ของพระเจ้าเสียด้วย แถมยังติดจะเป็นการท้าทายความคิดและมุมมองต่อความดีและความชั่วที่สวรรค์มี เขารู้ได้ทันทีว่าอาซีราฟาเอลนั้นพิเศษ พิเศษกว่าทูตสวรรค์ทั้งหมด ทูตสวรรค์ทำให้เขาถูกใจในทันที ความมั่นใจที่เขามีมาแต่ต้นต่อตัวตนแท้จริงของทูตสวรรค์นั้นถูกต้อง ได้รับการยืนยันแล้วตรงหน้าเขา ความรับรู้ดังกล่าวส่งผลให้ม่านตาดำเช่นอสรพิษทั่วๆ ไปเบิกกว้าง ใจลิ้มรสชาติของการได้พานพบสิ่งซึ่งตามหามาตลอด ดวงวิญญาณเดียวกันที่มีจิตคล้ายคลึงกัน มีความเชื่อความคิดเดียวกันที่จะแบ่งปันและเชื่อมโยงกันได้ – เขาตกลงสู่อาซีราฟาเอล
เรียบง่ายเช่นนั้นเอง ราวกับเป็นหนึ่งในแผนการของพระเจ้าที่ดลบันดาลไว้ อย่างกับว่าเป็นการประชดประชันอันร้ายกาจจากเบื้องบน
หากจะถามว่าทำไมเรื่องทั้งหมดนั่นทำให้ความรู้สึกโหมกระหน่ำเขาหาเขาราวกับคลื่นพายุได้อย่างง่ายดายนัก คงเป็นเพราะเขารู้ว่าตนได้เจอสิ่งพิเศษเข้าเสียแล้ว พานพบผู้ซึ่งเหมือนกัน ในฐานะผู้ยืนอยู่คนละด้าน เรามีสิ่งร่วมกันคือการเชื่อในความคิดผิดชอบชั่วดีของตนมากกว่าสิ่งที่ผู้อยู่เหนือกว่ากำหนดกะเกณฑ์ไว้โดยอ้างแผนการหรืออุดมการณ์สูงส่งนานัปการ เราทั้งสองมีความคิดและมุมมองต่อสิ่งต่างๆ ของโลกไปในทิศทางเดียวกัน เช่นนี้จะไม่รู้สักว่าพาอีกส่วนหนึ่งของตนเองเจอแล้วได้อย่างไร เปรียบเทียบได้เท่ากับการเจอชิ้นส่วนของภาพต่ออันสมบูรณ์ เขาเจอใครสักคนที่จะพูดด้วยได้ สามารถแบ่งปันความคิดความเชื่อและหลักการเดียวกัน ทูตสวรรค์ตนนี้ไม่ได้บอกว่าตนดีงามสูงส่ง ทำทุกสิ่งย่อมถูกต้องเหมือนพวกเบื้องบนตนอื่นๆ เพราะยังเคลือบแคลงแผนการของพระเจ้าในการผลักไสมนุษย์ว่าดีจริงหรือไม่ แต่ทูตสวรรค์พยายามจะดีพร้อมสมบูรณ์และดำเนินตามอุดมการณ์ต่อความดีความถูกต้องในแบบที่ตนเชื่อเหนือยิ่งกว่าแบบที่ถูกบอกให้ยึดถือเช่นนั้นอย่างเช่นการมอบดาบเพลิงแก่มนุษย์ไปด้วยใจที่ฝักใฝ่ความดี รู้ว่าการกระทำนั่นเป็นสิ่งที่ดี อาซีราฟาเอลซื่อสัตย์จริงใจต่อใจของตนเองจึงเป็นคนดีในแบบที่จริงแท้และยุติธรรม เขากำลังมองหาใครสักคนซึ่งรู้ซึ้งถึงความดีที่แท้และสิ่งที่ความดีหรือโลกควรจะเป็น และพบมันในตัวทูตสวรรค์ผู้เงอะงะ เจ้าสำอาง และขี้กังวลคนหนึ่ง เขาถูกใจความไม่เชื่อฟังต่อเบื้องบนเล็กๆ น้อยๆ จากอาซีราฟาเอลด้วย มันทำให้ได้รู้ว่าส่วนหนึ่งในตัวอีกฝ่ายมีด้านคล้ายกับปิศาจอยู่บ้าง ข้อเท็จจริงนี้สร้างความเปรมปรีดิ์แก่เขาอย่างบอกไม่ถูก เขาเปิดใจแก่ทูตสวรรค์และอีกฝ่ายก็คล้ายจะเปิดเผยความจริงใจตอบรับกลับมาให้ สำหรับโครว์ลีย์แล้ว ถ้าถามถึงความดีกับปิศาจ เขาตอบได้ทันทีโดยไม่เสียเวลาแม้ชั่วอึดใจครุ่นคิดด้วยว่าตนไม่ใช่คนดี ไม่ได้มีความดีในจิตใจ เพียงแค่สงสัยใคร่รู้ในนิยามของความดี และความเป็นจริง รวมถึงเส้นแบ่งระหว่างสิ่งที่ดีและสิ่งที่ชั่วร้าย เขาถึงไม่ใคร่จะชอบใจนักเวลาใครต่อใครบอกว่าลึกๆ แล้วเขาเป็นคนดี ยิ่งเฉพาะเวลาทูตสวรรค์เป็นผู้พูดด้วยแล้ว เขาจะรู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่ามีความรู้สึกแบบใดให้อีกฝ่าย มันถึงทำให้เขาร้อนรน และแสดงปฏิกิริยาตอบสนองได้รุนแรงรุ่มร้อนนัก – เพราะเขากลัวแองเจิลจะรู้แล้วผลักไสเขาไป ไม่เปิดใจให้อีกด้วยนิสัยเถรตรงต่อความดีแห่งเบื้องบนของอาซีราฟาเอล เขากลัวจะทำให้ทูตสวรรค์ตนนี้แปดเปื้อน และอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกความจริงเกี่ยวกับความรู้สึกของตนแก่แองเจิล เพราะเขากลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนไปด้วยกับการที่เบื้องบนจะพบว่าทูตสวรรค์มีสัมพันธภาพกับปิศาจ และต่างฝ่ายต่างก็ตบตาฝ่ายที่ตนสังกัดมานานนับหกพันปี – โครว์ลีย์พร่ำเถียงทูตสวรรค์เสมอเวลาอีกฝ่ายทำท่าจะหยิบยกหลักฐานบ่งชี้ความดีในตัวเขาขึ้นมาว่าเขาเป็นปิศาจ เป็นจ้าวแห่งความมืด เป็นผู้ที่มนุษย์ต้องหวาดกลัวพรั่นพรึง แผ่กระจายความชั่วช้าแก่โลก เพิ่มจำนวนพลพรรคผู้เข้าร่วมกับเหล่าเบื้องล่าง เป็นผู้ที่ไม่สามารถให้อภัยได้ แต่แท้ที่จริง หากถามอาซีราฟาเอล ทูตสวรรค์คงจะตอบว่าปิศาจตนนี้รู้ผิดชอบชั่วดี เข้าใจถึงความยับยั้งชั่งใจ มีความคิดฝักใฝ่ในทางที่ดีแฝงอยู่ในตัว ขณะเดียวกัน หากถามโครว์ลีย์เกี่ยวกับอาซีราฟาเอล เขาก็คงจะบอกว่าทูตสวรรค์นั้นพิเศษเพราะมีความเห็นอกเห็นใจแก่ทุกสิ่ง รู้คุณค่าของทุกอย่าง มีจิตใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลเป็นห่วงเป็นใยโดยธำรงไว้ซึ่งเหตุผลของผู้มีจิตวิญญาณสูงส่งและรู้ถูกรู้ผิด และมีความคิดด้านที่เจ้าตัวไม่ยอมรับว่าค่อนข้างปฏิปักษ์และเป็นขบถกับฝั่งที่ตัวเองสังกัดไม่ต่างกัน เห็นได้ชัดจากการเคลือบแคลงในบางเรื่องซึ่งใช้ดวงตาของผู้เป็นธรรมมองแล้วลึกๆ ก็ตระหนักได้ว่าไม่ถูกต้อง โดยรวมแล้วคงกล่าวได้ว่าพวกเขามีความเป็นมนุษย์นั่นเอง
มนุษย์นั้นมีทั้งด้านดีด้านร้ายในตัว และพวกเขาที่อยู่ร่วมกับมนุษย์มานานนับพันๆ ปีย่อมต้องซึมซับ เรียนรู้วิถีทางของมนุษย์ไว้ในตัวบ้าง ยิ่งโดยเฉพาะด้านอารมณ์ความรู้สึกอันอ่อนไหว เพราะมนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกควบคุมด้วยอารมณ์ความรู้สึก ทั้งยังอ่อนไหวอย่างยิ่ง โครว์ลีย์และอาซีราฟาเอลจึงเป็นตัวแทนของความดีและความชั่วที่มาบรรจบ เป็นการกลืนกันของความสว่างและความมืด
ทุกอย่างเริ่มก่อตัวตั้งแต่ช่วงเวลาแรกของประวัติศาตร์มนุษย์นั้นเอง และทูตสวรรค์ที่เริ่มเปิดใจ เสนอความจริงใจตอบกลับด้วยการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าได้ท้าทายกฎเกณฑ์ของสวรรค์ด้วยการให้คาบเพลิงไปเสียแล้วนั้น ด้วยเพราะมีความเชื่อในสิ่งที่ถูกผิดเหนือกว่าอุดมการณ์ของฝั่งตนที่ยึดถือก็ค่อยๆ กางปีกป้องกันสายฝนจากเบื้องบนให้แก่ปิศาจเพราะกลัวว่าสิ่งที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าเป็นครั้งแรกนี้จะเป็นอันตรายกับอีกฝ่าย พวกเขาเสนอไมตรีและความสัตย์ซื่อจริงใจให้แก่กันและกันก่อนด้วยวิธีปฏิบัติเช่นนั้นที่มีความหมายแฝงอยู่ในการกระทำมากกว่าวิธีการพูดหรือแลกเปลี่ยนอารมณ์ที่แสดงออกในรูปแบบที่พวกเขายังคงเชื่อว่าต้องธำรงความเป็นทูตสวรรค์และปิศาจอันเป็นฝั่งที่ตัวเองฝักใฝ่ไว้ พวกเขาตระหนักดีว่ายืนอยู่คนละด้าน บางครั้งจึงอาจกระทบกระทั่งกันจากคนละฟากฝั่งของจุดยืน ทว่ามิตรไมตรีจากคนที่มีจิตร่วมกันอันจุนเจือความสัมพันธ์นี้ก็ทำให้พวกเขายังคงเชื่อในตัวอีกฝ่าย ทะนุถนอมทั้งยังหวงแหนสัมพันธภาพระหว่างกันนี้ไว้ข้ามห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านมากมาย ไม่ยอมร้างราจากกัน แถมยังเหนี่ยวนำให้พวกเขาต้องเข้าหากันเสมอ ยังไม่นับรวมถึงการที่คนทั้งคู่ยอมแม้กระทั่งเป็นปฏิปักษ์กับสังกัดของตนเพื่อกัน ความสนิทสนมทักถอเพิ่มพูนผ่านกาลเวลา จนถึง ณ ขณะนี้ที่บริกรกำลังยืนส่งทูตสวรรค์และปิศาจออกจากเดอะริทซ์หลังผ่านพ้นวิกฤตอามาเกดดอนไปหมาดๆ การนัดเจอกันเพื่อมื้ออาหารสักมื้อที่โรงแรมนี้เป็นกิจวัตรนานๆ ครั้งของเขากับอาซีราฟาเอลผ่านห้วงเวลา เหมือนๆ กับที่เราใช้เวลาสักวันหนึ่งออกเดินทางท่องเที่ยวชมความเปลี่ยนไปของมนุษย์ ด่ำดื่มชื่นชมโลก ปิคนิกในวันที่อากาศแจ่มใส แวะให้อาหารเป็ดที่เซนต์เจมส์พาร์ค ถกเถียงถึงเรื่องต่างๆ ปะทะคารมหรือทะเลาะกันเหมือนคู่แต่งงานแก่ๆ ที่ครองคู่อยู่กินกันมาเนิ่นนาน – ก็แน่ละหกพันปีคงนับได้ว่านานนัก ยิ่งกว่าชั่วชีวิตของโลกก็ว่าได้ – หลังจากมนุษย์ถูกขับไล่จากสวนแห่งเอเดนเราวนเวียนมาพบปะกันบ้างตามช่วงเวลา แต่หลังจากเรามีพันธะสัญญารวมทั้งข้อตกลงกันเล็กๆ น้อยๆ ถึงงานของเราสองคนนับตั้งแต่สมัยยุคเวสเซคมา พวกเราก็เริ่มมีข้อแลกเปลี่ยนกันพาลให้ต้องเจอะเจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ – นั่นทำให้โครว์ลีย์เบิกบานไม่น้อยกับการมีข้ออ้างไปเจอหน้าทูตสวรรค์ บางครั้งเขาก็แวะเวียนมากวนใจทูตสวรรค์เล่น ถูกเลคเชอร์เรื่องความดีจากทูตสวรรค์เล็กๆ น้อยๆ ขณะเขาแสร้งทำเป็นบอกใบ้ว่าทำเรื่องร้ายๆ ตามประสางานของปิศาจไปอย่างไรบ้าง เขาอาจจะเป็นคนประเภทชอบเรียกร้องความสนใจแต่เวลาถูกอาซีราฟาเอลบ่นจุกจิกกลับรู้สึกดีเหมือนกับได้รับความสำคัญอย่างน่าประหลาด สำราญกับการทิ้งการหยั่งเชิงนิดๆ หน่อยๆ เพื่อคอยดูการตอบสนองจากอีกฝ่าย และหลังจากทูตสวรรคเปิดร้านหนังสือเก่านั่น มันก็กลายเป็นสถานที่ซึ่งโครว์ลีย์แอบแวะเวียนไปบ่อยที่สุดรองจากเซนต์เจมส์พาร์ค หรือบรรดาสถานที่นัดพบมากมายตามจุดต่างๆ ทั่วลอนดอนอันเป็นความลับระหว่างเขากับทูตสวรรค์อย่างเช่นจุดนัดพบสำรองลับๆ ลำดับที่สาม ศาลาดนตรีเก่าในแบทเทอร์ซีพาร์ค รถเมล์หมายเลขสิบเก้า หรือคาเฟ่ในบริทิชมิวเซียม บางครั้งๆ นานๆ ทีเขาก็จะคอยหาช็อคโกแลตไปฝาก ไหนจะการแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันเลยจริงๆ ตอนที่เจอกันหน้าสำนักงานใหญ่เวลาต้องรายงานเป็นทางการ ไปชมละครหรือดนตรีด้วยกัน นัดพบกันที่พิพิธภัณฑ์ขณะชมภาพเธอะเทมป์เทชั่นเอิฟอดัมแอนด์อีฟไปด้วย เอาโน้ตแผนการที่ต่างวางไว้มานั่งแลกกันดูแล้วยิ้ม นั่งคุยกันบนรสบัสเหมือนเดทลับๆ ยกอาหารหรือขนมส่วนของตัวเองให้ทูตสวรรค์และมีความสุขไปด้วยยามมองอีกฝ่ายละเลียดชิมอย่างสุขสำราญ ใช้เวลานอนเอกเขนกอยู่ใกล้ๆ อาซีราฟาเอลที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ดื่มด่ำการมีอยู่ของกันและกันอย่างละมุนละไมในความรู้สึกรวมถึงประทับซับซึมความสุขสงบสบายใจ หาเวลาไปเดินตลาดนัดดอกไม้และพืชสวนด้วยกันที่ถนนโคลัมเบียในเช้าวันอาทิตย์ หรือการที่เขานั่งรออาซีราฟาเอลทำเล็บ แม้แต่ตอนที่ทูตสวรรค์รับบทบาทผู้ชม ช่วยนั่งฟังเขาเตรียมพรีเซนท์เทชั่นต่างๆ นานาเกี่ยวกับแผนงานสุดร้ายกาจที่จะไปนำเสนอในนรกหลายต่อหลายครั้ง ทุกช่วงเวลาเราทั้งสองต่างก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้า มีคุณค่ามากเหลือ นับรวมถึงตอนที่เขาออกอุบายเล่นละครมีลูกเล่นทำให้อาร์คแองเจิลฟักกิ้งกาเบรียลสยองขนหัวลุกเกือบตาย เปลี่ยนใจจากไปด้วยความสะพรึงตอนที่วางแผนจะเรียกตัวอาซีราฟาเอลกลับไปเบื้องบนและเลื่อนจากตำแหน่งพรินซิเพิลลิทิ่ให้กลับคืนไปเป็นเครูบดังเดิม หรือไม่แล้วในช่วงเวลาพวกนั้นก็ต้องมีที่ไว้ให้สำหรับการตามช่วยอาซีราฟาเอลคนที่ไม่เคยจะรู้ตัวเลยสักครั้งอย่างน่าพิศวงว่ากำลังจะพาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายถึงตายอยู่ร่ำไปราวกับเป็นเรื่องสนุก บางครั้งทูตสวรรค์ก็ซื่อและไม่คิดหน้าคิดหลังเกินไปจนเกือบจะต้องเดือดร้อนถ้าเขาไม่คล้ายๆ จะซ่อนเครื่องติดตามไว้กับรัศมีของทูตสวรรค์อย่างแนบเนียนกลมกลืนไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวเพื่อให้ตามไปได้ทันทุกครั้งที่อาซีราฟาเอลกำลังมีปัญหา ทั้งยังเพื่อจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนในเวลานี้ มันจะคล้ายๆ เครื่องส่งสัญญาณเตือนเวลาอาซีราฟาเอลเดือดร้อนหรือมาอยู่ใกล้ๆ เขา – โครว์ลีย์ยอมรับว่าซ่อนมันไว้ในตัวทูตสวรรค์ตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย ในตอนที่บังเอิญไปเจอทูตสวรรค์ที่วิหารโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยการทำให้พวกนักบวชฟาลิซีโกรธจนเกือบถูกจับตัวไปทรมาน อาซีราฟาเอลยังทำหน้าใสซื่อยิ้มร่าทักทายเขา ไม่รู้สึกถึงความทุข์ร้อนสักนิด มองโลกในแง่ดีและเมตตาทุกคนจนโครว์ลีย์ปวดหัว ไม่อาจปล่อยผ่าน และนึกเป็นห่วงอย่างอดรนทนไม่ได้จนต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง – เขาเคยจ้างพวกมนุษย์คอยจับตาดูอาซีราฟาเอลในฐานะเจ้าของร้านหนังสือเก่าซึ่งเป็นเป้าหมายของอะไรสักอย่างระหว่างทศวรรษที่เขาใช้เวลาส่วนมากไปกับการหลับด้วย ภาพความทรงจำมากมายหลั่งไหลผ่านเข้ามานับไม่ถ้วนดุจสายน้ำ ครั้งหนึ่งเขาเคยแกล้งให้ท่าอีกฝ่ายโดยการผูกก้านเชอรี่ด้วยลิ้นให้ดูอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ผลที่ได้กลับมาคือคำชมตื่นเต้นราวกับเขาเป็นเด็กที่เพิ่งทำเรื่องยากๆ ได้สำเร็จ โครว์ลีย์นึกแล้วก็ต้องลอบยิ้มออกทุกครั้ง ริมฝีปากกระตุกกรุ้มกริ่ม เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างทำให้ความสัมพันธ์เรามีชีวิตชีวา และเราสองคนก็พึงพอใจกับมันนัก
การข้องแวะกันผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ของประวัติศาสตร์โลกมนุษย์ก็เช่นกัน และบางที อาจจะบางทีเขาก็เคยทำให้พวกที่มายุ่งย่ามให้อาซีราฟาเอลต้องกวนใจ – ยกเว้นเขาไว้คนหนึ่ง – ต้องพรั่นพรึงไปเกือบจะชั่วชีวิตกับการมายุ่งเกี่ยวกับอาซีราฟาเอลหรือตามตอแยให้ทูตสวรรค์ขายหนังสือสะสมสุดรักสุดหวงจากร้านหนังสือที่ผู้เป็นเจ้าของภูมิใจหนักหนาว่าตั้งแต่เปิดร้านยังไม่เคยจำหน่ายหนังสือแม้สักเล่ม เขาเคารพในเรื่องนี้แม้จะตะขิดตะขวงใจไม่น้อยกับนิสัยหยุมหยิมของอีกฝ่าย แต่โครว์ลีย์จะไม่ยอมรับหรอกว่าเป็นตัวการให้เว็บไซต์วิจารณ์ชื่อดังแห่งหนึ่งกาหัวเอแซด เฟล แอนด์โค เป็นร้านหนังสือยอดแย่อันดับหนึ่งของลอนดอน บรรดาหนอนหนังสือที่จะมาค้นหาหนังสือจากร้านนี้ต่างก็ขยาดและขนหัวลุกไปตามๆ กัน ส่วนใครก็ตามที่ผ่านมาแถวโซโห และโชคดี ก็อาจจะพบงูตัวใหญ่เลื้อยสามขุมเตร็ดเตร่ไปมาอยู่รอบๆ ร้านหนังสือนี้ เขารักที่อาซีราฟาเอลชื่นชอบลายทาร์ทานและยังคิดว่ามันเก๋ไก๋นำสมัยจนถึงทุกวันนี้ เขารักที่อาซีราฟาเอลเคยเรียนเต้นกาวอตต์ เขารักที่อาซีราฟาเอลคิดว่าเฟลเฟทอันเดอร์กราวด์เป็นวงเพลงบีบ็อพ เขารักที่อาซีราฟาเอลใช้ถ้อยคำ ศัพท์แสง คำอุทานหรือวลีเก่าๆ ไม่ก็น่ารักที่ไม่ค่อยมีใครเขาใช้กันอย่างทิปทอปหรือทิคเคททีบูที่พูดด้วยสำเนียงน่าเอ็นดูและใบหน้าร่าเริงเปล่งประกาย เขารักที่หลังจากใช้เวลาตลอดทั้งวันไปกับอาซีราฟาเอล ในตอนจบวันนั้น เขาจะยังคงได้กลิ่นโคโลญจ์ของอีกฝ่ายติดอยู่บนเสื้อของเขา เขารักอาซีราฟาเอลในทุกๆ เรื่อง ในทุกๆ อย่าง เขารักที่อีกฝ่ายคลั่งไหล้หลงใหลอาหารและของหวาน ยิ้มกับเครป ดีใจกับไอศกรีม เขารักที่อีกฝ่ายใช้เวลาได้เป็นวันๆ นั่งอ่านหนังสือไม่ขยับตัวไปไหน สำหรับเขาแล้ว ทูตสวรรค์เป็นที่รักสุดหัวใจ เป็นเจ้าของตัวเขา เหตุการณ์ทุกเรื่องที่ผ่านพวกเราไป ทุกช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับพวกเราล้วนล้ำค่าและพิเศษไม่มีอะไรเทียบเคียงได้ ไหนจะตอนที่เราทะเลาะกันเรื่องที่เขาขอน้ำมนต์จากทูตสวรรค์จนถึงตอนที่ทูตสวรรค์ยอบมอบมันให้แก่เขาด้วยตัวเองเพราะกลัวเขาจะพาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายยิ่งกว่า – มันทำให้ใจของเขาที่สะท้อนความรู้สึกไม่สมกับเป็นปิศาจอยู่แล้วยิ่งอ่อนยวบลงไปอีกด้วยน้ำหนักของรักที่ทับลงมา เขารักมัน รักในความรักนี้ แต่ในอีกด้านของตนก็เกลียดตัวเองที่ยังสามารถรักขึ้นมาอย่างไม่สมควรกับสถานะปิศาจของตนที่ต้องเต็มไปด้วยความเกลียดชังและไม่น่าให้อภัยด้วยเช่นกัน – ทว่าส่วนหนึ่งเขาก็ยอมรับว่าตนถลำลึกไปตั้งแต่จมลงสู่ทูตสวรรค์บนกำแพงของสวนเอเดนนั่นแล้ว ต่อให้เขาต้องทรมานเพราะย่ำเข้าไปในโบถส์เพื่อช่วยแองเจิลอีกกี่ครั้ง หรือต้องอาบน้ำมนต์จนจิตวิญญาณดับสูญเขาก็ยินยอมจะทำอย่างไม่ลังเลเลย แองเจิลเข้ามามีบทบาทสำคัญในความคิดของเขาเป็นอันดับแรกเสมอ และส่วนที่จะไม่พูดถึงไปไม่ได้อย่างการขอให้หนีตามกันสุดจะทราจิกสำหรับเขา หรือจะนับย้อนไปตอนที่แองเจิลบอกว่าเขาไปเร็วเกินไปสำหรับอีกฝ่ายในความสัมพันธ์ของเรา – และก็อีกที่เขาจะไม่ยอมรับว่าตนกลับไปนอนไร้จิตวิญญาณอยู่กับพื้นเปิดเพลงเทคอะชานซ์ออนมีผสมกับรันอะเวย์วิธมีของคาร์ลี เจปเซ่นดังกระหึ่มเช่นคนอกหักอยู่เป็นสัปดาห์ ขณะนั่งปรับทุกข์คร่ำครวญกับบรรดาต้นไม้ที่สั่นกลัวไปด้วยราวกับมันกลายเป็นเพื่อนดื่มยามสิ้นหวังในรัก – แม้ว่าในเวลานี้เรื่องพวกนั้นจะไม่สำคัญอีกแล้ว กาลเวลาทำให้เรื่องพวกนั้นการเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผ่านพวกเรามาจนถึงความสัมพันธ์ในตอนนี้อย่างเหมาะเจาะลงตัว และสมบูรณ์ดีในแบบซึ่งทำให้รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านั้นสมควรอย่างยิ่งแล้ว เราต่างยอมรับในด้านดีของอีกฝ่ายซึ่งเป็นปิศาจ และด้านลับเล็กๆ ที่ชั่วร้ายของอีกฝ่ายผู้อยู่ในฐานะทูตสวรรค์ ด้วยเหตุนี้เราจึงคล้ายจะยอมรับความรู้สึกของกันและกันออกมาตรงๆ เป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
เพราะเหตุใดถึงกล่าวได้เช่นนี้น่ะหรือ
อันที่จริง สิ่งซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเรานั้นมันไม่ต่างอะไรกับการที่เราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าระหว่างกันนั้นมีสิ่งใดเชื่อมโยงอยู่ ความรู้สึกที่โยงใยเป็นความสัมพันธ์นี้คืออะไร ทว่าไม่มีใครพูดมันออกมาหรือแสดงท่าทียอมรับเช่นนั้น ด้วยเหตุที่ในทางเทคนิกแล้วเราสองคนต่างก็ยืนคนละฟากฝั่งของอุดมการณ์และความเชื่อ เป็นสองพงษ์พันธุ์ที่ควรจะต้องดำเนินวิธีทางของเราไปคนละแบบหากถามหาถึงเหตุผลอันดี ไม่ควรจะต้องข้องแวะหรือมีอันมาเกี่ยวพันกันด้วยซ้ำ แม้เราจะมีมุมมองในแบบที่คล้ายคลึงกันทางศีลธรรมความดีและความชั่วคนละแนวทางกับฝั่งที่เราสังกัดบอกอยู่เนื่องๆ ก็ตาม ที่จริง หากจะพูดกันตามตรงไม่ต้องสนใจสิ่งซึ่งควรจะเป็นบ้าๆ นั่น หรือเหตุผลที่ว่าทำไมเราไม่ควรเกี่ยวข้องกัน ทั้งหมดนั่นฟังดูไร้สาระตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมสำหรับพวกเราสองคนนั้นแทบไม่มีความหมายเลย นำมาอ้างไม่ได้ด้วยซ้ำหากพิจารณาถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาของเรา เห็นได้ชัดว่าทั้งที่เราต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าไม่สมควรแก่สถานะของตน แต่ก็ยังจะทำมัน ดำเนินสัมพันธภาพและการคบค้าสมาคมของเราด้วยเหตุผลที่อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่ทูตสวรรค์ชอบหยิบยกขึ้นมานิยามแผนการของพระเจ้าอย่างคำว่าอินเอฟฟาเบิล – ไม่อาจจะอธิบายได้แม้แต่น้อย เหนือคำบรรยายเลยทีเดียว เราไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้แล้ว ทำไมถึงยังต้องหลอกตัวเองหรือกล่าวอ้างถึงความเหมาะสมอันสมควรและหน้าที่ต่อพงษ์พันธุ์ที่ต้องยึดถืออีก โครว์ลีย์คิด และแน่นอนว่าอาซีราฟาเอลก็ตระหนักถึงความจริงข้อนี้มาตลอด แต่ทูตสวรรค์ดื้อดึง ทั้งยังภาคภูมิกับความดีที่ฝั่งของตนธำรงและนิสัยยึดติดกับอุดมการณ์ที่ถูกสั่งสมจากเบื้องบน – อย่างไรเสีย อาซีราฟาเอลก็คือทูตสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความดีงามอยู่นั่นเอง – เขาจึงข่มกลืนความรู้สึกของตน และดื้อเกินกว่าจะยอมพูดมันออกมาเวลาโดนปิศาจคาดคั้นหนักเข้าหรือตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่ต้องยอมรับด้วยคำพูด เพราะหากพิจารณาถึงการกระทำที่แสดงออก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นไปในทิศทางตรงข้ามกันกับคำพูดบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับความรู้สึกของตนเหล่านั้นแท้ๆ ความจริงก็คือ สำหรับอาซีราฟาเอลแล้ว เขาตกหลุมพรางการล่อลวงนับพันๆ ปีของปิศาจเข้าเต็มที่ – หากจะพูดถึงในแง่สถานะที่อีกฝ่ายเป็นปิศาจซึ่งจะล่อลวงผู้คนเป็นงานหลักน่ะนะ เพราะถ้านับตามจริงคงจะถูกต้องกว่ากับการกล่าวว่า ในคราวแรกที่เขาพบกับโครว์ลีย์ – ในสมัยที่เขาได้รับการแนะนำตัวจากอีกฝ่ายว่าครอว์ลีย์ เขาพบว่าตนรู้สึกถึงความแตกต่างออกไปจากปิศาจตนอื่นๆ บนตัวโครว์ลีย์ เพราะอีกฝ่ายไม่ลังเลหรือหวั่นวิตกเลยกับการเสนอตัวออกมาเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์เช่นเขา หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาที่แสดงให้เห็นถึงความสงสัยใคร่รู้ การตั้งคำถามถึงมุมมองต่อความดีและความชั่วร้ายของเบื้องบน และศีลธรรมที่แท้จริงซึ่งแสดงให้เห็นว่าปิศาจตนนี้มีความรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่ในความคิดและจิตสำนึก ไม่เหมือนปิศาจตนอื่นที่มุ่งหวังแต่จะก่อร่างสร้างความชั่วร้ายขึ้นบนโลก เผยแพร่มันแก่มนุษย์และสิ่งต่างๆ ด้วยการล่อลวงอันเป็นวิสัยแต่ดั้งเดิมของเหล่าปิศาจโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ไม่มีความเชื่อต่อความดีหรือคิดอยากจะสนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งใดนั้นดีงามบ้าง ด้วยเหตุนี้ ในความรับรู้ของอาซีราฟาเอลกับชั่วขณะโมงยามแรกของสายสัมพันธ์ที่เริ่มต้นถักทอนั้น เขาถึงตระหนักได้ว่าโครว์ลีย์ต่างออกมา อีกทั้งยังเป็นความแตกต่างที่ทำให้เขาต้องหยุดชะงักงัน
นิ่งงันไปชั่วลมหายใจหนึ่งด้วยความสนอกสนใจนึกอยากรู้จักคนตรงหน้าว่าเหตุใดคนที่ได้ถือว่าปิศาจจึงตั้งคำถามกับความดีของพระเจ้า การรู้ถูกรู้ผิดของมนุษย์ หรือความถูกต้องทางศีลธรรมว่าสิ่งที่เป็นแผนการของเบื้องบนนั้นแท้จริงแล้วดีจริงหรือไม่ ซึ่งเขาต้องยอมรับว่านั่นเป็นเรื่องที่ตนกำลังคิดเคลือบแคลงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ด้วยสถานะของตนแล้วไม่ควรตั้งคำถามกับการกระทำของทูตสวรรค์ และส่วนลึกก็อยากจะเชื่อว่าแผนการของพระเจ้าไม่อาจอธิบายได้และถูกต้องเสมอ การกระทำของสวรรค์คือความดี เขาในฐานะทูตสวรรค์ควรรู้ดีเช่นนั้น หากทว่าส่วนหนึ่งเล็กๆ ในใจดุจเข็มที่ทิ่มแทงกลับกังขาว่าถูกต้องจริงหรือ และการที่โครว์ลีย์ปรากฎตัวขึ้นมาเพื่อพูดเรื่องเดียวกันกับที่ใจเขาคิดพอดิบพอดีก็ดึงเอาความสนใจเขาไปได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากปรากฎว่าเขาได้พบคนที่มีจิตเช่นเดียวกันแล้ว มีความคิดเหมือนกัน แม้อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นปิศาจที่เขาไม่ควรข้องแวะแต่การได้พานพบผู้ซึ่งเป็นเหมือนส่วนประกอบอันสมบูรณ์ของตนเช่นนี้ทำให้เขาหลวมตัวตามน้ำไปอย่างอดไม่ได้ ความลิงโลดใจและปิติยินดีก่อร่างสร้างตัวในใจ เอ่อท้นขึ้นมาเมื่อบางส่วนของใจบอกกับเขาว่าได้พบคนที่จะแบ่งปันความคิดอ่านและมุมมองต่างๆ ด้วยกันได้ เพราะดูเหมือน – ตอนนั้นเขายากจะยอมรับเพราะอีกฝ่ายเป็นปิศาจ – แต่โครว์ลีย์กับเขานั้นมีส่วนที่คล้ายคลึงกันในแง่ของการกล้าตั้งคำถาม เคลือบแคลงอุดมการณ์ความเชื่อที่ธำรงของฝั่งตน คล้ายจะขบถน้อยๆ ยามความเชื่อของตนเป็นใหญ่มากพอ ไหนจะการที่เราทั้งคู่ต่างสนุกสนานกลมกลืน หาความรื่นรมย์สุนทรีย์ และพึงพอใจไปกับโลกมนุษย์ กล้าจะเปลี่ยนแปลงและเผชิญหน้า ยังไม่กล่าวถึงการที่พวกเราเข้ากันได้ดี มีวิสัยทัศน์ มุมมอง ตลอดจนทัศนคติไปด้วยกันได้ ต่อล้อต่อเถียงกันไม่ต่างอะไรจากคู่รักที่ชอบหยอกล้อกันด้วยฝีปาก แถมยังเหมือนคู่แต่งงานแก่ๆ ที่อยู่กินกันมานานไม่มีผิดเพี้ยน นิสัยและจิตใจของเราตอบรับต่อตัวตนของอีกฝ่ายเพราะหากไม่แล้วก็คงไม่สามารถมีข้อตกลงในงานของพวกเราบนโลกได้ เราทำงานด้วยกันบนโลกมนุษย์มานาน สายสัมพันธ์หกพันกว่าปีก็บ่งบอกชี้ชัดอยู่ในตัว พวกเขาเหมือนสิ่งสะท้อนภาพตรงข้ามของกันและกันซึ่งมีส่วนคล้ายกันกว่าที่เห็น ทูตสวรรค์มีส่วนที่กล้าแกร่งแฝงในความกรุณาโอบเอื้ออารีขณะปิศาจมีความเปราะบางไม่มั่นคงซุกซ่อนอยู่ภายใน นอกจากนี้โครว์ลีย์ยังมีอะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกสนิทใจและวางใจได้ บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่จะได้รับจากการพบใครอีกตนซึ่งสามารถเชื่อมโยงจิตใจถึงกันได้กระมัง บางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้กระตุ้นเข้ามาในใจเป็นจุดเล็กๆ ของการเปิดใจ โครว์ลีย์มีบางอย่างสะกิดใจเขา – อาจจะเป็นบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ ไม่บีบคั้นที่ผสมรวมกับความจริงใจเปิดเผย สัมผัสได้ชัดเจนว่าปราศจากแง่มุมหรือลูกเล่นผิดวิสัยปิศาจที่หยิบยื่นมาให้ก่อน รวมถึงการที่โครว์ลีย์ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายต่างออกไปจากปิศาจตนอื่นหลังจากเพียงแค่ไม่กี่อึดใจที่พบกันครั้งแรก – ทำให้เสนอเขาความจริงใจตอบแทนออกไปด้วยความเชื่อใจอย่างน่าประหลาด อีกฝ่ายมีไมตรีให้และเขาก็ส่งมอบไมตรีเช่นเดียวกันนั้นกลับไปเสมอเหมือนกัน เพราะเหมือนอะไรบางอย่างลึกๆ แล้วบอกเขาว่าไม่เป็นไรถ้าจะเสนอความจริงใจออกไปด้วยการสารภาพถึงการมอบดาบเพลิงประจำตัวแก่มนุษย์ต่อหน้าปิศาจที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจคนนี้ และอีกส่วนหนึ่งคือเขาเองก็ประสงค์จะบอกเล่าออกไปด้วยเช่นกัน จริงอยู่ขณะนั้นอาซีราฟาเอลกำลังวุ่นวายใจอยากระบายเรื่องหนักอกนี้ให้ใครสักคนฟัง และโครว์ลีย์ก็โผล่มาพอดิบพอดีพร้อมด้วยความจริงใจเปิดเผย เขาซึ่งอ่อนลงด้วยมิตรไมตรีอันตรงไปตรงมาจากอีกฝ่ายจึงสลายกำแพงของตนลง ในใจลึกๆ เขาก็ไม่ได้ต่อต้านพวกปิศาจอยู่แล้วและเขาก็ให้คุณค่าทุกคนที่ตัวตนของคนๆ นั้นมิใช่สถานะพงษ์พันธุ์ แค่ตระหนักถึงความเหมาะสมว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวและควรมีเส้นขีดกั้นแบ่งหน้าที่ซึ่งสะท้อนอุดมการณ์ต่อความดีและความชั่วไว้อย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลยามอีกฝ่ายเป็นโครว์ลีย์ – และเป็นโครว์ลีย์มาตลอดตั้งแต่ต้น แค่โครว์ลีย์คนหนึ่งคนเดียวคนนี้เท่านั้น ราวกับเป็นหนึ่งในแผนการอันอธิบายไม่ได้ที่ถูกกำหนดไว้แต่แรกของพระเจ้าอย่างไรอย่างนั้น ทูตสวรรค์สบายใจที่ได้บอกให้ใครสักคนรับรู้ในที่สุด แถมการที่อีกฝ่ายรับฟังทั้งยังพูดให้กำลังใจเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น ซึ่งได้ผลจริง ก็ทำให้เขาหลวมตัว ทลายกำแพง ลดความระวังระวัง ทำความรู้จักฉันท์มิตร จนถึงขั้นสานต่อไมตรีจิต เริ่มความสัมพันธ์อันน่าพิศวงระหว่างเรา รับอีกฝ่ายมาอยู่ในสถานะเหมือนเป็นสหายในทันทีทันใด เปิดใจรับปิศาจตนหนึ่งเข้ามาและเริ่มสัมพันธภาพระหว่างกันตั้งแต่ตอนนั้นผ่านกาลเวลาอันเนิ่นนาน รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่เขาไม่นึกรังเกียจเลยแถมยังติดจะยินดีปรีดาด้วยซ้ำกับการได้พบเจอ ต้องไปข้องแวะในแต่ละครั้ง หรือกระทั่งการคบค้าสมาคมอย่างสนิทสนมกับอีกฝ่ายในต่อๆ มา ตลอดจนความรู้สึกลึกซึ้งทั้งหมดที่โหมกล้าขึ้นทุกชั่วขณะสัมพันธ์
เมื่อได้เรียนรู้อีกฝ่ายมากเข้าก็ประจักษ์ว่าอีกฝ่ายนั้นมีความดีอยู่ในใจอย่างไม่ต้องสงสัย ทูตสวรรค์ไม่เคยขีดเส้นแบ่งกับโครว์ลีย์ ไม่เคยกังขาในความดีของอีกฝ่าย ไม่กีดกัน ไม่เคยแบ่งฝักฝ่ายเพราะโครว์ลีย์เป็นโครว์ลีย์ หรือเพราะตัวโครว์ลีย์เอง หากที่นานๆ ครั้งจะหยิบยกความเป็นคนในโลกเบื้องล่างของอีกฝ่ายขึ้นมาเป็นเพราะสถานะของเขาต่างหากที่ควรจะต้องย้ำเตือนตนเช่นนั้นมิให้ออกนอกลู่นอกทางเนื่องจากส่วนหนึ่งในใจเขายังอยากจะยึดถือและเชื่อเบื้องบนอย่างไม่กังขาอยู่ หาใช่เพราะตัวโครว์ลีย์แม้แต่น้อย อาซีราฟาเอลไม่สงสัยหรือตำหนิในการกระทำของโครว์ลีย์ เขาเคารพในหน้าที่การสร้างสิ่งไม่ดีแก่โลกและมนุษย์ของอีกฝ่ายจนถึงขั้นมีพันธะสัญญาแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ กันได้ มีข้อตกลงเกี่ยวกับงานของเราผ่านห้วงกาลเวลามาตลอด ทูตสวรรค์เคารพในหน้าที่ของปิศาจทั้งหลายนั้นและบางทีก็อาจจะเลคเชอร์หรือบ่นจุกจิกกับโครว์ลีย์ในงานของปิศาจที่อีกฝ่ายได้ทำไปบ้างพองาม แต่ก็เท่านั้นเอง เพราะรู้ดีและเชื่อมั่นว่าโครว์ลีย์สามารถครองความดีในใจได้ เพราะโครว์ลีย์ของเขานั้นมีความดีในตัวเอง เขาไม่ได้มองโครว์ลีย์เป็นปิศาจ แต่มองโครว์ลีย์ที่เป็นโครว์ลีย์เสมอ หากการกล่าวถึงความเป็นปิศาจของอีกฝ่ายเกิดขึ้นนั่นก็เพราะความรู้สึกต่อหน้าที่ของเขาเองล้วนๆ ทว่าเขาไม่เคยรู้สึกผิดหรือเสียใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโครว์ลีย์ เขาถือว่าการได้รู้จักและเดินหน้าสานต่อสัมพันธภาพกับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ เป็นพรจากพระเจ้าด้วยซ้ำ – แม้พระเจ้าอาจจะไม่รู้ว่าเขาสนิทชิดเชื้อกับโครว์ลีย์ก็ตาม – การกระทำตามหน้าที่ปิศาจของโครว์ลีย์มักมีเศษส่วนความอารีและพอจะมีเมตตาแฝงอยู่ ไม่ผิดศีลธรรมหรือขัดกับความเชื่อถึงความถูกต้องดีงามในจิตใจ – โครว์ลีย์ไม่สังหารเด็กแน่นอนล่ะ แล้วก็อะไรอีกนะ ส่งรายงานชวนเชื่อไปด้วยการถือเอาความดีความชอบจากสิ่งที่มนุษย์ทำตัวเองกันเอง ตัวการสำคัญที่ต้องรับผิดชอบต่อการสร้างเอ็มทเว็นทิ่ไฟฟ์ให้รถติดบรรลัยสมฐานะงานรังสรรค์ด้วยน้ำมือปิศาจ หรือทำให้สัญญาณโทรศัพท์ดับทั่วลอนดอน สร้างสถานการณ์ความชั่วร้ายต่อปัจจัยแวดล้อมรอบมนุษย์มากกว่าจะดลใจมนุษย์ไปในทางชั่วร้ายเอง เพราะหากปัจจัยแวดล้อมที่เลวร้าย หนุนนำความชั่วไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ผู้ใด ปิศาจก็จะไม่ได้มนุษย์ผู้นั้น โครว์ลีย์ปล่อยให้มนุษย์เลือกเองแต่ก็ยังได้ทำหน้าที่ปิศาจของตนด้วยเช่นกัน นั่นเรียกได้ว่าเป็นความเมตตาของปิศาจ – แต่อย่างไรเสีย เพราะส่วนหนึ่งในใจย้ำเตือนอาซีราฟาเอลว่าอย่างไรโครว์ลีย์ก็ต้องทำสิ่งที่ไม่ดีด้วยหน้าที่ซึ่งเขาเคารพในจุดนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่อาจยอมรับได้เต็มปากว่าตนสนิทสนมกับอีกฝ่ายด้วยหน้าที่ของเขาเองที่ค้ำคออยู่เหมือนกัน แม้สิ่งที่เขาปฏิบัติและแสดงออกกับโครว์ลีย์มาตลอดระยะเวลากว่าหกพันปีจะแทนการยอมรับออกมาได้ดียิ่งกว่าคำพูดใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมาทางดวงตาอย่างเห็นได้ชัดนั้นโกหกไม่ได้ และอย่างไม่อาจปฏิเสธเป็นอื่นหรืออำพรางซ่อนเร้นไปได้เลยว่าอาซีราฟาเอลรื่นเริงเบิกบานเต็มที่กับการยุ่งเกี่ยวกับผู้มีจิตเดียวกันคนนี้ ลึกๆ รู้สึกว่าได้เจอคนที่ตามหามาตลอด ผู้ซึ่งจะมาแบ่งปันความรู้ความคิดที่ต้องตรงกันร่วมกันไป ความเข้าอกเข้าใจและรู้ซึ้งถึงกันดีไม่มีอะไรจะมาเปรียบเทียบเคียงได้
มันเหมือนกับว่าเราเป็นดังสมการที่สองด้านเท่ากันเสมอ
พวกเรายืนอยู่ตรงกลาง เหมือนดังความเป็นกลางที่เข้าใจ เห็นทั้งความดีและความชั่วว่าเป็นเช่นไรและสามารถตั้งคำถามถึงความถูกต้อง เหมาะสม ตลอดจนศีลธรรมที่แท้จริง การตั้งแง่ต่อฟากฝั่งที่เรายืนตรงข้ามกันค่อยๆ คลี่คลายเหมือนไม่เคยมีอยู่ในวินาทีที่เปิดใจต่อกันบนกำแพงแห่งเอเดนนั่น และการที่ทูตสวรรค์กางปีกปกป้องปิศาจด้วยความเอื้ออาทร พวกเราจึงไม่ได้อยู่ข้างใครทั้งนั้น แต่เป็นข้างของเราที่เราเลือกจะอยู่เคียงข้างกัน โครว์ลีย์รักที่อาซีราฟาเอลมีด้านร้ายหรือมีความเคลือบแคลงลังเลในศีลธรรมการรู้ผิดชอบชั่วดีที่แท้จริง เพราะมันทำให้แองเจิลของเขาไม่เหมือนทูตสวรรค์ตนอื่นที่ถ้าต้องมีความดีงามเต็มร้อยแล้วต้องเลือดเย็น คิดว่าตนสูงส่ง ไร้ความรู้สึกต่อทุกสิ่ง มุ่งหวังจะธำรงแต่แผนการที่เชื่อฝังหัวว่าดีและถูกต้องจนไม่เห็นหัวอะไรพวกนั้น – ในคราวแรกที่พบกันพวกเราลังเลว่าเราต่างทำสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่ผิดลงไปหรือไม่อย่างการทำให้มนุษย์รู้ผิดชอบชั่วดี หรือการมอบดาบเพลิงแก่มนุษย์ไป แต่พวกเราก็เยียวยาความรู้สึก ให้กำลังใจ เติมเต็มซึ่งกันและกันนับตั้งแต่นั้นมาด้วยการพูดสนับสนุนอีกฝ่าย และสร้างความมั่นใจให้เสมอ อาซีราฟาเอลรู้ว่าโครว์ลีย์ไม่เคยบอกว่าเขาเป็นทูตสวรรค์เพื่อปฏิเสธเรื่องใดๆ หรือขีดเส้นระหว่างพวกเราเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาปิศาจแค่ไม่ยอมรับว่าตนมีส่วนดี ซึ่งทูตสวรรค์เคารพในข้อนั้นเสมอ
นอกจากนี้ โครว์ลีย์ยังปฏิบัติกับเขาอย่างดี เห็นคุณค่า ให้ความสำคัญและให้เกียรติยิ่งกว่าทูตสวรรค์คนอื่นปฏิบัติกับเขาเสียอีก โครว์ลีย์มองเขาเป็นเพื่อน เป็นมิตร เป็นที่รัก และเป็นทุกๆ อย่างผ่านช่วงเวลาอันยาวนานนับพันๆ ปี เหมือนที่เขามองอีกฝ่ายเช่นเดียวกันนั้น พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ใครต่อใครเห็นคงบอกว่ามันมากยิ่งกว่าความสัมพันธ์ฉันท์มิตรธรรมดา – มันเป็นสัมพันธภาพอันชิดใกล้ เพื่อนสนิทที่คล้ายจะมีสายสัมพันธ์อื่นที่เราไม่คิดจะแตะต้องมันแฝงเร้นอำพราง และแทรกซึมอยู่เสมอ แม้เขาจะเคยหลุดปากยอมรับไปบ้างหรือปฏิเสธแบบที่ไม่ค่อยหนักแน่นแข็งขันเท่าไหร่ไปบ้าง แต่เขาก็ยอมรับว่าสนิทสนมชิดเชื้อกับโครว์ลีย์มาตลอดและก่อนหน้าจะรู้ใจตัวเองหลังจากได้รับปาฏิหาริย์เล็กๆ น้อยๆ จากปิศาจในยุคสมัยสงครามครั้งที่สองนั่น ในใจก็ถืออีกฝ่ายเป็นเพื่อนเรื่อยมาอยู่แล้ว แต่การยอมรับออกมาจะไม่เหมาะสมกับสถานะทูตสวรรค์ของตนเขาจึงไม่เคยบอกเช่นนั้น และโครว์ลีย์ก็รู้ดี ปิศาจเข้าใจดีว่าแองเจิลภูมิใจที่ตัวเองเป็นคนของเบื้องบน ภาคภูมิที่ได้ธำรงความดี อาซีราฟาเอลสวมแหวนแห่งทูตสวรรค์ไว้ที่นิ้วก้อยเสมอเพื่อย้ำเตือนถึงหน้าที่ของตัวเองในการชี้นำความดีแก่โลกพร้อมทั้งแสดงสถานะพงษ์พันธุ์แห่งตน โครว์ลีย์ – ผู้ซึ่งลงมาเพื่อปลุกปั่นความชั่วร้ายโดยแท้ – ก็ยังเคารพในส่วนนี้ของอีกฝ่ายมาตลอด เพราะในขณะที่พวกทูตสวรรค์มักจะมองว่าตนดีกว่าคนอื่นเสมอ ดีเหนือทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งเฉพาะกับมนุษย์ด้วย แต่อาซีราฟาเอลนั้นตรงข้ามอย่างชัดเจน โครว์ลีย์ตระหนักดีเพราะทูตสวรรค์ที่เขาเจอบนกำแพงสวนเอเดนคนนี้เปิดใจรับปิศาจ และปฏิบัติกับเขาในแบบที่เขาเป็นเขา ไม่ใช่มองว่าเป็นปิศาจ เปิดใจให้ไม่ปิดกั้นกำแพงขีดเส้นฝั่งฝ่ายแบบตนอื่นๆ ไม่ดูถูกเหยียดหยามหรือรังเกียจเขา แต่มีไมตรีจิตอันดีตอบแทนกลับมาแก่ผู้หยิบยื่นไมตรีอันเปิดเผยให้ อาซีราฟาเอลอ่อนน้อมน่ารัก และสุภาพ แม้แต่กับปิศาจอย่างเขา อีกฝ่ายก็ยังเคารพในหน้าที่ล่อลวงมนุษย์ของเขา อาซีราฟาเอลห่วงใยเอาใจใส่ปิศาจตนนี้ และการวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาอย่างห่วงใย หรือบ่นจุกจิกตามนิสัยจู้จี้ยึดถือความดีงามตามฐานะทูตสวรรค์ทำให้เขารู้สึกว่าตนได้รับการใส่ใจเป็นอย่างดี ยังมีคนที่คอยโอบเอื้อ ห่วงหาอาทรเขา เหตุนี้เขาถึงได้ปักใจกับแองเจิลนัก เขารู้ดีแก่ใจว่าเวลาที่อาซีราฟาเอลพูดถึงเขาในฐานะปิศาจ หรือไม่ยอมรับว่าสนิทสนมฉันท์มิตรกับเขา – ทั้งที่การกระทำผิดกันอย่างเห็นได้ชัดนั้น – อาซีราฟาเอลกำลังหมายถึงสถานภาพของเราในแง่สถานะที่ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกัน หากแต่มันถูกแบ่งส่วนออกจากความจริงที่ว่าต่อให้สถานะของเราจะเป็นเช่นไร ไมตรีอันดีและสายสัมพันธ์ระหว่างเราก็จะยังคงดังเดิม อยู่เหนือสถานะทูตสวรรค์และปิศาจ เพราะเราไม่เคยมองอีกฝ่ายด้วยพงษ์พันธุ์หรือฝ่ายที่สังกัด แต่รักและเคารพต่อกันเพราะตัวตนของอีกฝ่ายที่เป็นอย่างที่เป็นโดยไม่คำนึงถึงสถานะใดๆ เหมือนเช่นที่เป็นมานับหกพันปี และจะถักทอต่อไป นอกเหนือจากการที่เป็นผู้มีจิตเหมือนกันแล้ว เราเข้าอกเข้าใจ รู้จัก และเชื่อมั่นในตัวกันและกันด้วยสายสัมพันธ์ที่ยึดเหนี่ยวโยงใยเป็นพันๆ ปี พวกเราทั้งคู่ประนีประนอมให้แก่กัน ประนีประนอมในความสัมพันธ์นี้ด้วยการเคารพฐานะทูตสวรรค์และปิศาจของกันและกัน เวลาอาซีราฟาเอลปฏิเสธว่าโครว์ลีย์ไม่ใช่เพื่อน หรือยกข้ออ้างประเภทว่าฉันเป็นทูตสวรรค์ นายเป็นปิศาจ มันไม่เหมาะสม ทูตสวรรค์มักจะหลบเลี่ยงไม่สบสายตาคู่สนทนาตรงๆ เสมอเพราะใจลึกๆ แล้วรู้ดีว่าที่กล่าวออกมานั้นตรงข้ามกับใจจริง ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในใจแท้จริงแม้แต่น้อย อาซีราฟาเอลยอมรับว่ามันมีข้างของพวกเราเสมอ มีมาตลอด แม้ตอนที่พบกันในศาลาดนตรีนั่น เขาก็ยังยอมรับว่ามันมีด้วยการบอกว่ามันไม่มีอีกแล้วยามหน้าที่ในฐานะทูตสวรรค์เรียกหาเขาเพื่อแผนการอามาเกดดอน จากนั้นเขาก็บอกกับโครว์ลีย์ว่ามันจบลงแล้ว มันทำให้ใจของทูตสวรรค์และปิศาจสองตนร้าวรานหม่นไหม้ไปพร้อมๆ กัน ในขณะที่โครว์ลีย์รู้ว่ามันมีข้างของพวกเรามาโดยตลอด เราเป็นฝ่ายเดียวกัน ไม่ใช่ฝ่ายทูตสวรรค์ไม่ใช่สังกัดปิศาจ แต่เป็นฝ่ายของเราสองคน ยามที่อาซีราฟาเอลกล่าวกับอูรีเอลที่มาพบหลังเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยหลังจากโครว์ลีย์ชวนเขาหนีตามกันไปนั่น เขาบอกกับอูรีเอลโดยใช้คำว่าเรากล่าวถึงเขากับโครว์ลีย์ว่าเราสองคนเป็นคนดี ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรหรือตอนไหน แม้แต่ต่อหน้าฝ่ายที่ตนสังกัด อาซีราฟาเอลที่เฝ้าบอกตัวเองว่าเป็นฝ่ายเบื้องบนก็ยังพูดออกมาด้วยความมั่นใจไม่ลังเลเลยว่าเขากับโครว์ลีย์คือเรา เป็นเราเสมอ เป็นฝั่งของเรา ไม่เคยเป็นอื่น ตอนที่โครว์ลีย์ชวนให้เขาหนีตามกันไปยังอัลฟา เซนทอไร – หนีตามกันไปยังดวงดาวที่จะมีแค่เราสองคนแล้วเขาปฏิเสธทั้งที่ใจจริงนั้นปิติยินดีเหลือแสน อยากจะบอกว่าตกลง อยากจะบอกว่าได้โปรด อยากจะกล่าวเหลือเกินว่าพาเขาไปที่ใดก็ได้ทั้งนั้นที่มีนายอยู่นั่นก็ด้วย มันทำให้เราสองคนต่างก็ทุกข์ทรมานเจ็บปวดไม่ต่างกัน และเขาก็ปวดร้าวมากกว่าตายทั้งยิ่งกว่าเป็นที่ตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่ายในเวลานั้นไม่ได้ เขากล้ำกลืนความระทมเศร้าในใจฝืนปฏิเสธ หยิบยกข้ออ้างเรื่องฝั่งที่พวกราสังกัดมาเป็นเหตุผลประกอบ เพราะในเวลานั้นเผลอหลงผิดคาดการณ์ไปว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้เองโดยติดต่อพูดคุยกับเบื้องบน กันโครว์ลีย์ออกไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อนหรือเสี่ยงอันตรายและหลังจากเรื่องทั้งหมดจบลงเราก็จะกลับมาเป็นดังเดิม เมื่อเขาไปสารภาพเหตุผลที่ปฏิเสธกับอีกฝ่าย โครว์ลีย์จะเข้าใจเขาเสมอ แม้ความจริงปรากฎในเวลาต่อมาว่าเขาคิดผิดถนัดเรื่องจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวก็ตามแต่ตอนนั้นเขาปฏิเสธโครว์ลีย์ด้วยความโง่เขลาและหลงผิดของตนว่าจะควบคุมเรื่องทั้งหมดได้ ไม่อยากให้ปิศาจต้องห่วง แต่เมื่อเขารู้ว่าตนคิดผิดถนัดสิ่งแรกที่ทำคือการติดต่อโครว์ลีย์เพื่อบอกที่อยู่ของแอนทีไครสต์ทันทีเหตุเพราะรู้ดีว่าเขาไม่อาจหยุดอามาเกดดอนได้เองทั้งยังต้องรีบไปรวมพลกับสวรรค์ และคนที่เขาเชื่อใจที่สุดคือโครว์ลีย์ประกอบกับความจริงที่ว่าสุดท้ายต้องเป็นเราสองคนเสมอ ต้องมีเราสองคนจึงจะจัดการไม่ว่าสิ่งใดก็จะสำเร็จได้ทั้งนั้น – อย่างไรก็ตาม เราสองคนก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเวลามีเรื่องเกี่ยวกับฝ่ายที่พวกเราสังกัดมาเกี่ยวข้อง ทูตสวรรค์จะลังเล กึ่งๆ เห็นชอบแต่ไม่แน่ใจ หรือไม่ก็ปฏิเสธในทีแรก ทว่าโครว์ลีย์จะรอและให้เวลาเขาอย่างใจเย็นเสมอเพราะรู้ใจเขายิ่งกว่าอะไร โครว์ลีย์รู้ดีเสมอ อาซีราฟาเอลมักจะปฏิเสธในตอนแรกทุกครั้ง แต่จนแล้วจนรอด สุดท้ายทูตสวรรค์ก็จะเห็นดีเห็นงาม ยินยอมพร้อมใจไปกับเขา ในเมื่อสุดท้ายแล้วสายสัมพันธ์ของเราจะอยู่เหนือกว่าฟากฝั่งที่เราสังกัดเสมอ มีค่าและสำคัญยิ่งกว่า – เป็นเรื่องที่แน่นอน – สายสัมพันธ์ระหว่างเรานั้นแข็งแกร่ง หนักแน่น และข้างของพวกเราไม่มีอะไรจะมาแทรกกลาง ปลุกปั่น หรือทำลายได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาซีราฟาเอลอาจจะคำนึงถึงสถานะทูตสวรรค์และปิศาจ หยอกล้ออีกฝ่ายเล่นบ้างด้วยการพูดถึงสถานะปิศาจของโครว์ลีย์ที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นชื่นชอบให้พูดถึงในฐานะปิศาจเพราะโครว์ลีย์ถือว่ามันเท่ากับการที่เขายอมรับนับถือในสิ่งที่โครว์ลีย์เป็นด้วย แต่กับตัวตนที่เป็นโครว์ลีย์ซึ่งเขาได้สนิทสนม รู้จัก และริเริ่มความสัมพันธ์มาจนถึงตอนนี้เพราะตัวตนเนื้อแท้ภายในนอกเหนือสถานะอื่นใดภายนอกทั้งสิ้น หาใช่การขีดเส้นแบ่งฝ่ายไม่ มันไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่กาลเวลาแห่งเอเดนนั้นแล้ว เขามองโครว์ลีย์เป็นคนพิเศษเสมอและบางทีก็เผลอลืมตัวหลุดปากเอาใจจริงออกมาด้วยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเพื่อนผู้สนิทสนมกันอย่างดี ทั้งที่ความสัมพันธ์นี้เขารู้สึกมากกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่จะอธิบายได้ ไม่มีชื่อเรียก ต่างคนต่างก็เหมือนจะรู้แต่ไม่มีใครแตะต้องมันจนต่างก็ลังเลสงสัยที่จะแสดงออกไปหรือแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึก พวกเราต่างคงสถานะเพื่อนไว้ด้วยความกลัวจะทำร้ายอีกฝ่าย หรือเสียกันและกันไปหากเผยสัญญาณใดๆ สำหรับอาซีราฟาเอล เขารู้ว่าเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้โครว์ลีย์ด้วยการสั่งสมผ่านกาลเวลาที่เราต่างวนเวียนโคจรอยู่รอบๆ กันไปมาราวกับกลุ่มดาวที่ดึงดูดกัน การพบเจอโครว์ลีย์ผ่านช่วงเวลาค่อยๆ ก่อร่างความรู้สึกซึมลึกเข้ามาในใจทีละน้อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในตัว จนสุดท้ายความรู้สึกก็เพิ่มพูนจนถึงจุดที่ล้ำลึกนักแบบที่ใครต่อใครก็เรียกมันว่ารัก มันเป็นจุดที่เขารู้ตัวในที่สุดว่าตนมีความรู้สึกรักแก่ปิศาจ ราวกับบทนิยายต้องห้ามที่เขาอ่านมานักต่อนักในหลายศตวรรษแม้จะต่างกันตรงที่ว่านี่คือความเป็นจริง จริงแท้เสียยิ่งกว่าโลกที่พระเจ้าสร้าง หาใช่เรื่องชวนฝันดุจเทพนิยายไม่ มันอุบัติขึ้นเฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่ควรจะเป็นมาตลอด เป็นเช่นธรรมชาติที่พระเจ้าสรรสร้าง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาคว้างไปนับศตวรรษด้วยเหมือนกันตั้งแต่โครว์ลีย์ทำให้เขารู้ใจตัวเองเมื่อครั้งปิศาจยอมบุกเข้ามาในโบสถ์เพื่อช่วยเขาจากปัญหาโดยที่เราทั้งคู่ไม่ใส่ใจเลยสักนิดว่าเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนเพิ่งมีปากเสียงกันตามประสาคู่แต่งงานที่อยู่กินกันมานานไป ตอนนั้นเขามองปิศาจที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฎตัวเข้ามาด้วยความโล่งใจเหมือนได้ปลดเปลื้องทุกความทุกข์ร้อนขุ่นเคือง ความคาดหวังว่าเราจะกลับมาดีกันดังเดิมหลังการทะเลาะครั้งนั้นเต็มตื้นขึ้นมา การกลั้นลมหายใจน้อยๆ และการกลืนน้ำลายผ่านลำคอที่มีความรู้สึกลึกซึ้งเอ่อท้นขึ้นมายามหันไปเห็นผู้มาเยือนไม่คาดฝันที่เข้ามาในโบสถ์อย่างโครว์ลีย์ ราวกับทูตสวรรค์คาดหวังวินาทีนี้มาตลอด ความเว้าวอนถวิลหาและผูกพันลึกสุดใจคล้ายจะห้อมล้อมรอบตัว ขณะเดียวกันความห่วงใยเป็นกังวลแทบทำให้ดวงใจเต้นเร่าด้วยความร้อนรนว่าอีกฝ่ายไม่คิดหน้าคิดหลัง ปรารถนาจะทำเพื่อเขาจนเข้ามาในสถานที่ต้องห้ามและอันตรายสำหรับปิศาจที่ยังอยากจะมีชีวิตสุขบริบูรณ์หรือปลอดภัยดี – เขาคร่ำครวญในใจว่าอย่าทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเพราะเขาเลย เพราะเขาเองก็จะเจ็บปวดเช่นกัน – และในยามที่โครว์ลีย์รักษาหนังสือของเขาไว้ได้ด้วยปาฏิหาริย์เล็กๆ ของปิศาจอย่างที่ว่าด้วยท่าทีสบายๆ เปี่ยมความปรารถนาดี ไม่คาดหวังว่าเขาจะต้องซาบซึ้งกินใจหรือขอบคุณ ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะทำด้วยใจ อยากจะทำให้ ทั้งยังคล้ายจะเป็นการง้องอนจากการถกเถียงครั้งก่อน ก็มาถึงจุดที่ใจเขาอดทนไว้ไม่ไหวจนความรู้สึกอันเต็มตื้นท่วมท้นโหมกระหน่ำขึ้นมาทั่วร่างในคราวเดียว อาซีราฟาเอลก็ไม่อาจหนีความรู้สึกตนไปไหนได้พ้น – เขาตกลงสู่โครว์ลีย์
มันเป็นการตกลงไปยังหลุมลึกไร้ก้นบึ้งของปิศาจโดยไม่ได้ถูกล่อลวง แต่เป็นเพราะใจของเขาเองที่หลงรักโครว์ลีย์อย่างสุดหัวใจเข้าไปเต็มๆ เขายืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางซากปรักหักพังด้วยจิตใจอันประจักษ์ชัดแจ้ง ด้านหลังมีรูปปั้นวิหคที่ปีกถูกเปลวเพลิงลามเลียลุกไหม้ ทูตสวรรค์ใช้เวลาค่อนศตวรรษเก็บตัวทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่นานจนได้ยินข่าวว่าโครว์ลีย์วางแผนจะปล้นน้ำมนต์จากโบสถ์นั่นแหละถึงได้พาตนไปพบพร้อมๆ กับสภาวะจิตใจที่สงบลงแล้วด้วยการตระหนักรู้ถึงความจริงที่ว่ารักนี้ก็มีอยู่มาตลอด มันจึงไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้เพียงนิด เขาแค่ตระหนกกับการได้รู้ใจตนแต่พอได้รู้เช่นนั้นแล้วก็พบว่าแท้จริงรักนี้ที่มีให้เป็นเรื่องปกติระหว่างเรามาตลอด ความจริงที่กระจ่างแจ้งตรงหน้าแต่มองไม่เห็น – ก็นั่นแหละ พอมาคิดดูดีๆ แล้ว เขาก็แค่รู้สึกถึงในสิ่งที่มีอยู่มาตลอด เพียงแต่กะทันหันเสียจนตั้งตัวไม่ติดต้องขอปลีกตัวไปรวบรวมสติเท่านั้นเอง ดังนั้น ทำไมจะต้องมานั่งครุ่นคิดอะไรต่อมิอะไรให้ปวดหัวด้วยในเมื่อไม่ได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงหรือผิดแผกไป มันมีอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้น รอให้เขารับรู้ และการที่เขากังวลกับสถานะของเราสองคนก็มีมาแต่แรกเริ่มด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลหรือต้องมานั่งคิดมากเพิ่มเติมอีกต่อไป – ทูตสวรรค์ยอมรับทั้งหมดทุกอย่างด้วยคำพูดว่าโครว์ลีย์ไปเร็วเกินไปสำหรับเขาตอนที่อีกฝ่ายทำท่าจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่างที่มากกว่า อาซีราฟาเอลจึงบอกออกไปด้วยคำพูดซึ่งสื่อความนัยว่าความสัมพันธ์ของเรามีมาตลอดเสมอ และพร้อมจะดำเนินต่อไปมากขึ้น มันคือการตอบรับความรู้สึกที่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ทว่าให้มันค่อยเป็นค่อยไป และเขาก็เจ็บปวดที่ทำให้อีกฝ่ายได้ดีไปกว่านี้ไม่ได้ ประโยคดังกล่าวของเขาไม่ใช่การปฏิเสธ ไม่ใช่การบอกปัด ไม่ได้สื่อถึงการที่จะไม่ตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่าย ไม่ได้ตัดรอนหรือตัดโอกาสใดๆ มันคือการบอกว่าโครว์ลีย์คือคนที่เขาต้องการมากกว่าอะไรทั้งหมดต่างหาก ทั้งยังหมายความว่าเขาปรารถนาความสัมพันธ์ระหว่างเรา และอยากจะคว้าโอกาสที่เราจะไม่ต้องเก็บงำหรือไม่กล้าแตะต้องถึงมันอีกต่อไป และกลายเป็นอะไรที่มากกว่านี้ไว้สุดหัวใจสุดจิตวิญญาณ แต่ในขณะนี้เขายังไม่พร้อมไปเร็วเหมือนโครว์ลีย์เพราะตนมีสถานะทูตสวรรค์ค้ำคออยู่และทุกอย่างที่ถ้าเขาจะเดินหน้าต่ออาจทำลายโครว์ลีย์หรือทำให้อีกฝ่ายต้องตกอยู่ในอันตรายจากเบื้องล่าง เขาอยู่จุดเดียวกับโครว์ลีย์แต่ยังไม่พร้อมในตัวเองหรือหวังจะเดินหน้ารวดเร็วเหมือนที่อีกฝ่ายพยายามผลักดันมาตลอด – อันที่จริง ทูตสวรรค์ตระหนักได้ตอนนั้นเองว่าเราสองคนมีความรู้สึกแก่กันมาเนิ่นนานเพียงใด โดยเฉพาะโครว์ลีย์ที่มีมาเนิ่นนานยิ่งและคงตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองมาตั้งแต่ต้นเนื่องจากโครว์ลีย์คอยกระตุ้นความสัมพันธ์ของพวกเราไปข้างหน้าเสมอๆ ในทุกวิถีทาง – ณ ขณะช่วงเวลาดังกล่าว เขาไม่รู้ว่าการพูดไปเช่นนี้อีกฝ่ายจะยังรอเขาไปถึงเมื่อไหร่และมันกัดกินเขาจนแทบบ้า มันอาจจะหมายถึงจุดจบของเรา – และขอบคุณพระเจ้าที่มันไม่ใช่ – แต่เขาจริงใจเสมอ อาซีราฟาเอลจะติดค้างการพูดความจริงกับโครว์ลีย์ถ้าไม่ได้บอกอีกฝ่ายไปตรงๆ เช่นนี้ให้ได้เข้าใจถึงใจจริงของเขา หลังจากนั้นเขาพยายามเลี่ยงความรู้สึกของตัวเองเวลาที่อีกฝ่ายทำท่าจะแตะถึงมัน ทูตสวรรค์กักเก็บมันไว้ แต่ไม่ค่อยเป็นผลเท่าใดนักยามที่หลงลืมเผลอตัวไปเนื่องจากความ เวลาที่อยู่กับโครว์ลีย์ เขามักจะผ่อนคลายและสบายอกสบายใจ อะลุ้มอล่วยและไม่คิดอะไรมากทั้งยังพร้อมจะแบ่งปันเรื่องสนุก หรือหาเรื่องบันเทิงรื่นเริง สุขสำราญใจทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเดทเล็กๆ น้อยๆ อย่างมื้ออาหารอร่อยๆ ในร้านอาหารเล็กๆ ดีๆ สักร้าน – ยิ่งโดยเฉพาะเดอะริทซ์ สถานที่พบปะประจำ – การไปปิคนิกในวันพักผ่อนสบายๆ หรือการที่โครว์ลีย์มาขลุกตัวคลุกคลีอยู่ที่ร้านหนังสือหลายวันไม่ยอมไปไหนกึ่งๆ จะแปรสภาพเป็นงูอยู่บนโซฟาของเขา นอนก่ายบนเก้าอี้หรือตักเขา บางครั้งก็คอยมานั่งขู่ฟ่อให้ลูกค้าที่แวะมาในร้านสะพรึงกลัวแล้วคิดว่าร้านนี้เป็นฉากบังหน้าของมาเฟียอะไรทำนองนั้น – เขาจะไม่ยอมรับหรอกว่ามีคนร่ำลือถึงร้านของเขาว่าเป็นแหล่งซ่องซุมของลัทธิซาตาน มีวงเวทย์อัญเชิญปิศาจอยู่ใต้พรมแถมยังมักจะเกิดเรื่องประหลาดๆ เวล นั่นก็เกือบจะถูก มนุษย์ช่างน่าพิศวงนัก – โครว์ลีย์มักจะมาวอแวก่อนจะกลับแล้วทิ้งกลิ่นอายปิศาจไว้จนเขาต้องคอยหาข้อแก้ตัวกับกาเบรียลหรือคนอื่นๆ ที่มาเยือน หรือไม่ก็มานั่งจัดการไวน์ไปหลายต่อหลายขวดพลางบ่นงึมงำไปเรื่อย คอยหาเรื่องมาให้เขาเลคเชอร์ แปลงเป็นงูเลื้อยมาใกล้ก่อนจะคืนกลับร่างมนุษย์ให้ตกใจเล็ก แลกเซเลสเชียลออบเซิร์ฟเฟอร์และอินเฟอนัลไทม์สกันอ่าน ตลอดจนคืนวันแจ่มใสที่โครว์ลีย์โผล่มาอย่างร่าเริงและกระตือรือร้นกับการนำเสนอของกินอร่อยๆ ที่เอามาให้ คอยตระเวนหาหนังสือคำพยากรณ์เก่าๆ ที่เขาอยากมาทำให้ประหลาดใจ ให้ของขวัญเขาอย่างแก้วมัคหูจับปีกเทวดานั่น หรือชักชวนออกไปที่ต่างๆ ร่วมทางกันไปบนเบนท์ลีย์ซึ่งค่อยๆ กลายเป็นที่สั่งสมเสบียงเพื่อฉุกเฉินของอาซีราฟาเอล เขากักตุนขนมรวมทั้งบิสกิตในกล่องลายทาร์ทานไว้หลายกล่องใต้ที่นั่งข้างหลังนั่น ระหว่างเขากับโครว์ลีย์นั้นมันอีกหลากหลายเรื่องราวนับไม่ถ้วนที่หากถามโครว์ลีย์ก็คงจะเล่ายืดยาวเป็นคุ้งเป็นแควไม่หยุดด้วยความภาคภูมิใจและลำพองเล็กๆ ติดจะโอ้อวดด้วยว่าเราสองคนมีเรื่องดีๆ และมีความสุขกันอย่างไรบ้าง วิธีการบอกรักของโครว์ลีย์โดยที่ไม่ต้องพูดมันออกมาคือการปฏิบัติตัว โครว์ลีย์มักจะทำสิ่งต่างๆ ให้เขา บันดาลหลายสิ่งกระทำกิจหลายอย่างเพื่อให้เขามีความสุข มีบริการด้วยความทุ่มเท เอาอกเอาใจแม้แต่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาไม่ได้เอ่ยปาก ช่วยเขาจากอันตรายและเรื่องเดือดร้อนหลายต่อหลายหน แถมยังรู้วิธีการรับมือกับเขา รู้ว่าอาซีราฟาเอลชอบสิ่งใดและจะยอมอ่อนให้กับอะไรบ้าง ทั้งยังรู้แบบแผนการเข้าหารวมทั้งรูปแบบที่มักจะเป็นไประหว่างเราอย่างเช่นว่าถ้าโครว์ลีย์แวะมาเพื่อพบเขาขณะมีเรื่องต้องปรึกษาหารือ หรือต้องการยกพันธสัญญา ข้อตกลงเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามาใช้มันต้องจบท้ายด้วยมื้ออาหารดีๆ สักมื้อ ไม่แล้วก็จบลงด้วยความขบขัน หรือการพูดคุยกันอย่างเบิกบานถึงเรื่องอื่นคนละเรื่องไปเลยด้วยเพราะเนื้อหาสาระก่อนนั้นเป็นต่างข้ออ้างให้ได้แลกเปลี่ยนบทสนทนาที่ผ่อนคลาย ปลอบประโลม และขจัดความตึงเครียดจากภาระหน้าที่ต่างหาก ในเวลาที่เรื่องราวไม่ใคร่จะเป็นไปตามแผนเราก็จะมานั่งลิ้มรสแอลกฮอล์กันและทำให้ไวน์ที่พวกเราเก็บตุนไว้หลังร้านหนังสือของทูตสวรรค์เพื่อโอกาสแบบนี้พร่องลงไปเกือบครึ่ง หรือถ้าเราออกไปนั่งรถเล่นด้วยกันตอนที่ขับกลับมาส่งเขายังร้านหนังสือ โครว์ลีย์จะดับเครื่องและลงมานั่งจับจองโซฟาตัวประจำข้างในก่อนจะคุยกันไปอีกทั้งคืน แล้วกลับออกไปในเช้าวันถัดมา
สำหรับวิธีการสื่อความรู้สึกของทูตสวรรค์นั้น อาซีราฟาเอลพยายามวางตัวในแบบที่คิดว่าเป็นปกติ และเชื่อว่าตนทำได้ดีแล้วทั้งที่จริงไม่เลยสักนิด หลักฐานหนึ่งก็อย่างเช่นท่าทียินดีปรีดาและเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดยามโครว์ลีย์ปรากฏตัวขึ้น หน้าตาจะผ่องใสชื่นบาน ดวงตาพราวระยับเหมือนดวงดาวยามค่ำคืนที่ส่องประกายเจิดจรัสแฝงเร้นด้วยประการเว้าวอนรอนใจ และใบหน้าก็อิ่มเอิบไปด้วยรัศมีความดีงามรื่นรมย์ ปิศาจตนที่ได้รับกระแสความรู้สึกเหล่านั้นถาโถมเข้าใส่ก็แทบจะถูกกลืนหายไปกับคลื่นความรู้สึกหวั่นไหวจับต้องใจที่เป็นดังมวลมหาศาลกลืนกินโครว์ลีย์เข้าไปเช่นกัน อาซีราฟาเอลทำให้ปิศาจมัวเมาและติดตรึงในขณะที่โครว์ลีย์ทำให้ทูตสวรรค์ปักใจถวิลหา ทูตสวรรค์รักเวลาปิศาจบ่นงึมงำตามประสา หรือวิธีการเดินที่ติดวิสัยของงู ร่างสูงเพรียวที่ดูดีกับท่ายืนซึ่งคล้ายจะพยายามมีอำนาจเหนือและครอบงำอยู่ในที รวมถึงท่าทีไม่ทุกข์ร้อนสบายใจไม่ยี่หระต่อสิ่งใด เขารักโครว์ลีย์ที่ติดนิสัยเดินวนด้านหลังเขา วนเวียนไปมารอบตัว เขารักเวลาปิศาจส่งเสียงขู่ฟ่อเหมือนงูยามเผลอตัว จริงๆ แล้วก็อาจจะทุกอย่างเลย ความรู้สึกที่อาซีราฟาเอลมีต่อโครว์ลีย์ไม่ได้เพราะด้านดีที่มีอยู่ในตัวเพียงแค่นั้น แต่หลงรักความร้ายกาจเล็กๆ ของเขา รักวิธีการแสดงออกอันหยาบคาย ชอบความกล้า ความรักที่จะเสี่ยงและท้าทายต่อสิ่งต่างๆ ที่ตนไม่มี ความตรงไปตรงมาที่ไม่สนใจว่าผู้คนจะมองอย่างไร ความเป็นตัวของตัวเอง ความหุนหันพลันแล่น ความไม่เคร่งเครียดมากและติดจะปล่อยตัวตามสบาย อิสรเสรี ตลอดจนความอ่อนโยน เปราะบางที่คล้ายจะแตกหักได้ทุกเมื่อภายในรอให้เขาปลอบประโลม เยียวยาเอาใจใส่ และค่อยๆ สานต่อมันด้วยความใจเย็น
ใจของอาซีราฟาเอลคะนึงหาและวนเวียนแต่กับโครว์ลีย์เท่านั้นที่สำคัญ ต่อให้พยายามทำไขสือแต่ความจริงก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนที่ลองเปลี่ยนกลิ่นโคโลญจ์เพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะสังเกตได้ไหม หรือคอยมองหาว่าเมื่อไรโครว์ลีย์จะแวะเวียนมาเหมือนเช่นทุกที กระทั่งตั้งหน้าตั้งแต่รอการนัดหมายอันเป็นกิจวัตรนานๆ ครั้งของเราทุกๆ ครั้งที่เขารู้อยู่ตลอดว่ามันใกล้จะถึง เพราะรู้ดีว่าจะเวียนมาในช่วงใดหลังจากตลอดเวลาหกพันปีมานี้ ตอนที่มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างเกิดขึ้นบนโลกก็การคาดหวังว่าโครว์ลีย์จะปรากฎตัว และบางครั้งก็ถึงขั้นสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองไปทำเรื่องบ้าๆ สิ้นคิดเวลาที่ต้องการความสนใจจากอีกฝ่ายหลังจากที่เริ่มรู้สึกว่าจะห่างเหินกันไปนาน ก็ต้องหาเรื่องอะไรสักอย่างดึงความสนใจมาอย่างเช่นการแต่งตัวพิถีพิถันพาตัวเองไปกินเครปในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสพอดิบพอดีก่อนจะถูกจับพลางอ้างว่าตนถูกตักเตือนจากเบื้องบนไม่ให้ใช้ปาฏิหาริย์มากเกินไปจนไม่อาจพาตัวเองหนีจากบาสตีย์ได้แต่กลับใช้ปาฎิหาริย์เปลี่ยนชุดตัวเองออกไปนัดเดทเล็กๆ กับปิศาจและเครปได้เป็นต้น ตอนที่ได้ยินเสียงโครว์ลีย์ทักจากด้านหลังในคุกนั่น ทูตสวรรค์หันไปด้วยใบหน้าสุขสมปรารถนาในสิ่งที่คาดหวังซึ่งเป็นจริงตามที่ตั้งมั่นไม่มีผิด ดวงตาพราวระยิบระยับด้วยความภาคภูมิใจระคนเกษมยินดี ชะม้ายชายตามองขณะพยายามจะกลบเกลื่อนและบ่ายเบี่ยงความดีใจด้วยการวางท่าเล็กๆ ที่ดูท่าจะเป็นการส่งสัญญาณหลอกล่อ เล่นหูเล่นตา โครว์ลีย์ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง หรือจะตอนที่พวกเรามีปากเสียงกันเรื่องน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ – นั่นเป็นตอนที่เขาเจ็บปวดทรมานมากมายนัก การที่เขาไม่ยอมมอบมันแก่โครว์ลีย์เนื่องจากเพราะสิ่งที่ไม่ต้องการที่สุดคือการสูญเสียอีกฝ่ายไปนั่นเอง เขายอมรับความเสี่ยงที่โครว์ลีย์อาจจะได้ใช้มันไม่ได้ และการที่เขาให้สิ่งที่สามารถทำลายอีกฝ่ายได้ด้วยมือเขาเองก็เหมือนเขาฆ่าตัวเองด้วยเช่นกัน โลกที่ไม่มีโครว์ลีย์ก็เหมือนเขาได้ตายไปแล้ว – เขาโมโหนักที่โครว์ลีย์เหมือนจะไม่ได้นึกถึงเรื่องของเราเลยว่าเขาจะอยู่ต่อไปอย่างไร ถึงได้ทะเลาะกันแบบนั้น – แม้ทูตสวรรค์จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้เพราะคิดถึงแต่เพียงอาซีราฟาเอล โครว์ลีย์ต้องการปกป้องทูตสวรรค์ ให้ตนถูกทำลายไปก่อนได้รับโทษทัณฑ์ทำเหมือนไม่เคยมีปิศาจที่ชื่อโครว์ลีย์มาก่อน จะได้ไม่มีใครโยงใยถึงอาซีราฟาเอลได้ และทูตสวรรค์จะได้ไม่เดือดร้อนหากต้องตอบคำถามเบื้องบนเพราะไม่มีปิศาจนามโครว์ลีย์ให้ต้องคำนึงถึงอีกแล้ว – เกือบศตวรรษผ่านมา โครว์ลีย์ที่เริ่มรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขาอีกครั้งก็เริ่มวางแผนจะปล้นน้ำมนต์จากโบสถ์ด้วยการนัดระดมพลที่โซโห ถิ่นของอาซีราฟาเอล ใต้จมูกกันราวกับจะพยายามเรียกร้องความสนใจให้ทูตสวรรค์ที่กำลังค่อยๆ ใช้เวลาขณะอยู่ในช่วงตระหนักถึงความจริงอันมีมาเนิ่นนานว่าตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าแล้วให้มาพบอย่างไรอย่างนั้น ทูตสวรรค์ที่รู้แล้วอดรนทนไม่ได้ ไม่อาจยอมให้ปิศาจพาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายได้จริงเสียยิ่งกว่าการให้น้ำมนต์ที่ไม่รู้จะได้ใช้เมื่อไหร่จึงต้องกรอกน้ำมนต์ใส่กระติกน้ำร้อนไปให้ เขาตัดใจกล้ำกลืนความรวดร้าวหม่นไหม้ของตนให้เพราะไม่ต้องการให้โครว์ลีย์ต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้มันมา ซึ่งอาจจะอันตรายร้ายแรงกว่าการครอบครองน้ำมนต์ที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้นั้นหรือไม่เสียอีก อีกทั้งเขาอยากจะให้ในเวลาที่โครว์ลีย์ต้องใช้มันมาถึง ไม่ว่าตอนนั้นจะเป็นเมื่อใด โครว์ลีย์จะนึกถึงเขา หวังว่ามันย้ำเตือนให้นึกถึงพวกเราจนตัดสินใจไม่ใช้มันในท้ายที่สุด อาซีราฟาเอลถึงได้เลือกกระติกลายทาร์ทานที่เป็นดังตัวแทนให้ระลึกถึงเขายามที่ต้องหยิบมันขึ้นมา นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมเวลานั้นดวงตาเขาถึงได้เศร้าและเจ็บปวดนัก – ตอนที่อาซีราฟาเอลมอบน้ำมนต์ในกระติกให้โครว์ลีย์และทุกเหตุการณ์ขณะนั้น มันก็คือการที่เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่บอกอีกฝ่ายออกไปว่ารัก ในเวลาเดียวกัน สำหรับโครว์ลีย์ ปิศาจไม่ได้จะบอกทว่าทุกกระทำและคำพูดที่แสดงนั้นคือคำบอกรัก ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีแต่จะเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเรามีความรู้สึกรักให้กันมากมายเพียงใด แล้วไหนจะการที่โครว์ลีย์สร้างวันวาเลนไทน์มาเพื่อเขาโดยอ้างว่าไว้ล่อลวงพวกมนุษย์ในตกอยู่ในห้วงราคะแห่งบาปและความโลภด้านธุรกิจ ทั้งที่แท้จริงเขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อหาข้ออ้างใช้วันนั้นทั้งวันกับอาซีราฟาเอล ซื้อช็อกโกแลตไปให้ และออกไปเดทกับอาซีราฟาเอลล้วนๆ หรือชี้ชวนให้อีกฝ่ายทำอะไรตามใจเขาโดยการพูดสำทับไปด้วยว่า ไม่เอาน่าแองเจิล นี่มันวันแห่งความรักที่เฉลิมฉลองให้นักบุญของฝั่งนายเชียวนะ – ทูตสวรรค์นึกถึงตอนโครว์ลีย์หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับเขาน่าดูในช่วงที่เขาไปสนิทกับออสการ์ ไวลด์ จนถึงทุกวันนี้นรกยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมโครว์ลีย์ถึงไม่ถูกกับนักเขียนหนุ่มผู้กลายเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายเบื้องล่างมากนัก แน่ละโครว์ลีย์ยังคงหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เขาพูดถึงช่วงสมัยของออสการ์ – และ โอ้ อย่าให้ต้องกล่าวถึงซีซาร์หรือดาวินชีผู้แพรวพราวเลย แล้วไหนจะฟิทซ์เจอรัลด์ เฮมมิงเวย์ วิกเตอร์ อูโก แล้วก็ลอร์ดไบรอนอีก – ที่เขาแน่ใจก็คือปิศาจสามารถหึงหวงได้มากกว่าศตวรรษ อาซีราฟาเอลคิดถึงมันแล้วรู้สึกดีแปลกๆ ที่ปิศาจแสดงท่าทีหวงกั้นกับเขา โครว์ลีย์เคยนั่งฟังเขาบ่นอย่างหัวเสียอยู่นานตอนที่หอสมุดอเล็กซานเดรียถูกไฟไหม้ด้วย แล้วไหนจะเวลาที่โครว์ลีย์แสดงปาฏิหาริย์เล็กๆ น้อยๆ ของปิศาจให้เขามีความสุข อีกฝ่ายรู้ดีเสมอว่าเขาชอบอะไร และอย่างใดจะเอาใจเขาได้ เรื่องราวมากมายบอกเล่าทุกอย่างในตัวมันเองว่าพวกเรามีความรู้สึกแบบไหนให้กันอย่างไรบ้าง
“ทูตสวรรค์ นายจะแวะที่ไหนก่อนกลับหรือเปล่า” ตอนที่ขึ้นมาบนเบนท์ลีย์ – ซึ่งอาซีราฟาเอลรู้ได้ว่าอีกฝ่ายดีใจไม่ใช่น้อยที่มันกลับมา – รถคันโปรดของปิศาจจอดรอคอยท่าอยู่ริมถนนตอนที่พวกเราออกมาจากเดอะริทซ์ราวกับรู้หน้าที่ดี ครั้นจัดท่าให้สบายกับเบาะเรียบร้อย โครว์ลีย์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น อาซีราฟาเอลที่ไม่มีคำตอบในใจเป็นพิเศษเพียงยิ้มออกไปตามนิสัยตอนที่หันไปตามเสียงเรียกพลางสั่นศีรษะน้อยๆ มือประสานไว้บนช่วงตัวอวบๆ ที่ดูนุ่มนิ่ม ประกายบนดวงตานั้นสว่างไสวและนุ่มนวลคล้ายจะมองผ่านเข้าไปยังเบื้องหลังแว่นสีดำของคนตรงหน้าได้ โครว์ลีย์ผู้ที่ไม่ได้เก่งกาจกับการเป็นปิศาจตัวร้ายเท่าใดนักโดยเฉพาะยามอยู่กับทูตสวรรค์ตนนี้รู้สึกเหมือนภายในจะละลายลงไปทุกครั้ง ยังไม่นับการที่ตนเหมือนจะลืมความชั่วร้ายภายในตัวไป ปิศาจเบือนหน้ากลับมามองถนนพลางตีสีหน้าคล้ายจะเจ็บปวดและใจอ่อนไปในเวลาเดียวกัน พลางยักไหล่เหมือนจะตอบว่าตนต้องการไอเดียให้อีกฝ่ายช่วยคิดขณะติดเครื่องยนต์และเริ่มออกตัวไปตามถนน
“ที่ไหนก็ได้ที่นายต้องการ มายเดียร์” นั่นเป็นคำเชื้อเชิญหรือเปล่า โครว์ลีย์ไม่แน่ใจ คำตอบของอาซีราฟาเอลก็เหมือนดังเช่นปกติทุกครั้งที่เขาถามมาตลอดนับพันๆ ปี แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะมีกระแสความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มีอะไรบางอย่างที่เขาจับสัมผัสได้ว่าแฝงเร้นอยู่ เราร่วมทางด้วยกันเป็นพันครั้ง ร่วมหัวจมท้ายกับเรื่องต่างๆ มานับหมื่นพันเรื่อง ใช้ช่วงเวลาอันวิเศษไปกับสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าเดทนับร้อยๆ รอบ มีปฏิสัมพันธ์กันมาแล้วทุกรูปแบบ และการจับมือกันไว้หรือดึงตัวอีกฝ่ายออกจากเรื่องเดือดร้อนมากยิ่งกว่าตอนนั่งรสบัสกลับมายังลอนดอนนั่นก็มีมานับครั้งไม่ถ้วนเสียจนชินชา เราวางมือไว้ด้วยกันตอนที่นั่งรถบัสจากแทดฟีลด์แต่นั่นเป็นแค่หนึ่งในเรื่องเล็กๆ ที่เราเคยทำด้วยกัน เพราะว่าเวลาดื่มด่ำความวิเศษของแอลกอฮอล์จนเมามายแล้วนอนพาดก่ายกันอย่างหมดท่าก็มีออกบ่อยไป หรือยามที่เขาเข้าไปกอดคออาซีราฟาเอล นัวเนียไปมาเหมือนงูที่เลื้อยพันแข้งกันขาอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ และบางทีอาซีราฟาเอลก็จะเอื้อมมือมาจัดแว่นตาเขาให้ตรงพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเขาแทบจะเปลือยเปล่าจนเผยให้เห็นทุกความรู้สึก เขาเองบางครั้งก็จะจัดโบว์ไทให้อีกฝ่ายขณะที่ทูตสวรรค์ก็มักจะจับปกเสื้อนอกของเขาให้ตรง ช่วยปัดละอองหรือจับขนขาวๆ บนเสื้อสีดำๆ ของเขาให้เรียบร้อยเวลาที่เห็น เราอ้อล้อโอ้โลมกันอยู่เสมอ ไหนจะคอยแปรงขนปีกสางขนที่ผลัดให้อีกฝ่าย กระทั่งมีความรับรู้ร่วมกันเหนือการบอกกล่าวหรือจิตวิญญาณ สามารถแสดงท่าทีบอกใบ้ ส่งสัญลักษณ์ภาษากายที่รู้กันแค่สองคน ความสัมพันธ์ระหว่างเรายิ่งกว่าคำว่าใกล้ชิดสนิทสนมหรือผูกพัน แม้แต่ตอนที่เขาชอบดึงรั้งทูตสวรรค์ไว้อย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเวลาอีกฝ่ายทำท่าจะไปมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับพวกมนุษย์ที่หวังมากกว่าความเป็นเพื่อนนั่น – เขาละเกลียดพวกนักเขียนหรือศิลปินพวกนั้นนักเชียว แต่เอาเถอะ แม้แต่เขาที่ใช้เวลาหกพันปี – หกพันกับอีกยี่สิบสามปี – พยายามทำมาแล้วทุกอย่างแต่อีกฝ่ายยังไม่สนใจ เขาก็ไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะมีน้ำยาพอหว่านเสน่ห์ให้ทูตสวรรค์ปักใจได้หรอก และที่แน่ๆ พวกนั้นตกนรกอยู่ใต้บงการเขาแล้วด้วย – เราสนิทสนมกันถึงกระทั่งตอนที่เขาดันทูตสวรรค์ไปกระแทกกำแพงอย่างรุ่มร้อนราวกับเป็นตัวแทนบาปแห่งราคะนั่น ดวงตาก็ไม้แม้แต่จะกระพริบสักนิดเดียว อาซีราฟาเอลยังจ้องเขาเขม็ง ไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้ผิดแปลกหรือน่ากระอักกระอ่วน ทูตสวรรค์พินิจมอง เลื่อนสายตาลงมาจับจ้องที่ริมฝีปากของปิศาจอย่างเลื่อนลอยฝันหา เฝ้าปรารถนา นอกจากนี้ ยังมีเวลาที่เขาพยายามแสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้าด้วยการเผยท่าทีสนิทสนมแนบแน่นยามมีมนุษย์ผู้โง่เขลามายุ่งย่ามกับอาซีราฟาเอลผู้ใสซื่อและไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังถูกเกี้ยวพา นับรวมถึงตอนที่เราแสร้งทำเป็นเผลอสัมผัสโดนกันผิวๆ โดยไม่ได้ตั้งใจแต่มีเจตนาล้วนๆ ด้วย เราถึงเนื้อถึงตัวกันตลอด แต่กับคำพูดที่คล้ายจะต่างออกไปนี้ทำให้โครว์ลีย์แทบจะคลั่งขึ้นมาทีเดียว เขานึกถึงตอนที่ตนเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายไปค้างที่ห้องของเขา แล้วอาซีราฟาเอลที่คล้ายจะหัวใจพองโตอยู่ในอกกลับปฏิเสธออกมาในทิศทางตรงข้ามกับความรู้สึกด้วยเพราะขณะนั้นเรื่องราวระหว่างเราที่มีเบื้องบนกับเบื้องล่างมาเกี่ยวข้องยังไม่คลี่คลาย ทว่าในเวลานี้ เมื่อสวรรค์และนรกยอมรามือ ปล่อยพวกเราไปตามเรื่องตามราวแล้วหลังจากทุกอย่างทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเราก็ไม่จำต้องใส่ใจต่อสิ่งใดอีกต่อไป พวกเราอยู่ข้างเดียวกัน ฝั่งของเรา ไม่ใช่ฝั่งสวรรค์เบื้องบนหรือนรกเบื้องล่าง และครั้นเราสองคนยอมรับความรู้สึกตัวเองออกมาตรงๆ ผ่านคำสารภาพที่เดอะริทซ์มาหมาดๆ เมื่อครู่ด้วยแล้ว นี่อาจจะเท่ากับว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ของพวกเรา โครว์ลีย์หัวใจเต้นรัวระทึกยิ่งกว่ากลองของวงโรลลิ่งสโตน เผลอปล่อยให้เท้าเหยียบคันเร่งจนหน้าปัดบอกความเร็วเหวี่ยงตัวสูงขึ้นตามมาด้วยเสียงสูงห้ามปรามอย่างเดือดเนื้อร้อนใจจากคนที่นั่งข้างๆ เหมือนเช่นทุกครั้ง – สะท้อนให้เห็นว่าแม้ความสัมพันธ์นี้จะเดินหน้าไปถึงก้าวใหญ่ที่เราต่างเฝ้ารอ คะนึงหามานับหกพันปี ทุกอย่างก็ยังคงความปกติสุขเป็นธรรมดาดังเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงหรือหนีหายไปไหนแม้เพียงเศษเสี้ยว เนื่องจากระหว่างเรานั้นก็เป็นเช่นนี้เสมอมาอยู่แล้ว ชีวิตที่มีกันและกันมาตลอด วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขโดยมีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงแค่เราไม่จำต้องปกปิด ข่มกลั้น หรือเก็บงำความรู้สึกแท้จริงในใจอีกต่อไปเท่านั้นเอง
เมื่ออามาเกดดอนไม่เกิดขึ้น และเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโครว์ลีย์ทั้งหมดถูกเปิดเผย ไม่อาจปิดบังอีกต่อไป และเมื่อเลยผ่านจุดนั้นมาก็ไม่มีอะไรให้อ้างได้อีกว่าทำไมจะต้องกักเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ หรือส่งสายตาลึกซึ้งดื่มด่ำในห้วงรักให้แก่กันแต่ไม่เคยพูดมันออกมาหรือเดินหน้าไปมากกว่านั้น เมื่อทั้งสองฝั่งรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก อุปสรรคได้ลบเลือนหายไปทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยเช่นฝันที่เป็นจริง โครว์ลีย์หักพวงมาลัยกลับจากการเกือบจะชนคนตรงทางม้าลายตอนไฟข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาหักรถเลี้ยวเข้าไปยังถนนอีกเส้นหนึ่งได้พอดิบพอดี ขณะทูตสวรรค์สาบานต่อพระเจ้าว่าเขากำลังจะหัวใจวาย เมื่อรถกลับมาแล่นตามปกติ อาซีราฟาเอลก็ส่งสายตามองค้อนไปยังคนที่นั่งหลังพวงมาลัยอย่างคาดโทษก่อนจะเริ่มเปิดปากร่ายเลคเชอร์ยืดยาว แต่ทว่ายังไม่ทันจะเอื้อนเอ่ยคำแรกของการเริ่มต้นเทศนา ปิศาจก็กล่าวขึ้นขัดจังหวะ หยอดคำถามหยั่งเชิงสานต่อบทสนทนาที่คงค้างไว้เมื่อครู่ด้วยใจระทึก “แล้วถ้าฉันชวนนายไปที่ห้องฉัน ชวนนายอีกเหมือนตอนที่เรากำลังจะกลับมาลอนดอนนั่น นายจะยังมีความเห็นในเรื่องนี้ว่าอย่างไรอีก มันจะเป็นคำปฏิเสธเหมือนเดิมหรือเปล่า”
คราวนี้โครว์ลีย์เหยียบเบรกหยุดตรงไฟแดงได้ทันจังหวะพอดีราวกับปาฏิหาริย์ของปิศาจในตอนที่เขาพูดจบประโยค ชั่วขณะที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมานั้นใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยวหัวใจเต้น แต่ทว่าปิศาจกลับรู้สึกถึงความเนิ่นนานมากมายเหลือเกิน เขาหันไปมองอาซีราฟาเอลก่อนจะเกี่ยวแว่นกันแดดสีดำออก เผยให้เห็นดวงตาของอสรพิษที่เต็มไปด้วยความจริงจังและติดจะเว้าวอน ครั้นแล้วเขาก็ถูกทำให้สงบลงด้วยรอยยิ้มที่พาดผ่านใบหน้าของอีกฝ่าย ทูตสวรรค์ยิ้ม เป็นรอยยิ้มซึ่งเมื่อแรกเห็นปิศาจก็ให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะยอมทำทุกอย่างให้ได้เห็นรอยยิ้มนี้อีก และทำทุกทางให้มันคงอยู่ตลอดไป ตอนนั้นเองที่โครว์ลีย์เริ่มทำท่าเหมือนหุ่นยนต์ที่ระบบล่ม คำตอบของคนตรงหน้าปะทะเข้ามาในอกเขาอย่างจัง ชั่วหัวใจเต้นจังหวะนั้นเองที่เราสองคนต่างรู้โดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีกว่าความสัมพันธ์ของเราได้ก้าวผ่านจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่นมาแล้ว ต่อจากนี้สายสัมพันธ์ของพวกเราจะเป็นไปอย่างที่เราต้องการมาตลอด และอีกสิ่งที่โครว์ลีย์ยิ่งมั่นใจคือลึกๆ นั้นอาซีราฟาเอลร้ายกว่าที่คิดทีเดียวกับการมีเล่ห์เหลี่ยมหยอกเย้าแบบนี้ขึ้นมาราวกับหวังจะทำให้เขาคลั่งจนหยุดไม่ได้
“โครว์ลีย์ – มายเดียร์ ฉันบอกแล้วไงว่าที่ไหนก็ได้ที่นายต้องการ ที่ไหนก็ได้จริงๆ” ทั้งที่ในอกกำลังคำรามอย่างบ้าคลั่งเหมือนสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย แต่ภายนอกโครว์ลีย์กลับแสดงออกต่อคำตอบของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ทำเหมือนอีกฝ่ายพูดเพียงว่าฝนกำลังจะตกแล้วเท่านั้น เขาตอบรับสั้นด้วยคำว่า โอเหรอ เหมือนคนที่ตกตะลึงงงงันจนสูญเสียการตอบสนองที่เหมาะสมกับสถานการณ์ไป เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวปิศาจก็เหยียบคันเร่งไปพร้อมๆ กับใจที่เตลิดไกลขณะในหัวมีแต่คำว่า โอชิท ชิท ชิท มันเกิดขึ้นแล้ว ตะโกนก้องเต็มไปหมด จากนั้นปิศาจก็ทำหน้าตาตื่นในที่สุด ขณะอาซีราฟาเอลแอบอมยิ้มในแผนการปั่นหัวปิศาจของตนอย่างสนุกสนานชอบใจ เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนว่าเรื่องที่พูดออกไปเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายคลุ้มคลั่งก่อนจะหันไปข้างหลังรถแล้วพบว่ายังคงมีกล่องบิสกิตและเสบียงประจำที่เขามักจะกักตุนไว้ในเบนท์ลีย์อยู่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหนเลย นั่นเป็นต้นเหตุของประกายความตื่นเต้นดีใจที่ครอบคลุมไปทั่วรถ โครว์ลีย์ที่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีความสุขแค่ไหนที่ได้เห็นพวกมันอยู่หลังรถเหมือนเดิมลอบยิ้มอย่างพึงพอใจและภาคภูมิใจกับตัวเอง เขามีสีหน้าปลาบปลื้มนักที่ได้ทำสิ่งนี้ให้แก่แองเจิล รางวัลที่ได้รับอย่างความสุขของอีกฝ่ายนั้นยิ่งกว่าคำว่าคุ้มค่า ปิศาจดีดนิ้วจากนั้นกล่องบิสกิตลายทาร์ทานก็ลอยมาอยู่บนตักนุ่มๆ น่าล้มตัวลงนอนของทูตสวรรค์ อาซีราฟาเอลเมียงมองคนข้างๆ ปิศาจไม่ใช่พวกประเภทที่จะมาบ่นอุบอิบว่าเพิ่งกินอาหารไปมื้อหนึ่งตบท้ายด้วยขนมหวานชุดใหญ่ทำไมยังจะกินอยู่อีกอะไรทำนองนั้น โครว์ลีย์มักจะตามใจและทำในสิ่งที่รู้ว่าอย่างไรจะทำให้อาซีราฟาเอลสุขสำราญเปรมปรีดิ์มากที่สุดโดยไม่มีเงื่อนไข
แต่ใช่ว่าโครว์ลีย์จะไม่บ่นเรื่องที่เขากินจนรถเบนท์ลีย์สุดรักสุดหวงเกลื่อนไปด้วยเศษขนมหรอกนะ ทว่าที่จริงมันก็เป็นแค่การบ่นตามประสาที่ไม่ได้หมายความตามนั้น และไม่ได้รู้สึกขุ่นข้องเคืองใจใดๆ แม้แต่น้อย พวกเราก็แค่เหมือนคู่แต่งงานแก่ๆ ที่อยู่กินกันมานานเป็นชาติและชอบบ่นนั่นนี่ ต่อปากต่อคำ หรือกระเซ้าเย้าแหย่อีกฝ่ายให้พอมีรสชาติเท่านั้น การถือโทษโกรธเคือง มีปากเสียงใหญ่โต หรือทะเลาะเบาะแว้งกันจริงๆ ในแบบที่ไม่มีฝ่ายไหนรู้สึกใจจะขาด อดรนทนไม่ไหวกับความคิดที่ว่าอาจเผลอทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายจนลงท้ายด้วยการตามง้องอน สำนึกผิดในแบบของตัวเองนั้นไม่มีอยู่ในสารบบ เพราะหากมีเรื่องก็เป็นเพียงการงอนกันเล็กๆ น้อยๆ ตามประสา โดยจะเกิดทีนานๆ ครั้งนับเป็นสหัสวรรษได้และไม่อาจกินเวลามากมายยืดเยื้อเนื่องจากไม่มีฝ่ายใดสามารถรับความรู้สึกใจหายและทนความคิดที่ว่าอาจกำลังทำร้ายให้อีกฝ่ายชอกช้ำหรืออาจกำลังผลักไสอีกฝ่ายไปไกลๆ ได้นานเท่าไรนัก ซึ่งเมื่อมีการงอนกันดังกล่าวขึ้นมาคราใดก็จะจบลงด้วยการตามง้องอนขอโทษกันด้วยวิธีการเฉพาะของแต่ละฝ่ายทุกคราวไป เพราะรักกันล้นพ้น มีเยื่อใยผูกพันกว่าคำว่าเหนียวแน่นลึกซึ้ง แน่นอนว่าทุกคนที่ได้รู้จักทั้งทูตสวรรค์และปิศาจ ได้พบเห็นพวกเขาอยู่ร่วมกัน หรือวนเวียนอยู่ในวงสังคมใกล้เคียงย่อมตระหนักได้แต่แรกเห็นว่าสองคนนี้เป็นคู่รักกันแน่ๆ เป็นคนรักกันแบบไม่ต้องสงสัย กระทั่งอาร์คแองเจิลอูรีเอลยังเคยกล่าวถึงโครว์ลีย์ต่อหน้าอาซีราฟาเอลว่าเป็นแฟนหนุ่มของทูตสวรรค์เองถึงแม้จะมีเจตนาไปในทางกระเทียบเปรียบเปรยก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าใครก็รู้ และยิ่งได้สัมผัสมากเท่าใดก็ย่อมต้องปักหลักกับความคิดนี้ไม่มีทางปฏิเสธเป็นอื่นไปได้ ต่อให้มองมุมไหน มองอย่างไรก็เห็นว่าเป็นคู่แต่งงานแก่ๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขผูกพันด้วยวิญญาณแม้แต่ความตายก็พรากไปไม่ได้ – เพียงแต่คู่นี้เป็นอมตะด้วยนี่สิ – ตอนที่ทูตสวรรค์ดึงบิสกิตออกมาจากกล่องและเริ่มละเลียดชิมมัน ปิศาจก็เริ่มบ่นอุบเพราะเศษขนมที่ร่วงกราว “นี่ๆ ระวังเศษบิสกิตร่วงในรถ มันร่วงเต็มตักนายไปหมดแล้ว อั่ก ให้ตายสิ”
ครั้นแล้วอาซีราฟาเอลที่รู้ดีว่าต้องทำอย่างไรก็รับมือโต้ตอบด้วยการยื่นบิสกิตประเภทที่อีกฝ่ายชอบไปจ่อที่ปากคนขับรถประจำตัว โครว์ลีย์ที่ทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจอย่างเสียไม่ได้ก็งับเข้าปากพลางเคี้ยวงุ่มง่ามอย่างเอร็ดอร่อยและพอใจน่าดูขณะกล่าวงึมงำ “เห็นแก่นรกเถอะ นายเนี่ย รสนี้อร่อยดีนะทำไมฉันไม่เคยลองเลย”
จากนั้นโครว์ลีย์ก็เริ่มงับบิสกิตเข้าปากขณะขับรถไปด้วยอย่างเพลิดเพลินโดยมีทูตสวรรค์คอยบริการให้อย่างร่าเริง เบนท์ลีย์ค่อยๆ แล่นไปตามถนนช่วงบ่ายของลอนดอน ปิศาจเลี้ยวพวงมาลัยผ่านถนนที่มุ่งลึกเข้าไปยังส่วนในของเมย์แฟร์ ยิ่งตัดถนนเข้าไปลึกถัดจากส่วนที่เดอะริทซ์ตั้งอยู่ในเขตเดียวกันนี้เท่าไรก็บ่งบอกในตัวว่าที่ไหนก็ได้ซึ่งปิศาจกำลังจะพาไปคือแฟลตของโครว์ลีย์เอง มันไม่ใช่ทางไปร้านหนังสือของอาซีราฟาเอลอย่างเห็นได้ชัด แฟลตของโครว์ลีย์อยู่ที่เมย์แฟร์ติดกับโซโหเขตของเขาแค่ถนนรีเจนท์กั้น ซึ่งทูตสวรรค์ค่อนข้างแน่ใจว่าระยะทางที่ใกล้กันมากนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ครั้งแรกที่พวกเราลงหลักปักฐานที่อังกฤษนับย้อนไปถึงยุคสมัยเวสเซค โครว์ลีย์ก็ตั้งใจเลือกที่พักไม่ห่างจากกันเสมอ จนเขามาเปิดร้านหนังสือเก่าที่โซโหก็พบว่าโครว์ลีย์ก็ยังมาอยู่ใกล้ๆ ไม่เคยห่างเหมือนเดิม เมื่อหวนคิดถึงข้อเท็จจริงนี้ทีไรความรู้สึกอุ่นใจก็แผ่กระจายออกมาข้างใน อาซีราฟาเอลที่ช่วยอีกฝ่ายมองทางอยู่ตลอดในแบบที่ค่อนไปทางชื่นชมทัศนียภาพรอบด้านมากกว่าจะคอยระแวดระวังแทนผู้ร่วมทางเห็นทิศที่กำลังมุ่งหน้าไปแทนการบอกถึงจุดมุ่งหมายก็รู้ว่าตนคิดไม่ผิด มันเป็นไปตามคาด หกพันกว่าปีย่อมสอนให้พวกเรารู้อกรู้ใจ เข้าใจกันลึกล้ำ รวมทั้งรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับอีกฝ่าย แบบไหน ในเวลาใดเสมอมา ทูตสวรรค์ผละตัวเองออกจากการลิ้มชิมรสขนม เขาชักมือข้างที่กำลังจะป้อนมันใส่ปากโครว์ลีย์ที่อ้าค้างเตรียมจะงับกะทันหันยามเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปในช่วงถนนที่ไม่น่าพึงพอใจสำหรับเขาจนโครว์ลีย์เกือบจะยื่นหน้าตามไปงับ แล้วก็พบความว่างเปล่ากับฟันที่กระทบกับอากาศ
“ทำไมนายไปทางนี้ รถติดจะตายโครว์ลีย์ นายควรกลับเข้ากราฟท์ตันสตรีทแล้ววนเข้าเฮย์ฮิลล์แล้วค่อยตัดเข้าโบลตัน ลืมไปแล้วเหรอว่าอัลเบอมาร์ลน่ะมันวันเวย์” การต้องรับมือกับเส้นทางเดินรถอันวกวนน่าเวียนหัวประหนึ่งเขาวงกตของเขตเมย์แฟร์เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง นอกจากนั้นที่เหลือก็เป็นส่วนของความสุขเล็กๆ น้อยๆ กับการได้ฟังแองเจิลบ่นเขาเวลาเลือกเส้นทางเดินรถผิดทุกคราวที่ขับรถมาด้วยกันแถวนี้ มันเป็นดังความสุขสำราญและบันเทิงเริงใจของปิศาจทีเดียว เขามักจะทำเป็นรับคำอย่างรู้เรื่อง ลอบมองอีกฝ่ายเหล่ตามาค้อนแต่หลังจากนั้นก็จะปล่อยเลยตามเลยกับเขาในตอนท้ายเหมือนที่จริงก็ไม่ได้ใส่ใจจะบ่นนัก เพียงแค่สนุกอีกทั้งยังสุขใจที่ได้เห็นโครว์ลีย์ดูจะชื่นชอบการที่เขาจู้จี้กับเรื่องนี้ – และใช่ ที่จริงเขาก็เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องดังกล่าวด้วยจริงๆ นั่นแหละ โครว์ลีย์ดูจะชอบที่เขาอยู่ไม่เป็นสุขด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ หากคนทั่วไปเห็นคงลงความเห็นอย่างสมานฉันท์และพ้องต้องกันว่าพวกเขาเป็นคู่แต่งงานกันอย่างไม่ต้องสงสัย มองแค่ปราดเดียวก็ไม่มีสิ่งใดให้คลางแคลงกับความจริงนั้นแม้แต่น้อย เป็นคู่รักธรรมดากับชีวิตซื่อตรงเรียบง่ายที่พบเห็นได้ทั่วไป ทั้งยังเป็นคู่ชีวิตที่รักกันดี มีชีวิตคู่ที่สงบสุขเป็นปกติจนมีเวลามานั่งเถียงกันอย่างไร้สาระ แต่รักกันกลมเกลียวเสียจนไม่รู้จักว่าการถือโทษโกรธเคืองคืออะไร อาจจะมันเขี้ยวเล็กน้อยด้วยนึกเอ็นดู ทว่าก็สนุกและมีความสุขที่ได้เห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์ที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดแผกอะไรจากที่คู่แต่งงานที่อยู่กินกันมานานทำ การถกเถียงกันบนรถหรือบ่นเรื่องเส้นทางหรือการขับรถของอีกฝ่ายแบบนี้ ปิศาจขับรถไปเรื่อยๆ ราวกับตั้งใจที่จะไม่มองทางหรือสนใจด้วยซ้ำว่าควรไปทางใดให้ถึงที่หมาย และนั่นก็ทำให้อาซีราฟาเอลต้องร้องเตือนออกมาเมื่ออีกฝ่ายขับเลยเส้นทาง
“นั่นเกือบจะเลยทางเข้าแล้ว”
ทว่ารถเบนท์ลีย์พุ่งไปข้างหน้าเร็วเกินกว่าจะหักเลี้ยวย้อนกลับทันตอนที่ทูตสวรรค์ชี้ไปยังทางที่ควรจะเป็นแล้ว โครว์ลีย์แค่ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้หลังจากหลงลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิทเป็นการตอบกลับ ดูยียวนช่างเย้าแหย่ไม่น้อย อาซีราฟาเอลจึงทำหน้าคาดโทษกลับไป ทูตสวรรค์จะไม่มีวันนึกจำกัดความโครว์ลีย์ว่าเป็นผู้ใช้ทางดีเด่นแก่ปิศาจตนนี้แน่ อาซีราฟาเอลจับจ้องทางไม่วางตาคล้ายจะลุ้นระทึกว่าตนกับคนข้างๆ จะถึงที่หมายครบสมบูรณ์หรือไม่ขณะมือที่ถือขนมค้างไว้ตรงหน้าอีกฝ่ายค่อยๆ เลื่อนกลับไปจ่อใกล้ที่ปากของปิศาจผู้ซึ่งยื่นคอออกมางับเข้าปากไปไม่ต่างจากงูที่ตระครุบเหยื่อ หลังจากกลืนบิสกิตลงคอแล้วเลียฝีปากอย่างโอชา รอรับคำใหม่ที่ทูตสวรรค์ถือคอยอยู่แล้ว โครว์ลีย์ก็กล่าวแก้อุบัติเหตุเมื่อครู่อย่างไม่ทุกข์ร้อน “ไปทางนี้ดีกว่า แองเจิล ตอนบ่ายรถไม่เยอะหรอก”
คราใดที่โครว์ลีย์เรียกอาซีราฟาเอลว่าแองเจิลนั้น บางทีก็ยากจะบอกได้ว่าเขาเรียกอีกฝ่ายตามสถานะพงษ์พันธุ์ที่เป็นหรือเรียกในความหมายของชื่อแสนหวานไว้ใช้สำหรับคนรักกันแน่ มันกลมกลืนเข้าไปด้วยกันจากความรู้สึกลึกซึ้งจนยากจะแยกออก แม้บางครั้ง แต่โดยส่วนมากจะค่อนไปทางประการหลัง มันคือถ้อยหวานคำสำหรับกล่าวถึงคนรักล้วนๆ ไม่ต่างอะไรกับคำว่ามายเดียร์ที่อาซีราฟาเอลใช้ แม้ว่าคำดังกล่าวผู้คนทั่วไปจะใช้กล่าวถึงคนอื่นกันตามปกติ ทว่ากับทูตสวรรค์แล้วเวลาเขาใช้มันกับอีกฝ่าย เขาหมายถึงรักที่ล้นเหลือตามนั้น ท้องฟ้าของลอนดอนถูกบีบอัดให้แคบลงด้วยช่วงตึกของตัวเมืองชั้นในที่เรียงรายรอบสองข้างทางของ และแม้แต่สองร้อยปีผ่านมาก็แทบจะไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าใดนักสำหรับคนทั้งสองซึ่งดำรงตนผ่านช่วงเวลาหลายร้อยศตวรรษในประเทศแห่งนี้ เบนท์ลีย์ค่อยๆ เลี้ยวตัดผ่านโกรฟเนอร์สตรีทวนเข้าสู่ถนนบรู๊ค จากนั้นทูตสวรรค์และปิศาจก็พบกับการจราจรที่ไม่คล่องตัวเท่าใดนัก โครว์ลีย์เหยียบเบรคต่อท้ายรถที่จอดกินถนนมาครึ่งเลนและบรรดารถที่พยายามหมุนผ่านโกรฟเนอร์สแควร์ ตอนนั้นเองที่อาซีราฟาเอลได้ทีบ่นขึ้นเมื่อเหตุการณ์มาเข้าทางตัวเอง และเป็นจริงดังที่เตือนไว้คราวแรก “ฉันบอกแล้วให้นายไปทางนั้น มายเดียร์ ถ้าเราอ้อมมาทางนี้คงอีกศตวรรษหนึ่งกว่าจะถึง”
ขณะเดียวกันปิศาจก็ยักไหล่เป็นเชิงยอมรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ดูมีความสุขดีที่ได้ใช้เวลาบนรถกับทูตสวรรค์ จึงไม่ได้มีท่าทีเร่งรีบหรือหงุดหงิดใจกับการจราจร แต่แล้วปิศาจก็พบว่าการจราจรติดขัดคราวนี้อาจสร้างความลำบากแก่เขาได้เมื่ออาซีราฟาเอลเริ่มปิดกล่องขนมลงพลางส่งมันกลับไปไว้ที่เดิมข้างหลังรถ ก่อนจะเริ่มพึมพำขณะขวานหาอัลบั้มเพลงของเขาในกล่องหน้าคอนโซลเพื่อหาเพลงฟังฆ่าเวลา เพราะถ้าโครว์ลีย์จำไม่ผิดครั้งล่าสุดที่อาซีราฟาเอลหาเพลงจากบรรดาอัลบั้มที่เขาใส่ไว้ในรถ ทูตสวรรค์เกือบจะเจอเข้ากับอัลบั้มเรดเฟลเฟท อันเดอร์กราวด์ – ซึ่งฐานะจริงๆ ของมันก็คือคำสารภาพรักของเขาในรูปของเพลงที่เขาไว้ใช้ฝั่งตอกย้ำความรู้สึกลึกซึ้งถวิลหาของตัวเองแก่ทูตสวรรค์ตนนี้ยามขับรถท่องไปตามถนนคนเดียว – และมันไม่ใช่บีบ็อพอย่างที่อาซีราฟาเอลจำกัดความได้อย่างน่าเอ็นดูระคนอ่อนใจแน่นอน – แม้ส่วนมากเวลาขับรถเขาจะเปิดเพลงเดอะแบล็กแองเจิลส์เดธซองหรือเพลงของวงควีน วงดนตรีโปรด แต่ยามอยู่คนเดียวในแฟลตตอนที่บรรยากาศเงียบเหงา อารมณ์เศร้าซึ้ง และผ่อนคลายในอารมณ์หลังจากงานที่เหนื่อยหนักหรือความตึงเครียดตลอดทั้งวัน เขาจะเปิดเพลงไอวิลบียัวร์มิร์เรอร์หรือไม่ก็เพลบลูอายส์ขับกล่อมตัวเอง พลางเว้าวอนคะนึงหาทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่เขาเปิดเพลงนี้ให้ไปด้วยเงียบๆ ไม่มีใครรู้นอกจากบรรดาพืชงามๆ เขียวชอุ่มที่หวาดกลัวในอีกมุมของแฟลต ก็แหม คำและความหมายในเพลงเหล่านั้นจะหมายถึงใครไปได้อีกนอกจากทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่เขาใช้เวลาหกพันกับอีกยี่สิบสามปีวนเวียนอยู่ใกล้ๆ พยายามจะให้อีกฝ่ายสนใจ ปกติแล้วโครว์ลีย์จะเก็บอัลบั้มนี้ไว้ที่ห้องเป็นดังความลับเล็กๆ ในใจที่จะใครๆ ก็ไม่มีวันได้รู้แต่จากครั้งล่าสุดที่เขาหยิบมาไว้บนรถและลืมเอาออก พอมีอามาเกดดอนเข้ามาขัดจังหวะวิถีชีวิตอันสงบสุขของเขากับแองเจิล เขาก็ไม่มีโอกาสหยิบมันไปเก็บที่เดิมสักที ดังนั้น ในขณะนี้โครว์ลีย์จึงเริ่มรู้สึกว่าตนเองเหงื่อตกอีกครั้ง ใจเตลิดเปิดเปิงเหมือนเมื่อคราวก่อนไม่มีผิดขณะอาซีราฟาเอลหยิบอัลบั้มเรดเฟลเฟท อันเดอร์กราวด์ขึ้นมาพิจารณา หรือพูดให้ถูกอีกอย่างคืออาซีราฟาเอลกำลังถือคำสารภาพรักของเขาอยู่ในมือ – ถึงแม้เราจะสารภาพรักกันจริงๆ ไปแล้วก็เถอะ – แต่เขาก็รู้สึกตัวเองกำลังจะสูญเสียความเยือกเย็นและกึ่งๆ จะคุมสติไม่อยู่ ลุกลนและตื่นเต้นตกใจด้วยความเขินอายเหมือนถูกจับได้ว่าใช้เวลาหกพันกว่าปีเฝ้าโหยหาอยากได้อีกฝ่ายลึกสุดใจ – และใช่เขากำลังจะถูกจับได้ และถูกเปิดโปงความรู้สึกอันถวิลเว้าวอนหาอีกฝ่ายที่เก็บงำผ่านบทเพลงมาตลอด – อาซีราฟาเอลกำลังถือหลักฐานความรักของเขาที่มีต่ออีกฝ่ายด้วยใบหน้าสนอกสนใจ ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าปิศาจกำลังร้อนผ่าวจนเกือบจะระเหิดหายไปเป็นไอ หัวใจคลุ้มคลั่ง ทูตสวรรค์พลิกอัลบั้มเทปเพลงพินิจดูก่อนความทรงจำจะหวนระลึกขึ้นได้ และโครว์ลีย์ก็นึกอยากจะกระแทกหัวตัวเองกับพวงมาลัยเดี๋ยวนั้น “ไหนดูสิมีอะไรให้ฟังบ้าง – โอ บีบ็อพ”
ครั้นแล้วก่อนที่โครว์ลีย์จะหันได้อ้าปากร้องห้าม ทูตสวรรค์ก็ยัดมันใส่ช่องเล่นเทปเพลงด้วยสีหน้าใคร่สงสัยอยากรู้อยากลอง และเพลงก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับโครว์ลีย์ที่เริ่มนับถอนหลังสวดวิงวอนกับซาตานอยู่ในใจก่อนที่เพลงจะดังท่อนแรกออกมา จากนั้นปิศาจก็กล่าวขึ้นคล้ายจะพยายามบ่ายเบี่ยงประเด็น และล่อลวงให้ทูตสวรรค์เปลี่ยนใจจากการฟังคำสารภาพ – ไม่สิ เพลง จากการฟังเพลงนี้จนจบซึ่งไม่ต่างอะไรจากการเปิดอกชำแหละหัวใจออกจนเปลือยเปล่าว่าที่ผ่านมาเขานั้นรักทูตสวรรค์มากเหลือเกิน อัดอั้นอยู่เต็มอก จนโหยหาคร่ำครวญผ่านบทเพลงนี้มากเพียงใด “นายไม่ชอบเพลงพวกนี้หรอก แองเจิล” – โครว์ลีย์กล่าวเหมือนเมื่อครั้งก่อนพลางทำท่าจะเอื้อมมือไปปิด ทว่าทูตสวรรค์กลับทำหน้าคล้ายจะดุ ก่อนจะยิ้มอย่างตื่นเต้นคล้ายจะบอกว่าอยากฟังเพลงที่อีกฝ่ายฟัง อยากจะรู้ว่าโครว์ลีย์ฟังเพลงเช่นไรบ้าง และใบหน้าสว่างไสวกระตือรือร้น และคาดหวังของทูตสวรรค์ก็ทำให้ปิศาจพูดอะไรไม่ออกอีกแม้แต่คำเดียว เขาต้องยอมจำนนและถอยล่าไป อย่างไรเสีย เขาก็รักทูตสวรรค์ และการที่เรารักกันและรู้ซึ้งในความรู้สึกของพวกเราถึงเพียงนี้แล้ว การบอกรักผ่านเพลงไม่กี่เพลงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นห่วง โครว์ลีย์รู้ดี เขาในฐานะปิศาจแค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขานั้นอ่อนไหวหรือละเอียดอ่อนแค่ไหน – แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าอาซีราฟาเอลรู้อยู่ตลอด – มันไม่ค่อยเข้ากับวิสัยของปิศาจแน่นอนละ และกระนั้นเขาก็ยังเขินอายต่อเนื้อเพลงที่บอกอย่างตรงไปตรงมาชัดเจนกระจ่างแจ้งทีเดียวว่าหมายถึงใคร และรักอีกฝ่ายแค่ไหนด้วย
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ฉันแค่อยากจะรู้ว่านายฟังเพลงแบบไหนบ้าง”
ดูเหมือนคำปฏิเสธจะถูกกลืนกลับเข้าไปข้างใน ท่าทีใส่ใจของทูตสวรรค์หลอมละลายลงในอก เพลงเพลบลูอายส์ดังขึ้น และโครว์ลีย์ก็นึกอยากจะหายวับไปในเวลานั้นด้วยอุณหภูมิความร้อนที่มาเยี่ยมเยียนตัวเขาแบบตั้งตัวไม่ติด อาซีราฟาเอลตื่นเต้นและใจจดใจจ่อก่อนจะพูดออกมาว่า – “มันฟังดูไม่เหมือนบีบ็อพเลย โครว์ลีย์ ที่จริงเพลงนี้นี่มันดีมากๆ เลยนะ” ขณะเดียวกันโครว์ลีย์ก็อยากจะตะโกนกลับไปว่านายจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับบีบ็อพหรือเพลงนี้กัน ไม่อย่างนั้นนายก็คงจะไม่เลือกหยิบคำสารภาพรักที่มีให้ตัวเองมาเปิดฟังมันแจ้งๆ อย่างนี้หรอก แต่โครว์ลีย์เลือกจะเงียบไว้พลางนึกหวังให้อีกฝ่ายไม่ทันรู้สึกตัวถึงเนื้อเพลงนี้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร – ซึ่งก็พอมีหวังอยู่หากพิจารณาถึงหกพันกับอีกยี่สิบสามปีที่เขามีความรู้สึกให้อีกฝ่าย แค่ใช้เวลาอีกเกือบห้าพันปีให้หลังในการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่ารักเขา ทูตสวรรค์ที่ความรู้สึกช้าแบบนี้อาจจะรู้สึกตัวช้ากับเรื่องนี้ด้วยก็เป็นได้ – เนื้อร้องดังสะท้อนออกมาจากลำโพงและขับกล่อมไปทั่วรถ โอ เบบี ยูจัสท์เม้กมีแม้ด จากนั้นอุณหภูมิของโครว์ลีย์ก็พุ่งสูงเกิดขีดจำกัด อาซีราฟาเอลที่เริ่มรู้สึกตัวเล็กน้อยแล้วว่าเพลงนี้ทำหน้าที่ต่างคำสารภาพรักเริ่มทำหน้าเอะใจ การคาดการณ์ของโครว์ลีย์เมื่อครู่ถูกหักล้างไปถนัด ธอจท์เอิฟยูแอสเมาท์เท่นทอป ธอจท์เอิฟยูแอสมายพีค ธอจท์เอิฟยูแอสเอฟรี่ธิง ลิงเกอร์ออน ยัวร์เพลบลูอายส์ เพลงท่อนเดิมดังซ้ำๆ ด้วยกระแสสำเนียงอ่อนหวานนุ่มละมุนที่เว้าวอนแทบขาดใจ – ลิงเกอร์ออน ยัวร์เพลบลูอายส์ เฝ้าคิดถึงดวงตาสีฟ้าอ่อนของคุณ เพ้อหาถึงแต่ดวงตาสีฟ้าอ่อนของคุณ บัทอิทส์ทรูลี่ ทรูลี่อะซิน แต่มันเป็นบาป เป็นบาปโดยแท้ – เพลงยังคงคลอไปเรื่อยๆ ทุกประโยคที่ดังขึ้นเป็นดังมวลความรู้สึกที่โอบล้อมรอบตัวพวกเขาทั้งสอง ลิงเกอร์ออน ยัวร์เพลบลูอายส์ ทำนองขับขานจับใจก่อนจะจบลง จากนั้นอาซีราฟาเอลก็นั่งเงียบและตะลึงงัน ทูตสวรรค์ตระหนักได้แล้วว่าโครว์ลีย์ฟังเพลงนี้ขณะกำลังนึกถึงผู้ใด – เขานั่นเอง ทูตสวรรค์หันไปมองอีกฝ่ายที่คล้ายจะนั่งตัวลีบอยู่หลังพวงมาลัย ปิศาจถอดแว่นตาอยู่ เขาจึงเห็นความรู้สึกลึกซึ้งละลายอยู่ในดวงตา แทบจะหลอมเขาลงเช่นกัน โครว์ลีย์หันมาด้วยท่าทีจริงจังขณะที่ทูตสวรรค์รำพึงอย่างเหลือเชื่อและถวิลหาสุดขั้วหัวใจเช่นกัน “โอ โครว์ลีย์”
“ใช่ แองเจิล ใช่” โครว์ลีย์เป็นฝ่ายตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เอาจริงเอาจัง ยืนยันสิ่งที่อาซีราฟาเอลได้รับรู้เมื่อครู่ว่าเป็นความจริง เพลงนี้เขาฟังมันและมอบมันให้แก่อาซีราฟาเอลมาตลอด ทูตสวรรค์ที่มีดวงตาสีฟ้าอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่เขาเฝ้าละเมอเพ้อว่า เฝ้าแต่คิดถึงนี้ ทูตสวรรค์พลันมีใบหน้าซับสีแดงฝาดขณะเดียวกันก็ดีใจเปี่ยมสุขล้นเหลือจนมันแผ่กระจายผสมออกมาเจือปนในบรรยากาศพร้อมๆ กับการเอื้อนเอ่ยคำที่สื่อความหมายเสมอเหมือนกันออกมาให้แก่อีกฝ่าย ขณะเพลงใหม่ค่อยๆ บรรเลงขึ้น เพลงที่มีความหมายถึงอาซีราฟาเอลไม่ต่างอะไรจากเพลงก่อนหน้า บทเพลงซึ่งโครว์ลีย์ประสงค์จะมอบให้แก่ทูตสววรรค์เช่นกัน ไอวิลบียัวร์มิร์เรอร์ รีเฟลควอทยูอาร์ อินเคสยูด้อนท์โนว์ – เพลงค่อยๆ ดังห่อหุ้มพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ขณะทูตสวรรค์กล่าวถ้อยคำต่างบทเพลงของเขาที่มีแก่โครว์ลีย์เช่นกัน
“ขอบคุณนะ นายก็เป็นยอดเขาสูง เป็นจุดสูงสุด และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉันเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่บาป และมันไม่เคยเป็น รักไม่ใช่บาป – ระหว่างเราคือรัก โครว์ลีย์” นี่คือตอนที่อาซีราฟาเอลพูดมันออกมาอย่างเรียบรื่น มันง่ายๆ สบายๆ ราบเรียบแต่หนักแน่น ทรงความจริงและมีพลังอำนาจมหาศาลเหมือนเช่นความจริงที่มันเป็นมาตลอด โครว์ลีย์ไม่ละสายตาจากอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างเปี่ยมล้นด้วยความจริงขณะมันวางลงบนนัยน์ตาสีอำพันของอสรพิษที่อ่อนละไมด้วยความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกันที่โหมคลั่งอยู่ภายใน วิทยุเล่นเพลงอย่างต่อเนื่องเป็นดังท่วงทำนองขับขาน พลีสพุทดาวน์ยัวร์แฮนด์ คอสไอซียู ปิศาจเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ทูตสวรรค์ ที่ด้านนอกเบนท์ลีย์นั่นท้องถนนยังคงวุ่นวาน ริมขอบทางพลุกพล่านด้วยผู้คน และรถด้านหน้ายังคงติดชะงักงัน แต่ไม่มีอะไรสำคัญ ไม่มีสิ่งใดอยู่ในความสนใจของคนทั้งสอง นอกเสียจากกันและกันตรงหน้า ไอฟายด์อิทฮาร์ดทูบีลีฟยูด้อนท์โนว์เธอะบิวทิ่ยูอาร์ บัทอีฟยูด้อนท์เลทมีบียัวร์อายส์ อะแฮนด์ทูยัวร์ดาร์กเนส โซยูวั้นท์บีอะเฟรด – โครว์ลีย์เฝ้าปรารถนาเสมอที่จะเป็นดวงตาและเป็นมือให้อาซีราฟาเอลในความมืด ปกป้องอีกฝ่ายจากทุกสิ่ง จากความมืดมิดทุกประการไม่ให้ต้องหวาดกลัว
“ฉันรักนายแองเจิล”
ถ้อยคำคล้ายจะเกี่ยวกระหวัดพันผูกพวกเราไว้ราวกับคำสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งต่อหน้าเบื้องพักตร์ของพระเจ้าหน้าแท่นบูชาและโถงทางเดินในโบสถ์ของวันวิวาห์ ปิศาจจ้องทูตสวรรค์แน่วแน่ ครั้นแล้วก็พยายามจะดึงรั้งอีกฝ่ายเข้ามาด้วยมือทั้งสองข้างที่ช้อนจับใบหน้าอีกฝ่ายไว้ ปิศาจคาดหวังถึงบางสิ่งที่จะได้แบ่งปันร่วมกันอย่างริมฝีปากที่ประทับชิดใกล้ แต่อีกฝ่ายเอื้อมมือมาดึงท้ายทอยเขาไว้ก่อนจะแนบหน้าผากเข้ามาชิดสนิทกันอย่างน่ารักชวนให้อบอุ่นใจ ความอบอุ่นทั้งหมดคล้ายจะส่งผ่านทางอีกฝ่ายซึมลึกลงในใจ และโครว์ลีย์ก็ไม่ได้ผิดหวัง ไม่แปลกใจหรือผิดความคาดหมายไปที่ไม่ได้จูบทั้งที่ทุกอย่างเป็นใจเสียขนาดนี้ เขากลับสุขใจด้วยซ้ำ โครว์ลีย์ลอบยิ้มอย่างอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจดี เพราะอีกฝ่ายเป็นอาซีราฟาเอล การเดินหน้าอย่างรวดเร็วไม่ใช่นิยามหรือคำจำกัดความที่บ่งบอกถึงตัวทูตสวรรค์อยู่แล้ว เขารอได้หากทุกสิ่งจะค่อยเป็นค่อยไปอย่างไรเสียเราก็มีเวลาทั้งหมดนิรันดร์กาลวางอยู่ตลอดเส้นทางข้างหน้าของเราสองคน ครู่หนึ่งที่เนิ่นนานราวกับนิจนิรันดร์ ยาวนานยิ่งกว่าหกพันปีที่ผ่านมาเสียอีก พวกเขาทั้งคู่ก็ผละออกจากกันด้วยท่าทีที่ยังโหยหาและติดจะเสียดายเมื่อรถคันข้างหน้าเริ่มขยับแต่เรามีเวลาที่จะอย่างเมื่อครู่หรือสิ่งใดๆ ก็ตามได้ทุกเมื่อ เบนท์ลีย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวตามแต่ผู้ขับนั้นดูจะถูกทำให้ไขว่เขวและเสียสมาธิไปกับคนที่นั่งข้างๆ มากกว่า ปิศาจกับทูตสวรรค์เหลือบมองกันอย่างรู้ดีว่าอะไรก็ตามที่ถูกขัดจังหวะเมื่อกี้ย่อมมีดอกเบี้ยที่ต้องคิดนับจากนั้น บนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองต่างมีรอยยิ้มสุขใจแฝงอยู่ มุมปากของปิศาจกระตุกยิ้มสุขสำราญขณะทูตสวรรค์เต็มไปด้วยความอิ่มเอม ยามที่เบนท์ลีย์ค่อยๆ แล่นไปตามถนนซึ่งกลับมาคล่องตัวอีกครั้ง โครว์ลีย์ก็กล่าวขึ้นด้วยหวังจะแกล้งหยอกเย้าทูตสวรรค์ตามนิสัยปิศาจ “นายรู้ไหม สำหรับมนุษย์ ปกติแล้วเมื่อกี้มันควรจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
ทั้งนี้ เหนือความคาดหมายกว่าอะไรทั้งหมด ปิศาจพูดออกไปเพราะอยากจะเย้าแหย่อีกฝ่ายล้วนๆ ทว่าอาซีราฟาเอลกลับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนจะกำลังครุ่นคิด คิ้วเกือบจะขมวดเข้าหากันเป็นใบหน้ามุ่นมุ่ยเล็กน้อยที่มองดูแล้วใจต้องอ่อนยวบ ครั้นแล้วประกายความตื่นรู้ก็พาดผ่านใบหน้า และค่อนข้างๆ จะมีกระแสความซุกซนผสมปนเปอยู่ด้วย โครว์ลีย์ที่ยังไม่ทันรู้สึกตัวยังคงบังคับรถไปข้างหน้าอย่างนิ่งนอนใจและพึงพอใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้แกล้งหยอกทูตสวรรค์ของเขา ทันใดนั้นเองเบนท์ลีย์ก็เกือบจะเสียหลัก ล้อยางบนไปกับถนนดังเป็นเสียงแหลมสูงดังสนั่นเพราะคนขับเกือบหักพวกมาลัยเข้าข้างทางกระทันหันด้วยหัวใจที่โยนตัวขึ้นสูง อุณหภูมิร้อนผ่าวที่ก่อตัวขึ้นในร่างกาย กระเพาะบิดเร้าแรงเหมือนมันแปรสภาพเป็นงู มันเหมือนชนวนที่คลายตัว ไกปืนที่ถูกลั่น และอะไรบางอย่างในตัวโครว์ลีย์ก็ขาดสะบั้นลงจนความรู้สึกอันตะกรุมตะกราม ดิบกระหายเหมือนเช่นปิศาจทุกๆ คนอึงอลขึ้นมา อาซีราฟาเอลขยับเข้ามาใกล้ งับใบหูเขาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า และนั่นเกือบทำให้พวกเรารถคว่ำ โครว์ลีย์หมุนรถเข้าไปจอดข้างทางก่อนจะเหยียบเบรคอย่างแรง เขาหันควับไปมองทูตสวรรค์ที่จ้องตาใส ไม่ทุกข์ร้อนและดูเหมือนจะไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าได้ทำอะไรลงไป – ได้ – ทำ – เรื่อง – แบบ – ไหน – ลง – ไป กับคนรักของตัวเองที่มีความควบคุมอารมณ์ต่ำขนาดไหนเวลาที่ถูกปลุกปั่นจากคนที่เฝ้ารักและอดทนข่มกลั้นมาตลอดหกพัน – กับอีกยี่สิบสามปี
“แล้วแบบนี้ล่ะ” ทูตสวรรค์แตะลิ้นลงบนใบหู ค่อยๆ เลียมันก่อนจะถอนกลับแล้วถามปิศาจ ดวงตาเป็นประกายแวววาวราวกับภาคภูมิใจและคาดหวังคำชม อาซีราฟาเอลไม่รู้แม้สักนิดว่าเรื่องที่ทำนั้นส่งผลร้ายแรง ภายในเสี้ยววินาทีนั้นภาพทุกอย่างก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ทูตสวรรค์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกรวบตัวไว้ ปิศาจดีดตัวขึ้นจากที่นั่งคนขับมาคุกเข่าคร่อมเหนือตัวเขาในชั่วพริบตา ดึงมือเขาขึ้นไปแนบกับเบาะข้างหลัง ใบหน้าอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ลมหายใจไปถึง จากนั้นวินาทีแห่งความรู้สึกตัวในชั่วลมหายใจถัดมา ยามที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังการใช้ปาฏิหาริย์ของปิศาจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อาซีราฟาเอลก็รู้สึกตัวเองถูกดันกระแทกผนังอย่างแรง แผ่นหลังของเขาแนบชิดติดกำแพงโดยมีโครว์ลีย์ที่ตะครุบตัวเขายืนคร่อมอยู่ด้วยท่าทีที่พร้อมจะกลืนกินอะไรสักอย่างอย่างตะกละตะกลาม ทูตสวรรค์ที่กำลังงุนงงพยายามกวาดตามองข้างๆ ขณะกำลังถูกพันธนาการตรึงอยู่โดยมือของปิศาจครั้นแล้วก็หันกลับมามองคนตรงหน้าตาปริบ โครว์ลีย์แลบลิ้นมองอีกฝ่ายอย่างอดรนทนไม่ไหวขณะเดียวกันพอได้เห็นอีกฝ่ายมองกลับมาตาใสก็พยายามอย่างยิ่งยวดกดความรู้สึกคลั่งคำรามของตนที่พุ่งพล่านกลับลงไป เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับทูตสวรรค์ตนนี้ดี คนที่ใสซื่อและเขาไม่คิดสักนิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนที่ให้เขาวิ่งเร่าๆ รอบตัวอยู่หกพันปีแต่อยู่ดีๆ ก็มาปลุกอารมณ์เขาเหมือนจะปลุกปั่นกันอย่างกับงานเล็กๆ น้อยๆ ของปิศาจอย่างไรอย่างนั้น ไม่คิดถึงผลที่ตามมาด้วยสักนิด – เขาไม่คิดด้วยเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงผลที่ตามมา ดังนั้นต้องเป็นเขาเองที่ต้องสงบสติอารมณ์ให้ได้ การที่เขาคร่อมกดอีกฝ่ายไว้บนรถก่อนจะใช้ปาฏิหาริย์พาอาซีราฟาเอลออกจากเบนท์ลีย์มาถึงแฟลตของตนยังเมย์แฟร์ก็เป็นอีกหนึ่งข้อบ่งบอกชั้นดีว่าเขาเกือบเสียความควบคุมตัวเองไป ปิศาจสูดลมหายใจลึกและแช่มช้า ปกติแล้วเขาไม่หายใจและไม่กระพริบตาแต่เขาต้องการสงบอารมณ์ที่คลุ้มคลั่ง – ดวงตาสีอำพันจับจ้องอีกฝ่ายอย่างวาวโรจน์ด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมพลังมหาศาลของรักอันลึกซึ้งและความปรารถนา มันกร้าวแกร่งจนอีกฝ่ายหลบสายตาไปไหนไม่ได้ ทูตสวรรค์ถูกอีกฝ่ายกดชิดติดผนังอยู่แบบนั้น มือสองข้างอยู่พันธนาการโดยมืออีกฝ่ายและยกดันติดผนังไว้ ลมหายใจร้อนจากอีกฝ่ายที่อยู่ห่างเพียงแค่นิ้วเดียวลามเลียใบหน้าจนเขาร้อนผ่าวตามไปด้วยอีกคน ปิศาจแลบลิ้นออกมาก่อนจะเค้นเสียงกล่าวทุ้มต่ำในลำคออย่างสกดกลั้นอารมณ์ปรารถนาส่วนลึก ทูตสวรรค์เห็นมันเปลี่ยนเป็นสองแฉกดังอสรพิษ อาซีราฟาเอลเริ่มรู้สึกว่าตนไปปลุกเร้าอะไรโครว์ลีย์เข้าเสียแล้ว ที่จริงสถานการณ์แบบนี้ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย แต่สิ่งที่เขาทำเมื่อครู่เขาไม่คิดว่ามันจะส่งผลถึงเพียงนี้ ที่จริงมันเป็นเพราะเขาอ่านมาจากหนังสือ เวลาหกพันกว่าปีบนโลกมนุษย์นั้นฆ่าเวลาไปได้ดีเยี่ยมทีเดียวหากมีหนังสือดีๆ สักเล่ม และเขาก็อ่านมันหลากหลายเสียด้วย ที่เขาทำกับโครว์ลีย์เมื่อครู่แค่คิดว่ามันน่าจะสนุกดีและคงทำให้อีกฝ่ายพอใจ แต่ดูเหมือนผลลัพธ์ที่เป็นอยู่นี่จะตรงข้ามไปหน่อย โครว์ลีย์ดูจะพอใจก็จริง เพราะเวลาลำตัวเราแนบสัมผัสกันและขยับเสียดสีไป ปิศาจจะส่งเสียงคำรามต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ เขาที่อยู่ใกล้ขนาดนี้ได้ยินมัน แต่ดูเหมือนโครว์ลีย์จะกำลังทรมานไปพร้อมๆ กันด้วย อาซีราฟาเอลมองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่เขาทำจึงชักนำมายังสถานการณ์ ณ เวลานี้ได้ เขาแค่คิดจะแสดงความรักและตอบสนองความพอใจปิศาจด้วยการบริการเล็กๆ น้อยๆ ที่ใบหูเท่านั้นเอง
“แล้วอย่างไรต่อ” น้ำเสียงเกือบจะสั่น โครว์ลีย์พยายามยิ่งยวดในการที่จะเก็บลิ้นของตัวเองให้อยู่ในที่ที่ถูกที่ควรไปโลมเลียไปตามเนื้อตัวหรือใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงความสัตย์ซื่อไม่รู้ตัวอยู่อย่างนั้น เขาพยายามคิดว่าอะไรทำให้อาซีราฟาเอลมีความกล้าเช่นนั้นได้ และใครสอนให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้นทั้งที่ไม่รู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมากัน แต่แล้วความทรงจำหกพันปีชั้นหนึ่งก็หวนเข้ามา อย่างไรเสียอาซีราฟาเอลก็เคยเดทออสการ์ ไวลด์ – นั่นสินะ มนุษย์ที่ทุกวันนี้ตกนรกและเขาก็ยังทรมานมันอยู่ในนรกแบบนั้นด้วยความคิดแค้นที่ครั้งหนึ่งมายุ่งย่ามกับอาซีราฟาเอลเกินงาม เขานึกถึงคืนหนึ่งที่ไปหาอาซีราฟาเอลที่ร้านหนังสือเก่าก่อนจะพบว่ามนุษย์ซึ่งมีนามว่าออสการ์ ไวลด์อยู่ที่นั่นโอบกอดประคองทูตสวรรค์ไว้ในอ้อมแขนพร้อมกันนั้นก็คล้ายจะเต้นรำอย่างสุขสันต์และเล่าเรื่องราวพรรณาสุดอ่อนหวานไปด้วย ออสการ์ ไวลด์นักรัก ผู้ชื่นชมบุรุษเพศ ชายชู้แห่งศตวรรษผู้ช่ำชองในรักและราคะ แน่นอนว่าอาซีราฟาเอลต้องเรียนรู้วิธีการบริการเล็กๆ น้อยๆ และการสร้างความพึงพอใจแก่บุรุษมาจากมันไม่ต้องสงสัยเลย ความคิดนี้เผาผลาญดวงใจของโครว์ลีย์จนรุ่มร้อนและแทบมอดไหม้ มันโหมกระหน่ำเชื้อเพลิงและความปรารถนาจะครอบครองในใจให้พุ่งสูงขึ้นอีก เขารักอาซีราฟาเอลนัก อีกทั้งความเห็นแก่ตัวของปิศาจก็ทำให้เขารักจนไม่อยากจะปล่อยมือจากทูตสวรรค์ไปให้ใคร อยากจะครอบครองไว้กับตัว ให้อีกฝ่ายเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว โครว์ลีย์จำได้ว่าตอนที่ตนไปเห็นภาพนั้นหัวใจรุ่มร้อนทรมานจนต้องบุกเข้าไปทำลายเหตุการณ์ที่เห็น เขาเหวี่ยงประตูเปิด แต่แล้วก็หยุดยืนอย่างบื้อใบ้ที่ตรงนั้นเพราะเพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหากถูกถามก็ไม่รู้ว่าตนจะต้องตอบว่ามาขัดขวางในฐานะอะไรของอาซีราฟาเอล ขณะคนสองคนหันมองมาอย่างงุนงงและแปลกประหลาดใจกับการมาเยือนของเขา อาซีราฟาเอลที่รู้สึกตัวในที่สุดก็ผละออกจากมนุษย์นั่น ท่าทีลุกลนราวกับถูกจับได้ก่อนจะค่อยๆ แนะนำตัวเขากับออสการ์ ไวลด์ว่าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ – หุ้นส่วนบ้าอะไร เราเป็นเพื่อนสนิทกันหนึ่งล่ะ และความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกของเราสองคนก็ไม่ต่างอะไรกับคนรักแล้ว – ออสการ์ ไวลด์ขอปลีกตัวไปอย่างสุภาพและกระอักกระอ่วน หลังจากนั้นเขากับอาซีราฟาเอลก็มีปากเสียงกัน และเราก็ไม่พูดกันไปอีกสักปีสองปีเห็นจะได้ โครว์ลีย์คิดถึงตรงนี้ก็ก้มลงหาคนตรงหน้า ค่อยๆ ลามเลียสิ้นไปตามผิวเนื้อ ลำคอและแก้ม ปลายจมูกจรดริมฝีปาก – ทว่าเขาไม่ได้จูบ หากแต่ทวนถามกลับอีกฝ่ายไปด้วยคำถามเดิมว่าหลังจากขบกัดใบหูเขาต่างสัญลักษณ์แทนความใคร่เช่นนั้นแล้ว ทูตสวรรค์นึกอยากจะทำอะไรต่อ และควรจะทำอย่างไรต่อกับอารมณ์ที่ค้างเติ่งนี้ก่อนที่เขาจะหมดความอดทนและเป็นฝ่ายจัดการเองในแบบที่ไม่รับประกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และจะสะกดกลั้นอารมณ์ปรารถนาอันรุนแรงไว้ได้แค่ไหน เขาพยายามสู้กับความรู้สึกอยากจะทะนุถนอมอีกฝ่ายไว้อย่างหวงแหน – และเขาก็ทะนุถนอมอย่างหวงแหนเช่นนั้นจริงมาตลอด
“แล้วอย่างไรต่อ แองเจิล” หลังคำถามถูกเอื้อนเอ่ย ผู้ถูกถามกลับส่งสายตากลับมาด้วยความงุนงงเพราะไม่อาจเข้าใจได้ นั่นทำให้โครว์ลีย์แทบคลั่งอีกหนด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย เขายอมรับว่ามันปลุกอารมณ์เขา
“อย่างไรต่อคืออะไร โครว์ลีย์” อีกฝ่ายตาใสจนโครว์ลีย์ต้องชะงักด้วยความแปลกใจที่พร่าพรายเข้ามาและต้องกลับไปทบทวนความเชื่อของตัวเองเมื่อครู่เสียใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าอาซีราฟาเอลเคยเดทออสการ์ ไวลด์หรือพวกอื่นๆ จนรู้เรื่องพวกนี้หมดแล้วหรือไง ทั้งพวกผู้ช่ำชองในราคะและชื่นชมบุรุษเพศทั้งหลาย หรือไม่แล้วก็พวกศิลปินนักรักผู้รื่นรมย์สนุกสนานไปกับการมีรักมากมายราวกับเป็นสุนทรียศาสตร์แขนงหนึ่ง เขารู้ว่าอาซีราฟาเอลไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือหาความรื่นเริงทางเพศกับคนพวกนั้นหรอก ไม่ว่าจะเป็นซีซาร์ ดาวินชี – อันที่จริง เขาเองก็เป็นเพื่อนกับดาวินชี และก็เขาเองนั่นแหละที่เป็นเฟรนด์วิธเบเนฟิทกับดาวินชี ไม่ผูกมัดและหาเวลาสนุกด้วยกันบ้างบางที เขายังมีรูปร่างต้นฉบับของโมนาลิซ่าประดับติดฝาห้องอยู่เลย – เขาหาความสนุก ตอบสนองความต้องการกับพวกมนุษย์ผ่านห้วงกาลเวลาเช่นกันแต่ไม่เคยจริงจังกับใคร เพราะใจเขาอยู่แต่กับอาซีราฟาเอล แต่อาซีราฟาเอลนั่นแหละมักจะไปข้องแวะกับพวกศิลปินหรือนักประพันธ์เสมอจนเขาหงุดหงิด ไหนจะฟิทซ์เจอรัลด์ ลอร์ดไบรอน วิเตอร์ อูโก เฮมมิ่งเวย์ หรือออสการ์ ไวลด์ที่พูดไปแล้วไหนจะยังพวกนักดนตรีหรือพวกอัจฉริยะที่เป็นพวกขายวิญญาณให้ปิศาจแน่ๆ อีก ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้อาซีราฟาเอล ราวกับตลอดกาลเวลาทั้งหมดที่ผ่านมาอีกฝ่ายพยายามจะทำให้เขาไปถึงจุดที่คลั่งจนหมดความอดทนให้ได้อย่างนั้นแหละ เขาถูกบาปแห่งความหึงหวงครอบงำแม้จะแน่ใจว่าอาซีราฟาเอลคนที่เขาใช้เวลาหกพันปีพยายามทำให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกของเขาจะไม่มีวันไปรู้สึกอะไรพิเศษกับคนพวกนั้นแน่นอน เขาค่อนข้างจะหยิ่งผยองลำพองทีเดียวที่คิดแบบนี้ ทว่าโครว์ลีย์รู้จักอีกฝ่ายดี และเราก็เข้าใจกันยิ่งกว่าใครทั้งหมด ใจเขาอยู่ที่อาซีราฟาเอล และใจของอีกฝ่ายก็อยู่ที่เขาเสมอมาแม้ทูตสวรรค์จะใช้เวลานานกว่าทูตสวรรค์จะรู้ตัวก็ตามที อีกฝ่ายที่รู้ตัวช้ามากขนาดนี้จะไปรู้ทันอะไรนักรักเหล่านั้น โครว์ลีย์ชักใบหน้าที่ซุกไซ้กับลำคออาซีราฟาเอลและแตะริมฝีปากผิวผ่านที่จุมพิตลงทุกพื้นผิวเนื้อกลับมา เขายังไม่คลายพันธนาการจากอาซีราฟาเอล มือกำรอบข้อมืออีกฝ่ายไม่คลายออกด้วยความประสงค์จะถือครองเป็นเจ้าของยิ่งกว่าอะไร ยึดตรึงตัวทูตสวรรค์ไว้แน่นกับผนังห้องเขาขณะค่อยๆ หยอกกระเซ้าผิวเนื้อ ใบหน้า ปลายจมูก และร่างกายที่งดงามของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ แต่เขาจะยังไม่จูบ เพราะทุกครั้งภาพย้ำบนรถนั่นคราวที่อาซีราฟาเอลบอกว่าเขาไปเร็วเกินไปในความสัมพันธ์ของพวกเราจะหวนย้อนกลับมาเตือนเขาเสมอ มันทำให้เขากลัว และบางทีก็คอยหลอกหลอนเขาจนเขาไม่กล้าจะไปเร็วเสมอ และมักจะคอยยั้งไว้ แม้บางทีจะยั้งไม่ค่อยอยู่จนถึงขั้นขอให้หนีตามกันมาแล้วก็ตาม
“ก็นายเคยเดทออสการ์ ไวลด์ นายน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ แล้วก็อะไรๆ ทั้งหมดพวกนั้น แล้วก็เรื่องต่อจากนี้” ขณะไล่เรียงหาคำพูดที่เหมาะสมตอบกลับคำถามสัตย์ซื่อของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาเหวอและอึ้งไปชั่วขณะ เขาก็ผ่อนระยะห่างระหว่างทูตสวรรค์เล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจะได้ไม่รู้สึกไม่สบายใจและไม่เป็นการคุกคามมากเกินไป โครว์ลีย์เริ่มพูดจาตะกุกตะกัก เรียบเรียงไม่ได้ศัพท์ พยายามแสวงหาคำพูดที่เหมาะสมเพราะเริ่มรู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นอ่อนประสบการณ์เพียงไร และยังใสซื่อเหมือนลูกเป็ดแรกเกิดอีกด้วย ให้ตายเถอะ ใสซื่อบริสุทธ์เพราะเป็นทูตสวรรค์ด้วยหรือเปล่าหรือใสซื่อด้วยตัวเองกันนะ เขารู้แล้วว่าตนคิดผิด อาซีราฟาเอลไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์พวกนั้นเลยแม้แต่น้อย – ไม่รู้อะไรเลยสักนิด ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่ถูกแถลงไขในชั่วอึดใจถัดมาก็ยืนยันแก่โครว์ลีย์ว่าเขาเข้าใจถูกต้องแล้วที่อาซีราฟาเลยนั้นไม่ได้รู้อะไรเลยจริงๆ กับเรื่องทั้งหมดและผลพวงที่จะตามมานี้ และบางจุดในคำพูดดังกล่าวก็จี้จุดอะไรบางอย่างในตัวเข้าอย่างจังทำให้หัวใจของปิศาจอ่อนยวบยาบลงไปอีก ทูตสวรรค์ตนนี้จัดการเขาได้อยู่หมัดเสมอนั่นแหละ และในบางครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตั้งใจจะจัดการเขาด้วยแต่เขาก็จะถูกทำให้พ่ายแพ้ หมดรูป นอคอยู่กับพื้น วิงวอนขอความรักอยู่เช่นนั้น ไม่ไหนไม่รอด และรักสุดที่รักผู้ซึ่งสมแล้วกับเป็นคนที่เขามอบใจให้
“ฉันไม่เคยเดทออสการ์ หรือคนอื่นๆ หรือใครต่อใครที่นายหัวฟัดหัวเหวี่ยงเวลาที่ฉันไปยุ่งด้วย ที่จริงฉันแค่แกล้งไปสนิทกับคนพวกนั้นเพราะรู้ว่านายไม่ชอบใจ ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร และบางครั้งฉันก็รู้สึกดีที่บางทีนายอารมณ์เสียกับเรื่องพวกนั้น” ตอนที่ทูตสวรรค์เห็นอีกฝ่ายย่นระยะห่างกลับไป เขากลับตอบสนองด้วยการลดระยะห่างกลับมา อาซีราฟาเอลคล้ายจะโน้มตัวดึงรั้งโครว์ลีย์ให้กลับเข้ามาใกล้เขาดังเดิม เขาแนบหน้าผากเข้ากับใบหน้าของอีกฝ่ายที่ก้มลงมาใกล้อีกครั้ง เขาชื่นชอบสัมผัสของโครว์ลีย์มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วร่างเขาไป มันรุ่มร้อนและรู้สึกดี ผิวเนื้อเขาจะหวิวโหวงและทุกอย่างในกายตลอดจนจิตวิญญาณก็ดูเหมือนจะถูกเปลี่ยนไปเป็นปุยเมฆนุ่มละมุนเหมือนขนมสายไหม ในขณะเดียวกันกับปิศาจแล้ว ยามที่โครว์ลีย์สัมผัสอาซีราฟาเอลก็เหมือนเขาย่ำเข้าไปในโบสถ์ครั้งนั้น ปลายนิ้วเขาจะร้อนรุ่ม คล้ายมันจะแผดเผาเขาเช่นเดียวกับรักในใจ เพราะอาซีราฟาเอลก็เป็นส่วนหนึ่งของเบื้องบนเป็นสิ่งรังสรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า แต่เขารักความรู้สึกแบบนี้ มันไม่ได้ร้อนแบบทุกข์ทรมานแต่เป็นสัมผัสที่กัดกินเข้ามาในแบบที่ทำให้รู้สึกดีและเปี่ยมชีวิตชีวา โครว์ลีย์แปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายดึงตัวเขากลับไปใกล้ ทว่ากลับแปลกใจและรุ่มร้อนอยากกระหายยิ่งกว่ากับสิ่งที่ได้ยินจากปากอาซีราฟาเอล ยามที่ทูตสวรรค์สารภาพเรื่องที่เก็บไว้นานออกมาหมดเปลือก
“อย่าทดสอบฉันอีก แองเจิล” มันทำให้เขาความปรารถนาจะครอบครองและความรักต่ออีกฝ่ายยิ่งแรงกล้า ความจริงดังกล่าวปักใจเข้าอย่างจังราวกับเขาตกหลุมรักคนตรงหน้าอีกกี่ครั้งก็ไม่พอ เขาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย มันเป็นความรู้สึกพร่างพรายด้วยรักอันน่าฉงนสนเท่ห์และเกาะกุมใจน่าพิศวงกับสิ่งซุกซนที่อีกฝ่ายเปิดเผยออกมา เขากำลังถูกอกถูกใจ พร่าพร่างด้วยความรู้สึกเข้มข้นรุนแรงที่มีให้อาซีราฟาเอล ปิศาจเค้นถ้อยคำเน้นออกมาทีละพยางค์ด้วยน้ำเสียงเข้ม เอาจริงเอาจังเคร่งครัดผ่านแรงกระหายที่กลุ้มรุมจิตใจขณะพยายามสะกัดกั้นมันเข้าไปไม่ให้จู่โจมอย่างตะกรุ้มตะกรามใส่คนตรงหน้า เขาเป็นปิศาจที่มีวัฒนธรรม และใช่ เขาเป็นปิศาจ ปิศาจไม่ควรถูกทดสอบ เขาควรจะเป็นฝ่ายต้องล่อลวงผู้คนแต่กลับถูกทูตสวรรค์ตนหนึ่งล่อลวงให้เชื่อมานานขนาดนี้ มันโดนใจเขาอย่างจังเลย จับใจโครว์ลีย์ได้ถนัดไม่ผิดกับตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยปากครั้งแรกว่าให้ดาบเพลิงของตนแก่มนุษย์ไปแล้ว เขาตกหลุมรักเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้งกับทูตสวรรค์ตนนี้ที่มีอะไรให้เขาแปลกใจได้เสมอ ในใจเขาเต็มไปด้วยรักล้นปรี่ เปี่ยมท้นขึ้นมา เขารักอาซีราฟาเอลเสียจริง รักลูกเล่นแพรวพราวร้ายๆ นี่สมแล้วที่เป็นคนที่ลักพาเอาดวงใจเขาไป และผลักเขาลงสู่หลุมลึกที่เรียกว่ารัก ไม่ผิดเลยที่เป็นคนที่เขาปักใจใฝ่หา ตรงตามมาตรฐานของเขาหมด – และเขาก็มาตรฐานสูงเสียด้วย – เขาไม่อาจจะรักอาซีราฟาเอลไปได้มากกว่านี้อีกแล้วแค่นี้ก็เทิดทูนบูชาไว้ด้วยจิตใจที่ยอมศิโรราบ โครว์ลีย์แลบลิ้นเลียริมปีฝาก เขาแยกเขี้ยวยิงฟันก่อนจะแกล้งทำเป็นโกรธอีกฝ่ายทั้งที่ในใจนั้นเป็นตรงกันข้ามไปคนละทาง เขาแสร้งทำเป็นเคืองเล็กๆ ที่ถูกปั่นหัวมาตลอดเพราะอยากให้อีกฝ่ายหันมาง้องอนเอาใจ เขาพยายามจับต้องอีกฝ่ายแน่วแน่ทว่าขณะเดียวกันนั้นปิศาจก็ไม่อาจซ่อนดวงตาอ่อนโยน และละมุนละไมอ่อนใจที่จ้องมองคนตรงหน้าได้สมบูรณ์แบบเท่าใดนัก ก็รักในใจมันมากล้นเสียขนาดนี้ อย่างไรก็ไม่อาจกักเก็บไว้ได้หมด
“โอเค ได้เลย” น้ำเสียงและดวงตาใสๆ ของอีกฝ่ายที่ตอบรับกลับมาตรงๆ ซื่อๆ ไม่มีนอกมีในนั้นทำให้โครว์ลีย์สู้ต่อไปไม่ไหว เขาสิ้นท่าลงอีกครั้ง ไม่นึกอยากวางท่าทำเป็นโกรธกรึ่มๆ อีกต่อไป โครว์ลีย์อ่อนลงทันทีเหมือนขี้ผึ้งสัมผัสความร้อน อ่อนโยนดุจปุยนุ่น เขาจับจ้องดวงตาสีฟ้าของอีกฝ่ายที่มองเขาละห้อยหาอย่างสำนึกผิด และมันปลุกเร้าความรู้สึกทะนุถนอมหวงแหนในใจเขาให้มีอำนาจเหนือความอยากกระหายอันเต็มเปี่ยมด้วยปรารถนาที่อาซีราฟาเอลปลุกกระตุ้นก่อนหน้านี้ ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันให้มากมาย เขาอ่อนลง อ่อนลงจนค่อยคลายมือที่จับตรึงอีกฝ่ายลงเล็กน้อย ค่อยไต่ริมฝีปากพร่างพรมใบหน้า ไล่ลงมาที่ลำคอ จุมพิตแผ่วๆ ทุกพื้นผิวสัมผัสอันอ่อนนุ่ม ไล่กลับขึ้นมาวนเวียนที่ปลายจมูก แลบลิ้นไล้เลียลงมายังริมฝีปาก เขาเห็นอีกฝ่ายเคลิบเคลิ้มและประกายความปรารถนากับรักสุดหัวใจที่เปี่ยมล้นไม่แพ้กันที่ฉายชัดบนดวงตาอยู่ตลอดก็ขับให้ความบ้าคลั่งของเขาพุ่งเกินขีดจำกัด ดวงของทูตสวรรค์สั่นเครือเหมือนเสียงเล็กๆ แห่งความพึงพอใจที่ครางต่ำออกมาจากลำคอ โครว์ลีย์หยุดอ้อยอิ่งลงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ริมฝีปากของทูตสวรรค์เผยอออกคล้ายจะร่ำร้องขอความอ่อนหวานหรือสิ่งเติมเต็มให้เข้ามาประทับ – แต่ปิศาจก็ยังไม่จูบ ไม่ปิดตราประทับครองครอง ไม่ยึดถือ ล่วงล้ำริมฝีปากนั้นเป็นของเขาเหมือนเดิมอีกเช่นเคย แม้ต้องการจะทำเช่นนั้นยิ่งกว่าอะไร อีกครั้งที่ภาพในเบนท์ลีย์ตอนที่อาซีราฟาเอลบอกว่าเขาไปเร็วเกินไปย้อนกลับเข้ามา และหัวใจเขาก็บีบรัดบิดเร้าอย่างแรง ตอนนั้นเขารับความรู้สึกที่คล้ายกับว่านั่นคือการสูญเสียอาซีราฟาเอลไปไม่ได้ มันฆ่าเขาทั้งเป็นจนถึงวิญญาณยิ่งกว่าที่น้ำมนต์ใดๆ ในโลกจะทำได้เสียอีก โครว์ลีย์ดึงตัวเองกลับ มือประคองใบหน้าของอีกฝ่ายให้อยู่ห่างจากใบหน้าของตนที่ขยับห่างออกมา ดวงตาแห่งอสรพิษจ้องลึกลงไปยังสีฟ้าอ่อนอันนุ่มนวลของอีกฝ่ายที่ระบายทับด้วยความรู้สึกเว้าวอนถวิลหา และรักล้นเหลือที่เอ่อล้นจากใจอัดแน่นเต็มไปหมด โครว์ลีย์รู้ดีว่าเขาจะไปต่อไม่ได้ ทำต่อจากนี้ไม่ได้ถ้าอาซีราฟาเอลไม่ต้องการ เขารักทูตสวรรค์มากเหลือเกิน ทว่าชั่วจังหวะหัวใจเต้นนั้นเอง อาซีราฟาเอลก็หลุดออกจากพันธนาการเพราะเขาคลายมือที่จับตรึงอีกฝ่ายไว้ออกเล็กน้อยนั่น ทูตสวรรค์เป็นฝ่ายคว้ามือเขาไว้แทนก่อนจะดึงมันลงมา ประทับร่องรอยจูบที่ร้อนผ่าว ส่งผ่านกระแสรุ่มร้อนเข้าสู่ตัวตนภายในของปิศาจโดยฉับพลัน อาซีราฟาเอลค่อยๆ ประทับจูบแล้วจูบเล่าลงบนนิ้วมือเขาแต่ละนิ้วอย่างแผ่วเบา ดูดกลืนมัน งับมัน และโลมเลียมันด้วยลิ้นร้อนๆ อย่างเชื่องช้าและละเมียดละไม บรรจงพร่างพรมด้วยรัก นั่นส่งผลให้โครว์ลีย์สิ้นสุดความอดทนต่อแรงปรารถนาอันตะกรุ้มตะกรามอยากกระหายที่ข่มกลั้นมาจนถึงตอนนี้ มันระเบิดออก เขาไม่รู้ว่าจะสะกดกั้นมันไว้ได้อีกไหมหลังจากสิ่งที่อาซีราฟาเอลกำลังทำอยู่นี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาไม่รีรอหรือทรมานข่มกลั้นถึงขนาดนี้หรอก ไม่เลยด้วยซ้ำ คงจะจัดการให้เป็นอย่างที่ควรจะเป็นไปตั้งแต่บนรถนั่น แต่เขารักอาซีราฟาเอลมากเหลือเกิน ยิ่งกว่าความใคร่หรือความต้องการใดๆ ทุกอย่างของตัวเอง ไม่ว่าจะราคะหรือสิ่งใดๆ ก็ตาม
“ถ้านายไม่อยากให้ฉันไปเร็วเกินไปสำหรับนายอีก นายควรจะหยุดตัวเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ แองเจิล บอกให้ฉันหยุด”
“ฉันอยากให้นายเดินหน้าอย่างรวดเร็วทีเดียว ทำอะไรกับฉันก็ได้อย่างที่นายอยากทำมาตลอด ทำอย่างที่อยากทำตอนที่ฉันขัดจังหวะนายว่านายไปเร็วเกินไปสำหรับฉันสิ” น้ำเสียงของอาซีราฟาเอลกระเซ้าเว้าวอนเร้าอารมณ์อีกฝ่ายอย่างที่โครว์ลีย์นึกอยากสาปแช่งและสรรเสริญไปพร้อมๆ กันกับอะไรก็ตามที่ทำให้อาซีราฟาเอลแสดงออกเช่นนี้ได้ มันทำให้เขาพุ่งพล่านและบ้าคลั่ง ปลุกปั่นความรู้สึกในตัวจนเกือบเสียสำนึกสติไป ที่ผ่านมารักของเรามันไม่ใช่จุมพิต ไม่ใช่คำบอกรักแสนหวาน หรือค่ำคืนแห่งความสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่อาจจะเป็นแค่การขับรถไปส่ง การวนเวียนอยู่ใกล้ๆ กันไม่ห่างไปไหน มื้ออาหารที่เดอะริทซ์ การไปเที่ยวด้วยกัน การให้อาหารเป็ดที่เซนต์เจมส์พาร์ค การถกเถียงหรือปะทะคารมกัน การกระเซ้าเย้าแหย่หรือการหมกตัวอยู่ในร้านหนังสือของอีกฝ่าย รักของเราคือความราบเรียบแต่หนักแน่นด้วยความจริง รักของเราคือดวงใจและความรู้สึกลึกซึ้งที่เกี่ยวกระหวัดผูกพันกันไว้เหนือคำบรรยาย ไม่อาจอธิบายได้ ในเวลานี้รักของเราก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพียงแต่ขณะนี้รักของเราคือความอ่อนหวานจากจุมพิตด้วย รวมถึงความอ่อนโยนจากสัมผัส และความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่กำลังจะเดินหน้าไปนี้ ตลอดจนทุกสิ่งทุกอย่างที่คอยอยู่เบื้องหน้าของเราไปในกาลเวลาชั่วนิจนิรันดร์ที่รออยู่ด้วยความอมตะ เหล่านี้ก็คือรักของเราที่ค่อยๆ เพิ่มเติมขึ้นมาและจะค้นพบไปอีกเรื่อยๆ ผ่านกาลเวลาต่อจากนี้หลังจากไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคขวางกั้นอีกต่อไป ความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาหาโครว์ลีย์ การที่เขาตกลงมาจากสวรรค์คงเพราะเพื่อตกลงมาสู่อาซีราฟาเอลกระมัง ปิศาจช้อนใบหน้าของอีกฝ่าย มือของตัวเองจึงต้องผละออกจากสัมผัสของอาซีราฟาเอลแม้ว่าเขาจะชอบและเสียดายมันเพียงใด ดวงตาของทูตสวรรค์หลุบขึ้นสอดประสานสายตากับเขา ความเคลื่อนไหวและความเป็นไปของเราเป็นไปอย่างไหลลื่น ทั้งยังเป็นธรรมชาติเพราะถูกสร้างมาเพื่อกัน การกระทำสอดคล้องไปด้วยกันราวกับรู้ว่าระหว่างเราต้องทำหรือต้องเป็นเช่นไร โครว์ลีย์เลื่อนใบหน้าเขาไปใกล้ ริมฝีปากแตะผ่านจมูก จากนั้นปลายจมูกก็เหลื่อมผ่านปลายจมูก แตะโดนกันดังถ้อยคำแสดงความรัก เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปากของอีกฝ่าย จากนั้นก็ประทับลงไป จุมพิตอันดึงดัน เปี่ยมด้วยรักและปรารถนา มันเนิ่นนานและล้ำลึก อ่อนโยนเหมือนขนนกกระนั้นก็ร้อนแรงรุ่มร้อนดังไฟนรกในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังลึกซึ้งราวกับดูดกลืนไปจนถึงจิตวิญญาณภายใน มันให้ความรู้สึกถูกครอบครองเป็นเจ้าของ – เพราะอีกฝ่ายเป็นปิศาจ งานของปิศาจคือการโพสเสส ครอบครองเป็นเจ้าของ สิงสู่และครอบงำผู้อื่น แต่โครว์ลีย์ไม่ได้ครอบงำเขา ไม่เคยทำเช่นนั้น เขาต่างหากที่ตกลงสู่โครว์ลีย์ด้วยความเต็มใจยอมสิ้นแล้วแต่โดยดี ในขณะที่โครว์ลีย์โอบอุ้มเขาไว้ด้วยรักและความอ่อนโยน รวมถึงสิ่งดีๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวทั้งหมด
จุมพิตนี้หวานล้ำและรุนแรงด้วยความรู้สึก ประสงค์จะครอบครองเป็นเจ้าของ และหนักหน่วงจนเกิดความโหยหา และต้องการมันอีก โครว์ลีย์กดทับร่างโน้มประชิดตัวทูตสวรรค์เข้าไปแนบสนิทขึ้นอีกจนปราศจากช่องว่างระหว่างทั้งสอง ผิวกายรุ่มร้อนภายใต้อาภรณ์สวมใส่สัมผัสกันจนแทบทำให้คลั่ง จุมพิตที่ดีไม่ควรแค่ให้อีกฝ่ายพึงพอใจแต่จะทำให้อีกฝ่ายต้องการมัน ไม่อยากให้หยุดลง และโครว์ลีย์ก็ทำให้จูบของเราเป็นเช่นนั้น ตอนที่เราผละริมฝีปากออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครอยากจะให้มันหยุด และปรารถนาถึงมันอีก เราจึงจูบกันอีกครั้งอย่างเนิ่นนานราวกับไม่สนถ้าหากโลกจะถล่มลงตรงหน้า ต่อให้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีชื่อเรียกก็ไม่เป็นไร เพราะความสัมพันธ์ของเรานั้นเป็นได้ทุกสิ่งทุกอย่างให้กันและกัน เพื่อนสนิท คนรัก คู่รัก คู่ชีวิต และจะเป็นเรื่อยไป อีกกี่นับพันปีต่อจากนี้ เพราะพวกเราเป็นอมตะนิรันด์กาลเช่นเดียวกับความรู้สึกที่มีให้กัน โครว์ลีย์ล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างไหลลื่นเหมือนงูดังที่เขาเป็น เกี่ยวกระหวัดรัดรึง ตักตวงทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสามารถยึดครองได้ และทำให้ทูตสวรรค์ครางอย่างระทดระทวย ปิศาจเองก็ครางต่ำๆ ในลำคออย่างปรารถนาไม่รู้จบ เขาค่อยๆ งับริมฝีปากอีกฝ่ายเข้าไปและอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ดึงดันกลับมา แลกเปลี่ยนความกระหายอยู่เช่นนั้นเหมือนจะเอาคืนกาลเวลาหกพันปีให้หมดไป แต่ดูเหมือนแค่คำรักที่เอื้อนเอ่ยแก่กันแล้วนั้นจะเอาคืนช่วงเวลาหกพันยี่สิบสามปีทั้งหมดให้หายไปเรียบร้อยไปก่อนแล้ว โครว์ลีย์ค่อยไล้มือผ่านเส้นผมสีทองสว่างของทูตสวรรค์อย่างเบามือขณะอาซีราฟาเอลแทรกนิ้วผ่านเส้นผมแดงเพลิงของปิศาจกระตุกดึงน้อยๆ คล้ายจะรู้ว่าโครว์ลีย์ชื่นชอบเพียงไร และนั่นยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของปิศาจ เวลาคล้ายจะเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่จริงแล้วเนิ่นนานราวกับไม่รู้จบ คนทั้งคู่ถอนริมฝีปากออกจากกันอีกครั้ง โครว์ลีย์กล่าวขึ้นกับแองเจิลของเขาที่ดวงตาพร่าพรายและคล้ายจะปิดปรือด้วยท่วงทำนองปรารถนาที่โหมเข้าใส่ผ่านทางจุมพิตที่รุนแรงและหนักหน่วง อาซีราฟาเอลหอบหายใจเล็กน้อยด้วยเสียงสั่นเครือเล็กๆ ขณะเสียงของปิศาจโลมเลียไปตามถ้อยคำด้วยความอ่อนละมุนในคำถามเป็นห่วงเป็นใยร้อนใจที่เอ่ยออกมา “ฉันไปเร็วเกินไปสำหรับนายหรือเปล่า แองเจิล”
“ฉันทำให้มันช้าเกินไปสำหรับเรามาตลอดต่างหาก” คำตอบที่ส่งกลับไปรวดเร็วในทันทีเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเว้าวอนหา และระทมเศร้าอยู่นิดๆ ด้วยรู้สึกติดค้างอีกฝ่าย มันทำให้โครว์ลีย์ยิ่งร้อนใจและเจ็บปวดที่เห็นอีกฝ่ายโทษตัวเอง ปิศาจรีบลูบใบหน้าของทูตสวรรค์อย่างอ่อนโยนเขาปัดนิ้วผ่านแก้มแผ่วเบาและถนอมกล่อมเกลี้ยง ปลอบโยนโอ้โลม ก่อนจะฝังจุมพิตใต้ดวงตาเพื่อขจัดปัดเป่าความเศร้าใจของอีกฝ่ายให้หมดสิ้นไป ตอนที่โครว์ลีย์ชวนให้เขาหนีตามกันไปยังอัลฟา เซนทอไรนั่นก็ด้วย ปิศาจเว้าวอนใจจะขาดรอนๆ ขณะที่ทูตสวรรค์ก็ปวดร้าวทรมานไม่แพ้กัน ยามที่เขาปฏิเสธโครว์ลีย์ไปก็ทำให้เขาเจ็บปวดเหลือเกินแม้จะเลือกทำเพื่อปกป้องอีกฝ่ายจากอันตรายของการเผชิญหน้ากับแผนการของสวรรค์ก็ตามที ทั้งที่เขาก็รู้ว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ถ้าปราศจากอีกฝ่าย – และโครว์ลีย์ก็เช่นกัน – ถ้าไม่มีต่างฝ่ายต่างไม่มีกันแล้วก็เท่ากับทุกสิ่งสิ้นสูญไปแม้กระทั่งชีวิต เราหยุดยั้งอามาเกดดอน หันหลังให้แก่ฟากฝั่งที่เราสังกัดเพื่อฝั่งที่เป็นของเราสองคน แค่เราสองคนเท่านั้น เป็นข้างของเรา เพื่อรักษาอีกฝ่ายไว้ เราไม่อาจยอมรับการถูกพรากจากกันหากมีฝ่ายใดถูกตัดสินให้ชนะและปราชัย พวกเราจะไม่มีวันได้เจอหรือพูดคุยกันอีก เขาขู่โครว์ลีย์ว่าถ้าไม่หาทางทำอะไรสักอย่าง ตนจะไม่พูดกับโครว์ลีย์อีก และเขาก็หมายความตามนั้น มันหมายถึงว่าถ้าอามาเกดดอนเกิด เราจะไม่มีวันได้เจอกันหรือพูดคุยกันเลย และมันจะฆ่าพวกเราให้ตายทั้งเป็นด้วยชีวิตอมตะนิรันดร์กาลที่ไม่มีอีกฝ่ายอยู่ โหดร้ายและทรมานยิ่งนัก เราจะภาวนาให้ตัวเองตายแต่ก็ตายไม่ได้ แค่คิดถึงว่าถ้าเรื่องทั้งหมดไม่สำเร็จก็ปวดร้าวยิ่งกว่าความตายเกินกว่าจะรับไว้ อาซีราฟาเอลกระชับจับอีกฝ่ายแน่นราวกับกลัวว่าทุกสิ่งตอนนี้จะหายไป แต่รักของเราที่โอบอุ้มกันและกันไว้เสมอทำให้รู้ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไป มีแต่เพียงความสุข มีกันและกันอยู่เคียงข้าง และมีเราสองคน ความวิตกกังวลทั้งหลายมลายหายไปโดยพลัน โครว์ลีย์มองอาซีราฟาเอลด้วยดวงตาที่สื่ออารมณ์แห่งรักอันหลากหลายและอ่อนไหวไปด้วยความรู้สึก เขาเลื่อนมือลงไปจับช่วงไหล่ทั้งสองข้างของอาซีราฟาเอล ดึงตัวเองให้ห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อจะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน และเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกบนใบหน้าและดวงตาเขาได้ทั้งหมด มันส่งผ่านออกมาจากใจมอบให้แด่คนตรงหน้า
“ไม่เลย แองเจิล ไม่เลย” เสียงของโครว์ลีย์เต็มไปด้วยการปลอบประโลม มันแผ่วเบาและอ่อนละมุนเหมือนปีกปักษาแต่หนักแน่นด้วยความจริงราวกับหินผา พวกเรามักจะส่งเสริม สนับสนุน ปลอบโยนและเยียวยากันและกันเสมอนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พานพบกัน ปกติโครว์ลีย์มักจะส่งเสียงขู่ฟ่อเหมือนงูแต่ขณะนี้เสียงนั้นฟังเหมือนเสียงชู่ลอดผ่านอากาศเบาๆ เพื่อปลอบโยนและขจัดความกังวลทุกประการมากกว่า และสิ่งที่เขาพูดออกมานี้คือความจริงยิ่งแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่การปลอบโยน แต่คือการหยิบยกความจริงขึ้นมาด้วยความสุขเปี่ยมล้นยามที่คิดถึงความจริงแท้ของมัน – “มันไม่มีทางช้าไปหรอก อย่าลืมสิ เรามีเวลาอีกชั่วนิจนิรันดร์”
มันไม่มีทางช้าไปได้ถ้ามีเวลารักใครสักคนอีกชั่วนิจนิรันดร์ หกพันกว่าปีที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของกาลเวลาอนันตกาลไม่รู้จบตลอดนิรันดร มันเป็นดังคำสัญญาว่าเราสองคนจะคงอยู่ และรักกันเช่นนี้ไปชั่วกาลปาวสาน ไม่มีคำพูดเปี่ยมความหมายใดจะหวานล้ำและหวานเลี่ยนไปพร้อมๆ กันได้เท่านี้อีกแล้ว มันคือคำว่ารัก มันคือพวกเรา เป็นสิ่งที่เหนือกว่าคำบรรยาย สุดจะพรรณา ไม่สามารถอธิบายได้ ปิศาจและทูตสวรรค์ต่างยิ้มให้แก่กัน สรรเสริญและเฉลิมฉลองแด่ห้วงเวลาภายหน้าอันเป็นนิรันดร์ของพวกเขาทั้งสองที่จะมีกันและกัน ไม่มีสิ่งใดมาพรากจากหรือขัดขวางเราได้ พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปด้วยวิถีชีวิตอันราบเรียบเปี่ยมสุขที่มีอีกฝ่ายไม่ผันแปรเปลี่ยนแปลง ทั้งสองจูบกันอีกครั้งต่างการประทับตราถึงสัญญาชั่วนิจนิรันดร์ลงบนอีกฝ่าย และด้วยความปิติปรีดายิ่งแล้วเกินกว่าจะกล่าว รวมถึงความสุขอันล้นพ้นที่พวกเรามีให้แก่กันก็ปลุกให้ปีกแห่งเทวทูตอันสว่างไสวและปีกแห่งปิศาจสีดำสนิทกางออกโดยไม่ทันรู้ตัว มันค่อยๆ ขยับห่อหุ้ม โอบอุ้มอีกฝ่ายเอาไว้อย่างถนอมปกป้อง
“อีกชั่วนิรันดร์” ทูตสวรรค์กล่าวตอบปิศาจด้วยดวงตาลึกซึ้งเป็นประกาย โครว์ลีย์และอาซีราฟาเอลต่างรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร โดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากมายอีก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปด้วยความอมตะกับกาลเวลาอันเป็นอนันต์
“ใช่ แด่ชั่วนิรันดร์”
Never Ending
----------------------------- ℘ -----------------------------
Disclaimer: All about Good Omens belong to Terry Pratchett and Neil Gaiman, I own nothing but plot and narrative of this fan fiction are mine. If I owned all of them, these ineffable husbands would definitely end up together since they met each other at the Eden. I would smack their heads together, and say kiss already.
Author's Note:
สวัสดีค่ะ ฟิคนี้เขียนเพื่ออุทิศให้แก่การที่หนังสือเล่มโปรดในวัยเด็กได้กลายเป็นมินิซีรีส์ (มินิซีรีส์ปลุกใจ ship ต่อคู่นี้ที่ถูกปล่อยให้เรื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ ในตัวเรามานานหลังจากช่วงพีคของการ ship ครั้งแรกยามที่ได้มีโอกาสอ่านในสมัยก่อนนั้นให้กลับมาฮึกเหิมอีกครั้งค่ะ) แม้เนื้อหาของฟิคตอนนี้จะมองอย่างไรดูไม่เด็กแล้วและเข็นฟิคออกมาได้เลทมากก็ตาม นอกจากนี้อยากให้มีฟิคภาษาไทยบ้างเพื่อเผยแพร่ลัทธิแฟนด้อมนี้ออกเป็นวงกว้างด้วย (และหากท่านใดต้องการ fic rec จาก ao3 หรือ ffn, tumblr account ของเหล่า shippers, ข้อมูลที่เป็น canon หรือสายผลิตใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับแฟนด้อมนี้หลังไมค์มาได้ค่ะ ผู้เขียนไม่ได้รู้ทุกอย่าง ไม่ใช่แฟนตัวยงขั้นสุดยอด แต่เป็นแฟนนักเสพธรรมดาๆ ที่หลงใหลไปกับแฟนด้อมนี้และประสงค์จะแบ่งปันอย่างยิ่งค่ะ) เรื่องที่อยากจะทิ้งท้ายไว้ใน A/N นี้ไม่มีอะไรมาก เราอยากส่งต่อแนวคิด วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์น่ารักของคู่นี้ออกมาจึงได้เขียนฟิคนี้ขึ้น จริงๆ ฟิคนี้มันกึ่งๆ จะเป็น Characters and plot study ไปแล้ว... และบางส่วนก็เป็นจากมุมมองของเราแต่วิเคราะห์โดยเชื่อโยงและพิจารณาสัมพันธ์กับเรื่องและ canon ค่ะ หวังว่าผู้อ่านจะชอบนะคะ ไม่ว่าผู้อ่านจะหลงเข้ามาหรือเป็นแฟนของแฟนด้อมนี้หรือตามมาจากมินิซีรีส์หรืออะไรก็ตามแต่ ผู้เขียนอยากจะมอบความสุขความยินดี มิตรภาพระหว่าง shipper ความรักที่มีต่อคู่นี้ และความรักระหว่างทูตสวรรค์กับปิศาจ Ineffable Husbands สองตนนี้ให้ไปผ่านทางแฟนฟิคนี้ค่ะ
ผู้เขียนตั้งใจใส่ตัวเอียงตรงคำว่าแองเจิลเวลาที่โครว์ลีย์เรียกในความหมายของการ Address แบบเป็น Pet name มากกว่าจะเป็นการเรียกเพื่อสื่อถึงสถานะเทวทูตของอาซีราฟาเอลค่ะ เราชอบดีเทลตรงนี้มากและตอนอ่านเจอโครว์ลีย์เรียกอาซีราฟาเอลว่าแองเจิลก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่านี่มันความหมายแฝงนะเธอ! โครว์ลีย์ร้ายนะเรา! เราก็เลยเอาจุดที่ชิปตอนนั้นมาใส่ในเรื่องนี้ด้วย แม้แต่ตอนไปส่งอนาธีมาที่บ้าน ในสคริปต์บุ๊คมีเขียนไว้ว่าตอนที่อนาธีมาได้ยินโครว์ลีย์เรียกอาซีราฟาเอลว่าแองเจิลก็แจ้งแก่ใจเลยว่าที่จริงนั่งรถมากับสองคนนี้ไม่ต้องกลัวถูกลากไปทำมิดีมิร้าย เพราะเธอเข้าใจว่าแองเจิลที่โครว์ลีย์ใช้เรียกอาซีราฟาเอลเท่ากับสองคนนี้เป็นคนรักกันนั่นเอง สำหรับชื่ออาซีราฟาเอลปกติจะออกเสียงรวบๆ ประมาณ อาซีราเฟล แต่ที่ใช้อาซีราฟาเอลเพราะคิดว่าน่าจะง่ายกับการถอดเสียงมากกว่า (รึเปล่า ฮา) ส่วนในฟิคมีฉากหนึ่งที่กล่าวถึงตอนที่โครว์ลีย์เคยหลอกกาเบรียล วางแผนไม่ให้อาซีราฟาเอลกลับสวรรค์อันนี้มีอยู่ในสคริปต์บุ๊คค่ะ แต่มินิซีรีส์ต้องตัดส่วนนี้ออกเนื่องจากเรื่องเวลาและงบประมาณ (เสียใจมากค่ะ) แล้วก็มีตรงไหนอีกนะ... อยู่ดีๆ ก็นึกไม่ออกค่ะ ถ้ามีตรงไหนติดใจ สงสัย อยากให้ขยายความ หรืออยากรู้เป็นพิเศษ ทิ้งคำถามไว้ได้เลยค่ะ สำหรับแนวคิดที่ว่าอาซีราฟาเอลเคยเดทกับออสการ์ ไวลด์หรือศิลปินทั้งหลายเหล่านั้น ผู้เขียนแค่คิดว่ามันสนุกดีก็เลยใส่มา เพราะคิดว่าอาซีราฟาเอลต้องข้องแวะกับบรรดานักเขียนแต่ละยุคสมัยมาแน่ๆ (เห็นได้จากการไปสมาคมกับเชคสเปียร์) และออสการ์ ไวลด์ก็อย่างที่ทราบกันดีถึงรสนิยมและความเป็นตัวพ่อนำสมัยและ fabulous ในสมัยนั้น จึงนำมาเป็นไอเดียใส่ในฟิคค่ะ นักเขียนบางท่านอาจเคยมีประสบการณ์ที่เรียกว่า flow (การเขียนได้อย่างต่อเนื่องไหลลื่นไปได้เรื่อยๆ ไม่ตันไม่หยุดไปจนถึงจุดๆ หนึ่ง ซึ่งเกิดแก่นักเขียนไม่บ่อยนัก) ตอนที่ผู้เขียนเขียนฟิคนี้นั้นพบเจอกับการ flow ค่ะ เป็นความรู้สึกที่ดีจังเลย อยากให้มันเกิดตอนเขียนเรื่องอื่นๆ ที่ดองไว้จังเลยค่ะ ฮือ
สำหรับเพลงของวง Red Velvet Underground ที่ใส่มานั้นต่อยอดมาจาก canon ที่คุณนีลให้ไว้ เนื่องจากมีแฟนๆ ไปถามว่าเห็นโครว์ลีย์ฟังเพลงวงนี้ อยากจะรู้ว่าชอบเพลงไหนของวงเป็นพิเศษ คุณนีลเลยตอบว่าปกติเวลาโครว์ลีย์ขับรถจะทำเป็นเปิดเพลง The Black Angel’s Death Song แต่พออยู่คนเดียวที่แฟลท นั่งทอดอารมณ์ ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เพลงโปรดที่เขาจะนั่งฟังคือ Pale Blue Eyes กับเพลง I’ll be your mirror คนเดียวเงียบๆ ซึ่งพอดูเนื้อเพลงของสองเพลงดังกล่าวแล้ว คิดอย่างไรก็ไม่พ้นแทบจะตรงกับอาซีราฟาเอลเลยโดยเฉพาะเพลง Pale Blue Eyes คิดภาพโครว์ลีย์นึกถึงดวงตาสีฟ้าๆ ของแองเจิลไปด้วย เวลาอยู่ด้วยกันก็จะลอบมองตาอยู่ใต้แว่นกันแดดนั่นแล้วกลับมาละเมอเพ้อหา อา รู้สึกใจอ่อนยวบกับความคิดนี้ หนีไปจากความคิดที่ว่าต้องฟังแล้วคิดถึงแองเจิลไปด้วยแน่ๆ ไม่ได้ Pining!Crowley ชัดๆ จึงนำมาใส่ในฟิคเรื่องนี้ด้วยนั่นเองค่ะ พอนึกถึงตอนอาซีราฟาเอลหยิบอัลบั้มขึ้นมาทีแรกใน Ep 2 แล้วโครว์ลีย์เกือบ be discorporated อยู่ข้างๆ เพราะอาซีราฟาเอลกำลังถือคำสารภาพรักของตัวเองอยู่โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ดูน่าสนุกไม่หยอก แล้วพอแองเจิลเข้าใจว่ามันเป็นเพลง Bebop โครว์ลีย์ก็คงแทบจะกุมขมับแบบเชื่อเขาเลยขึ้นมา ฮา
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่อ่านฟิคนี้จนจบ ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาร่วมประสบการณ์การตีแผ่เรื่องราวรักหกพันกว่าปีของคู่นี้นะคะ มีอะไรพูดคุยกันได้ค่ะ เราคงจะดีใจมากถ้าทุกคนชอบฟิคเรื่องนี้ รู้สึกสนุกและดีไปกับมัน หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขและชอบแฟนฟิคเรื่องนี้ค่ะ ขอฝากฝังไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ และถ้าเป็นไปได้คงจะดีมากถ้าทุกคนเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคู่นี้มากขึ้น ถ้ามี Headcanon ใดๆ ของตัวเองอยากแบ่งปัน หาเพื่อนพูดด้วยหรือพูดคุยเพิ่มเติม โปรดอย่าลังเลที่จะมาพูดคุยกันเลยนะคะ สำหรับช่องทางติดต่อและแฟนฟิคเรื่องอื่นๆ สามารถตามได้จาก WP ของเรา หรือ Twitter ซึ่งเป็นแอคเค้าท์สำหรับลงข้อมูลเกี่ยวกับงานเขียนของเราโดยเฉพาะ (คลิก) หรือแอคเค้าท์เด็กดี และหากทิ้งคอมเม้นท์ไว้ผู้เขียนจะสุขใจและยินดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากนะคะ xxx
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in