29
. ในที่สุดก็ได้เจอคนที่เป็น Green Flag แล้ว เป็นคนใจกว้างที่คุยหลาย ๆ เรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อ (นึกว่าหลุดมาจากอนิเมะ) ถึงกับบอกเราว่าให้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้เถอะ ถึงแม้ว่าจะอยากตายหรืออะไรก็ตาม
แต่สุดท้าย เราก็ตัดสินใจปล่อยเขาไป เพราะบ้างาน กังวลกับมันและรู้สึกไม่ stable ถ้าเรื่องงานยังไม่ลงตัว ไม่กล้าคิดเรื่องความสัมพันธ์อะไรเลย (แต่มันคงไม่มีวันที่จะลงตัวหรอก ชีวิตมนุษย์มันขึ้น ๆ ลง ๆ นี่นะ)
เขาอยากมีครอบครัว อยากมีลูก เป็นเรื่องที่เราทำให้ไม่ได้จริง ๆ ถึงจะเคยคุยกันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ที่ความต้องการไม่ตรงกันมันจะไปจบตรงไหน? ถ้าไม่อยากให้เสียเวลาก็ต้องปล่อยทั้งหมด กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ให้อีกคนใช้เวลาเพื่อหาในสิ่งที่ต้องการน่าจะดีกว่า
เราเคยถามเขาว่า มนุษย์เวลารักใครนี่มันเป็นยังไงเหรอ? เพราะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองรักใครในแบบนั้นเลย เขาตอบกลับมาว่า ก็เหมือนตอนที่เรารักแมวเรานั่นแหละ
พอได้คำตอบแบบนั้น ในหัวก็มีความคิดนึงเด้งขึ้นมาเลยว่า เราทำไม่ได้ คงรักใครแบบที่คนอื่นเขารักกันไม่ได้ ถึงจะเข้าใจว่าคนเรามันไม่ได้รักกันตลอดเวลา แต่ให้เทียบระหว่างรักมนุษย์กับรักแมว การรักแมวเป็นข้อยกเว้นจากทุกอย่างจริง ๆ
เพราะความตรงไปตรงมาของมันมั้ง.. แมวแสดงออกชัดเจน ไม่ว่าจะเกลียดหรือรักใคร (ถึงบางทีจะเล่นตัวบ้าง แต่มันก็ไม่เคยทำเรื่องที่ตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง)
แต่เรื่องที่ได้รู้แบบชัด ๆ เลยก็คือ เออ.. กูชอบผู้ชายญี่ปุ่น (ก็ไม่ทุกคน แต่คนที่เคยคุยในเชิงนี้ก็มีแต่ชาติเนี้ย ทำไมวะ 5555555)
ไม่รู้คนอื่นทำได้ยังไง ที่สามารถมีความสัมพันธ์ระยะยาวได้ แต่สำหรับเรา เราไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์ตลอดเวลา เหมือนว่า เราแค่อยากได้สิ่งดี ๆ จากความสัมพันธ์นั้น ”แค่บางช่วง“ เพราะงั้นการเป็นติ่งอะไรสักอย่างคงเหมาะกับเราที่สุดแล้ว อยากเลิกเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องกลัวใครจะเสียความรู้สึก
. กลับมาอ่าน Seven Brief Lessons of Physics อีกรอบในวันที่อายุมากขึ้น เหมือนว่าในที่สุดเราก็ได้เข้าใจมันแล้ว ถึงจะไม่เข้าใจลึกมาก แต่ภาพรวมของมันก็คือเรื่องที่โคตรมหัศจรรย์จริง ๆ
เพราะว่ามนุษย์ถือกำเนิดจากสิ่งเดียวกับสิ่งที่ให้กำเนิดดวงดาวและจักรวาล สิ่งที่ส่งผลกับดวงดาวและจักรวาลก็เลยส่งผลกับเราด้วยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น คลื่นที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อุณหภูมิ ความร้อนความเย็นมันก็คือคลื่นทั้งนั้นอ่ะ
แถมยังทำให้ไขปริศนาพลังของโกะโจ ซาโตรุได้อีก (ทางแดงทางนำเงินอะไรนั่น มันต้องเป็นเรื่องของคลื่นในควอนตัมฟิสิกส์แน่นอน, อาจารย์โกะโจก็คือคนที่มีพลังในการควบคุมคลื่นนั่นแหละ)
กลายเป็นว่าอินเรื่องนี้จนซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มอีกหลายเล่ม อ่านแล้วใจสงบสุด ๆ
. คิดอยากซื้อห้องของตัวเอง เพื่อมีแมว แล้วก็เพื่ออยู่กับพี่สาว แต่สักพักก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป เพราะยังอยากตายตอน 35 อยู่ (ถ้าได้นะ) แต่จริง ๆ แล้วเราควรต้องเลือกใช่ไหม ระหว่าง เก็บเงินไปตาย กับ เก็บเงินไปซื้อที่อยู่ให้ตัวเอง
. ติดไพ่ทาโรต์อยู่ช่วงนึง (ช่วงนี้ก็ยังติดแหละ) ไปฟังทั้งที่รู้ว่าไม่ตรง ถ้าเราไม่เลือกทางที่ไพ่เสนอซะอย่าง ยังไงก็ไม่ตรง ฟังเพราะชอบเสียงคนอ่านไพ่ ฟังแล้วง่วงนอนดี (ฮ่า)
. ตั้งใจว่าในปีของอายุ 29 จะยึดติดกับพวกเรื่องความสัมพันธ์ให้น้อยลง (จากที่น้อยอยู่แล้ว ก็คาดหวังว่าจะทำให้น้อยลงไปอีก) ถึงจะเหงาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาอะไรอ่านก็น่าจะหายเหงาเอง
. เพิ่งรู้ว่า แม่มองว่าเราเป็นคนมีความมุ่งมั่น (ตอนรู้ก็อึ้งนิด ๆ เพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรเหยาะแหยะมาตลอด แหะ ๆ)
. ไม่ว่าคนอื่นจะมองเรายังไง เก่งหรือไม่เก่งไม่ดีอะไรสักอย่าง แต่เราก็ชอบตัวเองแบบนี้ และเราไม่อยากมีอีโก้ เพราะการมีอีโก้มันเหมือนเราแบกอะไรหนัก ๆ ไว้บนตัวตลอดเวลา ร่างกายมนุษย์มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แบกอะไรหนัก ๆ อย่างอีโก้หรอก (ทุกวันนี้แค่ปวดหลังก็แย่พอละ ปวดใจเพราะอีโก้ตัวเองล้นคงแย่คูณสอง)
จบเถอะ สำหรับบันทึกวันเกิด
(ขอให้แม่กับพี่สาวมีความสุข ขอให้แมวทุกตัวมีความสุข)
ป.ล. ในที่สุดก็เทโรเซตต้าได้แล้ว ถึงจะไม่สวยเท่าไรแต่ก็ทำได้แล้ว ขอบคุณตัวเองและทุกคนที่ให้คำแนะนำ (หรือจริง ๆ เราจะเกิดมาเพื่อเทลาเต้อาร์ตแล้วตายไปวะ 555555555555)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in