เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storybbbstudyyygramm
รีวิววิชาเรียนอักษรจุฬา ปี 1 เทอม 2 แบบรอดมาได้อย่างงงๆ
  •           Hola todos <3 ได้ฤกษ์มารีวิวสักทีหลังจากเกรดออก ถึงจะยังไม่ครบและเปเปอร์ยังไม่ส่งก็ตาม ถถถถถ เป็นเทอมที่ผ่านไปเร็วมากจนงง แต่ก็ได้อะไรมาเยอะมากเหมือนกัน รอบนี้จะพยายามสรุปให้สั้นที่สุด ไป!

    แก้ : ปัจจุบันเกรดออกครบแล้ว ๕๕๕๕


    1. Introduction to language 

              การเรียนการสอน : เป็นวิชาของภาคภาษาศาสตร์ เรียนห้องรวม 2 ชั่วโมง มีอาจารย์เวียนมาสอนแต่ละอาทิตย์ ทำกิจกรรมกลุ่มอีก 1 ชั่วโมง เรียนธรรมชาติของภาษา หน่วยคำ ระบบเสียง โครงสร้างภาษา การเปลี่ยนแปลงภาษา ภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เช่น การใช้โปรแกรมคำนวณหาว่าคำไหนเกิดคู่กับคำไหนบ่อย (มีเทค log แบบคณิตศาสตร์ด้วย โอดครวญญญ) ภาษากับสังคม เช่น อะไรเป็นปัจจัยให้ภาษาหนึ่งๆ เป็นแบบนี้ การสลับภาษาระหว่างพูด อย่างทำไมบางคนพูดไทยคำอังกฤษคำ อาจจะเพราะสถานการณ์ หรือเพราะคนที่พูดด้วยเป็นปัจจัย          
              อาจารย์มักจะมีคลิปตลก ๆ มาให้ดู อ้อ ได้เรียนภาษาชื่อแปลก ๆ ด้วยว่าโครงสร้างมันเป็นยังไง กิจกรรมกลุ่มสนุกดี 


              การสอบ : อิงกลุ่ม มิดเทอม ไฟนอล ควิซ (มีทุกสัปดาห์ใน Blackboard ;____;) กิจกรรมกลุ่ม บางทีมีควิซตอนต้นคาบด้วย เรามาสายก็เลยอดไปรอบนึง ๕๕๕๕๕๕ มิดเทอมไฟนอลเป็นช้อยส์เกือบล้วนและเขียนสั้น ๆ น่าจะเป็นวิชาเดียวของเทอมที่เป็นช้อยส์...


              ความเห็นส่วนตัว : ไม่อิน 55555555 เป็นวิชาที่ไม่ชอบที่สุดของเทอม ตอนเรียนในห้องคือเล่นมือถือตลอด จริง ๆ ตอนต้นเทอมเห็นชื่อวิชารู้สึกว่าน่าสนใจมาก และคิดว่าชิว ๆ ป้ะ สรุปว่า ไม่!!! ข้อสอบยากอะ สำหรับเรานะ ควิซก็ยาก คือเป็นคนไม่ถนัดข้อสอบช้อยส์อะ ชอบคิดอะไรผิดๆ และเลือกอะไรผิด ๆ ... บวกกับเอาเวลาไปให้วิชาอื่นหมด เหลือเวลาอ่านแลงล่วงหน้าไม่กี่วัน มาเป็นนางฉุดเกรดเลยอะดิ เรียนจบเทอมแล้วรู้สึกไม่ถูกชะตากับภาษาศาสตร์เลย 


    .


    2. Thai Literature 

              การเรียนการสอน : ห้องรวม 3 ชั่วโมง เทอมนี้เรียนก่อนมิดเทอม 3 เรื่อง คือ ลิลิตพระลอ เวสสันดรชาดก ไตรภูมิพระร่วง หลังมิดเทอม 3 เรื่อง มัทนะพาธา เงาะป่า ขุนช้างขุนแผน อาจารย์ก็จะอ่านกลอน อธิบาย กระตุ้นให้นิสิตวิเคราะห์ว่าทำไมตัวละครตัดสินใจทำแบบนี้ เช่น การที่นางพิมมักจะไม่พูดความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองออกมาเพราะว่าบริบทและค่านิยมไทยในสมัยนั้นที่ผญต้องรักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุกก่อนห่าม การที่นางไม่เคยจะได้ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง มีแม่มีสามีมาบังคับบงการ การแทรกวิถีชิวิตแบบเงาะในเรื่องเงาะป่า 

              รวมถึงการใช้กลวิธีแต่งแบบ foreshadowing, irony etc. ได้ฝึกวิเคราะห์ ได้คิดอะไรที่ลึกแบบ อู้หู แค่ประโยคสั้นๆ เราสามารถตีความได้ขนาดนี้เลย มันเชื่อมไปได้ถึงบริบทสังคม แนวคิดที่แฝง สิ่งที่ตัวละครแสดงออก ค่านิยม ประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น 

              ไทยลิทของอักษรค่อนข้างต่างจากตอนเรียนมัธยม เพราะตอนมัธยมครูก็จะให้จำว่า ใครแต่ง แต่งตอนไหน ชื่อตอนว่าอะไร ชื่อตัวละคร จำกลอน จำสัมผัส แต่ Thai Lit คือเน้นวิเคราะห์หนักมากกกกกก  บางทีอาจารย์ก็วิเคราะห์จนเราสงสัยว่า เออ ตอนกวีแต่งเค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้รึเปล่า


              การสอบ : อิงกลุ่ม มิดเทอม ไฟนอลเป็นเขียนล้วน เว้นมาให้เป็นหน้า ๆ เขียนจนมือพัง ตยคำถามเช่น การที่ลิลิตพระลอ, เงาะป่าจบแบบ tragedy เพราะความหลงจริงหรือไม่ ทำไมร.6 ถึงเลือกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ความรักในเรื่องมัทนะพาธา เนี้ย ถามแค่นี้แต่เว้นมาให้หน้านึง แล้วเลือกอะไรได้ฤาไม่นอกจากต้องแถให้เต็มหน้า ๕๕๕๕๕๕ จริง ๆ จะบอกว่าแถก็ไม่เชิง มันก็คือเอาคำพูดที่อาจารย์วิเคราะห์มาให้ฟังทั้งหมดมาเขียน คำถามเป็นวิเคราะห์เกือบ 100% 

              วิชานี้มี Final project ด้วยฮะ ก็คือทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับวรรณคดีไทยเชื่อมโยงกับปัจจุบัน นำเสนอในรูปแบบไหนก็ได้ เน้นความคิดสร้างสรรค์ 


              ความเห็นส่วนตัว : ตอนก่อนมิดเทอมโคตรรรรร ไม่อิน โดยเฉพาะพระลอ เออ คือมันก็มีฉากอัศจรรย์แบบเห็นภาพเป็นสีสันในการเรียนแหละ แต่เนื้อหาคือไปพักก่อน บางทีก็ปวดหัวกับตรรกะตัวละคร และ ไม่ชอบที่วิชานี้ไม่ได้เปิดโอกาสในการตีความเท่าไร เช่น ยกยอเกียรติพระลอ แม้จริง ๆ เราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ในข้อสอบก็ต้องเขียนตามที่อาจารย์วิเคราะห์อยู่ดี หรืออย่างไตรภูมิ ก็คือไม่รู้ว่าเรียนไปแล้วมันจะทำไม ไม่อิน รวมทั้งการอวยกวีว่าคิดลึกซึ้ง แต่งดี ไรงี้ ส่วนตัวก็เฉยๆ อะ แต่ในข้อสอบก็ต้องอวยไว้ก่อน แหะ ๆ ทั้ง 6 เรื่องเราชอบเงาะป่าอย่างเดียว ๕๕๕๕๕ ตัวละครคิดอะไรได้สมเหตุสมผลที่สุดละในหกเรื่อง

              แต่ ๆๆๆ ด้วยความที่ข้อสอบแบบวิเคราะห์มันถูกจริตเราอยู่แล้ว รวมทั้งชอบวรรณคดีด้วย เราโอเคกับไทยลิทกว่ายูสไทยแลงมากกกกก 


    .


    3. General Philosophy 

    "ใครบอกปรัชญาไม่มีถูกผิด บอกเค้าให้มาคุยกับผม"  --- อ. วศิน (2019)

              การเรียนการสอน : เป็นวิชาของภาคปรัชญา เลือกลงระหว่าง Gen Phi กับ Man Re (มนุษย์และศาสนา) เรียน 3 ชั่วโมง อย่างที่เราจั่วหัวไว้แล้วว่าเรียนกับวศินเพราะฉะนั้นก็น่าจะไม่เหมือนเซคอื่นแน่นอน เรียน 2 สาขาของปรัชญาคือ Ethics กับ Metaphysics จริง ๆ จะต้องมี Epistemology ด้วยแต่เวลาไม่พอ

              อาจารย์จะมี Text ภาษาอังกฤษให้ไปอ่าน มีตั้งแต่ไม่กี่หน้าไปจนถึง 100 กว่าหน้า แต่ ๆๆๆ ทุกอย่างเป็น Optional reading ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรอ่าน เพราะในคาบคือดิสคัสเลย ให้นักเรียนอธิบายที่ไปอ่านมาให้เพื่อนฟัง อาจารย์แทบจะไม่สอน นั่งฟัง (และแทรกมุกตลกที่ไม่ตลก) ถ้าออกนอกประเด็นก็จะแย้ง สรุปให้บ้างนิดหน่อย Topic คร่าว ๆ เช่น การโคลนมนุษย์ถูกหรือผิดจริยธรรม, AI ต่างจากมนุษย์หรือเปล่า, Human nature ห้องเรียนไฮโซมากเรียนที่ตึกมหาจักร

              สิ่งที่ดือคืองานเจนฟิน้อยกว่ารีซันนิ่งมากกก ก ล้านตัว ไม่ต้องทำควิซทุกวีค ไม่ต้องเขียน Journal ไม่ต้องดูคลิป แต่พอเจอแบบนี้เรากลับอยากกลับไปทำควิซแล้วก็อยากดูคลิปมากกว่า อ่านเองมันเหนื่อยอะ ;____;

              เปเปอร์ก็มี First draft, Second draft, Peer assessment, Final draft เหมือนเดิม ต้องทำเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องที่เรียน ไม่เหมือนรีซันนิ่งที่เอาหัวข้ออะไรก็ได้


              การสอบ : อิงเกณฑ์ ไม่มีมิดเทอม มีไฟนอล 40 คะแนน ทำในคอม Open book และ Search ในเน็ตได้ ฟังเพลง ดูยูทูปก็ได้ (อาจารย์พูดเอง) ๕๕๕๕๕  ข้อสอบมี 2 ให้เลือกทำ 1 ข้อ 3 ชั่วโมง เลือกข้อที่เราไม่ได้เขียนในเปเปอร์ เช่นในเปเปอร์ทำเรื่อง Ethics ก็ต้องเลือกโจทย์ที่เป็น Metaphysics (อันนี้เพื่อนในเซคตกลงกัน ปีหน้าอาจจะเปลี่ยนแบบ) รีบทำมากกก คือเราไม่ถนัด meta อะ ละโจทย์คือ 

              "ถ้าสสารนิยมเป็นจริง เราจะต้องสร้างมนุษย์ในห้องแลปได้ แต่มันแน่นอนว่าเราสร้างมนุษย์ในห้องปฏิบัติการไม่ได้ ดังนั้นเราสรุปได้อย่างแน่นอนว่ามนุษย์จะต้องมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ไม่ใช่แค่กลุ่มของอะตอมที่ประกอบเข้าด้วยกันและทำงานอย่างเป็นระบบ จะต้องมีส่วนที่เป็นอสสารประกอบอยู่ในมนุษย์ด้วย อภิปราย"  อ่านจบแล้วจะเป็นลม เสียเวลาไป search ทำความเข้าใจอยู่ครึ่งชม ... 

              มี Case-based presentation แบ่งเป็นกลุ่ม ethics และ metaphysics ให้เลือกเคสมาเสนอเพื่อนและร่วมกันดิสคัส 15 คะแนน First draft 10 Peer 10 Final draft 25 และคะแนน extra ช่วยอีก 10 


              ความเห็นส่วนตัว : มาพูดด้านดี ๆ กันก่อนดีกว่า ถถถถ เจนฟิทำให้เราเข้าใจความยากของการเรียนปรัชญามากขึ้น สารภาพตามตรงว่าไม่รู้จัก Metaphysics, Utilitarianism, Duty-based ethics มาก่อนเลย ได้คิดอะไรลึกซึ้งมากขึ้น 

              มีวีคนึงที่เราปาทับจัย อยากแชร์ เรียนเรื่อง Ethics วิเคราะห์สถานการณ์ มีนักสำรวจ 10 คนติดอยู่ในถ้ำ เข้าสู่วันที่ 10 เริ่มหิวแล้วก็ใกล้ตาย ได้ติดต่อกับคนด้านนอกซึ่งเป็น Physician นักสำรวจถามว่าเนี่ย ถ้าฆ่าใครสักคนในนี้แล้วแบ่งกันกินอะ จะรอดไหม Physician ก็ตอบไปว่า น่าจะรอด พูดจบก็ตรู้ด ๆๆๆ สิ้นสุดการติดต่อ ทีนี้ในกลุ่มก็สุ่มจ้าว่าใครจะเป็นผู้โชคร้าย ละก็กินคนนั้นแหละ ทำให้ 9 คนก็อยู่รอดไปได้ สุดท้ายก็มีคนมาช่วยให้ออกไปได้อย่างปลอดภัย คำถามคือ การกระทำดังกล่าวที่ฆ่าคนมากินเพื่อความอยู่รอดถูกหรือผิด คือถ้ายึดหลัก Utilitarianism มันก็ถูกอะ เพราะยึดประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ แต่เพื่อนบางกลุ่มก็บอกวา ผิด เพราะแค่การฆ่าคนก็ = ผิด แล้ว ทีนี้ อาจารย์ก็เพิ่มสถานการณ์ให้กลุ่มที่ตอบว่าถูก ว่า ถ้าตอนฆ่าเพื่อนเสร็จยังไม่ทันได้กิน ทีมช่วยเหลือมาพอดี แบบนี้จะยังถูกไหม ตอนฟังเสร็จคือ วดฟ mind-blown อีกคำถามคือ แล้วถ้าอีคนที่โดนสุ่มได้มีสารพิษในร่าง ทุกคนที่กินก็เลยตายหมด แบบนี้ยังถูกอีกมั้ย ส่วนกลุ่มที่ตอบว่าผิด ถ้าตอนจบ 10 คนนั้นหิวตายหมด ทีมช่วยเหลือก็ทยอยตายจากอุบัติเหตุเหลือแค่ไม่กี่คน พอมาถึงอ่าว 10 คนตายหมดแล้ว แบบนี้ยังยืนยันคำตอบมั้ย ประมาณนี้ มีอีกหลายเคสที่แบบโอ้โหห เช่นแบบ การตีงูที่เข้าบ้านแต่เราไม่รู้ว่ามีพิษหรือไม่มีผิดมั้ย ในนสที่อจให้อ่านมีเรื่อง love and friendship ด้วย อ่านคร่าว ๆ ก็น่าสนใจดี 


              ส่วนของ metaphysics ที่ชอบคือเรื่องการย้าย consciousness ย้ายความทรงจำและสมองของคน ๆ หนึ่งมาอยู่ในหุ่นยนต์ แบบนี้ถือว่าหุ่นยนต์นั้นเป็นมนุษย์รึป่าว เราตัดสินความเป็นมนุษย์จากอะไร mind หรือ body หากย้ายความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเพื่อนไปใส่ในเมาส์ เมาส์เป็นร่างกายที่ข้างในคือจิตใจเพื่อนเรา จะถือว่าเมาส์เป็นเพื่อนเรามั้ย เป็นคาบที่ว้าวมาก 


              anyway โดยรวมเราไม่อินกับเจนฟิ มากกก ความรู้สึกตอนเรียนต่างกับรีซันนิ่งเหมือนฟ้ากับเหว  อาจจะเพราะว่าอาจารย์ปล่อยให้ดิสคัสกันเอง ไม่รู้อันไหนถูกผิด มันก็จับจุดไม่ถูกอะ รวมทั้งไม่ค่อยชอบการเรียนแค่ไม่กี่ topic ต่อเทอมวน ๆ อยู่ตรง AI กับโคลนนิ่ง อย่างของรีซันนิ่งมันเปลี่ยนหัวข้อเกือบทุกวีคอะ แต่ก็เข้าใจแหละว่ามันต้องแบบนี้ อีกอย่างคือจับใจความไม่ค่อยได้เวลาอาจารย์อธิบายยาว ๆ 5555 เหมือนเค้าจะ assume ว่าทุกคนมีพฐ ซึ่งก็ไม่ได้ผิด เพราะอจโยน text มาให้ทำความเข้าใจก่อนแล้ว แต่ก็ยังอยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายก่อนอยู่ดีอะคือ text เทอมนี้มันอ่านยากกว่าของ Hurley เทอมที่แล้วมากเลยอะ แถมเยอะอีก จะพยายามไม่บ่นเรื่องตัวผู้สอน เพราะพูดไปเยอะแล้วใน cucas ถถถถถ 

              อะ กลัวคนอ่านจะกลัว ขอย่อหน้านี้ยกไว้อวยวศิน คืออาจารย์เป็นคนเก่ง ฉลาด ความรู้แน่น มีวิธีการพูดเพื่อกระตุ้นความคิดของเด็กในคลาส เล่นมุขเยอะ ถึงแม้จะแป้กหมดอะนะ ถถถถ จะบอกว่าไม่ได้อะไรจากเจนฟิก็ไม่ได้ ก็ได้อะไรใหม่ ๆ นั่นแหละ บรรยากาศการเรียนไม่เหมือนเรียน เหมือนเปิดประเด็นให้มาแย้งกันมากกว่า ถึงเดดไลน์อาจารย์จะทำไม่เคยได้ แต่อาจารย์ก็มีความใส่ใจเด็ก เคยโทรไปหาตอนเที่ยงคืนวันส่งงานเพราะไม่แน่ใจว่าส่งงานทันมั้ยอาจารย์ก็ยังรับและช่วยเปิดคอมเช็คให้ รู้สึกผิดจางง แหะ ๆ

              สรุป ยังคง highly recommend น้องๆ ให้ลงรีซันนิ่งกับวศิน เทอมหน้าเค้าบอกยังสอน มันเปิดโลกมากสำหรับเรา ถึงเกรดจะได้มาโหดมากและแลกกับเวลาแทนที่จะไปให้วิชาอื่นแต่รู้สึกคุ้ม ส่วนเจนฟิ ก็แล้วแต่ดุลพินิจละกัล


    .


    4. English II 

              การเรียนการสอน : เรียน 2 วัน วันละ 1.30 ชั่วโมง เรียนเหมือนอิ้งวันเลยคือมี Reading, Writing (เทอมนี้เรียนการเขียนแบบ Compare & Contrast, Persuasive) ส่วน Grammar ก็เรื่องในหนังสือ

              External Reading เทอมนี้อ่าน Warcross เป็นแนวไซไฟ เล่าย่อ ๆ ไม่สปอย คือมีการสร้างเทคโนโลยีที่สามารถให้คนเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงโดยการสวมแว่นตาที่ผลิตโดย Hideo Tanaka เป็นเจ้าของบริษัท Henka เป็นคนหนุ่มและหล่อ (ปะวะ น่าจะหล่อแหละ) โดยคนจะเข้าไปเล่นเกม Warcross จะมีไอเท็มให้ใช้ แข่งขันกันเอาเวลสูง ๆ แบบมันกลายเป็น a way of life ของคนในโลก นางเอกชื่อ Emika Chen หลังจากพ่อเสียต้องออกมาหางานทำเอง คือนางมอง Hideo เป็นไอดอลมาตลอดที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย Emika เก่งเทคโนโลยีมากและทำงานเป็นนักล่าค่าหัว ตอนนั้นนางจนแบบไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าจนจะถูกไล่ออกอยู่ละ ระหว่างนั้นมี Opening ceremony การแข่งขันใหญ่ของเกม นางก็ขโมยไอเท็มมาหวังจะเอาไปขายให้ได้ตังค์ แต่เกิดความผิดพลาดคนอื่นมองเห็นนางหมด ทำให้ดังข้ามคืน วันต่อมา Hideo โทรมาชวนนางมาทำภารกิจเพื่อหาว่าใครกำลังพยายามแฮกทำลายบริษัท แต่ยิ่งค้นพบเงื่อนงำมากเท่าไร ก็ยิ่งเจอความลับดำมืดมากขึ้นเรื่อย ๆ อิอิ ลุ้น ๆๆๆ ไปหามาอ่านกันได้ !

              เราเรียนกับ อ.บัญชา คืออาจารย์ดีมากกก ก.ร้อยล้านตัว อาจารย์ใส่ใจเด็กมาก ๆๆๆ เรียนแล้วไม่เครียดเลย มีสไลด์ให้ คืออจสอนเยอะและสอนอัด แต่ก็ได้ความรู้ อจชอบแทรกศัพท์แปลก ๆ ระหว่างเรียน มีแบบฝึกให้ทำหลังเรียนตลอด การบ้านก็มีทุกคาบ 555555 ต่างกับตอนอิ้งวันที่ Andrew จะชิว ๆ อ้อ อาจารย์บัญชาชอบให้เล่นเกม ทำกิจกรรมกลุ่มเกือบทุกคาบเพื่อให้ได้ฝึกพูด ชอบเล่นเกมทายเพลงทายหนังมาก แงงงง <3 ที่สำคัญอาจารย์ชอบแจกขนม ลูกชุบเอย โดนัทเอย ช็อคโกแลตวันวาเลนไทน์ กือฟามอร่อย


              การสอบ : มิดเทอม, ไฟนอล, Reading 2 รอบ, Writing 2 รอบ, Listening quiz ตัดเกรดอิงกลุ่มฮะ มิดเทอม ท็อป 55/55 อ่านนอกเวลา มีนเซค 17/20 เห้ออออ ก็มันเป็นซะอย่างเงี้ย!!! >:(


              ความเห็นส่วนตัว : อาจารย์ดีอะไรก็ดี อิ้งทูเป็นคาบที่เราชอบในเทอมนี้ ชอบมากกว่าอิ้งวันเยอะมาก เรียนแล้วสบายใจ ไม่เครียด ยกเว้นตอนบอกคะแนนสอบ T____T ด้วยความที่มันอิงกลุ่มอะ ได้เท่าไรมันก็ไม่พอยกเว้นจะเต็มหรือเกือบเต็ม และที่สำคัญคือต้องใช้เกรดเข้าเอก ทุกครั้งที่บอกคะแนนเสร็จเราก็จะชอบไปหาอาจารย์ถามมีนถาม max เคยถามอาจารย์แบบหน้าเครียด ๆ อจตอบกลับมาว่าได้เยอะแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรอ นี่อย่าไปบ่นกับเพื่อนนะเดี๋ยวเพื่อนตบ 555555 ทั้ง ๆ ที่คะแนนตอนนั้นก็มากกว่ามีนไม่กี่คะแนน ถถถถ 
              ส่วนมากคือความรู้เดิมและบุญเก่า อย่างไรติ้งก็เหมือนอิ้งวันเลยอะ รีดดิ้งก็อืม ยากเหมียนเดิมจ้า  ตอนไฟนอลเขียนจนจะไม่ทัน


    .


    5. Western Civilization 

              การเรียนการสอน : เรียนกับ อ.ตุลย์ และ อ.ภาวรรณ เรียนอารยธรรมตะวันตกตั้งแต่ เมโส อียิปต์กรีก โรมัน ยุคกลาง ยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม Enlightenment สงครามโลก เรื่อยมาจนสงครามเย็น เรียนห้องรวม 3 ชั่วโมงจุก ๆ อีกแล้ว เนื้อหาละเอียด มาก แต่เน้นวิเคราะห์มากกว่าท่องจำ ไม่มีถามใครประดิษฐ์อันนี้ งานศิลปะมีชื่ออะไรบ้าง กษัตริย์คนนี้ชื่ออะไร ต่างจากตอนอีสซีฟที่ต้องจำแบบอัดเต็มสมองเว้อ

              ตอนสอนอาจารย์จะแทรกหลักฐานข้อเขียนทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก (น่าสนใจยังไงต้องมาเรียนนะ อิอิ ถถถถถ) มาประกอบการเรียน ทำให้เข้าใจบริบทสังคมสมัยนั้นมากขึ้น ได้เรียนถึงแก่นของอารยธรรมตะวันตก อะไรช่วยหล่อหลอมให้คนตะวันตกมาเป็นคนตะวันตกแบบตอนนี้ ปรัชญาในสมัยแรก ๆ รวมถึงรากฐานความคิดแบบตะวันตกที่จะพัฒนามาเป็น Human rights, Democracy ในเวลาต่อมา


              การสอบ : อิงกลุ่ม สอบ 100% ยั่ว ๆ จร้า ถึงจะบอกว่าเน้นวิเคราะห์ แต่ก็ต้องท่องจำเนื้อหาไปสอบอยู่ดี ข้อสอบ ยากกกก ข้อนึง 20 คะแนนบ้าง 10 คะแนนบ้าง เขียนมือพังอีกแล้ว ลืมการเขียนตอบสั้น ๆ แบบอีสซีฟไปเลย เพราะเวสซีฟมีแต่เขียนเป็นหน้า ๆ ตอนมิดเทอมแทบจะไปสู่ขิต อาจารย์เรียกให้รวมกลุ่มกันมาคุยเพราะคะแนนรุ่นน้อย . . อย่างที่บอกว่าพอมันเป็นข้อสอบวิเคราะห์ คำถามจะไม่ได้แยกมาแบบจงอธิบายสมัยนี้ ๆ แต่ต้องเชื่อมโยงแต่ละสมัยให้ได้ว่าจากสมัยนึงมันส่งผลกระทบไปสู่สมัยนึงได้ยังไง ละต้องเรียบเรียงดี ๆ ด้วย

              อย่างไฟนอลข้อ 20 คะแนนคือ "อธิบายความหมาย ลักษณะสำคัญ ปัจจัยสนับสนุนการขึ้นสู่อำนาจของระบอบนาซี ในเยอรมัน พร้อมทั้งเปรียบเทียบมโนทัศน์เกี่ยวกับปัจเจกบุคคลใน Symphony หมายเลข 9 รวมทั้งประเมินความสำคัญของระบอบนาซีที่มีต่อการทบทวนภูมิปัญญาของอารยธรรมตะวันตกสมัยใหม่ในช่วงครึ่งหลัง c.20 อภิปรายพร้อมยกตัวอย่างให้ชัดเจน" ใช่ นี่คำถาม 1 ข้อ ;____;


              ความเห็นส่วนตัว : ชอบนะ สนุกดี ได้ความรู้เยอะ เรียนเวสซีฟทำให้ตระหนักถึงความอ่อนด้อยทางปัญญาของตัวเอง ๕๕๕๕๕ อะไรที่เรียนมาตอนมัธยมมันผิดจากในนี้เยอะมาก ประวัติศาสตร์ไม่ควรเป็นข้อสอบช้อยส์จริง ๆ อะ มันตีความได้หลากหลายมากเกินจะเลือกตอบแค่ประโยคสั้น ๆ แบบในข้อสอบเอนท์ ตอนอาจารย์สอนเรื่องนาซีรู้สึกหดหู่มากเกือบร้องไห้ ชอบเรื่อง Enlightenment เป็นพิเศษ ทึ่งในความสามารถของคนในสมัยนั้น รวมทั้งปรัชญาแบบ Menchlichkeit ในเพลง The ode to joy ด้วย (จริงไม่ต้องเมนชั่นถึงก็ได้ แต่อุตส่าห์ท่อง55555555)

              อาจารย์ที่สอนมีแพชชั่นในการสอน มันทำให้เราอินตามอะ หนูตุลย์คือตำนาน สอนแซ่บ เรียนแล้วซาหนูกกก บันเทิง เรียนไปอิจฉาไป... พูดอะไรมากไม่ได้ ต้องมาเรียน 5555555 วิชานี้นอกจากจะเปิดโลกแล้วก็ยังทำให้นิสิตอักษรมีฟามรู้ไปฉอดในทวิตด้วย แหะ ๆ ตอนสอบก็ซัฟเฟอร์นะ ยิ่งมิดเทอม mental breakdown ไปรอบนึงเพราะอ่านไม่ทัน ๕๕๕๕ ยังไงก็อดนอนอ่านมะได้จีง ๆ เพราะการนอนคือ my first priority !!!  


    .


    6. Spanish II

    "Hola Chicos""สาม dos one... Vale!"  --- Aj. David (2019)

              การเรียนการสอน : รอบนี้เราลงเซค 3 ชั่วโมง เพราะอยากเรียนกับ อ. สุกิจเหมือนเดิม ในเซคพิเศษตรงเป็นเซคที่มีคณะอื่นเกินครึ่งเซคเลยมั้ง ก็ดีไปอีกแบบ เพราะเค้าถามคำถามกับอจในห้องเยอะมาก กล้าตอบ แถมยังเก่งมาก ระหว่างที่เค้ารัวคำถาม me//เอ่อ อะไรนะตามไม่ทัน ๕๕๕๕๕ 

              สเปน2 เรียน Preterito Indefenido, Preterito Perfecto, Susjuntivo, Imperativo, Preterito Cus, Preterito imperfecto, Gerundio, Oraciones de relativo ประมาณนี้ ได้เรียน Tense ใหม่ๆ เยอะมาก ผันตาแตก ได้อ่าน External reading ด้วย เรื่อง Catalina, Taxi เป็นเรื่องสั้นๆ ที่งงมากว่าจะสื่ออะไรหรอ ... แน่นอนว่าเปิดดิกเกือบทุกคำ 

              ส่วนคาบ Conver เรียน 2 ชั่วโมงต่อวีค ไม่คิดว่าจะได้เรียนกับ David เหมียนเดิมอีกแล้ว ฮืออออออ ในเซคดาบิดมีปี 1 อักษรที่ถูกสุ่มมาแค่ 3 คน ทำไมชั้นดวงดีแบบนี้ ;_____; แต่เค้าซอฟต์ลงจากตอนเทอมแรก ไม่ซีเรียสกับเวลาเข้าเรียนว่าต้องมาเป๊ะ ๆ ซึ่งก็ควรเป็นแบบนั้นเพราะเรียนไทยลิท ตึกบรม ถึง 16.00 ต้องเดินมาเรียนชั้น 4 มหาจักรต่อถึง18.00 ร้องไห้แล้วนะ 

              เนื้อหาในคาบคอนเวอมักจะอิงจากแกรมม่าร์ เค้าก็เปิดคลิปสอนให้ดูแล้วให้พูด topic กับเพื่อนที่มี Tense นั้น ๆ บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า เนื่องจากเทอมแรกเซคดาบิดมีแต่ปี 1 อักษร ทุกคนจะไม่กล้าพูดอะไรเลย (จริง ๆ อาจจะเพราะฟังไม่ออก เราคนนึงแหละ ถถถถ) เค้าถามก็มองหน้ากันงง ๆ แต่เทอมนี้ในเซคเป็นนอกคณะเกือบล้วนที่ไปแลกเปลี่ยนมา เค้าก็จะตอบฉะฉาน มั่นใจ เล่นมุกกันกับดาบิดด้วย 555555 ก็ผ่อนคลายมากขึ้นนะ แต่ก็ยังได้พูดเยอะมากและตื่นเต้นมากเหมียนเดิมเวลาให้เวลาเตรียมตัวไม่กี่นาที แล้วสลับกับพูดทันที ตอนตอบก็ต้อง Sí, porque.... pero..... ยาว ๆ ไว้ก่อน ฮือ ๆ นึกศัพท์ก็ไม่ออก


              การสอบ : อิงเกณฑ์ มิดเทอม20% ไฟนอล25% External reading 5% ควิซในห้อง15% และ สอบConver อีก 35% *** ไม่แน่ใจสัดส่วนเท่าไรแต่ประมาณนี้ ข้อสอบแกรมม่าร์ก็คล้าย ๆ เดิมคือข้อเขียน เติมคำ compo พาร์ทฟัง etc.

              Conver จะมีให้จับระหว่าง Tema กับ Foto แล้วก็เตรียมตัวตอนนั้นเลย พูดประมาณ 2-3 นาทีห้ามหยุด แล้วดาบิดจะถามคำถามให้ตอบ เราได้ Tema เรื่องชอบไปเที่ยวกับเพื่อนหรือกับครอบครัว บอกเลยว่าลนมากตื่นเต้นมาก ศัพท์ก็เปิดไม่ได้ พูดมั่วไปหมด ทีนี้อีกพาร์ทเป็น Pelea หรือก็คือ fight กันกับคู่ เช่นพูดชักชวนให้พักแถวทองหล่อหรือว่านอกเมือง ก็ต้องพูดข้อดีช้อยส์ที่ตนเลือกสวนกันไปมา 


              ความเห็นส่วนตัว : รู้สึกดีกับภาษานี้มากขึ้นกว่าตอน Spanish I ไม่เกลียดวันที่มีเรียนสเปนแล้ว เย้! (ยกเว้นวันที่เรียนคอนเวอ เพราะเลิกดึก ๕๕๕๕) ส่วนนึงอาจจะเพราะรอบนี้ได้เรียนเซคเดียวกับเพื่อนที่สนิทก็เลยผ่อนคลายขึ้นเยอะมากกกก ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาเทอมนี้ง่ายกว่าเทอมก่อนหรือว่าเริ่มปรับตัวกับสเปนได้แล้ว แฮปปี้เวลาฟังเพลงออก ถึงจะแค่บางคำ สิ่งที่ยังเป็นปัญหาก็คือพาร์ทฟัง เริ่มแต่งประโยคสเปนแบบง่อย ๆ ได้ สกิลแถมาเต็มมากจากคาบคอนเวอ ต้องยอมรับว่าถึงจะซัฟเฟอร์แต่ก็ได้อะไรจากคอนเวอเยอะมากจริง ๆ


    .


    7. Introduction To Translation 

              การเรียนการสอน : เรียน 1.30 hrs 2 วันต่อวีค เราเรียนเซค อ.อติพงษ์ เป็นอาจารย์ที่เก่งมากกกกก เค้าเป็นนักแปลด้วยเลยจะมีประสบการณ์แปลมาเล่าให้ฟัง เรียนแล้วผ่อนคลายมาก ๆ ถึงแม้อาจารย์จะตรวจโหดเบา ๆ (อาจารย์บอกรู้สึกตัวเองหักยิบย่อยเกินจนขอกลับไปตรวจใหม่เผื่ออนุโลมให้บางจุด ถถถถถ) 

              วิชานี้เรียนการ แปลข่าว สารคดี ฟิคชั่น ทั้งไทย-อิ้ง และ อิ้ง-ไทย แต่ละแบบจะมีบทความมาให้ฝึก 5 บทความ อจจะให้แต่ละคนไปแปลมาก่อน แล้วก็มอบหมายให้แต่ละกลุ่มรับผิดชอบแปลบทความ ในคาบอจก็จะเปิดของเพื่อนในจอ โดยอจจะไฮไลต์ตรงที่เด่น ๆ เอาไว้ แล้วก็เฉลยให้ฟังในห้อง แน่นอนว่าการแปลไม่ได้มีคำตอบถูกต้องแค่คำตอบเดียว อาจารย์จะเปิดโอกาสให้เด็กเสนอคำตอบตัวเองด้วย

              ถึงจะบอกว่าแปลเบื้องต้นแต่ก็ไม่รู้ว่าบทความที่เอามามันเบื้องต้นตรงไหน ;____; ข่าวอาชญากรรม นักท่องเที่ยวติดเกาะ เหตุเขื่อนถล่ม สารคดีตั๊กแตนตำข้าวผสมพันธุ์ ชีวิตเพนกวิน ฟิคชั่น Chick Flick ฯลฯ คือเป็นวิชาที่ค่อนข้างจะบุญเก่า คือต้องเลือกใช้คำไทยเป็น แกรมม่าร์อิ้งต้องเป๊ะ ต้องรู้ศัพท์ ยิ่งมีความรู้รอบตัวมากยิ่งดี อาจารย์จะเตือนเสมอว่าแปลในห้องแค่นี้ไม่พอ ต้องพยายามค้นคว้าเพิ่ม อ่านข่าว อ่านบทความเยอะ ๆ


              การสอบ : อิงกลุ่มและเกณฑ์  สอบทุกครั้งที่เรียนจบ 1 แบบ เช่นเรียนแปลข่าวอิ้งไทยจบ สอบ 1 รอบ เก็บ 20 คะแนน เป็นแบบนี้จนครบทุกแบบ ไม่มีมิดเทอม มีแต่ไฟนอล รวม 5 รูปแบบ เก็บ 100 คะแนน ตาแตกเด้อ เป็นวิชาที่หักได้ยิบย่อยมาก ๆๆๆๆ ตั้งท้อง ไม่= อุ้มท้อง สืบสวน ไม่= สอบสวน ส่วนภาษาอังกฤษ a an the ต้องเป๊ะ ใส่ไม่ใส่ s ศัพท์ที่ใช้ต้องเข้ากับบริบท ;___; แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าชีวิตการทำงานยังไงก็ต้องเป๊ะกับเรื่องการแปล ถ้าใช้คำผิด สารและอารมณ์ที่จะสื่อก็จะเพี้ยนไป วิชานี้คืนข้อสอบทุกครั้ง เราก็จะรู้ว่าโดนหักตรงไหนบ้าง คะแนนมีนเซคจะอยู่ตรง 14-15/20 รอบไหนที่ข้อสอบยากก็เคยมี 12 ด้วย


              ความเห็นส่วนตัว : ชอบ!!! รู้สึกว่าทรานเป็นวิชาเปิดโลก เพราะเราไม่เคยแปลอะไรมาก่อน ไม่เคยมีความรู้เรื่องแบบนี้เลย ชอบอีกอย่างคือไม่ต้องอนสไปสอบมาก 55555555 ความอันซีนอะเนอะ ทวน ๆ แค่แบบฝึกก็พอ คะแนนประทับใจที่สุดคือสารคดีไทยอิ้งที่ได้เยอะแบบไม่น่าเชื่อ อยากตบหน้าตัวเองว่าจริงหรือฝันไป ;_____; 

              ที่สำคัญคือ อาจารย์ดีมาก เป็นอีกวิชาที่พิสูจน์ว่าอาจารย์ดีอะไรก็ดีจริง ๆ คืออ.พงษ์เป็นอจที่ให้ emotional support ได้ดีมาก ตอนที่คะแนนข่าวไทยอิ้งออก และเราก็ได้ไม่ค่อยดีอะ อาจารย์ก็พูดในห้องว่าให้ทุกคนสู้ ๆ ปรับตัวไปเรื่อย ๆ อย่าเครียด คือน้ามตาจะไหล TT ชอบที่อาจารย์เปิดโอกาสให้ทุกคนวิเคราะห์ว่าคำนี้ใช้ได้มั้ยเวลาแปลอิ้งไทย "ทุกคนก็เป็นเจ้าของภาษาเหมือนกันหมด พวกหนูว่าคำนี้พอใช้ได้มั้ย" ทุกครั้งที่คะแนนออก อ.จะซื้อขนมซื้อช็อคโกแล็ตซื้อโดนัทมาแจกตลอด บอกว่าจะได้ปลอบใจ ฮืออออ ตอนสอนก็สอนละเอียดมากกก เจาะลึก ลึกแบบสอนไม่ทันเลยทีเดียว ๕๕๕๕ 

              อีกสิ่งคืออาจารย์จะพยายามกระตุ้นให้เด็กเสนอคำตอบตัวเอง ใครมีคำถามอาจารย์จะกระตือรือร้นที่จะตอบตลอด ถ้าอันไหนตอบไม่ได้อจก็จะขอกลับไปหาข้อมูลก่อน + ลงทุกอย่างใน Google drives อีเมลไปถามอาจารย์ได้ตลอด เคยถามไปครั้งนึง อาจารย์ตอบกลับแล้วรู้ชื่อเล่นเราด้วย แง ใส่ใจเด็กมาก ๆ ได้เรียนกับอาจารย์แบบนี้ทำให้เรามีความสุขที่จะเรียนอะ แบบ เห้ย เค้าไม่ใช่แค่ Knowledge giver นะ ทำให้มั่นใจว่าถ้าเราไม่เก๊ทอะไร เค้าก็จะไม่ทิ้งให้เราเคว้งอะ เพราะงั้นทรานเลยเป็นคาบที่เราชอบลำดับต้น ๆ ในเทอมนี้เลย


    .


              (สรุปยาวพอๆ กับเทอมก่อนเลยจ้า ๕๕๕๕) จะบอกว่าตอนต้นเทอมเคยคิดไว้ว่าเทอมนี้สู่ขิตแน่ ๆ เจอทั้งทรานทั้งอิ้งชั้นจะรอดหรอออ ไหนจะสเปนอีก แต่มองย้อนกลับไปแล้วเทอมสองเป็นเทอมที่เราได้อะไรเยอะมาก ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมแบบคนเก่งเต็มไปหมด (คิดว่า) ได้แล้ว mental breakdown ก็ไม่ค่อยเป็นแล้ว เทอมนี้อ่านน้อยลง เล่นมากขึ้น ถือคติตายไปก้อเอาไรไปไม่ได้ ๕๕๕๕๕ อย่างไรก็ดี ก็ยังรู้สึกคิดถูกนะที่เข้าคณะนี้ ทั้งวิชาเรียน ทั้งสภาพแวดล้อมและผู้คน anyway ยังต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปโดนทุบใหม่อีกตอนเข้าเอกปี 2 ฮะ, till next time! ¡Hasta luego!















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
cherh_yun (@cherh_yun)
วิชา(ยกเว้นตัวเข้าเอก)พวกนี้นี่เค้าฟิกมาให้หรอคะหรือว่าเป็นวิชาเลือกลง
bbbababar (@bbbababar)
@cherh_yun บังคับเรียนค่า เป็นเทอมที่บังคับเยอะมาก 18นก.เลย 55555
Lynli (@lynli)
ฮือ เราชอบอ่านอะไรแบบนี้มากเลยค่ะ รู้สึกว่าแบบ เปิดโลก 5555 แต่ละวิชาดูน่าสนใจมากเลยค่ะ แต่ถ้าไปเรียนเองก็คงจะปวดหัวตุบ T _ T เป็นกำลังใจให้นะคะ
bbbababar (@bbbababar)
@lynli ขอบคุณค้าบบบ ดีใจที่มาอ่านน้า