เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
STUDYbabeirv
ฮาวทู IELTS 7.5
  • เมื่อวันที่ 10 พ.ย. เราไปสอบ IELTS Academic Module มาเพื่อใช้เป็นคะแนนยื่นเข้ามหาลัย แล้วก็เพิ่งรู้ผลสอบเมื่อวานซืน (23 พ.ย.) สดๆร้อนๆเลย คะแนนถึงตามที่หวังไว้พอดี เลยอยากเขียนบทความนี้เก็บไว้และเผื่อจะช่วยเป็นแนวทางให้หลายๆคนได้ 

    อันนี้คือคะแนนแต่ละพาร์ทของเรา ไรต์ติ้งได้น้อยกว่าที่หวังไว้แต่ก็สมควรแล้ว5555555 เพราะจัดการเวลาตอนทำข้อสอบไม่ดีจนไม่มีเวลาเช็ค เขียนเกือบไม่ทันและเขียนเละมาก ไม่รู้โดนหักเรื่องลายมือด้วยมั้ย 

    ข้อมูลแต่ละพาร์ทคร่าวๆ
    Listening 
    - 40 นาที เทปเปิดรอบเดียว มี 4 พาร์ท 
    Reading 
    - 60 นาที 3 บทความ 40 ข้อ คำถามมีหลายแนวมาก เช่น ถาม True False Not Given, multiple choices, แมทช์ headings กับแต่ละพารากราฟ
    Writing 
    - 60 นาที มี 2 task โดย task 1 (20นาที อย่างน้อย150คำ)  ให้อธิบาย diagram(เช่น กราฟแท่ง กราฟวงกลม), map หรือ process ส่วน task 2 (40นาที อย่างน้อย250คำ) ให้เขียน academic essay ตามหัวข้อที่กำหนดให้
    Speaking 
    - 11-14 นาที มี 3 พาร์ท พาร์ทที่ 1 เป็นคำถามเกี่ยวกับเรา เช่น ทำงานหรือเรียนอยู่ งานอดิเรก 
    พาร์ทที่ 2 ให้พูดหัวข้อบน cue card 2 นาที มีเวลาให้จดโน้ตวางแผนว่าจะพูดอะไร 1 นาที พาร์ทที่ 3 จะเป็นการ discussion โดยคำถามจะเกี่ยวข้องกับtopicที่เราได้ตอนพาร์ท 2 

    การเตรียมตัว

    เราเรียนพิเศษไปคอร์สนึงตรงสถาบันที่อยู่แถวเซ็นทรัลเวิล์ด เรียนกับอ.ฝรั่งเลย เหตุผลที่เราเลือกที่นั่นหลักๆเลยเพราะเค้ามีตรวจงานเขียนไรตติ้งให้30งานแล้วก็มีจำลองสอบสปีักกิ้งได้3ครั้งด้วย เป็นคอร์สสั้นๆเดือนเดียว เหมือนเค้าเน้นสอนไรต์ติ้งเป็นหลักมากกว่า  ช่วงใกล้สอบเราก็พยายามฝึกทำวันละชุด พาร์ทฟังเราจะฟังเทปอีกรอบตอนอ่านเฉลยไปด้วย ให้มันชินหู บางทีก็ดูaudio scriptตามไปด้วยให้เข้าใจตรงจุดที่ผิดว่าเราฟังพลาดไปตรงไหน บางทีว่างๆก็ฟังpodcastภาษาอังกฤษ เช่น ตอนอยู่ในรถ ตอนอาบน้ำ ส่วนรีดดิ้งเราก็ทำเรื่อยๆ ไม่เข้าใจตรงไหนก็พยายามหาเฉลยอ่านในเว็บ คำถามชอบparaphraseจากในพารากราฟตลอด ไม่ค่อยใช้คำตรงๆ ช่วงใกล้สอบเราปริ้นท์answer sheet จากในเว็บมาแล้วจับเวลาทำ60นาที ต้องเขียนคำตอบให้ทัน บางแพสเสจเลยต้องใช้เวลาทำน้อยกว่า20นาทีเพราะต้องเอาเวลามาเขียนคำตอบ ส่วนไรต์ติ้ง เราฝึกเขียนเยอะมาก หาอ่าน sample answer ของคนที่ได้แบนด์สูงๆเป็นแนวทาง แล้วก็จดว่าคำศัพท์หรือรูปประโยคอันไหนที่น่าเอามาใช้เขียน แล้วก็ควรฝึกเขียนในanswer sheet ของจริง(หาได้จากในเว็บ)เพราะเราจะได้กะได้ว่าถ้าจะเขียน150/250คำ มันจบประมาณบรรทัดไหน ส่วนสปีกกิ้ง เป็นพาร์ทที่เรากลัวมาก เราเรียนโรงเรียนไทยมาตลอด เลยแทบไม่มีโอกาสได้ใช้เท่าไหร่ เวลาพูดภาษาอังกฤษเราเลยไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะสำเนียงเราไทยมากด้วย แต่ก็ดีที่ieltsไม่สนใจเรื่องสำเนียง แค่ให้เขาฟังเรารู้เรื่องก็พอ เวลาฝึกตอนอยู่ที่บ้านก็ตั้งนาฬิกาจับเวลา 2 นาที หาcue card จากในเน็ตแล้วก็พูดไปเรื่อยๆ แล้วก็ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบเราเรียนกับครูฝรั่งจากในเว็บ italki 3 ชม. ด้วย 

    เว็บไซต์ที่แนะนำในการเตรียมตัวสอบ

    http://ieltsliz.com  เว็บนี้มีทุกอย่างจริงๆ 
    https://www.ieltsadvantage.com/  
    https://www.ieltsbuddy.com
    https://www.ielts-mentor.com/cue-card-sample หัวข้อสปีกกิ้งพาร์ท 2 
    https://www.readingielts.com เฉลยรีดดิ้งแบบละเอียดของแบบฝึกหัดในหนังสือ
    https://www.ieltsdeal.com/category/reading/cambridge-reading/

    หนังสือที่ใช้

    เล่มOfficialอันนี้ คือ must-have มากๆ มีสอนแยกเป็นสกิลตั้งแต่พื้นฐานและบอกเทคนิคในการทำข้อสอบ ข้างหลังมี Practice tests 8 ชุดให้ทำ 
    พวกนี้ก็เป็นเล่มข้อสอบเก่า  แต่ละเล่มมี4ชุด เราซื้อมาทำตั้งแต่เล่ม 9-13 เลย (แต่ทำไม่หมด)

    วันสอบ

    เราสมัครสอบกับ IDP เลือกสอบสปีกกิ้งวันเดียวกัน ได้สอบสามพาร์ทแรกที่โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ สปีกกิ้งได้สอบที่ตึกซีพี สีลม เดินจากโรงแรมไปแป๊ปเดียวถึงเลย ตอนเช้า ไปถึงก็เจอคนจีนหลายคนมาสอบ เขามีให้สแกนนิ้ว ถ่ายรูป ห้ามเอาอะไรเข้าห้องสอบเลยยกเว้นบัตรประชาชนกับขวดน้ำ(ซึ่งต้องแกะฉลากออกก่อนด้วย) ดินสอยางลบมีเตรียมให้หมด ตอนแรกเราคิดว่าเอาไฮไลท์เข้าห้องสอบได้ด้วย (ปกติเวลาฝึก  ใช้ไฮไลท์ทำรีดดิ้งตลอดเลย)เพราะคุ้นๆว่ามีคนบอกว่าใช้ได้ แต่เค้าไม่ให้เอาเข้าเลย ก่อนเข้าห้องสอบก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะไม่มีเวลาพักเบรคให้ ถ้าจะเข้าก็ต้องเข้าระหว่างสอบรีดดิ้งหรือไรต์ติ้งอยู่เท่านั้น แล้วมันจะเสียเวลาทำข้อสอบมากๆ ปกติก็แทบทำไม่ทันอยู่แล้ว 55555 เข้าไปก็นั่งรอ มีทดสอบหูฟังอินฟราเรดก่อนเริ่มเทปด้วย บนมุมโต๊ะจะมีชื่อเราเขียนไว้และบอกเวลาสอบสปีกกิ้ง 

    สอบเสร็จสามพาร์ท เราก็ไปกินข้าว อ่านหนังสือรอที่แมคโดนัลด์ข้างๆตึกซีพี เราได้คิวสอบตั้ง5โมงเลยว่างยาวๆมาก พอ4โมงครึ่งก็ขึ้นไปนั่งรอ เข้าห้องสอบไปก็ทักทายexaminer ยื่นบัตรประชาชนให้เขา พาร์ท2เราได้หัวข้อ describe a time when someone gave you money พอเห็นหัวข้อแล้วก็ตกใจ คิดว่าตายละ จะพูดยังไงดี เพราะไม่เคยมีใครให้เงินเราเป็นรางวัลเลย แต๊ะเอียก็ได้น้อย 555555 หนึ่งนาทีที่ต้องแพลนนั้นเลยต้องเมคเรื่องขึ้นมา  พอพาร์ท3 เราโดนถามเรื่อง เงินสดกับบัตรเครดิต คืออึ้งไปเลย เขาถามประมาณว่าแบบ คิดว่าในอนาคต ประเทศไทยจะเป็นสังคมไร้เงินสดมั้ย แล้วอีกคำถามที่เราอึ้ง ตอบไปไม่เป็นเลย คือ ทำไมคนทั่วไปถึงนับถือคนที่มีเงินมากกว่า ณ ตอนนั้นคือหัวว่างเปล่ามาก ตอนตอบจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไป แถมตะกุกตะกักอีก แต่พอสุดท้ายสอบเสร็จแล้วรู้สึกเหมือนปลดปล่อยทุกอย่าง จริงๆเราก็เฟลกับหลายอย่างเหมือนกัน พาร์ทฟังหลุดไป3-4ข้อ ไรต์ติ้งก็แย่มากๆ สปีกกิ้งก็แก้ประโยคตัวเองบ่อย มีเอ่อ เอิ่ม พูด he use แบบไม่มี s ต่อท้าย เทนส์ไม่รู้ว่าลืมผันมั้ยด้วย แต่ก็พยายามเลิกคิดเพราะมันผ่านไปแล้ว แก้อะไรไม่ได้แล้ว ทั้งๆทีคณะrequire overall 6.5 แค่เอาผ่านเกณฑ์ก็พอแล้ว เราจะไปเครียดทำไมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  

    เทคนิคในการทำข้อสอบ 

    Listening - ต้องโฟกัสมากๆ ห้ามหลุดเลย แต่ถ้าหลุดไปแล้วก็ปล่อยไป ให้ตั้งใจฟังข้อถัดไปเลย ค่อยกลับมาคิดข้อเก่าตอนช่วง10นาทีสุดท้ายที่เขาให้transferคำตอบ, ระวังเรื่อง s/es สำคัญมาก, อ่านคำสั่งดีๆว่าเขียนได้กี่คำ เช่น WRITE NO MORE THAN ONE WORD ก็เขียนได้แค่คำเดียวเท่านั้น 
    Reading - เขียนตอบลงไปเลยบทกระดาษคำตอบ เพราะเขาไม่ให้เวลาtransferคำตอบแบบพาร์ทฟัง, เขียน T F NG ได้ใน answer sheet แทน true false not given ได้ Y N NG ก็แทน Yes No Not Given ได้เหมือนกัน, อ่านคำถามก่อน, ไม่ต้องอ่านหมดทั้งแพสเสจ แค่skim&scan  (เน้นอ่านสองประโยคแรกของและประโยคสุดท้ายของพารากราฟเพื่อให้เข้าใจคร่าวๆว่ามันเกี่ยวกับอะไร) 
    Writing - แบ่งเวลาดีๆ ควรแพลนก่อนเขียน และเผื่อเวลาเช็คด้วย, ศึกษาประเภทของessayมาก่อน ลองฝึกเขียนหลายๆแบบ, paraphrase, ใช้ complex sentences, อย่าใช้ภาษาinformal
    Speaking - ไม่ต้องกังวลมาก คิดว่าเล่าเรื่องให้เพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติฟัง, อย่าใช้คำศัพท์ยากๆโดยไม่เหมาะสมกับบริบท, เมคเรื่องได้ถ้าเราไม่รู้จะพูดอะไรต่อในพาร์ท2, ใช้ discourse markers ให้ดูเป็นธรรมชาติ เช่น Personally speaking, Well......(ลากเสียงเพื่อเป็นการถ่วงเวลาตอนไม่รู้จะตอบอะไร 555555) แล้วก็พวก transitions ( however, also, because etc.), ใช้ tenses ที่หลากหลาย, พูดให้คล่อง ยาวๆ, ไม่พูดmonotone, ใช้ complex sentences เช่น relative clause, if clause 

    แนะนำให้ลองไปอ่านจาก band descriptors ด้วย จะได้รู้ว่าเราต้องพัฒนาตรงไหนเพื่อให้ได้bandเท่านั้น 

    หวังว่าบทความนี้จะช่วยหลายคนได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ถึงมันจะแอบเหมือนไดอารี่บ่นขิงข่ามากกว่าว่าวันสอบเจออะไรบ้าง 555555 ก็ขอให้ทุกคนโชคดี ได้คะแนนตามที่หวังค่า 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in