เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Journalnichised
Zealandia: The Sanctuary
  • Zealandia ที่เรากำลังจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ของประเทศนิวซีแลนด์ในเมือง Wellington เมืองหลวงของประเทศนิวซีแลนด์ อยู่ทางใต้ของเกาะเหนือ(อย่า-งง) สารภาพว่าก่อนไปเราไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย แค่เห็นว่าดูมีแนวโน้มจะสวยและใกล้เลยไป ไม่ได้วางแผนด้วยตอนนั้นเดินเล่นไปเรื่อยๆแล้วไปโผล่หน้าป้าย shuttle bus ที่รถบังเอิญมาถึงพอดี มีเพื่อนร่วมทางเป็นอาเจ๊จากอังกฤษที่ทำอาชีพลาดตระเวณในอุทยานแห่งชาติ(เท่โคตร!) ซึ่งผลจากความเดินหลงทางมาเจอป้ายรถนี้คือเราประทับใจที่นี่มาก ตัวสถานที่ไม่ได้สวยงามเป็นพิเศษอะไร เพราะทั้งประเทศก็สวยพร่ำเพรื่อไปหมดแล้ว ไว้มีแรงกายแรงใจจะมาเล่าให้ฟังวันหลัง แต่ที่เราประทับใจมากๆคือแนวคิดในการสร้างพื้นที่อนุรักษ์ตรงนี้นี่แหละ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรากำลังจะมาเล่าให้ฟัง

    ก่อนอื่นเราต้องขอเล่าก่อนว่านิวซีแลนด์เป็นเกาะที่มี endemic species คือมีสิ่งมีชีวิตที่มีเฉพาะที่นี่ ที่เดียวในโลก เพราะนิวซีแลนด์เป็นประเทศเกาะที่แยกตัวออกมานานจนมีสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการในพื้นที่นั้นแยกออกจากที่อื่น เกาะนิวซีแลนด์มีกีวีอันโด่งดังและนกหลายชนิดบินไม่ได้ เพราะไม่ค่อยมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และไม่มีผู้ล่า ผู้ล่าชนิดเดียวที่เคยมีในเกาะนี้คือ Haast's eagle ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเช่นกัน นกหลายชนิดในสองเกาะนี้ก็เลยบินไม่ได้หรือไม่ได้มีสกิลเอาตัวรอดเยอะแยะอะไร เช่น กีวี่ หรือโมอา(สูญพันธุ์ไปแล้ว) เพราะชีวิตมันปลอดภัยมากนั่นเอง เอาง่ายๆลองเทียบกับประเทศออสเตรเลียที่ใกล้กันนิดเดียว แต่แมงมุมไปแอบในรองเท้าก็ฆ่าคนได้ ในขณะที่ประเทศนี้ไม่มีสัตว์อันตรายจนคนเดินถอดรองเท้ากัน

    ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อมนุษย์กลุ่มแรกคือชาวโพลีนีเชียนเจอเกาะนี้เมื่อ 800 ปีก่อน ก็เริ่มพาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโดยเฉพาะสัตว์ฟันแทะที่รบกวนระบบนิเวศจากพื้นที่อื่นเข้ามา ผู้คนเริ่มล่าสัตว์ และหนักกว่าเดิมคือตอนคนอังกฤษเจอเกาะนี้ก็พาสุนัข แมว พอสซั่ม วีเซิล หนู ม้า เข้ามาตั้งรกรากกันที่นี่ ทำให้สัตว์และพืชพื้นถิ่นที่ไม่เคยชินกับการมีสัตว์ประหลาดป่าเถื่อนมากมายแบบนี้เริ่มอยู่ไม่ได้ อ่อนแอก็แพ้ไป


    ผู้ก่อตั้ง Zealandia คือ Jim Lynch เจอหุบเขา(valley)นี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น Zealandia ตอนทำรีเสิชของอ่างเก็บน้ำ Karori ทันทีที่เขาเห็นหุบเขานี้ลุงจิมก็อ่านขาดว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับพื้นที่ชิ้นนี้ให้ได้


    "In 1990, Chris Matheson and I had sneaked in the back way behind the scout den at Campbell Street and walked down the track to the top dam. I can still remember the feeling of awe as we walked out onto the dam into this amazing valley (the dam was full at that time). It was then that I knew we would have to do something very special with this place one day." - Jim Lynch

    ต้องขอบคุณวิสัยทัศน์ของลุงที่มองเห็นว่าทำเลนี้มีเขื่อนกั้นแยกจากพื้นที่อื่น และลุงได้ไอเดียจากการทดลองใช้รั้วไฟฟ้ากั้นหนูออกจากพื้นที่มาสร้างกำแพงกั้นให้กับพื้นที่ชิ้นนี้


    มีการคำนวนความสูงของรั้วจากระยะสูงสุดที่สัตว์พวกนี้จะกระโดดได้ด้วย


    ก่อนเข้าออกเส้นทางธรรมชาติก็มีประตูหลายชั้น ฟีลลิ่งจูราสสิกปาร์คสุดๆ แต่ต่างกันตรงไม่ได้กันสัตว์ร้ายออกมา กันสัตว์ร้ายเข้าไป

    หลังจากเขียนแผนการจัดการ ด้วยความรู้ในการเชิงชีววิทยา ออกแบบ และอนุรักษ์ ด้วยตนเอง ของบจากองค์กรต่างๆมาจัดการพื้นที่ 1400 กว่าไร่ หรือ 225 hectare ทำให้พื้นที่ตรงนี้ กลายเป็น Zealandia ขึ้นมา



    ความสวยงามของโครงการนี้คือพื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็น “Sanctuary” ให้กับสัตว์พื้นถิ่นใกล้สูญพันธุ์ที่เคยหายไปเริ่มกลับมา ซึ่งเขาไม่ได้จับสัตว์ทั้งหมดมาขังเก็บไว้แบบสวนสัตว์ แต่สร้างพื้นที่ปิดขนาดใหญ่ให้สัตว์มาอยู่เอง และเปิดให้คนเข้าชมเพื่อปลูกฝังแนวคิดเรื่องความสำคัญของระบบนิเวศที่นี่ แล้วเป้าหมายก็ไม่ได้จบแค่ปัจจุบันที่เปิดให้ผู้คนเข้ามาชมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆอย่างเดียว แต่มีฟังชั่นสามารถใช้งานได้จริงในอนาคตที่จะทำให้ระบบนิเวศแข็งแรง มีความหลากหลายของ gene pool ไปอีก นึกภาพต้นไม้โต สัตว์ทำรังแบบในสารคดีแต่ไม่กด fast forward อะ หวังจะฟื้นฟูธรรมชาติในโลกที่เวลาเดินทางเป็นเส้นตรงก็ต้องรอไป



    ความรู้สึกตอนที่พวกนกกับกิ้งก่าทั้งหลายมาเจอที่แห่งนี้ต้องฟีลแบบใน The Land Before Time ตอนเจอ The Great Valley อะ ปลอดภัยจากผู้ล่าและมีข้าวกิน




    เราประทับใจที่คนที่นี่ใส่ใจธรรมชาติมากๆ วางแผนที่จะดูแลในระยะยาว คือเขารู้ว่าเขามีของดีแล้วก็รักษาอะไม่ได้ทิ้งๆขว้างๆแบบประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำแพงที่สร้างก็เพราะเหตุผลทางชีววิทยาไม่ใช่การเมืองผีบ้า

    (ขอโทษ เผลอหัวร้อนไปหน่อย) (ถ้าเราให้ข้อมูลอะไรผิดไปก็ช่วยทักด้วยนะ) (ฮิ)

    อยากทักทาย ด่าทอ หรือชวนดูการ์ตูนไดโนเสาร์ได้ที่ twitter: @ksdholler


    อ้างอิง: https://www.visitzealandia.com/

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Silapa Junior (@silapa.junior)
อ่านสนุกได้ความรู้มากเลยครับ
ส่วนตัวเคยไป NZ ตอนเด็กๆ เป็นประเทศที่ชอบมากๆ คำว่าสวยพร่ำเพรื่อเหมาะแล้วจริงๆ : )
nichised (@ksdholler)
@silapa.junior เนอะ สวยมากๆเลย ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ :)