คือเรากับเพื่อนเนี่ย อยากจะพิสูจน์ว่าประเทศนี้พื้นที่สีเขียวดีสมคำร่ำลือตามที่เรียนมามั้ย ตอนจะไปเที่ยวเลยไปรีเสิชหาพวก Green Corridor กับทางจักรยานมา (เพราะไม่มีตังไปเที่ยวที่แพงๆนั่นเอง) ในส่วนของตัวเมืองนั้นเราก็ไปเดินมาเหมือนกัน ก็สวยงามตามท้องเรื่องแบบเมืองทรอปิคอลที่ดี และคงช้าไปสิบปีที่จะมาบอกว่าเซนโตซ่า คลาร์กคีย์ ออร์ชาร์ด หน้าตาเป็นไง คงต้องรอตอนรีโนเวทรอบหน้า ฮ่าๆ
Macritchie เนี่ยก็ดังอยู่ อาจจะไม่ใช่จุดหมายที่ทุกคนตั้งใจจะไป แต่จะบอกว่าฝรั่งทั้งเกาะสิงคโปร์กองกันอยู่ในป่านี้ ใครอยากไปตามหาหนุ่มสาวนักกีฬาก็เชิญได้ ร้อนชื้นคนตัวเปียกกันทั้งเทรล หายใจแต่ละทีรู้สึกว่าอากาศหนักมาก แต่เราว่าหน้าตามันเนียบไปหน่อย มาจากประเทศไทยดินแดนที่ต้นไม้ชนเสาไฟฟ้า รู้สึกไม่ชินเลย เขียวชะอุ่มสวยงามไปทั้งป่าขนาดนี้มีคนมารดน้ำต้นไม้ให้ทุกวันมั้ยอะ
Tree Top Walk อันโด่งดังของ Macritchie ที่นี่ก็งั้นๆ จุดชมวิวบนยอดไม้ สูง 40 เมตร ที่สะแกราชยังน่าตื่นเต้นกว่า เราว่าเพราะโครงสร้างสะพานมันน่าเบื่อและต้นไม้ดูปลอมๆ ความน่าตื่นเต้นที่สุดของทริปวันนี้สำหรับเราคือลุ้นว่าจะโดนลิงตบกล้องมั้ย
Boardwalk สีเหลืองนี่ก็เช่นกัน เนียบ สวยงาม และเปียก
Punggol เราไปขี่จักรยานมาทั้ง Punggol Jetty บอกเลยว่าเส้นทางกรีนเวย์ทางจักรยานทั้งหลายนั้นหลอกลวง เพราะยังสร้างไม่เสร็จจ้า ขี่อยู่ได้สั้นๆ หลุดออกไปก็เป็นพื้นที่ก่อสร้าง มีแต่สังกะสีบังวิว บางโซนนี่อย่าว่าแต่ขยะที่ลอยมาจากมาเลย์เลยค่ะ น้ำยังไม่ได้เห็น5555
เราเลยกัดฟันขี่จักรยานย้อนกลับไปทาง Coney Island (กัดฟันไม่ใช่เพราะเหนื่อย แต่เพราะต้องขี่ผ่านไซต์ก่อสร้างทางเดิม) เข้าจาก West Entrance ก็สวยๆดี ทางจักรยานเป็นทรายท้าทายกล้ามขา มีป่าสนตามทางพอให้ถ่ายรูปสวยๆกรุบกริบ
แต่ทางริมน้ำเด๋อมาก ไม่มีหาดทราย ไม่มีป่าโกงกาง ทุกอย่างล้วนสร้างขึ้นมาเองตามคอนเซปประเทศนี้ เป็นพื้นแข็งๆแห้งๆ เราก็ได้แต่ตากแดดมองขวดโค้กที่ลอยมาจากมาเลย์ไปตอนนั่งพักกินขนม
เราพยายามจะขี่จักรยานย้อนมาทางใต้ อยากจะไปหา Punggol Waterway Park แต่เนื่องจากเป็นลิงที่ราบ เติบโตมาในดินแดนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เจอเนินสูงมากไปสองอันเลยต้องขอลา ขี่กลับทางเดิม
ก่อนกลับก็แวะข้างทาง เผื่อจะเจอเนินที่เตี้ยลง แต่เป็นแค่ทางรถไฟเก่ากับใต้ทางอะไรซักอย่าง สาบานว่าร้าง คือต้องตัดหญ้าเรียบขนาดนี้เพื่อใคร หน้าออฟฟิศเรายังไม่เนียนงี้เลย
Upper Bukit Timar อันนี้เราตั้งใจจะไปตามบล็อกนี้ แต่ไปผิดทาง จริงๆต้องเดินลงทิศใต้ แต่เราเดินขึ้นทิศเหนือ(ร้องไห้) ด้วยความมั่นหน้า หลังจากที่รู้ว่าเดินผิดทางแล้วก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะอยากพิสูจน์ว่า Green Corridor ของประเทศนี้ใช้งานได้จริงมั้ย
ทางช่วงต้นๆก็ทำไว้ดีมาก เขียว เนียบ รดน้ำทุกวัน ไม่มีใบไม้เหี่ยว ตามแบบฉบับสิงคโปเรี่ยน แต่พอเดินไปเรื่อยๆ ทางเดินสีเขียวที่เราเดินก็ดูซอมบี้มากขึ้นๆ เจอเหี้ย 1 ตัว แถมทางยังตันแล้วยกระดับมาสูงอีก ก็ต้องปีนลงไปเพราะมีสันดานไม่ชอบเดินกลับทางเดิม
จริงๆแล้วมันเหมือนทางข้างถนนที่อยู่หลังบ้านชาวบ้านแถวนี้อะ มีคนมาวิ่งจ้อกกิ้งตอนบ่ายสองด้วย คาดว่าไพรม์ไทม์อาจจะฮ็อตใช้ได้
เดินไปเรื่อยๆมีลานหญ้าที่ใหญ่มากอยู่ นี่ก็สงสัยกับเพื่อนว่าเดินได้มั้ย ทำไมต้องมีป้าย Danger กูเหยียบกับระเบิดมั้ย สุดท้ายแล้วเดาว่าน่าจะเพราะพื้นไม่เรียบ เพราะตอนเราไปเดินถนนบล็อกถัดไปเจอหลุมใหญ่มาก เดินแล้วสะดุดลงไปนอนกองกับพื้นเพราะมัวแต่ถ่ายวิดีโอไม่มองทาง
สิ่งนี้คืออะไรคะ ตอบ มาชูปิชูแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรอม
จริงๆแล้วเดินไปไกลมาก ไม่ใช่เพราะถึกหรือขยันแพชชั่นล้น แต่หาทางออกไม่ได้ คือทางเดินหลายช่วงตัดขาดจากถนนมากๆ นี่ก็สงสัยว่าทำไว้ให้ใครใช้ นอกจากคนบ้าจากประเทศไทยสองคนที่อยากมาเดินดูว่า Green Corridor ประเทศนี้มีจริงมั้ย หรือเป็นตำนานของภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม เพราะถ้าเข้าจากทางบ้านคนก็มีรั้วและทางระบายน้ำกั้น คืออาจจะอยากทำอยากใช้แต่ตังไม่พอ จริงๆแล้วคนประเทศนี้น่าจะมีความพยายามสร้างและมาใช้พื้นที่สีเขียวประมาณนึง
แต่ทั้งหมดนี้เราว่าก็คุ้มค่านะ ถ้าไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมาจะเห็นเลยว่าเขาสร้างทุกอย่างขึ้นมาเองจากเมืองที่ขยะเยอะมาก จนกลายเป็นเมืองที่กระดาษซับมันแผ่นเดียวร่วงในรถไฟใต้ดินแล้วคนมองกันเหมือนเจอแมลงสาบอะ ต้นไม้ก็ต้องรอโต เงินก็ต้องผลิต โซน Upper Bukit Timar ที่เราไปเดินมาก็ถือว่านอกเมืองรอพัฒนามากๆ นึกภาพประมาณรังสิตมีทางเดินสีเขียวร่มๆละดูแลอย่างดีอะ โห ความพยายามนี้ คุณภาพชีวิตคนชานเมืองตอนจับโปเกมอนต้องดีมากแน่ๆ อยากให้โปเกมอนเทรนเนอร์ในประเทศไทยมีที่ยืนร่มๆบ้างค่ะ ฝากไปถึงรัฐบาลที่ไม่ได้ทุจริตและถูกกฎหมายด้วยค่ะ
ปล. คิดจะไปเดินตากแดดทั้งวัน อย่าใช้ครีมกันแดดสูตรน้ำ อาบเหงื่อประเทศเส้นศูนย์สูตรแบบนี้ควรลงทุนค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in