นี่เป็นการไปสิงคโปร์รอบที่3ของเรา จุดมุ่งหมายคือไปดูคอนเสิร์ต Of Monsters and Men (อาจมีการเขียนถึงในภายหลังถ้าเรียบเรียงสติได้55) เอาจริงๆเราไม่ได้คาดหวังอะไรกับทริปนี้หรอก นอกจากไปสักการะแม่Nanna แต่ในวันที่3ของทริป หลังจากที่เฟลไปกับหลายๆอย่าง เดินวันละหลายกิโลจนเท้าพองมีตุ่มน้ำบนนิ้วนางที่ใหญ่เท่านิ้วนางitself เราก็ค้นพบความพีคอย่างหนึ่งของทริป คือนิทรรศการ Future World: Where art meets science จัดแสดงอยู่ที่ ArtScience Museum ตรง Marina Bay ราคาก็ 16 sgd ประมาณ 400 กว่าบาทไทย (แพงกว่าRed Dot Design 2เท่า แต่คุ้มกว่ามาก อีเรดดอทนี่ไปกินกาแฟก็พอ เปลืองตัง555 เราจบดีไซน์มาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าชื่นชม ฮ่าๆ)
คือนิทรรศการอันนี้ teamLab ผู้ออกแบบนิทรรศการนี้บอกว่าใช้ทั้ง ศิลปิน, วิศวกร, โปรแกรมเมอร์, นักคณิตศาสตร์, นักออกแบบ, สถาปนิก ในการสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา ที่นี่จัดแสดงทั้งหมด 4 โซน แต่ขอสปอยเลยว่าสามอันแรกงั้นๆ เราชอบอันสุดท้ายสุด
Nature
โซนนี้ก็ตามชื่อเลย เงียบๆ สวยๆ เอื่อยๆ เหมือนไปเที่ยวธรรมชาตินะแหละ ไม่ได้มีแสงสีให้ตื่นเต้นอะไร แต่ก็ดีใช่มั้ยล่ะ
ความเด็ดของนิทรรศการชุดนี้ ผู้ออกแบบบอกว่าผู้เข้าชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับตัวนิทรรศการได้งี้ ห้องนี้มีดอกไม้ ใบหญ้า ผีเสื้อ ลอยไปมา งอก เหี่ยว ตามแต่ว่าคนจะไปอยู่ที่ไหน หมายความว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การเอาวิดีโอมาฉายโปรเจคเตอร์แล้วให้มันลูปไปเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะมีเราเข้าไปอยู่ในนั้น และมันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง ดูสิความลงทุนนี้ เขาบอกว่าที่ทำแบบนี้เพราะเชื่อว่า มนุษย์กับธรรมชาติไม่ได้เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ระบบนิเวศที่แข็งแรงควรจะมีทั้งมนุษย์และธรรมชาติ (แทนที่จะมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์แบบตัวโกงในหนังไซไฟชอบคิดอะ)
ห้องนี้ชิลมาก เดินเข้ามามีหมอนกองเต็มห้อง คนนอนเป็นคู่ๆ เพลงฟังสบาย เรานี่แทบหลับ ห้องนี้ teamLab จะบอกเราเรื่องโลกร้อน น้ำแข็งละลาย น้ำจะท่วมโลกแล้วนะ นี่เราfast forwardให้ดู อีก100ปีข้างหน้าน้ำจะท่วมภูเข้าพวกนี้หมดแหละ ชาวลิงที่ราบอย่างกรุงเทพนี้ไม่เหลือแน่นอน เออ แต่ห้องนี้เป็นวิดีโอฉายวนลูปไปเรื่อยๆแหละ นับว่าเป็นมะเขือเทศสีดาที่ปนอยู่กับมะเขือเทศเชอร์รี่ชัดๆ
Town
โซนนี้จะบอกว่าสนุกมาก เขาให้เราระบายสีตามแบบนี่ เอาไปใส่เครื่องแสกน แล้วรถ ตึก อะไรที่เราวาดก็จะไปโผล่บนกำแพงที่ฉายอนิเมชั่นของเมืองนี้แหละ เอาไปปริ้นท์ออกมาเป็นแพทเทิร์นต่อโมเดลได้ด้วย แต่นี่ยังไม่ได้ต่อเลย กองอยู่ที่เดิมตั้งแต่กลับมา ไม่มาเขียนเรื่องนี้ก็คงลืมไปแล้ว
มีโซนที่เราสามารถไปเล่นกับอนิเมชั่นที่ฉายมาได้หลายอันเลย เด็กวิ่งกันวุ่นวาย มีสไลเดอร์อันใหญ่ ที่ไถลงมาได้พร้อมกัน 4-5 คน มีอุโมงค์ที่ไม่รู้ให้เอาไปมุดทำไมจะจำลองเมืองยุคสงครามเวียดนามหรอ
ก็นับว่าเป็นโซนที่บันเทิงเหมือนชีวิตคนเมืองอะ คูลๆ วุ่นวายๆ แต่ก็ไม่น่าเบื่อดี
Park
อันนี้ลูกบอลจะเปลี่ยนสีและเพลงที่เล่นไปตามการเคลื่อนไหว ก็คือพอเราเตะบอลใส่เด็กแถวนั้นมันก็จะเปลี่ยนสีที สนุกดี เป็นเด็กโข่งกับเพื่อนสองคนในนี้ ดูสิมีแต่ผู้ใหญ่ยืนรอบๆ นี่เล่นจนเสร็จละพึ่งรู้สึกตัว
โซนนี้ก็เหมือนเมื่อกี้เลย วาดรูปสัตว์น้ำแล้วมันจะไปอยู่ในอนิเมชั่นบนกำแพง เหมือนจะมี #TeamCap อยู่แถวนี้ สาบานได้ว่านี่ไม่ใช่เรา ถึงแม้เราจะเผลอแสดงความงั่งไปในโซนนี้เยอะมากเพราะวิ่งตามปลามาร์ลินที่ตัวเองวาดแล้วไปเซลฟี่ด้วย
teamLab บอกว่า แนวคิดของโซนนี้คือการเล่น ใช่สิไปสวนก็ต้องไปนันทนาการ สันทนาการงี้แหละ โอเคยอมๆ
Space
มาถึงแล้ว โซนที่เราชอบที่สุด ทางเข้าโซนนี้จะเป็นทางแคบๆ มีไฟLEDห้อยยาวๆไปตลอดทางเป็น 3D
ความรู้สึกตอนเข้าไปยืนข้างในมันสวยมาก เพลงก็ดี เหมือนทุกคนในนั้นรวมทั้งเราด้วยอยากจะถ่ายรูปทุกอย่างเก็บไว้ให้ได้เยอะที่สุด เหมือนลอยอยู่ในอวกาศแล้วมีดาวหางวิ่งผ่านไปน่ะแหละ
พอออกมาจากห้องนั้น ก็เป็นสเปซมืดๆว่างๆ คือเราไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากยืนดูเฉยๆ หรือจะไปจิ้มเอาก็ได้ ว่าอยากจะสร้างดาว เนบิวล่า ปล่อยดาวตก บิ๊กแบง มีหมด เหมือนจำลองจักรวาลจริงๆมาอะ เราอยู่ในนั้นเราก็ดูไม่ออกหรอกว่ามันคืออะไร เห็นแต่แสงวิ่งๆตามเพลงอยู่รอบตัว แต่พอเดินออกมามองกลับไปแล้วมันสวยเหลือเกิน เรานั่งอยู่ในห้องนี้นานมาก จนมิวเซียมปิดอะละเขาไล่กลับบ้านอะ
เราว่าความพีคของโซนนี้ไม่ใช่การที่เราสามารถเอานิ้วจิ้มสั่งจากไอแพดว่าจะสร้างดาวอะไรอะ แต่คือการที่มวลและการเคลื่อนไหวของเราเกี่ยวข้องกับ "จักรวาล" ในห้องนี้อะ ละดูไอน์สไตน์บอกสิ
"When forced to summarize the general theory of relativity in one sentence: Time and space and gravitation have no separate existence from matter." - Albert Einstein
มวลของเราที่เคลื่อนที่ผ่านห้องนี้ไปมันส่งผลกับดาวด้วยอะ! ความเว่อร์นี้ รู้สึกสวยและยิ่งใหญ่ คูลกว่าเป็นพระเจ้าจิ้มจอไอแพดอีก นับว่า teamLab คิดมาเยอะมากๆ เชื่อแล้วว่า art meets science
(แอบขำที่ตอนแรกทุกคนมัวแต่ถ่ายรูปข้างในจนไม่รู้ว่าต้องถอยมาดู มีอยู่ช่วงหนึ่งคนเดินออกไปเลยไม่หยุดดูก็มี จนเริ่มมีคนยืนดูเยอะๆเนี่ยแหละ คนก็มายืนตามๆกันยืนดูอยู่ด้วยกันนานมาก บางคนก็นั่งดูกับพื้น พิงกำแพง จังหวะนั้นเหมือนนัดกันมานอนดูดาวอะ ตื้นตัน555)
หมดละ ต่อไปนี้ความเห็นส่วนตัวต่อนิทรรศการโดยรวม: เราว่าการแบ่งหัวข้อยังดูงงๆนิดหน่อย Nature, Town, Park, Space นี่อะไร เป็นการจัดกลุ่มแบบ วงกลม, สี่เหลี่ยม, หัวใจ, มิกกี้เมาส์ หรอ หรือเราไม่เก็ทเองก็ไม่รู้ ใครเข้าใจมาอธิบายเราที แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีของเรามากๆ (เกือบจะมากพอๆกับการไปดูคอนเสิร์ตแถวหน้าสุดแบบฟร้อนท์แมนแทบจะเหยียบหน้า ขออวดหน่อย ฮ่าๆ) ใครมีโอกาสได้ไปก็ลองแวะไปดู ถือว่าคุ้มค่า ตอนนี้เหมือนที่ไทยจะมีอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์
กดนี่ แต่ไม่มีอวกาศสุดคูลนะ ราคา350บาท เป็นการจัดแสดงงานของ teamLab ลองหารีวิวดู เราว่าเราเห็นแว้บๆในพันทิป
ความเด็ดของนิทรรศการชุดนี้ ผู้ออกแบบบอกว่าผู้เข้าชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับตัวนิทรรศการได้งี้ ห้องนี้มีดอกไม้ ใบหญ้า ผีเสื้อ ลอยไปมา งอก เหี่ยว ตามแต่ว่าคนจะไปอยู่ที่ไหน หมายความว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การเอาวิดีโอมาฉายโปรเจคเตอร์แล้วให้มันลูปไปเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะมีเราเข้าไปอยู่ในนั้น และมันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง ดูสิความลงทุนนี้ เขาบอกว่าที่ทำแบบนี้เพราะเชื่อว่า มนุษย์กับธรรมชาติไม่ได้เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ระบบนิเวศที่แข็งแรงควรจะมีทั้งมนุษย์และธรรมชาติ (แทนที่จะมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์แบบตัวโกงในหนังไซไฟชอบคิดอะ)
โซนนี้จะบอกว่าสนุกมาก เขาให้เราระบายสีตามแบบนี่ เอาไปใส่เครื่องแสกน แล้วรถ ตึก อะไรที่เราวาดก็จะไปโผล่บนกำแพงที่ฉายอนิเมชั่นของเมืองนี้แหละ เอาไปปริ้นท์ออกมาเป็นแพทเทิร์นต่อโมเดลได้ด้วย แต่นี่ยังไม่ได้ต่อเลย กองอยู่ที่เดิมตั้งแต่กลับมา ไม่มาเขียนเรื่องนี้ก็คงลืมไปแล้ว
อันนี้ลูกบอลจะเปลี่ยนสีและเพลงที่เล่นไปตามการเคลื่อนไหว ก็คือพอเราเตะบอลใส่เด็กแถวนั้นมันก็จะเปลี่ยนสีที สนุกดี เป็นเด็กโข่งกับเพื่อนสองคนในนี้ ดูสิมีแต่ผู้ใหญ่ยืนรอบๆ นี่เล่นจนเสร็จละพึ่งรู้สึกตัว
โซนนี้ก็เหมือนเมื่อกี้เลย วาดรูปสัตว์น้ำแล้วมันจะไปอยู่ในอนิเมชั่นบนกำแพง เหมือนจะมี #TeamCap อยู่แถวนี้ สาบานได้ว่านี่ไม่ใช่เรา ถึงแม้เราจะเผลอแสดงความงั่งไปในโซนนี้เยอะมากเพราะวิ่งตามปลามาร์ลินที่ตัวเองวาดแล้วไปเซลฟี่ด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in