"แอร์ พี่ขอคุยด้วยแป๊บนึง" เสียงหัวหน้าของฉันดังขึ้น พร้อมกับท่าทีที่ดูเคร่งขรึมกว่าเดิม ก่อนจะเดินนำฉันไปยังห้องประชุมใหญ่ พร้อมกับหัวหน้าแผนกบุคคลที่ถือแฟ้มเข้ามา
"เนื่องจากปีนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก ทางบริษัทจึงมีนโยบายที่จะต้องลดจำนวนบุคลากรลง เพ่ื่อประคองให้ทางบริษัทอยู่รอด ดังนั้นเราจึงต้องคัดเลือกพนักงานที่มีความจำเป็นต่อบริษัทน้อยลงออก ซึ่งแอร์ก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนั้น"
'เปรี้ยงงง'
เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวฉันหลังสิ้นสุดประโยคดังกล่าว จริงอยู่ที่ฉันทำใจไว้บ้างแล้วว่าอาจจะเป็นฉันที่โดนจ้างออก แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันกลับรู้สึกมึนงงไปหมด
หัวหน้าแผนกบุคคลยื่นเอกสารบางอย่างให้ฉัน พร้อมกับอธิบาย
"ทางบริษัทให้เงินชดเชยแอร์ 3 เดือน ตามกฎหมาย นอกจากนี้แอร์ยังสามารถเอาเอกสารฉบับนี้ไปขึ้นทะเบียนคนว่างงานกับทางประกันสังคมได้"
เสียงอธิบายเหล่านั้นเข้าหัวฉันบ้างไม่เข้าบ้าง ฉันอ่านเอกสารฉบับนั้นอย่างละเอียด รวมถึงตรวจสอบจำนวนเงินที่จะได้อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อลงไป
หลังจากนั้นหัวหน้าแผนกบุคคลก็เดินออกจากห้องประชุมไป
"แอร์ ที่มันเป็นแบบนี้พี่ไม่ได้หมายความว่าแอร์ไม่ดี ไม่เก่งนะ แต่ความเก่งของแอร์มันมากเกินไปที่จะอยู่บริษัทนี้ ทางผู้ใหญ่ตัดสินใจเลือกแอร์ออกเพราะแอร์ควรไปได้ไกลกว่านี้ ดีกว่ามาจมอยู่ที่ีนี่" หัวหน้าของฉันรีบอธิบายด้วยเสียงอันสั่นเครือ ฉันรู้ว่าตัวเขาเองก็เครียดและลำบากใจไม่น้อยที่จะต้องบอกเรื่องนี้กับฉัน
"ไม่เป็นไรค่ะ แอร์เตรียมใจกับเรื่องนี้มาสักพักแล้ว" ฉันยิ้มออกไป แต่ในใจตอนนั้นมันกลับรู้สึกหนักอึ้งไปหมด ฉันคิดไม่ออกว่าต่อจากนี้ฉันควรทำอย่างไรต่อไปดี ความกังวล สับสน ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ
ฉันนั่งคุยกับหัวหน้าอีกสักพักนึง ก่อนที่หัวหน้าจะดึงฉันเข้าไปกอด น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้แต่แรกไหลพรั่งพรูออกมา ฉันเสียใจกับการที่โดนเลิกจ้างครั้งนี้ แต่ไม่เท่ากับเสียดายสังคมและความสัมพันธ์ดีๆที่บริษัทนี้มีให้ฉันมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี
ท้ายที่สุด เส้นทางของฉันกับบริษัทนี้จะสิ้นสุดลงในสิ้นเดือน พฤศจิกายนนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตฉันทั้งหมดจะสิ้นสุดลงตามไปด้วย ในทางกลับกัน มันก็เหมือนฉันต้องหาเส้นทางใหม่ที่ัจะเดินไป และยังมีอีกเส้นทางที่ยังรออยู่เสมอคือ 'ทีสิส ปริญญาโท'
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in