"สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเข้าใจยากคือมนุษย์ซึ่งใส่หน้ากากเข้าหากัน
แต่กลับยังมีชีวิตอยู่อย่างใสสะอาดเบิกบาน หรือมั่นใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่างหาก มนุษย์ไม่เคยสอนให้ผมรู้ถึงความจริงอันประเสริฐข้อนั้น หากรู้ว่าต้องทำอย่างไร ผมคงไม่หวาดกลัวพวกเขาจนต้องคอยแต่หาวิธีเอาใจเช่นทุกวันนี้
หากรู้ว่าต้องทำอย่างไร
ผมคงไม่กังขาในการใช้ชีวิตของมนุษย์"
(p. 31)
ช่วงเวิ่นเว้อหลังอ่านจบ
ความโศกเศร้าระลอกหนึ่งมักจะเกิดขึ้นในยามที่เรารู้สึกไม่เข้าใจโลกอย่างสุดซึ้ง
ในอกของเรา (ผู้เขียนบทความนี้) มักมีความทุกข์ระทมอยู่เสมอ
เรากังขาอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองเกิดมาเพื่ออะไร
และกังขาเรื่อยมาว่าเราเป็นมนุษย์ที่แท้หรือไม่
ซึ่งความเป็นมนุษย์ที่แท้คืออะไร เรายังไม่รู้เลย
แล้วเราจะมีโอกาสได้เข้าถึงมนุษย์หรือความเป็นคนที่ว่านั่นหรือเปล่า?
หลายครั้งที่เราหันมองผู้คนรอบกาย ครอบครัวที่กำลังเดิน คู่รักที่กำลังจูงมือ เพื่อนที่พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน สายตาเรามองเลยไปยังพ่อค้าแม่ขายตามข้างทาง คุณลุงผิวกายแห้งเหี่ยวหยาบกร้านที่กำลังเข็นรถเข็น ไปจนถึงกระเป๋ารถเมล์ผู้คล่องแคล่ว และเด็กนักเรียนมอมแมมที่นั่งอยู่ข้างถนน
หนึ่งในคำถามที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเราคือ
คนเหล่านั้นเป็นมนุษย์เหมือนฉันหรือไม่?
เราเห็นโลกเหมือนกันหรือเปล่า?
เราสงสัยในสิ่งเดียวกันไหม?
เรารู้สึก รับรู้ ตัดสินใจ และถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ออกมาด้วยกระบวนการเดียวกันหรือไม่?
ถ้าใช่.
แล้วเหตุใดฉันจึงไม่เข้าใจมนุษย์เอาเสียเลย.
人間失格 (นินเก็น ชิคคาคุ) หรือในชื่อภาษาไทยคือ สูญสิ้นความเป็นคน เป็นนวนิยายที่เขียนโดย ดะไซ โอซามุ เราไม่รู้จักเขาหรอก แต่ท่าจะเป็นคนดังทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าวรรณกรรมญี่ปุ่นเล่มนี้เป็นวรรณกรรมชั้นยอด คือความทรงพลังของมัน
สูญสิ้นความเป็นคน ได้ถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดของเรา (ผู้เขียนบทความนี้) ออกมาได้ราวกับผ่าคลี่อกของเราออกและคว้านค้นเอาทุกเศษเสี้ยวความกังขาในการเป็นมนุษย์ออกมาร้อยเรียง โดยเฉพาะในบทที่ชื่อว่า "บันทึกฉบับที่หนึ่ง" ที่เล่าเรื่องราวของตัวเอกในวัยเด็กนั้น เรารู้สึกสั่นสะเทือนด้วยระลอกคลื่นแห่งความโศกเศร้าในโชคชะตาของตนอย่างรุนแรง เพราะมันตรงกับความรู้สึกหวาดกลัวมนุษย์ในใจของเราเสียเหลือเกิน
คำว่ามนุษย์ในภาษาญี่ปุ่น (อ้างอิง 1)
คำว่า 人間 (นินเก็น) ในภาษาญี่ปุ่น มีต้นตอมาจากความเชื่อของศาสนาพุทธในเรื่องภพภูมิและการเวียนว่ายตายเกิด ทั้งห้าภพภูมินั้น ประกอบด้วย 地獄中 (จิโกะขุ จชูว - นรกภูมิ) 餓鬼中 (กะคิ จชูว - เปรตภูมิ) 畜生中 (จชิคุโชว จชูว - เดียรัจฉาน) 人間 (นินเก็น - มนุษย์) และ 天上 (เทนโจว - เทวภูมิ) บางคนก็เชื่อว่ามีหกภพภูมิ คือเพิ่มภพภูมิของ 阿修羅 (อาชูระ - อสูร) เข้ามาด้วย
จะสังเกตุเห็นได้ว่าคำลงท้าย เช่น 中, 間, 上 คือการบ่งบอกตำแหน่งสถานที่หรือสถานะในภาษาญี่ปุ่น
中 (นากะ/จชูว) แปลว่า ข้างใน, ท่ามกลาง, ใน, ตรงกลาง, ระหว่างที่
間 (อาอิดะ/มะ/คัง/เคน) แปลว่า พื้นที่ว่าง, ช่องว่าง, เวลา, ช่วง
上 (อุเอะ/โจว) แปลว่า เหนือ, บน, นอกเหนือจาก, มากกว่านี้
ดังนั้น 人間 (นินเก็น) จึงเป็นคำที่แสดงให้เห็นถึงการเกิดมาในสถานะหนึ่ง ๆ สถานะนั้นคือคำว่า "คน" ที่เขียนแทนด้วยตัวอักษร 人 (ฮิโตะ) ซึ่งเป็นคำเรียก "คน" แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั่นเอง
คำว่า "คน" 人 (ฮิโตะ) ในภาษาญี่ปุ่นก็มีการนำไปใช้อย่างหลากหลาย เช่น
สำนวนที่ว่า 人の物を取る (ฮิโตะ โนะ โมโนะ โวะ โทรุ) แปลว่า ขโมยของในความครอบครองของผู้อื่น หรือสำนวน 人聞きが悪い (ฮิโตะคิคิ ก๊ะ วารุ่ย) แปลว่า กระดากหรือลังเลใจที่จะฟังเสียงของสังคม
และสำนวน 人をばかにするな (ฮิโตะ โวะ บากะนิซุรุนา) แปลว่า อย่ามาทำเรื่องบ้า ๆ กับฉัน
จะเห็นว่า คำว่า ฮิโตะ (人) คำเดียวสามารถให้ความหมายถึง ตัวเอง ผู้อื่น และสังคม ได้ในเวลาเดียวกัน
เมื่อพิจารณาดูแล้ว การเป็นมนุษย์ (人間) จึงไม่ใช่การเกิดขึ้นมาดำรงอยู่อย่างปัจเจก แต่เป็นการตระหนักรู้ถึงดำรงอยู่ และขณะเดียวกัน ก็อาศัยอยู่ในความเป็นมนุษย์ (หรือพูดง่าย ๆ คือสังคมนั่นแหล่ะ) ไปด้วย
ยิ่งเมื่อเป็นสังคมญี่ปุ่นที่ให้คุณค่ากับการรวมหมู่ (collectivism) ให้ความเคารพและยอมรับกับเสียงส่วนใหญ่ มีลำดับอาวุโส มีคำสุภาพและการเว้นระยะห่างต่อกันมากมายเสียจนความเป็นปัจเจกถูกกลบลบหายไปด้วยกระแสขนาดใหญ่ ทำให้ยิ่งขับให้เห็นชัดถึงความโดดเดี่ยวเดียวดายในสังคมญี่ปุ่น
"ในความคิดของผม ชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยเรื่องหลอกลวงเกินจะนับ
แม้ต่างคนต่างใส่หน้ากากเข้าหากัน น่าประหลาดที่กลับไม่มีใครรู้สึกเจ็บปวด
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังตบตากันอยู่
ช่างงดงาม ปริสุทธิ์สะอาด และน่าเบิกบานอะไรเช่นนี้"
(p. 30-31)
การสูญสิ้นความเป็นคนในที่นี้ จึงไม่ใช่เพียงการตายจากหรือการเป็น "คนไม่เต็ม" หรือคนบ้า
แต่เป็นการสูญสิ้นความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นความรู้สึกแปลกแยก (alienation) อันโดดเดี่ยวที่ไม่ว่าจะขบคิดเท่าใดก็ไม่สามารถไขข้อกังขาถึงความประหลาดของมนุษย์ได้
ตัวเอกในเรื่องนี้ จึงหวาดกลัวมนุษย์และไม่เข้าใจคนอื่น ๆ รอบข้าง
และคิดว่าคงไม่มีใครเข้าใจตัวเขาเช่นกัน.
"ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่คนบาป แต่ถึงขนาดเป็นคนบ้า
ไม่สิ ผมมั่นใจว่าตัวเองยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่เคยบิดเบี้ยวแม้สักวินาที
แต่ว่า...โอ...ได้ยินว่าคนบ้าส่วนใหญ่ไม่มีใครเรียกตนเองเช่นนั้นหรอก
กล่าวคือใครก็ตามหากถูกส่งมายังอาคารแห่งนี้คือคนบ้า หากไม่ใช่ย่อมหมายความว่าเป็นคนดี"
(p.173)
人間失格
สูญสิ้นความเป็นคน
writer: ดะไซ โอซามุ
translater: พรพิรุณ กิจสมเจตน์
JLIT publishing
อ้างอิง 1 人生 第10語「人間」という言葉
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in