คูลไวท์
30/1/53
บางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองว้าเหว่เหลือเกินบนความรักสันโดษที่ตัวเองเลือกเอง
แสงอาทิตย์ข้างนอกเริ่มหม่นมัวลงเรื่อยๆจนทำให้ผมเริ่มมองคีย์บอร์ดตรงหน้าไม่ค่อยถนัด ผมเอื้อมมือไปตัดสินใจกดสวิตช์โคมเหนือโต๊ะข้างๆนั้นอย่างเกียจคร้าน และแสงแรกของมันก็จิ้มเข้าตาผมเสียถนัดไฟนีออนที่บ้านของผมนั้นทุกดวงตลอดจนแม้แต่ไฟหัวเตียงเป็นสีขาวคูลไวท์สะอาดจ้าตา หลายครั้งที่ผมอยากเปลี่ยนมันไปเป็นหลอดสีนวลๆที่อบอุ่นกว่านี้ แต่ด้วยเหตุผลทางวิชาชีพ ความผิดเพี้ยนเรื่องสีเป็นเรื่องที่จะมองข้ามไปไม่ได้ผมจึงจำใจต้องยอมรับเจ้าแสงที่บางคราวก็ทำให้ผมรู้สึกแสนจะเย็นชานี้อย่างช่วยไม่ได้
หลายครั้ง ผมยืนอยู่บนทั้งโลกสองประเภท ทั้งจริงจังและเพ้อฝัน ปล่อยหัวใจออกไปในโลกจินตนาการ แต่อีกด้านผมกลับรู้ตัวว่าผมยึดติดอยู่กับความเป็นจริงมากกว่าใครๆ มันเหมือนกับว่าผมกำลังอยู่ในโลกที่มีแม่มดมีเจ้าหญิง มีเจ้าชายจอมมารและปราสาท แต่ทุกคนร่ายเวทย์มนต์ไม่ได้ เจ้าชายปลุกเจ้าหญิงด้วยการสะกิดให้ตื่นและแม่มดก็ฆ่าคนโดยการเอาปืนยิง และถึงจะเป็นโลกแฟนตาซีที่สุดแสนจะพิสดารสักแค่ไหนก็ตาม แต่โลกนี้จะไม่มีการให้แสงด้วยเปลวเทียนไฟทุกดวงเป็นไฟนีออน และแน่นอนว่าเป็นสีขาวคูลไวท์ที่ต้องสตาร์ทบัลลาดปริบๆตอนเปิดทุกครั้ง
แต่ที่พูดมาขนาดนี้ไมได้แปลว่าผมจะนึกรังเกียจมันขนาดนั้นหรอกนะอย่างไรก็ตามผมบอกไปแล้วว่าผมเปลี่ยนมันไม่ได้ เพราะตามเหตุผลแล้ว มันก็เป็นสีที่เหมาะสมกับการทำงานของผมมากที่สุดตลอดจนเป็นกลางที่สุด แต่ก็อย่างที่ว่ามาอีกนั่นแหละ หลายครั้งที่ความรักเหตุผลของผมก็ตีกันอย่างหนักกับจิตใจและอารมณ์
การที่ผมเลือกจะอยู่ตัวคนเดียวก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วเหมือนกันกับที่แสงนีออนบ้านผมเป็นสีขาว
เข้าใจบ้างหรือเปล่าครับ
แต่ผมเองก็ยังรู้สึกในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งเหล่านั้นอยู่ในบางเวลา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in