เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดอกไม้ในโลกกลับตาลปัตรfridae
สถานีปลายทาง


  •  

              บางทีฉันก็เคยคิดเหมือนกัน ว่าการเกิดมาเป็นลูกสาวที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติคนในบ้านหรือการเกิดมาเป็นลูกชายที่ต้องแบกรับความคาดหวังของครอบครัว แบบไหนมันดีกว่ากัน จนวันนี้ฉันก็ได้คำตอบ ว่ามันไม่มีอะไรที่ดีกว่ากันไปสักอย่าง

     

              “เจ้เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องพร้อมกับเสียงคุ้นหูของน้องชาย ขอหลินเข้าไปหน่อยได้มั้ย

     

              ฉันไม่ได้ส่งเสียงอะไรกลับไป เพียงแค่ลุกขึ้นไปเปิดประตูให้น้องชายเข้ามา ฉันกลับมานั่งลงที่เตียงของตัวเองอีกครั้งโดยมีน้องชายอย่างหลินตามเข้ามานั่งลงข้าง ๆ กัน เราต่างคนต่างปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างนั้น กระทั่งเสียงของน้องชายดังขึ้น


     

              “หลินขอโทษนะ


              .

              .


              “ขอโทษที่ปกป้องอะไรเจ้ไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่เคยสัญญากันเอาไว้แล้วแท้ ๆ

     


              ‘โตขึ้นหลินจะดูแลเจ้เอง


              ‘จริงอะ


              ‘อื้อ เดี๋ยวหลินจะสูงกว่าเจ้ ตัวใหญ่กว่าเจ้ ถึงวันนั้นหลินก็จะปกป้องเจ้ได้ ไม่ว่าจะอากงหรือใครก็ทำอะไรเจ้ไม่ได้แล้ว


              ‘แต่ตอนนี้หลินยังตัวจิ๋วแค่นี้ไม่ต้องรีบโตหรอก


     

              “โตจนป่านนี้แล้วยังต้องให้เจ้มาออกโรงปกป้องอยู่เลย หลินทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง

     

              ฉันหันมองน้องชายของตัวเองอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะขยับมือไปลูบหัวมันเบา ๆ และนั่นก็คล้ายเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำตาหยดหนึ่งของน้องชายไหลลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ฉันดึงตัวหลินให้มาซบลงที่ไหล่พร้อมกับลูบหัวมันไปเรื่อย ๆ 

     

              ครั้งสุดท้ายที่ฉันเคยเห็นน้องชายของตัวเองร้องไห้ คงเป็นตอนที่อาม่าซื้อของเล่นให้มันแต่ไม่ได้ซื้อให้ฉันด้วย น้องชายที่ตอนนั้นตัวเล็กกว่าฉันมากโวยวายใหญ่โตใส่อาม่าว่าทำไมไม่ซื้อมาให้เจ้ด้วย 

     

              ญาติหลาย ๆ คนคิดว่าฉันไม่ชอบหลินเพราะลูกชายคนเล็กอย่างหลินมักได้ทุกอย่างก่อนเสมอ มีอากงอาม่าคอยให้ท้ายตลอดไม่ว่าจะทำผิดอย่างไร แต่ตามประสาเด็กชายหลินที่ตอนเด็ก ๆ ถ้าตัวเองได้อะไรแล้วเจ้ไม่ได้ด้วยก็จะแบ่งให้เสมอ 

     

              แต่ถ้าฉันเกิดไม่ชอบมันขึ้นมาจริง ๆ นั่นมันความผิดใครล่ะ

     

              ลี่กับหลินเป็นพี่น้องที่เหมือนเติบโตกันมาคนละบ้านทั้งที่ก็มีพ่อแม่คนเดียวกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดจนเรียนจบ เราถูกเลี้ยงมาด้วยกันก็จริงแต่สิ่งที่ฉันและหลินได้รับมันต่างกันสุดขั้วเพียงเพราะคำว่า ลี่เป็นลูกสาว และ 'หลินเป็นลูกชาย’ 

     

              “อย่าคิดแบบนั้นเลยหลิน ความจริงทั้งแกทั้งเจ้ไม่ควรมีใครมารู้สึกแย่แบบนี้ด้วยซ้ำ



              “ชีวิตเรานะหลินอย่าให้คนอื่นมาโยนความคาดหวังบ้า ๆ บอ ๆ ใส่เรา


     

              ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อก็ตาม


     

              “อย่าใช้ชีวิตตามเส้นทางที่เขาเลือกให้เลย


     

              “เขาก็แค่อาจจะผ่านเส้นทางมานับร้อยนับพัน เลยบอกคนอื่นได้ว่าอย่าไปทางนั้น อย่าไปทางนี้ แต่แกรู้อะไรปะ มีทางหนึ่งแน่ ๆ ที่เขาไม่เคยผ่านมาก่อน


     

              “คือทางที่แกกำลังจะเลือกไงหลิน


     

              เส้นทางของแก อย่าให้ใครมาเปลี่ยนมันแม้จะมีเส้นทางอีกมากที่ไม่ได้ถูกแกเลือกแต่ขอให้แกอย่าเสียใจกับทางที่แกเลือกไปแล้ว 


     

              คิดไว้เสมอว่าชีวิตมันมีแค่เดินไปข้างหน้า 

     

              ทางที่แกผ่านไปแล้ว มันจะไม่มีวันย้อนกลับมาอีก

     

     

              ‘ สถานีต่อไป สถานีหัวลำโพง ประตูรถจะเปิดทางด้านขวาท่านสามารถเปลี่ยนเส้นไปรถไฟรฟท. ได้ที่สถานีนี้ ’ 

     

              ก่อนที่ขบวนรถไฟที่ฉันนั่งจะมาถึงสถานีปลายทางก็มีแสงสีขาวดวงใหญ่ปรากฎขึ้นตรงหน้า ทำให้ฉันต้องหลับตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะผลักฉันลงไปในหลุมลึกของความเป็นจริง แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันรับรู้ว่านี่เป็นเช้าวันใหม่แล้ว เมื่อวานหลังจากส่งน้องชายกลับห้องไปฉันก็ผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่อาจรู้ได้

     

              หลังจากจัดการตัวเองให้พร้อมเพื่อที่จะไปทำงานแล้ว ฉันจึงลงมายังชั้นล่างของบ้าน ลางสังหรณ์ของฉันมันกระซิบบอกว่ากำลังจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

     



              พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ในวันที่ 22 ธันวานี้…


     


              เสียงผู้ประกาศข่าวจากโทรทัศน์ดังแว่วเข้ามาในหู ขณะที่สองเท้าของเหมยลี่ยังก้าวลงมาจากบันไดอย่างเชื่องช้า ภาพของป๊าที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กลางบ้านปรากฎแก่สายตา ไร้ร่องรอยของแม่ นั่นยืนยันชัดเจนว่านี่คือโลกของเหมยลี่ โลกเดิม ๆ ที่เธอทนใช้ชีวิตของลูกสาวคนโตอยู่ในบ้านหลังนี้มายี่สิบหกปีมันกลับมาแล้ว

     

              แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาอาทิตย์กว่า ๆ มันคือความจริงหรือฝันกันแน่

     

              คำถามที่เกิดขึ้นในใจเกินความสามารถของเหมยลี่ที่จะค้นหาความจริง

     

     


              ฉันตัดสินใจโยนทุกอย่างที่ยังเป็นคำถามอยู่ในใจทิ้งไป ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำสิ่งที่ใครต่อใครต่างบอกว่าเป็นหน้าที่ของผู้หญิงคนเดียวในบ้านอย่างฉันต้องทำ

     

              เหมือนกับทุก ๆ วันที่มันเคยผ่านมา

             

              บางทีฉันอาจจะเหนื่อยกับงานมากเกินไปจนฝันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนั้น


     

              “เจ้!เสียงของน้องชายตัวดีดังขึ้นข้างหลัง ทำให้ฉันที่กำลังจัดการกับวัตถุดิบตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปตอบเจือน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างที่เป็นมาตลอด


              “อะไร


              “มีไรให้หลินช่วยเปล่าน้องชายเดินเข้ามาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถาม จนฉันต้องหันไปมองหน้าเจ้าตัวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง คนอย่างเลี่ยงหลินเนี่ยนะอยากจะช่วยเหมยลี่ทำอาหาร โลกแตกเถอะ ขนาดเวฟข้าวง่าย ๆ มันยังบอกว่าเจ้ทำอร่อยกว่าให้เจ้ทำ ทั้ง ๆ ที่มันก็แค่เอาข้าวเข้าไมโครเวฟ


              “กินยาผิดขวดปะเนี่ย


              “อะไรเมื่อวานยังด่าว่าไม่หัดทำนู่นทำนี่เอาบ้าง พอวันนี้จะมาช่วยบอกน้องกินยาผิดขวดแบร่ ๆๆ


              “ไอ้หลินฉันส่งมือไปเขกหัวน้องชายตัวดีเบา ๆ หนึ่งทีมาเอาผักไปล้างไป

     

              ทั้งเหมยลี่และเลี่ยงหลินต่างคนต่างจัดการกับหน้าที่ตรงหน้าของตัวเอง โดยที่ไม่มีใครคิดจะเปิดบทสนทนาอะไรกันต่อ จนคนเป็นน้องตัดสินใจเอ่ยคำคำหนึ่งที่เหมยลี่รู้สึกคุ้นหูเหลือเกิน


     

              ขอโทษนะเจ้” 


     

              ก็เพราะพึ่งได้ยินคำนั้นมาเมื่อคืนนี้เอง 

     


              “หลินเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง ทำเจ้เดือดร้อนตลอดเลย


              “ก็รู้ตัวหนิ

     

              ฉันตอบกลับไปขำ ๆ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเรามันกลับไปอึมครึมอีกครั้ง ฉันไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ผ่านมามันคืออะไร เลี่ยงหลินในเมื่อวานกับเลี่ยงหลินในวันนี้เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งตัวฉันเองในเมื่อวานกับวันนี้ยังรู้สึกราวกับเป็นคนละคน


     

              “เรื่องเมื่อวานหลินขอโทษนะที่ปกป้องเจ้ไม่ได้อีกแล้ว


     

              ฉันไม่แน่ใจว่าเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นคือเมื่อวานที่ฉันยังอยู่ในโลกกลับตาลปัตรใบนั้นหรือเป็นเมื่อวานในโลกใบเดิม ๆ นี้ที่ฉันโดนคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อตะโกนใส่หน้าว่าแค่เกิดเป็นผู้หญิงก็ผิดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้คือเลี่ยงหลินยังเป็นน้องชายตัวดีของฉันมาเสมอตั้งวันแรกที่มันลืมตาดูโลก จนวันที่มันกลายเป็นวัยรุ่น มันอาจจะหลงลืมไปบ้างว่าเคยเป็นเด็กชายเลี่ยงหลินที่สัญญาว่าจะปกป้องพี่สาวตัวเองจากทุกอย่างเพราะสิ่งที่มันเคยได้รับมาตลอด แต่วันนี้ก็ทำให้ฉันได้คำตอบ

     

              เลี่ยงหลินยังไงก็ยังเป็นน้องชายตัวดีของเหมยลี่อยู่วันยังค่ำ 

     


              “ไม่เห็นเป็นไรเลย เจ้ก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย


     

              โตขึ้นแล้วเหรอเนี่ย ไอ้หลินของเจ้


     

              “แต่-


              “พอๆๆ ถูจนผักเปื่อยหมดละ จะทำมั้ยข้าวเช้าเนี่ย


              “ทำค้าบ ๆ เจ้ก็มาสอนสิ!

     

              ภาพในครัวเมื่อเช้านี้มันยังคงฉายซ้ำ ๆ อยู่ในหัวของเหมยลี่ กาแฟหนึ่งแก้วที่รสชาติแปร่ง ๆ ที่เลี่ยงหลินชงให้อยู่ในมือข้างซ้าย ซื้อร้านอร่อยกว่านี้เยอะแต่ก็เอาเถอะน้องชายอุตส่าห์ทำให้ทั้งทีจะไม่ยอมกินก็คงจะเสียน้ำใจแย่


     

              “นั่นไง ลี่มาพอดีเลยพี่ทันทีที่ตอกบัตรเข้าทำงานได้ทันเวลาและผลักบานประตูเข้ามาภายในห้องของแผนกไอที ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของฉันมาทันควัน

     

              กลับมาแล้วสินะ แผนกไอทีชายล้วน 


     

              “ลี่พี่ฝากลี่ช่วยทำโปรเจคคุณพจน์ต่อจากพี่หน่อยสิ เดี๋ยวต้องส่งเทสวันนี้แล้ว พี่ว่าจะลาครึ่งวันพอดีมีธุระอีกฝ่ายเอ่ยขอร้องแกมบังคับกลาย ๆ แล้วฉันจะตอบอะไรกลับไปได้นอกจาก


              “ค่ะพี่” 


     

              ตั้งแต่รุ่นพี่โปรแกรมเมอร์ที่อ้างว่ามีธุระออกไปและทิ้งภาระงานที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของฉันเอาไว้ให้ ทั้งห้องก็เงียบลง มีเพียงกดคีย์บอร์ดและคลิกเมาส์ที่ยังคงดังคลอบรรยากาศภายในห้องนี้และโต๊ะตรงข้ามเยื้องไปทางซ้ายของฉันทิว


     

              “ให้เราช่วยมั้ยลี่” 


              “ห้ะ อ๋อ ไม่เป็นไร ๆ


              “ไม่เป็นไร เราว่างพอดี ยังไงก็ส่งมาในเมลนะ


     

              หลังจากสิ้นสุดบทสนทนาฉันที่ขัดอะไรไม่ได้ก็กดส่งไฟล์งานให้เขาไป เราสองคนก็ต่างหันมาสนใจงานของตัวเองต่อแต่สายตาของฉันก็ยังคงมองไปที่โต๊ะตรงข้ามเป็นระยะ ๆ จะบอกว่าทิวดูเหมือนเดิมแต่ก็ไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว เขาดูไม่เหมือนทั้งทิวในโลกเก่า ๆ ของฉันและไม่เหมือนทิวในโลกที่มันกลับตาลปัตรไปหมด หวังว่านี้จะไม่ใช่โลกใหม่ที่ฉันจะต้องมารับมือกับการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกนะ


     

              “เหมยลี่


              “ห้ะ” 


              “คือเราจะไปชงกาแฟ ลี่เอาด้วยไหมทิวเอ่ยถาม ทำให้ฉันที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต้องเงยหน้าขึ้นมามอง


              “เอ่อ เอาสิ เดี๋ยวเราไปด้วย ๆ


              “ฝากเราก็ได้นะ จะได้ไม่เสียเวลา


              “ไม่เป็นไร เราอยากพักสายตาอยู่พอดี


     

              ถึงเขาจะไม่เหมือนทิวคนก่อน ๆ ที่ฉันเคยรู้จัก

              แต่ฉันก็ชอบเขาที่เป็นแบบนี้นะ

     


              เป็นทิวในแบบที่ไม่เฉยชากับโลกหรือเจ็บปวดกับโลกใบนี้อีกแล้ว

     


              เข็มนาฬิกายังคงเดินไปข้างหน้า ไม่ทันไรก็ถึงเวลาเลิกงาน รถไฟฟ้าสายเดิม ๆ ซอยแคบเดิม ๆ ที่ถึงแม้จะดูน่าเบื่อหน่ายไปเสียหน่อยแต่อย่างน้อยก็ยังคุ้นเคย ใช้เวลาไม่นานในการพาตัวเองมาถึงบ้าน ฉันผลักบานประตูเข้าไปอย่างเหนื่อยล้าสิ่งที่คาดหวังจะเห็นคงเป็นป๊าและเลี่ยงหลินนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟากับบ้านที่รอเหมยลี่มาทำความสะอาด มื้อเย็นที่แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำเพียงเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวภายในบ้าน ทุกอย่างคงกลับมาเป็นเหมือนเดิม ๆ อย่างที่เคยเป็นมา แต่ทว่าทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามา

     

              “กลับช้าจังอะเจ้ ข้าวยมหมดแล้วเนี่ยน้องชายเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นฉันเปิดประตูเข้ามา ภาพตรงหน้าคือป๊าและเลี่ยงหลินกับอาหารที่ดูเหมือนจะสั่งมาวางอยู่เต็มโต๊ะ


              “อะไรเนี่ย


              “ฉลองไงหลินตอบแต่ก็ยังไม่สามารถคลายความสงสัยของพี่สาวได้อยู่ดี


              “ฉลองอะไร


              “ก็หลินสัมภาษณ์งานผ่านแล้วไง


              “จริงปะเนี่ย


     

              ฉันไม่รู้ว่าควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างเรื่องที่น้องชายผ่านสัมภาษณ์และไม่กลายเป็นบุคคลว่างงานอีกต่อไปกับเรื่องที่ว่าเลี่ยงหลินไปสัมภาษณ์งานมาตั้งแต่เมื่อไร 


     

              “ไปสัมภาษณ์มาตั้งแต่เมื่อไร เจ้ไม่เห็นรู้” 


              “ไม่บอกหรอก เป็นไงน้องชายเจ้ เก่งมั้ย


              “เก่งจ้าพ่อคุณ


              “เจ้มานั่งสิ หิวแล้วเนี่ย ๆ


     

              ฉันเดินเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเอง มีเลี่ยงหลินอยู่ตรงข้ามและป๊านั่งอยู่หัวโต๊ะ จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เราสามคนได้มาอยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้มันคือเมื่อไร คล้ายกับภาพ ๆ นั้น เพียงแค่ภาพในฝันของฉันมีแม่เพิ่มเข้ามาเท่านั้นเอง แต่แบบนี้มันก็ไม่ได้แย่เท่าไร


     

              กินสิ เย็นหมดแล้ว


             

              เสียงของพ่อดังขึ้น พร้อมกับน่องไก่ชิ้นใหญ่ที่วางลงบนจานของฉัน เรียกใบหน้าของเหมยลี่ให้เงยขึ้นไปมองผู้เป็นพ่ออย่างอึ้ง ๆ 


     

              ก็นี่มันเป็นครั้งแรกที่ป๊าทำแบบนี้กับฉันที่เป็นลูกสาว 

              ลูกสาวที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตามาตลอดยี่สิบหกปี


     

              เราสามคนต่างก้มลงจัดการอาหารตรงหน้าเงียบ ๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก


     

              ภาพที่กำลังปรากฎขึ้นตรงหน้าเป็นภาพที่เหมยลี่เคยจินตนาการเอาไว้เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กแต่นั่นมันก็เด็กมาก ๆ จนแทบจะจำภาพนั้นไม่ได้แล้วหากแต่ตอนนี้มันกลับชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง

     

              ภาพของป๊า เหมยลี่ เลี่ยงหลิน บนโต๊ะอาหาร

              ถึงแม้จะมีบางเศษเสี้ยวที่หล่นหายไประหว่างทาง

     

              ถึงแม้จะแหว่งวิ่นและไม่สมบูรณ์



     

              แต่ก็เป็นเป็นครั้งแรกในชีวิตยี่สิบหกปีของเหมยลี่ที่รู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้อย่างแท้จริง 







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in