La La Land นครดารา (2016) ภาพยนต์ romantic & musical ระดับmasterpieceอีกหนึ่งเรื่องจากฝีมือการเขียนบทและกำกับของ Damein Chazelle ผู้กำกับมากฝีมือชาวอเมริกัน
เรื่องราวความรักของคนช่างฝันสองคนในฮอลลีวู้ดเรื่องนี้มันกินใจคนทั่วโลกขนาดไหนคงไม่ต้องพูดถึง เพราะตัวหนังเองชนะรางวัลจากเทศกาลหนังทั่วโลกถึง 243 จาก 287 รางวัลที่มีชื่อเข้าชิง ถ้าคุณยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เราแนะนำให้ลองหามาดูก่อนอ่านต่อ(ไม่อยากให้พลาดเลยนะ) แต่ถ้าอยากอ่านเร็ว ๆ หรือเคยดูมาแล้วก็ไม่เป็นไร เราจะเล่าคร่าว ๆ ให้ฟัง(เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนังค่อนข้างมาก)
People love what other people are passionate about.
Just do what you passionate about and that's enough.
ทุกคนชอบสิ่งที่คนอื่นหลงไหล แค่ทำอะไรที่คุณรักแค่นั้นก็พอแล้ว
เซบ (เซบาสเตียน) และมีอาอาจจะไม่ได้มี first impression ที่ดีต่อกันเท่าไหร่นัก แต่เมื่อทั้งคู่เข้าใจว่าต่างคนต่างเชื่อในเส้นทางและความฝันของตัวเอง เขาและเธอก็ไม่รอช้าอีกต่อไปที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์คร้้งนี้ไปด้วยกัน
เซบเป็นนักดนตรีฝีมือเยี่ยมแต่ดันถังแตก เขาอยากเปิดผับแจ๊สเป็นของตัวเอง เขาอยากเล่นแจ๊สแท้ ๆ และอนุรักษ์แจ๊สแบบดั้งเดิมไม่ให้หายไปตามเวลา ส่วนมีอาเป็นบาริสต้าที่ทิ้งชีวิตการเรียนกฏหมายมาล่าฝันการเป็นนักแสดงในฮอลลีวู้ด คู่รักคู่ใหม่แกะกล่องคู่นี้กำลังไปได้ดีอย่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่น่าเสียดายไม่มีอะไรคงอยู่อย่างเดิมไปได้ตลอดการ ความสัมพันธ์ของคนเราก็ไม่ต่างกัน
VIDEO
จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเซบได้ยินมีอาคุยโทรศัพท์กับแม่ มีอาพยายามอย่างมากที่จะทำให้แม่ชอบคนรักของตัวเองแต่เหมือนทุกอย่างจะยากขึ้นเมื่อปลายสายอยากรู้ว่าเซบทำงานอะไร มีอาตอบไปว่าเขากำลังจะเปิดคลับแจ๊ส เขากำลังเก็บเงินอยู่ ซักวันเขาต้องทำได้แน่ น้ำเสียงและสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ลองมาคิดเล่น ๆ ในมุมมองของเซบที่นั่งฟังอยู่ตอนนั้น เวลาที่เรารักใครมาก ๆ เรามักมีความรู้สึกอยากจะเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นเพื่อเขาคนนั้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ในมุมมองของเซบที่พอจะเดาได้ว่าแม่ของมีอาคงไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับสภาพว่างงานของเขา บางทีความฝันของเขามันอาจจะยากและใหญ่เกินตัวไปหน่อย เขาอาจจะเกิดมาได้แค่นี้ คงถึงเวลาต้องโตซักที
คิดได้แบบนั้นสำหรับเราทุกอย่างจึงสมเหตุสมผลว่าทำไมเซบถึงตัดสินใจเซ็นสัญญาเข้าร่วมวงดนตรีสมัยใหม่กับเพื่อนที่เขาไม่ชอบขี้หน้า ยอมเล่นดนตรีที่ไม่ใช่ตัวเขาเลยแม้สักนิดเดียวเพื่อที่ว่าอย่างน้อยเขาจะได้มีงานที่มั่นคง ดูเเลตัวเองและคนรักได้ต่อไปในอนาคต
สำหรับเซบ เขาอาจจะยอมแพ้ไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น
ผิดกับมีอาที่ยังคงไล่ตามฝันอย่างต่อเนื่อง เธอยังคงสร้างบทและซ้อมละครของตัวเองต่อไป ในขณะที่เซบเริ่มออกทัวร์กับวงที่เริ่มไปได้สวย
ทุกสิ่งทุกอย่างนำไปสู่ฉากที่เราคิดว่าอิมแพคหนักแน่นที่สุดในเรื่อง
VIDEO
ไม่มีใครชอบแจ๊สหรอก แม้แต่คุณ
ผมควรจะทำยังไง กลับไปที่นั่นเเล้วเล่นแค่จิงเกอร์เบลเหรอ?
นี่แหละความฝันของผม ในที่สุดผมก็ได้ทำอะไรที่คนฟังชอบซักที
บางทีคุณอาจจะชอบผมตอนตกอัับก็ได้ เวลามองดูตัวเองจะได้รู้สึกดีขึ้น
เรารู้สึกในทุกคำพูดที่ออกมาจากปากเซบในฉากนี้จริง ๆ ในมุมมองของคนดู เราเห็นบางอย่างเกี่ยวกับมีอาที่เซบไม่เห็น เราเห็นว่ามีอาเชื่อในตัวเซบขนาดไหน แต่เซบไม่ เขาไม่รู้เท่าเราที่เป็นคนดู เขาคิดไปว่านี่คงดีที่สุดแล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่มีอาต้องการ
สำหรับเรา เซบเหมือนคนตัวเปล่าคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้าไปในป่ารกร้าง ปลายทางของเขาคือความฝันที่อยากทำให้ได้ อุปสรรคขวากหนามในป่าคือคำพูดและการกระทำของทุกคนที่เหยียบย่ำความฝันของเขามาตลอดหลายปี จนถึงวันหนึ่งที่ความรักก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต บวกกับที่โดนขวากหนามเหล่านั้นทำร้ายเจ็บปวดมามากเหลือเกิน ไม่แปลกอะไรที่เขาจะตัดสินใจไม่ไปต่อ เขาหันหลังกลับเดินไปทางที่จากมา เดินผ่านรอยหนามที่เคยเหยียบไว้จนทื่อ เขาไม่ต้องเจ็บตัวอีกต่อไประหว่างเดินกลับ แต่เรื่องของความรู้สึกคงไม่ต้องอธิบายว่ามันพังไปถึงไหนต่อไหน ที่พึ่งสุดท้ายคือหนึ่งส่วนเล็ก ๆ ในชีวิตที่เขาเรียกว่าความรัก
และความรู้สึกก็ยังแตกสลายต่อไปได้อีกเมื่อเขาได้รู้ว่าเขาตัดสินใจผิด
มีอาไม่ได้ต้องการแบบนี้ สุดท้ายก็ต้องจบกัน
เหตุการณ์ต่อจากนี้เกิดอะไรขึ้นคงพอจำกันได้ เซบได้รับโทรศัพท์จากสตาฟออดิชั่นบทหนังถึงมีอา เขาเอาข่าวไปบอกเธอจนได้และพาเธอไปแคสงานนี้ หลังจากการออดิชั่นจบลงอดีตคู่รักทั้งสองก็เริ่มคุยกันถึงอนาคตของความสัมพันธ์นี้
"ผมว่าเราคงต้องรอแล้วดูกันว่าจะเป็นยังไง"
"ฉันจะรักคุณต่อไปเรื่อย ๆ"
"ผมก็จะรักคุณต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน"
ประโยคบอกรักเหล่านี้มันเจ็บปวดมากเพราะอะไรคุณก็รู้ เพราะห้าปีต่อมาหลังจากนั้นทั้งคู่ไม่ได้เจอกันอีกเลย มีอากลายเป็นดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังแต่งงานและมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ในคืนธรรมดา ๆ คืนหนึ่งที่มีอาและสามีของเธอตัดสินใจไปหาร้านดินเนอร์กัน ทั้งคู่เดินเข้ามาเจอร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่งที่มีดนตรีแจ๊สเล่นอยู่ เมื่อเห็นชื่อร้านมีอาก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือร้านของใคร
เซบส์ .
เธอเคยแนะนำชื่อนี้ให้ใครคนหนึ่งที่อยากเปิดคลับแจ๊ส
ฉากต่อไปเราจะเห็นเซบเดินขึ้นมาทักทายแขกในร้าน กวาดสายตาไม่นานเซบก็เห็นมีอานั่งอยู่กับสามี
ฉากนี้เราจุกจนพูดไม่ออกเลย
ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเซบตัดสินใจกลับมาเดินตามฝันของตัวเองอีกครั้ง เขาเอาเงินที่ได้จากการเล่นดนตรีมาเปิดร้านเองจนได้ เขาใช้ชื่อที่ีมีอาแนะนำและทำตามฝันจนสำเร็จเช่นเดียวกันกับเธอ
แต่ที่ต่างกันคือเขายังรอเธออยู่
ฉากจบของหนังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีที่สุด เซบนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้กับมีอาและถ้าเป็นไปได้เขาอยากทำให้มันดีกว่านี้ อยากทำให้ทุกช่วงเวลาน่าประทัปใจ ถ้าทำได้อย่างนั้นเขาคงยังรักษาเธอไว้ได้ รอยยิ้มสุดท้ายที่เซบมอบให้มีอาคงเป็นสัญญาณบอกเราว่าทุกอย่างมันจบแล้วจริง ๆ
ท้ายที่สุดทั้งเซบและมีอาต่างรักษาความฝันของตัวเองเอาไว้ได้ แต่ความรักของเขาและเธอต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย มีอาเริ่มหาทางมีความสุขกับชีวิตที่รักษาอะไรเอาไว้ได้บ้างไม่ได้บ้าง
คงถึงเวลาของเซบแล้วเหมือนกัน
แด่ เซบาสเตียน
ชายที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งบนเส้นทางฝันอันโหดร้าย ชายที่ซื่อสัตย์ต่อความรักและความฝันของตัวเองยิ่งกว่าใคร ชายที่มีชีวิตอันรักษาอะไรเอาไว้ได้บ้างไม่ได้บ้าง เช่นกันกับเราทุกคน
หากรักษาอะไรเอาไว้ไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรนะคุณ เราทำดีที่สุดแล้ว หาทางมีความสุขให้ได้นะ
ถ้าอ่านมาจนจบก็ขอบคุณมากเลย เราหวังว่าคุณจะชอบ
Thanks For Reading Written By Becky.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in