สวัสดีค่ะ
เนื่องจากไม่นานมานี้ เราได้คุยกับพี่ที่ทำงานคนหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องปันผลของหุ้น ซึ่งเราน่ะบอกเป็นมั่นเหมาะว่า เงินปันผลของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สามารถทำให้เราเสียภาษีลดลงได้จริง
แล้วพี่เขาไม่เชื่อ
แล้วเราก็เกิดอาการอึดอัดฮึดฮัดว่า ทำไมทั้งๆที่เราใช้ประโยชน์จากปันผลหุ้นมาทุกปี เรากลับไม่สามารถอธิบายให้ใครเข้าใจถึงกลไกของมันได้เลย
เราไม่ชอบที่ตัวเองไม่รู้ ไม่ชอบ!!!
เราจึงเริ่มกระบวนการ dig deep (เราตั้งชื่อเองแหละ) ซึ่งก็คือ การหาข้อมูลในเชิงลึกว่า
ปันผลของหุ้น มันสามารถลดภาษีได้จริงหรือไม่ อย่างไร?
...เพื่อทดสอบว่าเราเข้าใจขึ้นบ้างหรือไม่ เดี๋ยวเราจะลองอธิบายให้...เป็นภาษาคน ดูนะ
เริ่มยังไงดีล่ะ เขียนเป็นข้อๆละกัน
1. อย่างที่ทุกคนทราบ เมื่อคนเราทำงานและมีรายได้ เราก็ต้องเสียภาษีเงินได้ ส่วนจะเสียในอัตราเท่าไหร่อย่างไร ต้องคำนึงถึงฐานเงินเดือน หรือรายได้สุทธิ/รายได้รวม ของแต่ละคน เป็นสำคัญ โดยที่รายได้ของแต่ละคนจะถูกจัดประเภทไว้ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร เช่น
- ถ้าเป็นเงินเดือน สำหรับข้าราชการ ลูกจ้าง มนุษย์ออฟฟิตทั้งหลาย ถือเป็นประเภท 40(1)
- ถ้าเป็นโบนัส เบี้ยประชุม ถือเป็นประเภท 40(2)
- ถ้าเป็นรายได้จากการให้เช่า(พวกเสือนอนกินทั้งหลาย) ถือเป็นประเภท 40(5)
- ถ้าเป็นรายได้จากการประกอบอาชีพอิสระ เช่น ดารา นักร้อง ถือเป็นประเภท 40(6)
เป็นต้น
2. อะไรหายไปเอ่ย?
ใช่ค่ะ จงใจเว้นไว้ สำหรับรายได้หรือเงินที่ได้จากปันผลหุ้นทั้งหลาย ถือเป็นเงินได้ประเภท 40(4)
ซึ่งเงินได้ตาม 40(4) จะมีวิธีคิดคำนวณตลอดจนสิทธิหน้าที่ ตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งความตามมาตรานี้มีช่วงหนึ่งที่พูดถึงเครดิตภาษี หลักการคิด และสิทธิในการนำเครดิตภาษีมารวมคำนวณภาษีเพื่อจ่ายเพ่ิ่ม/ขอเงินคืน ได้
3. แล้ว เครดิตภาษี คืออะไร?
เครดิตภาษีเป็น "สิทธิประโยชน์" ในทางภาษี เนื่องจากกฎหมายเห็นว่าเงินที่บริษัทเจ้าของหุ้นทั้งหลายเอามาจ่ายปันผลต้องถูกเก็บภาษีซ้ำซ้อน
งงไปกันใหญ่
ลองคิดว่าบริษัทต่างๆประกอบธุรกิจแล้วมีรายได้มาก้อนหนึ่ง รายได้ตรงนี้ต้องเสียภาษีถูกไหมคะ เงินที่เหลือจากการหักภาษีเหล่านี้ ถ้าเป็นกำไร บริษัทหลายบริษัทที่ออกหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็จะนำเงินส่วนนี้ มาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งในการจ่ายปันผลเนี่ย ก็จะถูกรัฐหักภาษี ณ ที่จ่าย ไปอีกรอบหนึ่ง
เท่ากับว่าเงินก้อนเดียวโดนบังคับจ่ายภาษีสองรอบ คือตอนได้มารอบหนึ่ง ตอนเอามาจ่ายปันผลอีกรอบหนึ่ง ซึ่งตรงนี้เองที่กฎหมายมองว่าเป็นการจ่ายภาษีซ้ำซ้อนและไม่เป็นธรรม จึงออกสิทธิให้ว่า เมื่อจ่ายปันผลไปแล้วเนี่ย ผู้รับปันผลสามารถยื่นบัญชีเพื่อขอคืนเงินส่วนที่จ่ายภาษีซ้ำซ้อนได้
และสูตรในการคำนวณเครดิตภาษีนั้นคือ
เครดิตภาษีเงินปันผล = เงินปันผลที่จ่าย x [อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัท ÷ (100 - อัตราภาษีนิติบุคคลของบริษัท)]
ผลลัพธ์ที่คำนวณออกมา คือ เครดิตภาษีที่ผู้มีรายได้สามารถนำไปรวมคำนวณภาษีในแต่ละปีได้
4. แล้วยังไงต่อ?
ตามเว็บข้างต้นบอกไว้ว่า ถ้าเรามีหุ้นและได้ปันผลจากหุ้น เราสามารถเลือกได้ว่า จะนำรายได้จากปันผลมาคำนวณเป็นรายได้ต่อปีหรือไม่ก็ได้ และถ้าเรานำเจ้ารายได้ตาม 40(4) นี้มารวมคิดด้วยแล้วล่ะก็ รายการคำนวณของเราจะแตกต่างจากปกติ ดังนี้
4.1. ในส่วนรายได้พึงประเมิน นอกจากรายรับปกติแล้ว จะมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาอีกสองข้อ หนึ่งคือ เงินปันผล และสองคือ เครดิตภาษีเงินปันผล
4.2. ในส่วนการคำนวณภาษี เมื่อรวมยอดที่เราต้องเสียภาษีแล้ว เราจะมีรายการให้นำมาหักจากยอดที่ต้องชำระภาษีเพิ่มอีกสองข้อ หนึ่งคือ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย(ของปันผล) และสองคือ เครดิตภาษีเงินปันผล
ภายหลังจากที่หักแล้ว หากพบว่า เราเสียภาษีน้อยกว่ากำหนด เราก็ต้องจ่ายเพิ่ม แต่หากรวมแล้วเราเสียภาษีมากเกินกำหนด เรามีสิทธิขอคืนได้
เมื่ออ่านบทความนี้จบเราก็ส่งต่อให้พี่ที่ทำงานคนนั้นว่า เนี่ยเว็บนี้อธิบายดี แล้วพี่เขาก็เดินมาคุยด้วยว่า มันก็ยังไม่เกี่ยวกับยอดที่เราต้องเสียภาษีอยู่ดีมะ
เราจึงเลื่อนลงไปตรงตารางคำนวณภาษี(ในเว็บข้างต้นมีให้ค่ะ ละเอียดมากๆเลย)แล้วบอกว่า เปลี่ยนค่ะ ถ้าเอามารวมคำนวณด้วย ยอดที่เราจะต้องเสียภาษีจริงน่ะ จะถูกหักไปมากขึ้น(เพราะมียอดจากปันผลเพิ่มเข้ามา) และเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ในอนาคต เราจะยังสามารถใช้สิทธิเพื่อเสียภาษีน้อยลงได้หรือไม่ แต่ตอนนี้น่ะ มันทำให้เราเสียภาษีลดลงได้จริงๆ
พี่เขาก็แบบ เหรอ เออ เดี๋ยวพี่ไปปรึกษาคนของตัวเองมั่งดีกว่า เผื่อเอามาหักภาษีได้บ้าง
เราจึงนำสิ่งที่เราได้เรียนรู้ใหม่มาแบ่งปันไว้แก่คุณผู้อ่าน เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการบริหารเงินของคุณผู้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อยค่ะ และที่เราลงไว้ในหมวดกฎหมาย เนื่องจากหลักการของเรื่องนี้อิงมาจากประมวลรัษฎากรค่ะ
เกือบลืมก่อนจบ สำหรับคุณผู้อ่านที่มีหุ้นอยู่และสนใจอยากนำปันผลมารวมคำนวณภาษีด้วย แต่ยังรู้สึกเก้ๆกังๆ ไม่แน่ใจว่าจะกรอกถูกหรือไม่ หากหุ้นของคุณผู้อ่านเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เราแนะนำว่าให้คุณผู้อ่านสมัครสมาชิกและใช้บริการของตลาดหลักทรัพย์ที่ชื่อ TSD นะคะ เพราะพอเราลงข้อมูลเรียบร้อยแล้วเนี่ย เมื่อเรายื่นภาษีทางอินเตอร์เนต เราก็สามารถดึงข้อมูลจาก TSD มาได้ทันทีโดยไม่ต้องกรอกอะไรเองเลยค่ะ สะดวกมากๆเลย
สวัสดีนะคะ
ปล. ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ของธนาคารไทยพาณิชย์และเว็บไซต์ของ Moneyhub และขอบคุณพี่คนนั้นที่สร้างแรงกระตุ้นให้เราอยากหาความรู้เพิ่มมา ณ ที่นี้ (ดีใจมากที่พอเข้าใจได้ซะที 555)
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in