เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
N[wh]YCFAY
N[wh]YC : ความประทับใจที่ติดลบ

  • หลังโบกมือลาแอร์โฮสเตสที่ดูแลกันมา 14 ชั่วโมง ก็ได้เวลาวิ่ง 4x100 ไปตม.


    จำได้ว่าครั้งแรกที่ออกนอกประเทศ มัวหลงระเริงอยู่กับป้าย Welcome to Japan ในสนามบิน ประหนึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากมวลมหาประชาชนชาวญี่ปุ่น จนต้องมาติดแถวตม.อยู่ประมาณชั่วโมงเศษๆ ! (ใช่ค่ะ ไฟลท์ A380 ในตำนาน คนเยอะเหร้ๆ และเป็นช่วงพีค เครื่องลงได้ซักร้อยไฟลท์ #เว่อ ต่อคิวที่นาริตะ หางแถวน่าจะอยู่ซัปโปโร) หลังจากนั้นก็เลยไม่เคยซึมซับกับการต้อนรับที่อบอุ่น(จากป้าย Welcome) ต่างๆนานาอีก โอเค จุดหมายของเราคือ ตม.เท่านั้น!!


    แล้วมันไปทางไหนวะ 


    ระหว่างช่องตม.ที่เป็นเคาเตอร์กับเครื่องที่ดูคล้ายๆตู้ATM  ตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่คนเดียว ที่ดูเหมือนนางจะไม่ค่อยต้อนรับเราเท่าไหร่ ตามประสากะเหรี่ยงแปลกหน้า ก็เลยไปต่อแถวเคาเตอร์ ตม. เพราะคิดว่าเครื่องนั้นมันคงใช้ได้กับพวกมีกรีนการ์ดไรงี้มั้งนะ คิดเยอะไปอีก สุดท้ายนางก็ไล่กลับมาให้มาต่อแถวตรงตู้ที่เหมือน ATM  เอ้า เสียเวลาไปอีก 


    เค้าเรียกเครื่อง APC  Kiosk (Automated Passport Control) 


    หน้าตาเครื่อง APC จากเว็บ cbp.gov
     
    หน้าตามันก็เป็นแบบในรูป ส่วนการใช้งานก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่คว่ำหน้าวีซ่าที่ติดอยู่ในเล่มพาสปอร์ตของเราลงไป ไอ้เจ้าเครื่องนี่ก็จะอ่านบาร์โค้ดแล้วแสดงข้อมูลของเราขึ้นมา มีให้ verify ข้อมูลนิดหน่อย หลังจากนั้นก็สแกนนิ้ว สแกนหน้า เหมือนตม.ปกติ แล้วก็จะปริ้นท์กระดาษใบนึงออกมา ตรงนั้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่ หากมันไม่ Error คือไม่มีกากบาททับกระดาษที่ถูกปริ้นท์ออกมา เราก็ไปต่อแถวเข้า ตม.เพื่อยื่นเอกสารอีกที ส่วนคนที่มีกากบาททับหน้า (เช่นหน้าไม่ชัด) ก็จะถูกแยกไปหา ตม.ในช่องที่เป็นเคาเตอร์ (ปรากฏว่าคนที่มีกากบาทออกเร็วกว่าเยอะเลยอ่ะ คราวหน้าจะยื่นหน้าเข้าไปหากล้องซะ เอาให้ error จะได้มีกากบาท มีกากบาทแล้วจะได้ออกไวๆ -_-) 


    อ้อ ไอที่วิ่ง 4x100 มานี่ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะตม. ช้ามากกกกกกกก ถ้าใครเคยไปเกาหลี จะพบว่าเคาเตอร์ ตม.ของเค้าถูกเปิดเต็มเกือบทุกช่อง โฟลว์สุดๆ ส่วนแถวนี้อ่ะเหรอ หึหึ ตม.ที่รับยื่นเอกสารจากเครื่อง APC มี 2 คนถ้วน ส่วนแบบเคาเตอร์ก็มี 2 ช่องเองมั้ง อ่ะ 4 ช่องต่อผู้โดยสารเป็นร้อย ค่ะ.... 

    (ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรีวิวด่าสนามบินนี้แบบชิบหายวายป่วง) 


    แต่ข้อดีคือถ้ามาด้วยกันก็เข้าไปพร้อมกันได้เลย ส่วนใหญ่เอเชียจะไม่ค่อยอะไรมาก แต่ถ้าเป็นฝั่งป้าห่มส่าหรี เราเห็นถามจนพรุนทุกบ้าน แต่ป้าห่มส่าหรีนี่ส่วนใหญ่จะนั่งบิสนะจ๊ะ ไม่ใช่เล่นๆ 

    แถวทบแล้วทบอีก 

    แล้วก็มาถึงคิวเรา เป็นตม.เอเชีย ชื่อคุณ HA  
    คุณฮาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียว ณ จุดนี้ ที่ดูเป็นมิตรกับเรามากที่สุด 

    เธอก็ฮาสมชื่อ ตอบอะไรไปเธอก็ขำ 

    คำถามที่โดนก็จะเป็นแบบ มากี่วันจ๊ะ (8วันจ้ะ เธอก็แบบ 8วันเองเร้ออออ แล้วก็ขำ) มีเงินมาเท่าไหร่จ๊ะ (800$ค่ะ ห๊าา 800$ แล้วก็ขำอีก เสร็จแล้วก็ปั๊มให้ ปึ้ง) เป็นคำถามเบสิคที่ตม.ทั้งโลกถามกันอะไรประมาณนั้น สรุปว่าตม.เกาหลียังน่าลุ้นกว่าอีก เพราะที่นี่ชิลล์มาก แต่ยากตรงวีซ่า เอ๊ะ!

    อ้อ ตรงนี้เค้าจะเก็บเอกสารเราไปหมดเลยนะ ทั้ง Immigration form (ที่เดี๋ยวนี้รวมกับ Custom form เป็นใบเดียวกันแล้ว) กับใบที่ปริ้นท์ออกมาจาก APC  หน้าตามันจะเป็นแบบในรูปด้านล่าง 


    ตรงของที่นำมา เราติด Yes ในเรื่องอาหารด้วย จัดกระเป๋ามาพร้อมดีแคลร์เต็มที่และแน่นอนว่าไม่มีหมูหยองแม้แต่เส้นเดียว (เคยอ่านรีวิวมา เขาว่าตม.กับศุลกากรที่นี่มักจะถามคนไทยว่า "มีหมูหยองม้าย?" คือจำพวกเนื้อสัตว์มันผิดกฎบ้านเขาน่ะ) ยังไงก็ต้องเอาตัวเองเซฟไว้ก่อนล่ะ เพราะเอาจริงๆภาษาเราก็ไม่ได้แข็งแรงมาก กลัวโดนซักยาวๆแล้วตอบไม่ถูก อีกอย่าง กลัวโดนปรับ เพราะไม่มีเงินให้ปรับ แต่ไม่เห็นคุณฮาจะถามอะไรเลย ในใจตอนนั้นแบบ อ้าว แบบนี้ก็ไม่ต้องดีแคลร์แล้วสิ แต่ยัง ยังไม่จบ นี่แค่ ตม. ยังไม่เจอศุลกากร เพราะไอที่จะปรับน่ะ ศุลกากรโน่นจ้า




  • หลังจากผ่าน ตม. มาได้ ก็มารอกระเป๋าตรงสายพาน ซึ่งตอนนั้นมีของเราแค่ไฟลท์เดียว มันเลยโล่งๆ ผีหลอกๆ บวกกับบรรยากาศด้านๆมึนๆเลยยิ่งรู้สึกว่าสนามบินนี้แม่งไม่เป็นมิตรเข้าไปอีก (ไวไฟก็ต่อยาก หึ!) ความจังรายเรื่องที่หนึ่งหลังจากผ่านตม.มาคือ รถเข็นแม่งเสียเงินเว้ย  แล้วไม่ใช่ถูกๆด้วยนะ 5$ แน่ะ!! (x35 ดู)  ถ้าเอามาคืนตรงจุดก็จะได้รีฟันด์ 25เซนต์ แหม่ นี่มันค่าเช่าหรือค่าซื้อใหม่คะสังคม 


    Credit : vivcathey @Flickr (ในภาพนี่เป็นของสนามบิน Portland นะจ๊ะ) 

    ระหว่างรอกระเป๋า ก็ดูท่าทางว่าอีกนานกว่าจะได้ กว่าจะเข้าเมือง กว่าจะถึงโรงแรม ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวไปฉี่ฆ่าเวลาดีกว่า คือภายนอกก็ดูเป็นห้องน้ำทั่วๆไปนะ แต่อยากให้ลองนึกภาพตามดู 

    เดินเข้าไปจะเจอห้องน้ำสามห้อง ห้องแรกเป็นห้องคนพิการ ห้องที่สองและสามเป็นห้องธรรมดา แล้วถึงจะเป็นอ่างล้างมืออยู่ข้างในสุด ตอนที่ไปห้องที่สองปิด เหลือว่างแค่ห้องที่สามกับคนพิการ และในนั้นมีน้องคนไทยคุยกันเจื้อยแจ้วอยู่ 

    แน่นอนว่าเราไม่เข้าห้องแรก เพราะถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็จะปล่อย Priority ในส่วนนั้นให้กับคนที่เขาจำเป็นจริง ก็เลยดุ่มไปเข้าห้องที่สาม ซึ่งมีน้องคนไทยยืนเหมือนกำลังรอจะเข้าอยู่ แต่น้องเค้าผายมือให้เราเข้าก่อน 

    "ไม่เป็นไรค่ะ เข้าก่อนเลย" เราพูดกับน้องเค้าเป็นภาษาไทย ได้ยินเสียง "อ้าว" แล้วตามมาด้วยประโยคคะยั้นคะยอให้เราเข้าก่อน

    "พี่เข้าก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวหนูเฝ้าให้"

    อิประโยคท้ายมาตอนที่เราตัดสินใจก้าวขาแล้วปิดประตูห้องน้ำไปแล้ว และสิ่งที่เห็นคือ





    เข้าใจทันทีว่าน้องทำไมต้องออกตัวว่าหนูเฝ้าให้ แล้ว คื้อออออออ ประตูมันหนักและห่างจากชักโครกมาก แค่คิดว่าจะไปนั่งแล้วเอาขายันไว้ แต่ขายาว 1 เมตรกว่าๆแบบกูทำไงถึงจะยันถึง ห้องน้ำโพ่ง นี่ไม่นับอิร่องประตูที่กว้างจนสอดหนังสือพิมพ์เข้ามาได้ทั้งเล่มอีกนะ มึงจะทำไว้ทำเพื้ออออ?

    จบตรงที่ไม่ฉี่ไม่เฉ่อแม่งละ ยิ้มเขินๆเดินออกมาแล้วรีบเดินหนีออกไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เออ เอาภาษีสนามบินมาซ่อมกลอนห้องน้ำให้กูก่อนมั๊ย
    ห้องน้ำสายใต้ใหม่ยังดีกว่านี้เลย -_-
  • พอหลุดจากห้องน้ำมาได้ก็มายืนรอกระเป๋าต่อ แต่ความจังรายยังไม่หมดเท่านั้น เพราะจู่ๆสายพานมันก็หยุดทำงานไปซะงั้น เรียกได้ว่าตายในหน้าที่ มีเสียงประกาศมาเป็นระยะๆว่าเดี๋ยวมันจะกลับมาทำงานได้จ้า ขออภัยในฟามไม่สะดวก ตอนนั้นคนเริ่มออกจากตม.มาได้เยอะละ ทุกคนก็ดูเงิบๆเหมือนกันหมดที่อยู่ๆสายพานมันก็ชิงตายไปเฉยๆ บางคนเงิบกว่านั้นเพราะกระเป๋าตัวเองเปียกไปครึ่งใบเลยจ้า (ข้างนอกฝนตก) ส่วนเราไม่ซวยขนาดนั้น เปียกพอชื้นๆ กรุบกริบ 

    ไว้อายลัยให้สายพานที่ตายไปต่อหน้าต่อตา

    อ้อ มีเรื่องดีอยู่อย่างนึงคือไม่โดนเรียกดูของ ไม่ต้องดีแคลร์ มาม่าที่หอบมาเป็นอันว่ารอด หรือเขาเห็นเราดูไม่ค่อยมีอะไรเลยไม่อยากสนใจ 

    เอาล่ะ ได้เวลาเข้าเมืองแล้ว
    กับรถไฟในตำนานที่เขาว่าเน่า เหม็น สกปรก

    เดี๋ยวไปเจอของจริง



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in