เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Compilation of จิปาถะ (s)franky.p
Somewhere away from Northern Bangkok ,2020 (3)
  • 1.รู้สึกขอบคุณเสมอเวลาที่คนเขาไม่ต้องทำให้อะไรเราก็ได้แต่เขาก็ยังทำ ของแบบนี้ใช้ใจล้วนๆไม่มี obligation ผสม 
    ไม่มีลอจิกประเภทที่ว่า 'ครั้งที่แล้วเขาทำให้ ครั้งนี้เขาก็ต้องทำให้เหมือนกันสิ' อะไรแบบนั้น there's no such a shit เพราะงั้นเลย grateful เสมอมา 

    2.Burden ของมนุษย์ที่แคร์มากๆก็คือเราจะเก็บอะไรที่ชาวบ้านไม่ค่อยเก็บกัน ไม่ถึงขั้นนอยทั่วทุกเอเคอร์ของความรู้สึกแบบที่คนอื่นชอบทึกทักเข้าใจผิด ออกแนวเอาเสี้ยวทรงจำที่คนอื่นทิ้งไว้แบบแรนด้อม เรี่ยราด ไปอัดกระป๋องแล้วเก็บซีลอย่างดีโดยที่ไม่จำเป็นซะมากกว่า สุดท้ายแล้วก็สุก อิ่มตัว กลายมาเป็น midnight thoughts บ้าง 2 a.m. thoughts บ้าง หลอกหลอนให้สะดุ้งตื่น เผลอเอามือถูจับแผลเป็นไร้รูปที่ไหนสักแห่ง 

    3.ส่วนคนที่ไม่แคร์ใคร ไม่รัก ไม่มี best interest at heart ไม่ทำอะไรให้ใครแบบ unconditional ก็มี burden เหมือนกัน 
    รีแอคชั่นสะท้อนกลับ เจ้าตัวอาจจะเคยคิดว่าไม่สะทกสะท้านหรอกเรื่องแค่นี้ ไม่เคยใส่ใจว่าความเย็นชาจะทำคนใกล้ตัวเป็นหวัด มองเรื่องละเอียดอ่อนว่าไร้สาระ น้ำใจเป็นเรื่องขลาดเขลา ไม่เคย appreciate กับสิ่งที่คนอื่นทำให้ ค่อนข้างจะมองว่านี่คือสิ่งที่เขา 'ต้อง' ได้รับอยู่แล้ว 

    จนกระทั่งหันไปไม่เจอใครอยู่ข้างๆอีกแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันก็เย็นเยียบเหมือนกัน - ไอ้ความ self-serving นี่

    4. ความพยายามเป็นเรื่อง micro มากๆ คนก็เลยชื่นใจเวลามันถูก notice 
    ความพยายามคือเสี้ยวอะตอมในเหงื่อที่ผุดพราย เศษหัวใจที่ตกแตก เครื่องปรุงรสของน้ำตา และสะเก็ดแผล 

    5. มัน 'ง่าย' กว่าที่จะมองอะไรๆในแง่ macro เพราะรายละเอียดอ่อนโยนเหล่านั้นมันกวนอกกวนใจคุณเนืองๆ มันแอบดึงเอา humanity ซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่สุดในตัวคุณขึ้นมาให้สบตากับความ sentiment สับสน ซับซ้อนในตัวเองบ้าง คนอื่นบ้าง คุณเลยหยีตามองแบบเบลอๆให้เห็นภาพรวมพอก็แล้วกัน ขอไม่รับรู้สิ่งที่ไม่อยากรับรู้แล้วกัน

     ขออะไรง่ายๆ

    6. นับถือคนที่ทำอะไรสักอย่างมาได้เรื่อยๆแบบสม่ำเสมอ โดยไม่สนว่าใครจะมองว่าตัวเองตกรอบหรือเข้ารอบ ก็แค่อยากทำต่อไปเรื่อยๆ เออ ซึ่งยากมากๆเลยสำหรับเรา 

    7. setback เกิดขึ้นได้เสมอ และเราไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครว่าลุกขึ้นได้ไหม เริ่มใหม่ได้รึเปล่า แล้วประเด็นก็คือไม่มีใครมีอำนาจล้นพ้นเราเบอร์นั้น

    8. ห่าลงก็ทำให้ฟิลเตอร์อะไรและใครออกไปอีกเยอะคอยสะกิดไหล่เตือนว่าให้รักษา boundaries เอาไว้ให้ดี

    9. พอมาถึงจุดนึงก็อยากจะมีสักโซนนึงที่เราอยากเซฟๆมันไว้ ไม่วิ่งตามใครหรืออะไรเรื่อยเปื่อย ทุ่มลงไปร้อยนึงก็กะให้ถูก recognize ร้อยนึงเหมือนกัน หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่ต่างกันมากให้เหนื่อยหัวใจ แต่อะไรที่ยังอยาก take risk ก็มี 
    แต่ก็ยังอยู่บน practical ground ที่ไม่ได้ fancy เบอร์นั้นแล้ว

    10. ยังชัดเจนกับตัวเองว่าอยาก fluent ภาษาฝรั่งเศส อยากอ่านงานฝรั่งเศสโดยไม่ต้องรอให้ถูกแปล หลงรัก vibe และคัลเจอร์

    11.เพิ่งเข้าใจความหมายของเพลง lover เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เข้าใจความที่ต้อง weather through อะไรมาเยอะๆ turbulence ต่างๆ แล้วมาเจอคุณที่เป็น serenity ปลอดภัย มีพื้นที่ให้เราได้เป็นตัวเอง as a whole และได้ roam freely ในเวลาเดียวกัน หายใจหายคอได้ราวกับว่าสูดโอโซนของทั้งยูนิเวิร์สเข้าปอด เหมือนได้กลับบ้านที่ได้จากไปนาน เหมือนการได้ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มๆตัวโปรด มีแดดอ่อนๆอาบไล้ยามเช้า 

    12. ไม่ค่อย feel sorry being myself แล้ว ดี ไม่ได้มี urge to prove or to get approval จากใคร

    13.  new year resolution คือฟุ้งและ high เหมือนตอนตั้ง goals นี่เห็นแต่เวทีแต่แสงไฟ ลืมไปว่าเงาก็ตามทาบทับเหมือนกัน ปัจจุบัน goals เหลือไม่กี่อย่าง แต่ practical แต่ก็เป็น life goal อะ ทำต่อไปยาวๆ

    14.  ' Take the words for what they are. Tell yourself you can always stop.' 
       - Illicit Affairs , Taylor Swift

    15.  เวลาเราพูดถึงสิ่งที่เราฝัน ที่เราอยากทำ ก็จะมี noise ของใครไม่รู้โผล่มาถามว่า how ? how to get there?
    เราว่ามันก็ดีในแง่ของการแพลนนิ่ง แต่ก็ไม่ควรเป็นตัวที่กำหนดทุกอย่าง เราว่าไม่ได้ดูเพ้อฝันหรือเพ้อเจ้อเกินไปเลยที่จะเหลือพื้นที่เล็กๆเผื่อไว้ให้ความเป็นไปได้ในชีวิตบ้าง ถ้าตอบว่าhow ได้เป็นสเตปโฉ๊ะๆแบบนั้นก็แปลว่าคนเรารู้ฟ้ารู้ดินแล้วรึเปล่า แล้วนี่คือชีวิตจริงๆ ชีวิตที่ฟัคเราอัพตลอดเวลา อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in