ลองจินตนาการถึงฝูงคนที่กลายเป็นซอมบี้ ท่ามกลางฉากหลังของชุมชนในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยสงคราม นอกจากต้องต่อสู้กับความอดอยากแล้ว ยังต้องมาต่อสู้กับคนในคราบปีศาจที่แสนโหดร้าย ไร้ซึ่งความหวัง เพราะผู้มีอำนาจในแผ่นดินกำลังปกปิดความลับเพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเอง… แค่นี้ก็น่าสนุกแล้วใช่มั้ยคะ
ถ้าคิดว่าแค่นี้น่าสนใจแล้ว ขอให้จินตนาการเพิ่มอีกนิดว่า ถ้าโครงเรื่องข้างต้นถูกคิดและรังสรรค์มาอย่างประณีตจากปลายปากกาของนักเขียนบทมือทองของเกาหลี ผู้เคยฝากผลงานที่ตราตรึงใจอย่าง Signal และถูกกำกับโดยผู้กำกับมือรางวัล เจ้าของภาพยนตร์สุดระทึกขวัญอย่าง A Hard Day และ Tunnel แล้วยังได้ทัพนักแสดงมากความสามารถที่มาทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้โลดแล่นและมีชีวิตชีวา
ยิ่งอ่านก็ยิ่งน่าตื่นเต้นใช่มั้ยคะ ฉะนั้น เตรียมพร้อมที่จะพบกับผลงานที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงกับ Netflix’s Original Series เรื่องแรกของเกาหลี "Kingdom"
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อองค์ชายรัชทายาท "อีชาง" (รับบทโดย จูจีฮุน ผลงาน : Princess Hours / Mask) เห็นถึงความไม่ปกติ ของอาการประชวรของพระบิดา จึงได้ขัดพระบัญชาขององค์ราชินีผู้มีฐานะเป็นดั่งพระมารดา แม้ความจริงจะมีอายุอ่อนเยาว์กว่าพระองค์เองด้วยซ้ำ พระองค์ลอบเข้าไปในตำหนักของพระราชา แต่นอกจากจะไม่พบเสด็จพ่อแล้ว เงาของปีศาจประหลาดที่มีกลิ่นไม่น่าอภิรมณ์คละคลุ้ง ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่า องคมนตรี "โจฮักจู" (รับบทโดย รยูซึงรยง ผลงาน : IRIS) ผู้เป็นบิดาขององค์ราชนี ปกปิดอะไรเอาไว้ในตำหนักพระราชา
เมื่อคำถามมากมายอยู่ในวังหลวง แต่กลับไม่มีคำตอบที่นี่ องค์รัชทายาทจึงตัดสินใจออกจากวังหลวงเพื่อตามหาอดีตแพทย์หลวง
ในขณะที่เมืองหลวงยังดำเนินไปด้วยความกระหายในอำนาจขององคมนตรีผู้ควบคุมทุกสิ่ง องค์รัชทายาทผู้ละทิ้งเมืองหลวง สู่เมืองห่างไกล ก็ได้พบกับความกระหายที่น่าหวาดกลัวไม่ต่างกัน ความกระหาย "เลือด" อันเกิดจากโรคปริศนา ที่เปลี่ยนคนทั้งหมู่บ้านเป็นปีศาจร้าย
ซีรีส์ทุนสร้างระดับพันล้านวอน ที่ถูกยืนยันให้ทำซีซั่นที่สองก่อนที่ซีซั่นแรกจะออกอากาศให้ได้รับชม เป็นการการันตีว่า Netflix’s Original Series ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพื่อเป็นการทำความรู้จักตัวซีรีส์ให้มากขึ้น และเพื่อตอบคำถามที่ว่าทำไม Kingdom จึงเป็นซีรีส์ที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ งานนี้เราได้รับโอกาสจากทาง Netflix ให้เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ Kingdom ณ ประเทศเกาหลีใต้
(บทสัมภาษณ์จากงานแถลงข่าว) และมีโอกาสได้เข้าสัมภาษณ์นักแสดงนำของเรื่องทั้ง 3 ท่าน และ เบื้องหลังคนสำคัญอย่างผู้กำกับ คิมซองฮุน และนักเขียนบทคิมอึนฮีมาฝากด้วยค่ะ
- ช่วยเล่าถึงแรงบันดาลใจสำหรับผลงานเรื่องนี้ กับการตัดสินใจเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผีดิบผ่านซีรีส์ย้อนยุค
นักเขียนคิมอึนฮี : ต้องบอกก่อนว่า ฉันชอบภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับผีดิบอยู่แล้ว เลยอยากจะบรรยายความหิวโหย ความกระหายผ่านผีดิบ และฉันคิดว่ายุคสมัยโชซอนน่าจะเหมาะสม เนื่องจากว่าช่วงยุคโชซอนเป็นยุคสงคราม ประชาชนประสบกับความอดอยาก หิวโหย
Kingdom เป็นผลงานการกำกับซีรีส์เรื่องแรกของผู้กำกับคิมซองฮุน ลายเซ็นการกำกับของเขาชัดเจน แฟนหนังทราบดีว่าเขามีความสามารถในการกำกับงานที่ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วและเร้าใจ
- จากภาพยนตร์ทริลเลอร์ความยาว 2 ชั่วโมง มาเป็นซีรีส์ความยาว 6 ชั่วโมง การควบคุมจังหวะการเล่า มีความแตกต่างจากการทำภาพยนตร์อย่างไร
ผู้กำกับคิมซองฮุน : สำหรับผม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ถ่ายทอดงานในรูปแบบของซีรีส์ ซึ่งมันแตกต่างกันจริงๆ ครับ ระหว่างภาพยนตร์ความยาว 120 นาที กับซีรีส์ความยาว 6 ชั่วโมง ตอนแรกก็รู้สึกหนักใจนิดหน่อยว่าต้องเล่าเรื่องออกมาอย่างไร แต่เนื่องจากว่าผู้เขียนบทเขียนบทออกมาได้ดีมากๆ ก็เลยทำให้การทำงานไม่ยากเท่าไหร่ครับ
เป็นที่ทราบกันดีค่ะ ว่านี่เป็นการร่วมงานด้วยกันครั้งแรกของผู้กำกับคิมซองฮุนและนักเขียนคิมอึนฮี แม้ในชีวิตจริงทั้งคู่จะสนิทสนมกันอยู่แล้ว แต่การร่วมงานของทั้งคู่ก็สร้างปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการสื่อบันเทิงเกาหลี เนื่องจากทั้งคู่ต่างเป็น ‘สุดยอด’ ในสายงานที่ได้รับการยกย่องผ่านคำชมและความนิยมจากผลงานที่ท่วมท้น- ความประทับใจแรกหลังจากอ่านบทที่ทำให้คุณตัดสินใจรับกำกับซีรีส์เรื่องนี้
ผู้กำกับคิมซองฮุน : ผมตัดสินใจรับกำกับเรื่องนี้ก่อนจะได้อ่านบทเลยด้วยซ้ำครับ ผมเชื่อมั่นในฝีมือของคุณคิมอึนฮี และผลงานก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากเลยครับ
หลังจากการสัมภาษณ์ดำเนินไปสักพัก ทางเราก็เลยตัดสินใจเงียบๆ คนเดียวพร้อมมือสั่นๆ ว่าจะอาศัยหน้าที่การงานให้เป็นประโยชน์ในการใช้จังหวะเพื่อบอกรักคุณนักเขียนที่เราแสนปลื้มค่ะ- ในฐานะแฟนคลับของนักเขียนคิมอึนฮี ได้ดูผลงานต่างๆ ของคุณมามากมาย คุณมีความสามารถในการนำเรื่องราวเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวข้องเข้ามาปรับเป็นส่วนหนึ่งของบท สำหรับเรื่องนี้มีการนำเทคนิคการนำเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาร่วมในการเขียนบทด้วยไหม อย่างไรบ้างหลังจากล่ามแปลประโยคบอกรักของเรา คุณคิมอึนฮีหันมาสบตาและโค้งขอบคุณให้เราอย่างน่ารักมากๆ ค่ะ ทางเราก็โค้งกลับแบบเขินๆ แต่ ณ ที่นั้นไม่ใช่มีเราเพียงคนเดียวค่ะที่เป็นแฟนคลับของนักเขียนคิมอึนฮี แม้กระทั่งผู้กำกับคิมซองฮุนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเราก็รีบหันมาบอกทันทีเลยค่ะ ว่า ‘me too, me too’ (ผมก็เหมือนกัน) สร้างเสียงหัวเราะครืนกันทั้งโต๊ะสัมภาษณ์เลยค่ะ
นักเขียนคิมอึนฮี ผู้กำกับ คิมซองฮุน 3 นักแสดงนำ และฝูงซอมบี้จากโชซอน
นักเขียนคิมอึนฮี : ปกติที่ฉันนำเอาเหตุการณ์จริงมาเขียนบท ส่วนใหญ่จะเลือกจากเหตุการณ์ที่คนทั่วไปรู้จักค่ะ ไม่ว่าจะเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือหนังสือ เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือหนังสือก็จะเก็บรวมรวมเอาไว้เพื่อจะนำมาใช้ในการเขียนบทค่ะ สำหรับเรื่องนี้ อยากจะพูดถึงความหิวโหย ความลำบาก และแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคโชซอน แต่หากเทียบกับปัจจุบันแล้วก็แทบไม่แตกต่างกันเลย ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องนี้ออกมาค่ะ
- ข้อความสำคัญจากเรื่อง Kingdom ที่ต้องการจะสื่อสารออกมาให้กับผู้ชมคืออะไร
นักเขียนคิมอึนฮี : ฉันอยากจะสื่อว่า ผู้ที่ถืออำนาจมีความสำคัญมากเพียงใด ผู้ที่มีอำนาจที่คิดไม่ดี คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเองอาจจะทำให้ทั้งแผ่นดินหรือประชาชนเป็นอันตรายได้ อยากจะสื่อถึงเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมืองด้วยค่ะ
สิ่งที่ทำให้ Kingdom เป็นซีรีส์ที่น่าจับตามองอีกเหตุผลหนึ่งนั่นคือ Kingdom เป็น Netflix Original Series สัญชาติเกาหลีเรื่องแรก เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ได้รับทุนสร้างจาก Netflix (จำนวนมหาศาล) และออกอากาศผ่านทาง Netflix เท่านั้น แหวกขนบและการแข่งขันทางด้านเรตติ้งโทรทัศน์อันดุเดือด โดดมาลง Platform ใหม่ ตีตลาดผู้ชมกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองว่า Netflix จะเข้ามามีบทบาทอย่างไรกับวงการซีรีส์เกาหลี จะไปได้ไกลอย่างที่หวังไว้ไหม แล้วในฐานะเบื้องหลัง พวกเขาได้รับประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้- ได้ยินมาว่าคุณเริ่มเขียนเรื่อง Kingdom มาตั้งแต่ปี 2011 และ Netflix ได้ติดต่อเข้ามาภายหลัง ซึ่งปกติผลงานของคุณเป็นผลงานที่ออกอากาศภายในประเทศเกาหลี แต่การที่ซีรีส์สามมารถรับชมได้ทาง Netflix ทำให้กลุ่มผู้ชมเป็นผู้ชมจากทั่วโลก มีการเขียนบทที่ปรับให้ง่ายต่อการเข้าใจของคนที่ไม่ใช่ชาวเอเชียไหม
นักเขียนคิมอึนฮี : แม้ว่าฉันจะเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2011 แต่ตอนนั้นก็คิดว่าคงเป็นไปได้ยากที่จะได้นำมาผลิต เนื่องจากว่าถ้าออกอากาศทางช่องโทรทัศน์จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากค่ะ เลยไม่ได้เขียนโดยลงรายละเอียด แค่คิดและร่างเอาไว้เฉยๆ แต่เมื่อได้พบกับ Netflix จึงเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสามารถผลิดและพัฒนาออกมาเป็นซีรีส์ ก็เลยเริ่มเขียนอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ
ภาพจาก "신의 나라" ต้นฉบับของ Kingdom
- การผลิตซีรีส์ที่รับชมได้ทาง Netflix เท่านั้น มีประโยชน์มากกว่าการผลิตซีรีส์เพื่อออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ปกติอย่างไร
นักเขียนคิมอึนฮี : ถ้าเป็นการออกอากาศทางโทรทัศน์นั้นไม่ต้องจ่ายค่าบริการ ใครก็สามารถรับชมได้ ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะค่ะ เช่น เรื่องอายุของผู้ชม และเรื่องอื่นๆ แต่ถ้าหากรับชมผ่านทาง Netflix เนื่องจากว่าต้องชำระค่าบริการเพื่อเข้าชม จึงค่อนข้างให้ความอิสระแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงาน
- เนื่องจากซีรีส์ที่รับชมได้ทาง Netflix จะสามารถทำให้ผู้ชมเข้าถึงได้ทั่วโลก สำหรับคนที่ไม่เคยรับชมซีรีส์เกาหลีมาก่อนเลย หากต้องตัดสินใจที่จะรับชมซีรีส์เกาหลีเรื่องแรก ทำไมถึงต้องเป็น Kingdom
นักเขียนบทคิมอึนฮี (คำถามนี้นักเขียนต้องตอบเอง เพราะโยนไปที่ผู้กำกับแล้ว ผู้กำกับแกล้งโยนกลับมาค่ะ) : ในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงาน ถ้ามีคนติดตามจำนวนมากก็แน่นอนว่าคงจะมีความสุขมากๆ ค่ะ อยากให้ผู้ชมทั่วโลกติดตามชมด้วยค่ะ เหตุผลที่ต้องดูซีรีส์เรื่องนี้ ก็คือผู้ชมจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นเกาหลีได้ค่ะ แม้ว่าจะเป็นยุคโบราณ ช่วงโชซอน แต่แน่นอนว่าผู้ชมจะได้รับความรู้เกี่ยวกับประเพณีอันงดงามของประเทศเกาหลีด้วยค่ะ
สิ่งที่เบื้องหลังต้องการจะสื่อสาร ต้องอาศัยผู้ถ่ายทอดชั้นดีที่สามารถรับบทบาทนั้นได้อย่างเหมาะสมสมกับความตั้งใจของผู้กำกับและนักเขียนบท ผู้รับหน้าที่หลักในครั้งนี้เป็นนักแสดงระดับยอดพีระมิดของเกาหลีที่เคยฝากฝีไม้ลายมือในผลงานต่างๆ มากมายค่ะ
จูจีฮุน แบดูนา รยูซึงรยง เดินเข้ามาในห้องสัมภาษณ์อย่างสดใสและเป็นกันเอง
- ช่วยเล่าถึงฉากที่ยากที่สุดของการถ่ายทำค่ะ
จูจีฮุน : มีฉากที่ผมต้องต่อสู้กับผีดิบเพื่อจะปกป้องชาวบ้านครับ ฉากนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำทั้งหมด 15 วัน ซึ่งในเวลา 15 วันนั้นต้องวิ่งตลอดและต้องต่อสู้ไปด้วย เป็นฉากที่ค่อนข้างยากสำหรับผมครับ
แบดูนา : สำหรับฉันไม่ค่อยมีฉากที่ถ่ายทำยากค่ะ เนื่องจากรับบทเป็นผู้หญิงในยุคโชซอนซึ่งจะไม่ค่อยมีบทบาทหน้าที่ ไม่สามารถเป็นผู้นำได้ ซึ่งตรงนี้แตกต่างจากบทที่ฉันเคยแสดงในซีรีส์เรื่องอื่นๆ มาก่อน เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันรับบทที่ค่อนข้าง active แต่ในเรื่องนี้ต้องมารับบทผู้หญิงที่เรียบร้อย ไม่มีฉากต่อสู้ แต่มีฉากหนึ่งค่ะ ถ่ายทำตอนที่อากาศหนาว แม้จะพอทนได้ แต่ก็ต้องอุ้มเด็กอายุ 9 ขวบ วิ่งขึ้นเขา ตรงนั้นค่อนข้างยากค่ะ แล้วก็หนักด้วย หลังจากที่ถ่ายทำเสร็จถึงกับต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ประมาณ 5 นาทีเลยค่ะ
รยูซึงรยง : สำหรับผม รับบทบาทเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่น่ากลัวกว่าผีดิบเสียอีกครับ แต่จริงๆ ส่วนตัวผมกลัวผีดิบมากนะครับ แต่ว่าต้องทำตัวเหมือนไม่กลัว ตรงนี้แหละครับถือว่าเป็นความยากสำหรับผม
- จากที่คุณแบดูนาบอกว่าผู้หญิงในยุคสมัยนั้นไม่ค่อยมีบทบาทในสังคม อยากทราบว่าแล้วตัวละครของคุณมีบทบาทอย่างไรสำหรับเรื่องนี้
แบดูนา : ในสมัยราชวงศ์โชซอน ประเทศเกาหลีนับถือลิทธิขงจื๊อซึ่งมีความคิดว่าห้ามไม่ให้ผู้หญิงออกจากบ้านไปทำงาน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ แต่บท "ซอบี" ที่ฉันได้รับ มีอาชีพเป็นแพทย์หญิงซึ่งถือว่าเป็นจุดที่แตกต่างกับผู้หญิงโซชอนในยุคนั้น และถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ทำหน้าที่สำคัญ แม้จะไม่ได้อยู่ข้างหน้า แต่ก็คอยอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยเหลือ สนับสนุนเพื่อที่จะหาสาเหตุของโรคระบาดที่เกิดขึ้น และอาจจะมีบทบาทเหมือนคุณแม่ที่ทุกคนสามารถถพึ่งพิงได้ และเธอยังมีความเข้มแข็งในตัวด้วยค่ะ
เนื่องจากฉันเป็นคนที่มารับบทซอบี นั้นอาจทำให้เธอต่างไปจากผู้หญิงในยุคโชซอน เพราะว่าก่อนจะมารับบทในซีรีส์เรื่องนี้ ฉันมีภาพลักษณ์ของความเป็นนักสู้ มีเสน่ห์แบบที่ผู้หญิงด้วยกันเองก็ยังชอบ เพราะได้รับบทที่มีฉากแอคชั่นค่อนข้างมาก ถ้าเป็นนักแสดงอื่นมารับบทบาทนี้ก็อาจจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ เพราะแม้แต่ฉากที่ต้องหนีอย่างเดียว ฉันก็ต้องขอหันกลับมาต่อสู้บ้าง
จูจีฮุน : ผมขอเสริมนิดนึงนะครับ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงในสมัยโชซอน ต้องเป็นคนเรียบร้อย ดูอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกมาเลยครับ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่เธอฉลาด เป็นคนที่ถือกุญแจสำคัญที่สามารถแก้ไขและหาสาเหตุของโรคระบาดได้ และถึงแม้ว่าในบทที่เราได้รับ เราจะมีชนชั้นต่างกัน ตัวผมเป็นองค์ชาย และเธอเป็นชาวบ้านธรรมดา ตอนที่ได้รู้ข้อมูลจากซอบีแล้ว องค์ชายแนะนำให้เธอหนีไป แต่เธอก็ไม่ยอมหนี และเธอก็ยังคอยอยู่เคียงข้างองค์ชาย และต่อสู้ร่วมกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นครับ
สิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นกับซีรีส์เรื่องนี้ที่ทำให้คนจับตามองคือการที่ Netflix ประกาศสร้างซีซั่น 2 ก่อนการออกอากาศของซีซั่น 1 ค่ะ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
- ในซีซันที่ 2 เราจะได้พบกับพวกคุณทั้งสามคนใช่มั้ย
(พร้อมกัน) : แน่นอนครับ / ค่ะ
- ทำไมถึงตัดสินใจรับแสดงซีซันสองทั้งๆ ที่ซีซันแรกยังไม่ออกอากาศให้รับชม
จูจีฮุน : นั่นสิครับ ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมยังไม่ปล่อยซีซั่นแรกให้รับชม แต่ประกาศว่าจะสร้างซีซั่น 2 แล้ว เพราะสงสัยครับ ผมเลยตัดสินใจเข้าร่วมแสดงซีซั่น 2 ซะเลย
- รู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงานกับ Netflix
จูจีฮุน : ตอนที่เริ่มงานก็ยังไม่ค่อยรู้จักครับว่า Netflix คืออะไร ยังไง แต่ว่าพอทำงานร่วมกันแล้ว ผมรู้สึกว่าค่อนข้างอิสระและช่วยอำนวยความสะดวกอย่างดี ให้อิสระกับผู้สร้างสรรค์ผลงาน ถ้าร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ หรืองานโฆษณาต่างๆ จะมีข้อจำกัดที่ค่อนข้างมาก แต่ว่างานผ่าน Netflix ผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถถ่ายทอดทุกเรื่องได้อย่างอิสระ และเนื่องจากสามารถรับชมได้ถึง 190 ประเทศทั่วโลก ตรงนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ของ Netflix ครับ
- สำหรับคนที่ไม่เคยดูซีรีส์เกาหลีมาก่อนเลย ทำไมถึงควรดู Kindom เป็นเรื่องแรก
รยูซึงรยง : ทุกคนเป็นสื่อมวลชนจากเมืองไทยใช่มั้ยครับ มีบางฤดูที่ประเทศไทยน่าจะไม่มี เช่น ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว ถ้าพูดถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงนั้นงดงามมากครับ ส่วนหน้าหนาวก็เป็นความหนาวแบบทรมาน เหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยอาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อน ก็สามารถสัมผัสผ่านซีรีส์เรื่องนี้ได้เหมือนกันครับ นอกจากนี้ยังมีความงดงามของประเพณีเกาหลีโบราณที่สามารถสัมผัสได้จากซีรีส์เรื่องนี้เช่นกันครับ
สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารวงการบันเทิงเกาหลีมาตลอดจะทราบว่าปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นปีทองของจูจีฮุน พระเอกซีรีส์ของเราทีเดียวค่ะ โดยปีที่แล้วเขามีภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมและคำชมอย่างล้นหลามถึง 2 เรื่อง แถมยังต้องถ่ายทำ Kingdom อีก - คุณจูจีฮุนเตรียมตัวในการรับบทนี้อย่างไรบ้าง
จูจีฮุน : ก่อนการถ่ายทำต้องมีการฝึกฉากต่อสู้ต่างๆ และต้องฝีกในหิมะด้วยครับ
- ได้เรียนรู้อะไรจากบทบาทที่ตนเองได้รับ
จูจีฮุน : ผมได้เรียนรู้ว่าความโลภของมนุษย์เราไม่มีขีดจำกัด ความอยากได้อยากมีนั้นไม่มีที่สิ้นสุด จริงๆ บทบาทที่ผมได้รับ เป็นบทองค์ชายซึ่งก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการอำนาจ สามารถแย่งชิงอำนาจได้ แต่เนื่องจากออกมาจากพระราชวัง แล้วมีโอกาสได้เห็นภาพความลำบากของประชาชน ระหว่างที่รับบท ผมได้เรียนรู้ถึงความโลภของมนุษย์และมุมมองที่เรามอง ความจริงอาจจะเป็นอีกอย่างก็ได้ครับ คนที่กลายเป็นผีดิบเอง พวกเขาไม่ได้อยากกลายเป็นผีดิบ เพียงแต่ติดเชื้อมาและไม่มีแม้แต่ความคิดเป็นของตัวเอง เลยทำร้ายคนอื่น ในขณะที่มนุษย์เราได้รับการศึกษามาแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ระหว่างที่ถ่ายทำทำให้ผมได้คิดเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ครับ
นอกจาก ‘ซอมบี้’ หรือ ‘ผีดิบ’ จะเป็นตัวชูโรงสำหรับซีรีส์เรื่องนี้แล้ว เมื่อควบรวมเข้ากับบริบทสังคม การเมืองของเกาหลีในยุคโชซอนแล้ว นัยยะสำคัญที่แฝงอยู่เบื้องหลังคือเรื่องที่ทำให้ผู้ชมสามารถนำไปตีความกันต่อไปได้อย่างอิสระ
- เวลาที่ดูหนังเกี่ยวกับผีดิบ มันไม่ใช่หนังผีที่จะทำให้คนกลัว แต่มันเป็นหนังที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันทดสอบความเป็นมนุษย์ของเราว่าถ้าเราเจอสถานการณ์นั้นจริงๆ เราจะเห็นแก่ตัวมั้ย เราจะกล้าเสียสละเพื่อคนอื่นมั้ย แล้วผีดิบในความหมายของแต่ละคนคืออะไร
จูจีฮุน : ผีดิบไม่ใช่ผีอย่างที่คุณบอกนั่นแหละครับ แต่ว่าทำให้นึกถึงความเป็นมนุษย์ของเรา แม้ว่าเราจะได้รับการศึกษา เรียนรู้แล้ว ไม่ควรเห็นแก่ตัว แต่บางที่เราก็ทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองบ้าง ผีดิบนั้นอาจจะเป็นครอบครัว เพื่อน พี่น้องของเราก็ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากเป็นผีดิบแต่ก็ต้องมาเป็น ซึ่งความหิวของผีดิบนั้นก็เหมือนกับมนุษย์ของเรานั่นเองครับ
แม้จะเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่บรรยากาศในห้องสัมภาษณ์ไม่มีความตึงเครียดเลยค่ะ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และบรรยากาศที่แสนจะเป็นกันเอง นักแสดงทุกท่านตอบคำถามกันอย่างเต็มที่ จนแม้จะเกินเวลาสัมภาษณ์ที่กำหนดก็ยังขอเสริมในประเด็นที่ทำให้เราเข้าใจในความทุ่มเทและการให้ความสำคัญกับบทบาทที่ตนเองได้รับอย่างเต็มที่ หลังจากการสัมภาษณ์สิ้นสุด นักแสดงทั้งสามคนลุกขึ้นยกมือไหว้สื่อมวลชน และจูจีฮุนก็พูดว่า “ขอบคุณครับ” อย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยค่ะ
หวังว่าบทสัมภาษณ์ที่เรานำมาฝากกันจะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านได้รับรู้ถึงความตั้งใจในการทำงานของทั้งทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตั้งแต่คนเชียนบท ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานทุกท่าน
ได้เวลาพิสูจน์ร่วมกันแล้วค่ะว่าซีรีส์ Kingdom จะเป็นอย่างไร จะทำให้เราได้เรียนรู้ เพลินเพลิน ตื่นตาตื่นใจ และสร้างปรากฏการณ์ที่จะสั่นสะเทือนวงการซีรีส์เกาหลีหรือไม่
ขอรับรองว่าเวลา 6 ชั่วโมงของคุณที่จะใช้กับซีรีส์เรื่องนี้จะต้องผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ระทึกขวัญ อึดอัดคับข้อง และความประทับใจ... ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ!
รับชมซีรีส์ " Kingdom " พร้อมซับไทยได้ที่ Netflix เท่านั้น
ได้เวลาวิ่งหนีซอมบี้กันแล้ววววว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in