ค.ศ. 1901 - หลังจากที่สหรัฐอเมริกา ได้รับชัยชนะเหนือสเปนใน
สงครามที่ยาวนานกว่า 3 เดือน สหรัฐอเมริกามีเป้าหมายใหม่เป็นการเข้าสู่พื้นที่ภูมิภาคแปซิฟิกบริเวณประเทศจีน
กัปตันยูจีนได้รับภารกิจ เดินทางสู่โชซอน ถิ่นกำเนิดที่เขาละทิ้งมาแต่วัยเยาว์
ค.ศ. 1871 - ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในโชซอน ด้วยสหรัฐอเมริกา ได้นำเรือรบมาลอยลำในบริเวณเกาะคังฮวา และขึ้นฝั่งทำการสู้รบกับทหารจำนวนน้อยนิด และชาวบ้าน แม้จะทราบดีว่า ไม่มีทางเอาชนะในศึกครั้งนี้ แต่ทุกคนก็ยังหยัดยืนและต่อสู้ด้วยชีิวิต ผู้คนมากมายถูกสังเวยในสงครามโดยมิได้รับการเหลียวแลจากชนชั้นปกครอง แม้บางส่วนจะถูกจับเป็นเชลย แต่กลับไม่มีความช่วยเหลือจากคนชาติเดียวกัน เป็นความโชคดีที่สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศ และปล่อยตัวเชลยทั้งหมด แต่แม้เป็นการมาเยือนในช่วงเวลาอันสั้น กลับทิ้งรอยแผลและความสูญเสียไว้อย่างเจ็บปวด
ในช่วงเวลานั้น ชีวิตของผู้คนมากมาย เริ่มต้น และเปลี่ยนแปลง... รวมถึงพวกเขา...
เด็กชายลูกทาสในเรือนของตระกูลใหญ่ชนชั้นปกครอง หนีการไล่ล่าของนักล่าทาส หลังจากที่แม่ของเขาต้องสละชีวิตเพื่อให้เขาเอาตัวรอด ระหว่างการหลบนี้ เขาได้รู้จักกับคำว่า "อเมริกา" แม้จะไม่รู้ชัดว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ที่นั่นน่าจะไกลพอ ไกลเท่าที่มารดาของเขาบอกไว้ว่า ให้เขาหนีไปให้ไกลที่สุด เขาลอบขึ้นเรือใหญ่และเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล สู่ดินแดนแห่งเสรีภาพ เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ด้วยความแตกต่าง การดำรงชีวิตจึงไม่ใช่เรื่องง่าย วันหนึ่งเขาก็พบหนทางที่จะทำให้เขาได้เป็นชาวอเมริกันอย่างแท้จริง มิใช่เพียงชนต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาตัดสินใจเข้าเป็นทหาร
หลังความพยายามในการทำการปฏิวัติล้มเหลว เด็กน้อยแรกเกิดอายุเพียงหนึ่งวันต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ที่เป็นนักสู้เพื่อเสรีภาพ เธอกลับสู่โชซอนพร้อมเถ้าอัฐิของพ่อแม่ และอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของปู่ของเธอ
เธอเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งามพร้อม แม้เธอจะใช้ชีวิตเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอแอบติดตามข่าวสารของโลกใบนี้อยู่เสมอ ความกังวลของเธอ คือโลกรอบตัวที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว และการที่นานาประเทศมุ่งหาประโยชน์จากประเทศของเธอ เมื่อปู่ของเธอไม่สามารถคัดค้านความต้องการเสรีภาพอันเข้มข้นอยู่ภายในสายเลือดของเธอได้ ท่านจึงตัดสินใจ ส่งเธอไปเรียนวิชาการยิงปืนจากอาจารย์
เวลาผ่านไป แม้เบื้องหน้าเธอจะยังเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เช่นเดิมที่ผู้คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี แต่ในมุมที่ไม่มีใครรู้ เธอเป็นนักสู้ในเงามืดเช่นเดียวกับพ่อแม่ที่จากไปของเธอ
ผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อสาย หลากหลายจุดประสงค์ หลั่งไหลเข้าสู่โชซอน หากมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นแปลว่าเป็นพันธมิตรหรือไม่ และความเป็นพันธมิตรจะมีอายุยาวนานเพียงใด วันไหนอาจลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกันก็ไม่มีใครรู้... ดั่งอดีตที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์มากมาย อนาคตย่อมหมุนไปข้างหน้าเสมอ นำพาความเปลี่ยนแปลงมากมายเข้ามา... ชีวิตเขา ชีวิตเธอ ชะตากรรมของประเทศ ล้วนสุดคาดเดา
ติดตามเรื่องราวการต่อสู้ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายของการเปลี่ยนผ่านได้ใน "Mr. Sunshine : สุภาพบุรุษตะวันฉาย" พร้อมซับไทย ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ทาง
Netflix
ในแต่ละปีนอกจากแฟนซีรีส์จะรอคอยว่านักแสดงในดวงใจจะรับงานแสดงมาให้เห็นหน้าค่าตากันทางหน้าจอไหม ก็มีผู้กำกับและนักเขียนบทบางท่านที่มีผลงานเป็นที่นิยม และความสามารถเป็นที่ประจักษ์ จนแฟนๆ เฝ้ารอผลงานเรื่องต่อไป ไม่ต่างจากการรอคอยพระเอก-นางเอกคนดังกันเลย
หนึ่งในนักเขียนบทของวงการบันเทิงเกาหลีที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือ คุณ คิมอึนซุก เจ้าของผลงานการเขียนบทซีรีส์มากมายหลายเรื่อง แต่ละเรื่องล้วนสร้างความประทับใจให้ผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น Lovers In Paris (2004) (เรตติ้งสูงสุดของละครช่องหลักอันดับที่ 13 ห่างซีรีส์ดังระดับโลกอย่างแดจังกึมเพียง 1%) Secret Garden (2010) The Heirs (2013) Descendants of the Sun (2016) และ Goblin (2017) นับเป็นนักเขียนบทที่มีผลงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2003 ทำให้ทุกปี แฟนๆของคุณคิมอึนซุกก็เฝ้ารอคอยข่าวงานเขียนเรื่องใหม่ของเธอ และติดตามข่าวคราวว่าใครกันที่จะมาเป็นนักแสดงที่มาเติมเต็มจินตนาการของผู้เขียนบทมากความสามารถท่านนี้
หลังจากส่ง Goblin ขึ้นเป็นเจ้าของอันดับเรตติ้งสูงสุดอันดับ 2 ของละครที่ออกอากาศทางช่องเคเบิ้ลทีวีไปเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้เธอกลับมาจับมือร่วมงานกับผู้กำกับคนเดิม พร้อมงานย้อนยุคเต็มรูปแบบ ที่แม้จะย้อนไปไม่ไกลนัก เพียงช่วงปลายของยุคโชซอน แต่กลับเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง เธอสร้างสรรค์ตัวละครที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนในที่มาและวัตถุประสงค์ของชีวิต เป็นตัวแทนของกลุ่มแนวคิดต่างๆในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสับสน เปิดเรื่องมาด้วยการเล่าที่มาที่ไป ที่น่าสนใจของแต่ละตัวละคร เป็นการปูเรื่องได้อย่างน่าสนใจ โยงใยตัวละครเข้าไว้ด้วยกัน
แม้ 2 ตอนแรก ยังมองไม่เห็นความชัดเจนในแนวทางของเรื่องเท่าไหร่นักว่าจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นอะไร ( คิดว่าน่าจะเป็นส่วนผสมของการเมือง การทหาร โรแมนติก ดราม่า) และแต่ก็ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวที่อลังการด้วยงาน ภาพเสียง เสน่ห์ของนักแสดงที่คัดเลือกมาได้อย่างดีที่สามารถตอบโจทย์ความเป็นตัวละครแต่ละตัวได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอีบยองฮอนผู้มารับบทนายทหารมาดนิ่งยากหยั่งถึงความคิดในใจ ที่ห่างหายไปจากจอแก้วนานถึง 9 ปี ก็แสดงความหนักแน่นแบบชายชาติทหารออกมาอย่างองอาจ หรือ คิมแทรี ที่มารับบทคุณหนู ที่มีจริตของความหยิ่งทะนงแบบชนชั้นสูง มั่นใจ และชัดเจนในตัวเองไว้อย่างชัดเจน หรือเด็กน้อยที่มารับบทยูจีนในวัยเด็กที่ต้องพบเจอกับความสูญเสีย และต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด การแสดงของน้องก็สามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้อย่างมากมาย รวมทั้งบรรดานักแสดงรับเชิญที่มาร่วมกันถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งความสูญเสียอันเป็นปมภายในใจของตัวละครแต่ละตัว ที่จะโลดแล่นและเป็นผู้เล่าเรื่องต่อจากนี้
น้องจุนจินซอ รับบท ยูจีน(วัยเด็ก)
อีชีอัน รับบท แม่ของยูจีน (รับเชิญ)
คิมจีวอน รับบท แม่ของแอชิน (รับเชิญ)
จินกู รับบท พ่อของแอชิน (รับเชิญ)
สิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างมากใน 2 ตอนแรก คืองานภาพที่ต้องใช้คำว่า "สุดยอด" แต่ละฉากเหมือนการเนรมิตภาพจากจินตนาการดุจงานศิลป์ ออกมาอย่างอลังการ ทุกอย่างดูงดงาม และส่งพลังในหลายแง่มุม ตามอารมณ์ของแต่ละฉาก ไม่ว่าจะเป็นภาพ แสง องค์ประกอบภาพ ทั้งส่วนที่ถ่ายทำจริง หรือส่วนที่เสริมขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษ (ที่ส่วนมากก็เนียนเสียจน ไม่แน่ใจว่า CG หรือจริง) โดยเฉพาะฉากสงคราม ที่นอกจากจะอลังการด้วยภาพ ยังมีการใช้เสียงเพื่อดึงอารมณ์ร่วม ราวกับยืนอยู่ในเหตุการณ์ หรือกระทั่งการแทรกคำบรรยาย ที่ดึงเอาความภูมิใจในการต่อสู้ของบรรพบุรุษมาเรียกน้ำตากัน (เนื้อหาละครเรื่องนี้ค่อนข้างปลุกความชาตินิยม)
ตัวอย่าง(ยาว)
นอกจากสุดยอดองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมด ซีรีส์เรื่องนี้ยังปล่อยเพลงประกอบเพลงแรกที่ขับร้องโดยสุดยอดนักร้องเสียงดี ทรงพลัง ผู้โด่งดัง Park Hyo Shin เจ้าของเพลง
Wild Flower ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี มาให้ได้ฟังกันเต็มๆแล้ว และคาดว่าเพลงต่อๆมาก็น่าจะจัดศิลปินตัวท็อปของวงการมาขับร้องอีกแน่นอน
เพลงประกอบละคร
แม้จาก 2 ตอนแรก จะยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าบทดี หรือเนื้อเรื่องสนุกสนานมาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าที่มาของตัวละคร และสถานการณ์ของประเทศ แต่จากผลงานก่อนหน้านี้ของคุณคิมอึนซุก และการปูปมตัวละครต่างๆ หรือการหยิบช่วงเวลาที่ไม่ได้ถูกนำมาเล่าบ่อยครั้งมาเล่น ก็ถือว่าเป็นบทที่น่าสนใจอย่างมาก บวกกับงานภาพที่เลิศหรูเวอร์วัง ระดับที่แค่มาเสพภาพอย่างเดียวก็ฟินกันไปสามวัน รวมถึงนักแสดงแถวหน้าของวงการ ที่การันตีความสามารถด้วยผลงานมากมายในสายภาพยนตร์ ทั้งยังการันตีด้วยเรตติ้งเปิดตัวที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของช่องเคเบิ้ล และสูงถึง 9.7% แล้วหลังจากออกอากาศเพียง 2 ตอน ก็ต้องบอกว่า "ไม่ควรพลาด"
นอกจากนี้ซีรีส์เรื่องนี้ยังพิเศษสุดๆ เพราะทาง Netflix จัดซับไทยมาให้ในคืนเดียวกันกับที่ออกอากาศที่เกาหลี แบบไม่ค้างคา ไม่ต้องรอข้ามวัน ก็ได้ชมซับไทยคุณภาพ พร้อมภาพคมชัดทันที รวดเร็วทันใจ ฟินสุดๆ ใครที่ยังไม่ได้เริ่มดู แนะนำให้จัดโดยด่วน จะได้เม้าท์กับเพื่อนๆได้ทัน เพราะคิดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะเข้มข้นขึ้นแน่นอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in