Michael Dillion
ลอรามีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) ส่งผลให้วูบไปและมีอาการบาดเจ็บทางศรีษะถึงสองครั้ง ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลเพื่อพักฟื้น ลอราได้รู้จักกับแพทย์ที่ให้ความสนใจด้านศัลยกรรมตกแต่ง(ซึ่งสมัยนั้นมีไม่มากด้วย) ศัลแพทย์ตกแต่งคนนี้ช่วยทำการผ่าตัดเอาเต้านมออกออกให้ลอราในปี 1942 และยังเขียนใบรับรองแพทย์เพื่อจะให้เขาสามารถเปลี่ยนสูติบัตรใด้ด้วย
ในปี 1944 ลอราจึงแก้ไขสูติบัตร เปลี่ยนจาก ลูกสาว เป็นลูกชาย จาก ลอรา มอด ดิลลอน เป็น ลอเรนซ์ ไมเคิล ดิลลอน พี่ชายของลอรารู้เรื่องแล้วตกใจมากถึงกับตัดพี่ตัดน้องไปเลย (ต่อจากนี้จะเรียกลอราว่าไมเคิล)
นอกจากจะผ่าตัดเต้านมให้แล้ว ศัลยแพทย์ตกแต่งคนนั้นยังแนะนำให้ไมเคิลรู้จักกับแพทย์เพื่อนของเขาอย่าง ฮาโรลด์ กิลลีส์* (Harold Gillies) ศัลยแพทย์ตกแต่งรุ่นบุกเบิก ที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะ บิดาแห่งศัลยกรรมตกแต่งสมัยใหม่
*และจริง ๆ เชี่ยวชาญโสตศอนาสิกวิทยา
ก่อนหน้านี้กิลลีส์เคยผ่าตัดซ่อมอวัยวะเพศชายให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเคยผ่าตัดอวัยวะเพศให้คนที่มีอวัยวะเพศสองเพศมาแล้ว กิลลีส์ยินดีที่จะผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศชาย (Phalloplasty) ให้กับไมเคิล แต่ยังไม่สามารถทำในช่วงนั้นได้ เพราะเป็นช่วงที่ยังอยู่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เขายังคงวุ่นวายอยู่กับทหารที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ภาพจาก http://leopoldest.blogspot.com/2011/02/michael-dillon-al-nacer-le-llamaron.html
ระหว่างนั้นไมเคิลจึงสมัครเข้าเรียนโรงเรียนแพทย์ที่วิทยาลัย ในดับลิน แน่นอนว่าสมัครด้วยชื่อ ไมเคิล ดิลลอน อดีตอาจารย์สอนพิเศษของไมเคิลพยายามโน้มน้าวนายทะเบียนออกซ์ฟอร์ดให้เปลี่ยนข้อมูลในใบทรานสคริปต์ของเขาจากวิทยาลัยเซนต์แอนที่เป็นวิทยาลัยหญิงไปเป็นวิทยาลัยชายล้วนบราซีโนส ( Brasenose) เขาเข้าไปเป็นนักพายเรือที่โดดเด่นเหมือนครั้งยังเป็นเด็ก เพียงแต่ตอนนี้เขาอยู่ในทีมผู้ชายแล้ว
ระหว่างปี 1946 - 1949 กิลลีย์ผ่าตัดไมเคิลอย่างน้อยก็ 13 ครั้ง ระหว่างนั้นเขาปิดบังคนอื่นด้วยการวินิจฉัยว่าไมเคิลเป็นไฮโปสปาเดีย (hypospadias) หรือรูเปิดท่อปัสสาวะต่ำกว่าปกติ
ไมเคิลมักใช้ช่วงเวลาว่างที่พอจะมีอยู่บ้างไปเพลิดเพลินกับการเต้นรำ เขาหลีกเลี่ยงการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงเพราะกลัวว่ามันจะนำไปสู่การเปิดเผยตัวตนเอาได้
ในบันทึกยังมีการกล่าวถึงสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น เขาไม่สามารถผลิตลูกให้ผู้หญิงได้ จึงไม่อยากจะให้ผู้หญิงมารู้สึกรักหรือสานสัมพันธ์ด้วย เพราะหากสุดท้ายเธออยากมีลูกขึ้นมาก็จะมีปัญหา รวมถึงการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งนี้หมายความว่าเขาอาจจำต้องบอกเรื่องราวเกี่ยวกับเพศกำเนิดในช่วงใดช่วงหนึ่งในความสัมพันธ์ด้วย
ในพอดคาสต์ของ Stuff you should know ตอน Michael Dillon: Trans Pioneer วิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ดูเหมือนว่าไมเคิลไม่ได้สนใจเรื่องมีคู่รักอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เขาอยากจะได้รับความยอมรับว่าเป็นผู้ชาย และเข้าไปอยู่ในสังคมผู้ชายได้เต็มตัวมากกว่าที่จะสนใจเรื่องความรัก
กลายเป็นว่าเขาต้องสร้างเรื่องให้ตัวเองเป็นพวกจงเกลียดจงชังผู้หญิงไปด้วย แต่ในบันทึกเขากล่าวว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ เพียงแต่พยายามป้องกันความลับของตัวเองเท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in