เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Sleeveless Loverainbowflick17☂️
Violet to Vita จดหมายรักถึงเจ้าสาวของคนอื่น
  •        
         วิต้า แซควิลล์ - เวสต์ (Vita Sackville-West) นักเขียนชาวอังกฤษ ตกหลุมรักกับนักเขียนและนักสังคมสงเคราะห์ ไวโอเลต เคปเปล (Violet Keppel) เรื่องราวของทั้งสองคนเป็นหนึ่งในเรื่องที่แวดวงวรรณกรรมให้ความสนใจมาก ส่วนหนึ่งปรากฎอยู่ในนิยายเรื่องดังอย่าง ออร์แลนโด (Orlando : A Biography) ของ เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf)  และได้รับการพูดถึงมานานกว่าทศวรรษ


    ภาพจาก Amazon 

    [ท้าวความอย่างย่อที่สุดในโลก]

    Vita Sackville-West : 

    วิต้าเป็นลูกคนเดียวของ วิคตอเรีย แซควิลล์ - เวสต์ (Victoria Sackville-West)* กับ ไลโอเนล เอ็ดเวิร์ด แซควิลล์ - เวสต์ บารอนแซควิลล์ที่สาม (Lionel Edward Sackville-West, 3rd Baron Sackville.)

    วิต้าประสบความสำเร็จในฐานะกวี นักเขียน นักข่าว นักประพันธ์ ได้ตีพิมพ์รวมบทกวีกว่าสิบสองชุด และตีพิมพ์นิยายอีก 13 เรื่อง 
           นอกจากจะเป็นนักประพันธ์แล้วยังเป็นนักออกแบบสวนอีกด้วย ร่วมออกแบบ Sissinghurst Castle Garden ซึ่งเป็นสวนที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ 


    เธอมองว่าเธอมีตัวตนสองด้านอยู่ในตัวเอง ด้านที่นุ่มนวลอ่อนหวาน และชอบผู้ชาย ในขณะที่อีกด้านหนึ่งมีความแข็งกร้าว และชอบผู้หญิง

    วีตาเองในภายหลังเป็นคู่รักคนหนึ่งของ เวอร์จิเนีย วูล์ฟ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครหลักในเรื่องออร์แลนโด  

    *แม่ของวิต้าโตในคอนแวนต์ปารีส และเป็นลูกสาวนอกสมรสของไลโอเนล แซควิล - เวสต์, บารอนแซควิลล์ที่สอง (Lionel Sackville-West, 2nd Baron Sackville) กับนักเต้นชาวสเปน โฆเซฟา เด โอลิบา (Josefa de Oliva) แสดงให้เห็นว่าเหมือนจะมีความเกี่ยวพันทางเครือญาติอยู่ 

    Alice Keppel and Violet Keppel จาก historyofroyalwomen.com

    Violet Keppel : 

    ไวโอเลตเป็นลูกสาวของอลิซ แคปเปล (Alice Keppel) กับจอร์จ แคปเปล (the Hon. George Keppel) ซึ่งเป็นลูกชายของเอิร์ลที่เจ็ดแห่งอัลบาร์มาล (7th Earl of Albemarle)  ในภายหลัง อลิซ แคปเปล กลายเป็นภรรยาลับ ๆ ของ เอ็ดเวิร์ดที่เจ็ดของอังกฤษ 

    ไวโอเลตใช้ชีวิตวัยเด็กที่ลอนดอน  โตมาเป็นนักเขียนและนักสังคม เธอตีพิมพ์นิยายหลายเรื่อง รวมถึงเขียนหนังสือสารคดี (non-fiction) เป็นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส

    เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละคร เลดี้ มงโดร์ (Lady Montdore) ในหนังสือเรื่อง Love in a Cold Climate ของ แนนซี มิตฟอร์ด (Nancy Mitford) และ มิวเรียล (Muriel) ในหนังสือเรื่อง The Soul's Gymnasium. ของ แฮโรลด์ แอกตัน (Harold Acton)

    อาจจะสืบเนื่องจากการที่ครอบครัวมีความสัมพันธ์กับเชื้อพระวงศ์ต่าง ๆ นี่เองที่ทำให้เธอเป็นเบื้องหลังตัวละคร ซาชา(Sasha) เจ้าหญิงรัซเซียในเรื่องออร์แลนโด 



    Young Violet Keppel ภาพจาก Clothes in book

    Girls, friends

             ไวโอเลตและวีต้าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก พบกันครั้งแรกที่โรงเรียนเฮเลน วูล์ฟ ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน (Helen Wolff's) ไวโอเลตอายุสิบขวบ ส่วนวิต้าอายุสิบสอง  ในชีวประวัติของวิต้าเล่าไว้ว่าเธอดูจะผูกมิตรหรือเข้าหาเด็กคนอื่น ๆ ยาก อาจจะเพราะตอนเด็ก ๆ เธอเรียนโฮมสกูล แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันและเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกันหลายปี 

    ไวโอเลตในวัย 14 ปี สารภาพรักกับเพื่อน

    ทั้งสองคนกลายเป็นคู่รักเมื่อเริ่มต้นวัยยี่สิบ และถือเป็นรักแรก มีหลักฐานเป็นจดหมายรักของทั้งคู่ โดยจดหมายที่ยังเหลืออยู่ เริ่มตั้งแต่ปี 1910 ไวโอเลตอายุสิบหก วิต้าอายุสิบแปด แสดงภาพความรักที่ทั้งลึกซึ้ง หลงไหลและเป็นไปไม่ได้เนื่องจากบริบทของสังคมในเวลาเดียวกัน        

    จดหมายเดือนตุลาคมปี 1910 ไวโอเลตตอบกลับจดหมายของวิต้า ด้วยภาษาฝรั่งเศส เป็นจดหมายที่ วิต้า ถามว่าทำไมถึงรักเธอ:

    ตัดมานะคะ

    ...I love you because you have the air of doubting nothing! I love in you what is also in me: imagination, the gift for languages, taste, intuition and a host of other things…
    I love you, Vita, because I have seen your soul…


    ในปีเดียวกันนั้น เอ็ดเวิร์ดที่เจ็ดสวรรคต อลิซ แคปเปลจึงพาครอบครัวไปอยู่ที่อื่นอยู่ประมาณสองปี ก่อนจะกลับมาลงหลักปักฐานในสังคมอังกฤษอีกครั้ง การกลับมาลอนดอนในครั้งนี้ ไวโอเลตได้ทราบข่าวคราวว่าวีต้ากำลังจะหมั้นกับฮาโรล นิโคลสัน (Harold George Nicolson)



    Harold Nicholson, Vita Sackville-West, Rosamund Grosvenorand Lionel Edward Sackville-West in ภาพจาก Spartacus-education ; Rosamund Grosvenorand เป็นหนึ่งในคู่รักของวิต้า

    ภรรยาและชายอื่น

    นิโคลสันเข้ามาจีบวิต้าตั้งแต่สมัยยังเป็นนักการทูตหนุ่ม และจีบอยู่ 18 เดือน ในที่สุดเดือนตุลาคม ปี1913 วิต้าในวัย 21 ก็แต่งงานกับนิโคลสันในโบสถ์เล็ก ๆ  ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะคัดค้านเพราะมองว่านิโคลสันในตอนนั้นสุดจะจน มีรายได้รวมๆเพียงแค่ปีละ  £250 เท่านั้นเอง

    คู่แต่งงานคู่นี้อยู่ใน "ความสัมพันธ์แบบเปิด" (Open Marriage) ซึ่งหมายความว่า นอกกายไม่เท่ากับนอกใจไปเสียทีเดียว ทั้งก่อนหน้าที่จะแต่งงานกันและในระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน ทั้งวิต้าและนิโคลสันต่างมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ที่เป็นเพศเดียวกัน

       ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว  ในช่วงสิบปีต่อมาวิตาและไวโอเลตก็ยังคงความสัมพันธ์เป็นคู่รักกันอยู่

    ปีถัดมาหลังจากแต่งงาน วิต้าให้กำเนิดลูกชายคนแรก แต่ทั้งสองคนก็ยังคงหาโอกาสช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไปอยู่ด้วยกัน


    Harold Nicolson and Vita ภาพจาก Spartacus'educational

           ไวโอเลตเรียกวิต้าว่า Mitya ย่อจาก “my Dmitri,” ตัวละครจากโอเปร่าเรื่อง  Prince Igor ของ อเล็กซานเดอร์ โบโรดิน (Alexander Borodin) 
           เธอเขียนในจดหมายหลายครั้งว่าถ้าหากวิต้าเป็นผู้ชายเธอคงแต่งงานด้วยไปแล้ว 

           ความรักของไวโอเลตยิ่งลึกซึ้งขึ้น สวนทางกับสถานการณ์และสถานะในชีวิตที่เป็นอุปสรรคมากขึ้นทุกขณะ


    What sort of a life can we lead now? Yours, an infamous and degrading lie to the world, officially bound to someone you don’t care for…

    I, not caring a damn for anyone but you, utterly lost, miserably incomplete, condemned to leading a futile, purposeless existence, which no longer holds the smallest attraction for me…
    I never thought I would (or could) love like this.


    Violet and vita ภาพจาก Brainpicking

    ไม่นานต่อมาไวโอเลตไม่สามารถที่จะทนเก็บความทุกข์เอาไว้ได้ ถึงกับเสนอให้อีกฝ่ายหนีตามกันไปอยู่ที่อื่นเลย


    " My days are consumed by this impotent longing for you, and my nights are riddled with insufferable dreams… I want you. I want you hungrily, frenziedly, passionately. I am starving for you, if you must know it. Not only the physical you, but your fellowship, your sympathy, the innumerable points of view we share. I can’t exist without you, you are my affinity, the intellectual “pendent” to me, my twin spirit. I can’t help it! no more can you! … We complete each other…
    Mitya, we must. God knows we have waited long enough! Something will go “snap” in my brain if we wait any longer and I shall tell everyone I know that we are going away and why. Do you think I’m going to waste any more of my precious youth waiting for you to screw up sufficient courage to make a bolt? Not I!…I want you for my own, I want to go away with you. I must and will and damn the world and damn the consequences and anyone had better look out for themselves who dares to become an obstacle in my path.



  •    Vita and Violet ภาพจาก brainpicking

         ด้านไวโอเลตเองถูกกดดันให้หมั้นกับ เดนีส เทรฟิว (Denys Trefusis) อย่างไม่เต็มใจ แม้ว่าฝั่งผู้ชายจะให้สัญญาว่าการแต่งงานจะไม่มีการเข้าหอ เพื่อให้ไวโอเลตได้รักษาความซื่อสัตย์กับวิต้า แต่ตัวไวโอเลตเองก็ทนความคิดที่ว่าเธอได้ลงหลักปักฐานกับความสัมพันธ์อื่นที่ไม่มีคนรักอยู่ด้วยไปแล้วไม่ได้
    วิต้าตอนที่ได้รับจดหมายแจ้งเรื่องกการหมั้นก็พยายามโน้มน้าวให้ไวโอเลตไม่แต่งงาน

    เดือนมีนาคม 1919 เข้าใกล้วันเกิดครบรอบอายุ 25 ปี เธอก็ยิ่งเศร้าไปอีก และเขียนจดหมายหาวิต้าอีก

             พอสิ้นเดือนมีนาคม แม่ของไวโอเลตก็ปล่อยระเบิดลงโดยการประกาศกลางงานเลี้ยงต่อหน้าสาธารณชนว่าเธอได้หมั้นกับหนุ่มทหารคนนั้นไปแล้ว

    คืนนั้นไวโอเลตเขียนจดหมายหาวิต้าอีกฉบับ 

    ขออนุญาตตัดมาแค่ครึ่งบนนะคะ

    I was congratulated by everyone I knew there. I could have screamed aloud. Mitya, I can’t face this existence… It is really wicked and horrible. I am losing every atom of self-respect I ever possessed. I hate myself. O Mitya, what have you done to me? O my darling, precious love, what is going to become of us?



    Vita and Violet ภาพจาก Boardofcheapcheerful Tumblr 



    [ “Be wicked, be brave, be drunk, be reckless, be dissolute, be despotic, be an anarchist, be a religious fanatic, be a suffragette, be anything you like, but for pity’s sake be it to the top of your bent — Live — live fully, live passionately, live disastrously if necessary. Live the gamut of human experiences, build, destroy, build up again! Live, let’s live, you and I — let’s live as none ever lived before, let’s explore and investigate, let’s tread fearlessly where even the most intrepid have faltered and held back!” - Violet Trefusis/ quote on Goodread]



            การที่สาธารณชนรับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีพันธะเหมือนเป็นทางตันที่สุดของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ลงท้ายแล้วไวโอเลตก็แต่งงานกับเดนีสตามความต้องการของแม่ วิต้าตีตราการแต่งงานครั้งนี้ของไวโอเลตว่าเป็นความล้มเหลวในชีวิตของไวโอเลตเอง

    อย่างไรก็ตาม คู่นี้ก็ยังแอบออกไปเจอกัน ทั้งที่ต่างคนต่างมีสามีแล้วนี่แหละ โดยเฉพาะในช่วงปี 1918 มักจะหลบไปอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศส  

    แม่ของทั้งคู่พยายามจะทำให้ทั้งคู่กลับไปหาสามีแต่ไม่เป็นผล แม่ของไวโอเลตก็เป็นกังวลเรื่องข่าวลือไม่น้อย ด้านสามีก็พยายามตามภรรยากลับเช่นกัน

    ความสัมพันธ์ในช่วงหลังค่อนข้างขึ้นลง รัก ๆ เลิก ๆ กันอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่ง ปี 1921 ทั้งสองคนหนีไปอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศสนานถึงหกสัปดาห์ นิโคลสันตัดสินใจบอกวีต้าว่าเขาจะหย่ากับเธอหากเธอยังหนีไปอยู่กับคนอื่นอยู่แบบนี้ 

    วิต้าตัดสินใจกลับไปอังกฤษ ไวโอเลตถูกส่งไปอยู่ที่อิตาลี และดูเหมือนว่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หลังแต่งงานครั้งยาวนานนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว


            ส่วนจดหมายรักที่ส่งหากันเป็นจำนวนมากนั้น พอชีวิตแต่งงานของไวโอเลตมีปัญหามาก ๆ ฝ่ายชายก็เผาจดหมายที่ทั้งคู่เขียนให้กันทิ้งไป เหลือรอดมาถึงปัจจุบันแค่บางฉบับเท่านั้น





    I write you (still a lot and a book)


    ภาพจาก Amazon

    เรียกว่าหลังม่านละครไม่เคยจบ เพราะทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกในปี 1940 หลังจากไวโอเลตต้องกลับมาอังกฤษเพราะเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งสองคนกลับมาติดต่อและเขียนจดหมายหากัน

    เคยได้ยินเรื่องที่คนเราจะเป็นอมตะได้เมื่อมีตัวตนอยู่บนงานเขียนไหมคะ ทั้งไวโอเลตและวิต้าต่างเขียนหนังสือที่แทรกเหตุการณ์ของทั้งคู่เข้าไปด้วย โดยไวโอเลตเขียนเรื่อง Broderie Anglaise เป็นภาษาฝรั่งเศส และวิต้าเขียนเรื่อง Challenge


  • หนังสืออ่านเพิ่มเติม  



    Violet to Vita : The Letters of Violet Trefusis to Vita Sackville-West, 1910-1921(Public library) เล่มนี้เป็นประมาณรวมจดหมายของวิต้ากับไวโอเลต 




    Portrait of a Marriage: Vita Sackville-West and Harold Nicolson เล่มนี้เป็นชีวประวัติของวิต้าเขียนโดยลูกชายของเธอเอง ต่อมานำไปทำเป็นมินิซีรีย์เรื่อง  Portrait of A Marriage โดยเล่าเรื่องระหว่างไวโอเลตกับวิต้าในช่วงที่วิต้าแต่งงานไปแล้ว

    มินิซีรีย์ Portrait of A Marriage








    อื่นๆ


    เรื่อง Love in a Cold Climate ที่บอกว่าตัวละคร Lady Mondure ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไวโอเลตเป็นหนึ่งในเรื่องที่คนชอบมาก ๆ ของ แนนซี มิตฟอร์ด เป็นอีกเรื่องที่ได้ดัดแปลงเป็นซีรีย์
    (ใน goodread บอกว่าเป็น โรแมนติกคอมเมดี้ จริงเปล่าไม่รู้นะ 555)



    - ไวโอเลต หลังจากแต่งงานใช้ชื่อ Violet Trefusis 

    - จดหมายฉบับเต็ม ๆ ยาว ๆ หาอ่านได้ใน References สองลิ้งค์แรกค่ะ

    ขอออกตัวก่อนว่าเรื่องมันยาวและสลับซับซ้อนกว่านี้มาก ๆ อันนี้หยิบมาเล่าแบบย่อ ๆ เท่านั้นค่ะ



    References


    Popova, M. (2019). The Breathtaking Love Letters of Violet Trefusis and Vita Sackville-West. [online] Brain Pickings. Available at: https://www.brainpickings.org/2014/06/05/violet-to-vita-love-letters/ [Accessed 15 Apr. 2019].

    Clothesinbooks.blogspot.com. (2019). Violet to Vita: The Letters of Violet Trefusis to Vita Sackville-West 1910-21. [online] Available at: http://clothesinbooks.blogspot.com/2015/01/violet-to-vita-letters-of-violet.html [Accessed 15 Apr. 2019].

    National Trust. (2019). An unconventional couple: Vita Sackville-West and Harold Nicolson. [online] Available at: https://www.nationaltrust.org.uk/features/an-unconventional-couple-vita-sackville-west-and-harold-nicholson [Accessed 15 Apr. 2019].

    Simkin, J. (2019). Harold Nicolson. [online] Spartacus Educational. Available at: https://spartacus-educational.com/Jnicholson.htm [Accessed 15 Apr. 2019].

    Hidalgo, M. (2019). Sackville-West: mujer sobre mujer. [online] ELMUNDO. Available at: https://www.elmundo.es/cultura/2016/11/19/582f594246163fa0598b4576.html [Accessed 15 Apr. 2019].



    รายละเอียดเสริมและหมายเหตุคำแปลเพิ่มเติม  :  https://rbf17ref.home.blog/2019/04/17/ref-violet-and-vita/





    ขอบคุณค่ะ ลงเรื่องใหม่ทุกวันที่ 3 กับ 17 ถ้าไม่ติดภารกิจค่า



    *แปลและเรียบเรียงส่วนไหนผิดขออภัยล่วงหน้า ทักมาบอกได้เลยนะคะ 



     Contact / ช่องทางการบอก 
    Twitter direct message : @rainbowflick17

    E-mail : [email protected]



    *แก้ไขครั้งที่ 1 27 ส.ค. แก้คำผิดค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in