เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I write what I want tothefirstofmine
How far is far?






  • เสียงของหยดน้ำดังกระทบกับกันสาดพลาสติกของห้องพักดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ไม่นานห่าฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ผมเงยหน้าจากหนังสือที่วางอยู่บนที่อ่านหนังสือ -- ที่ใครต่อใครต่างหาว่ามันเป็นการทำร้ายหนังสือในรูปแบบหนึ่ง แต่ผมถือเอาความสะดวกในการอ่านเป็นเกณฑ์ซะมากกว่า ผมจึงไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้นมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมอ่านหนังสือสบายขึ้นกว่าเดิม

    ถ้ายังมีคนสนใจประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา (แต่หลายคนก็เรียกว่ากรม(นอน)อุตุ) ว่าเราเข้าสู่ฤดูหนาวในวันที่เป็นวันกึ่งกลางของเดือนตุลาคมไปแล้วนั้น ผมเองก็ต้องขอบอกว่า ผมคนหนึ่งที่จะไม่เชื่อประกาศเตือนนั่น ผมไม่คิดว่ามันจะเข้าสู่ฤดูหนาวตรงไหน ห่าฝนก็ยังคงตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆ วัน อากาศก็ไม่มีความรู้สึกว่าจะเย็นจากเดิมตรงไหน เพียงแต่ฟ้ามืดเร็วกว่าเดิม ก็แค่นั้น

    ผมละสายตาจากหนังสือแล้วเดินไปปิดหน้าต่างตรงหัวเตียงที่ผมเปิดเพื่อระบายอากาศแต่เช้าเพราะกลัวว่าฝนจะสาดเข้ามา (ทั้งๆ ที่ผมเองก็รู้อยู่แล้วว่าในจุดนั้น ฝนไม่มีทางสาดเข้ามาได้แน่นอนก็ตาม) ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ผมหามันอยู่นาน เพราะผมเองก็ไม่มั่นใจว่าเก็บมันเอาไว้ที่ไหน อาจจะโยนทิ้งไว้ที่กองหนังสือ หรือบนเตียงนอน หรือกองเสื้อผ้านั่น แต่มันกลับอยู่ในที่ที่ผมไม่คิดว่ามันจะอยู่ มันวางอยู่บนตู้ -- ตู้ที่ผมไม่คิดจะไปยุ่งกับมันเลย ตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากดูดฝุ่น และทำความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ

    "สวัสดีครับ" ผมรับสายนั่น และเสียงอันคุ้นหูก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สดใส

    "พี่แม็กซ์ หวัดดี"

    "นั่นใครพูดครับ" ผมถามไป แม้ผมจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั่นก็ตาม

    "โธ่ พี่แม็กซ์ จำกันไม่ได้แล้วหรอ นี่เท็มไง"

    "อ๋อ ก็ว่าอยู่ เสียงคุ้นๆ โทรมามีอะไรรึเปล่า"

    "เท็มจะโทรมาบอกว่าเท็มเปลี่ยนมือถือแล้ว พี่แม็กซ์ไม่ได้ออกไปไหนหรอ" นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เขาโทรมาหาผมหรอก เปลี่ยนมือถือแล้ว ใครเขาจะโทรบอกคนอื่น เบอร์ไม่ได้เปลี่ยน หรือเปลี่ยนแอคเคาท์โซเชียลสักหน่อย

    "ไม่ล่ะ ฝนเพิ่งตกด้วย นอนอยู่บ้านอ่านหนังสือดีกว่า" ผมพยายามหาทางตัดบทพูด แต่ก็เท่านั้น ผมรู้จักนิสัยของเท็มดี เขาไม่ยอมหยุดพูดจนกว่าจะเข้าถึงจุดประสงค์ของเขา

    "เหมือนเดิมเลย พี่แม็กซ์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ"

    "เท็ม มีอะไรจะคุยกับพี่น่ะ"

    "เท็มแค่อยากคุยกับพี่เฉยๆ วันนี้ฝนตกทั้งวันเหมือนกัน แล้วก็คิดถึงหนังสือที่พี่ชอบอ่านด้วย" น่าแปลก เมื่อก่อนเขาไม่เคยพูดถึงหนังสือเล่มนี้เลยสักครั้ง แม้ผมเองจะเคยแนะนำให้เขาอ่านแล้วก็ตาม

    "เล่มไหน"

    "เรื่องที่เกี่ยวกับฝนตก เล่มโปรดของพี่แม็กซ์ไง" ผมรู้คำตอบดี เพราะนั่นเป็นเล่มที่ผมอ่านค้างเอาไว้อยู่ ผมหยิบเล่มนั้นมาอ่านอยู่บ่อยครั้ง เวลาที่ฝนตก และผมไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปไหน หรือมีนัดกับใคร

    "อาหะ"

    "..." 

    "อยู่ที่นู่นเป็นไงบ้าง" ผมไม่ชอบเวลาที่เดดแอร์ มันเงียบ และน่าอึดอัดยิ่งกว่าอะไรดี และโดยเฉพาะเวลาที่ต้องคุยกับเขา

    "ก็ดีนะพี่แม็กซ์ ที่นี่กับที่นู่นอากาศแปรปรวนไม่ต่างกันเลย"

    "งั้นหรอ"

    "อือ พี่แม็กซ์เป็นไงบ้าง"

    "เหมือนๆ เดิม ไม่มีอะไรพิเศษ"

    "ยังอ่านหนังสือกับฟังเพลงเหมือนเดิมด้วยรึเปล่า"

    "ก็นั่นแหละ เดิมๆ ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำไมน่ะ"

    "เปล่าหรอกพี่ เท็มไม่มีอะไรหรอก"

    "แน่นะ"

    "แน่สิ"

    "เท็มมีอะไรอีกรึเปล่า"

    "พี่พูดเหมือนพี่รีบเลย"

    "แสดงว่ามี ... มีอะไรก็พูดๆ มาเลยเถอะเท็ม ไม่งั้นพี่จะวางแล้ว"

    "..."

    "โชคดีนะเท็ม"

    เขายังคงเงียบ อีกไม่กี่อึดใจ ก่อนที่ผมจะกดวางสาย เสียงเบาๆ ของเขาพูดออกมา คำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากเขา ตั้งแต่เขาขอห่างออกไป และต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เราไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้น ช่วงปีที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับการติดต่อจากเขาตั้งแต่คราวนั้น 

    มาถึงตอนนี้ ผมกลับมองเห็นเท็มเป็นเพื่อน เป็นน้องคนหนึ่งในชีวิตเท่านั้นแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษ หรือมากกว่าใครๆ เขาเป็นเด็กดี นิสัยดี แต่เขาเองก็ยังคงเป็นเด็ก เด็กต่อโลก เด็กต่อสังคม เด็กในทุกๆ ด้าน เขาขอ่างกับผม เพราะผมต้องทำงาน เดินทางอยู่เป็นประจำ และบางครั้งผมไม่สามารถติดต่อเขาได้ตลอดเวลา 

    เราต่างกัน เขาชอบการชิทแชท แต่ผมไม่ เขาไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ผมชอบ เขาชอบเข้าสังคม แต่ผมไม่ ผมไม่ชอบการที่จะต้องไปอยู่ท่ามกลางเสียงดังๆ และความวุ่นวายแบบนั้น ผมโอเคกับสิ่งต่างๆ ที่เขาทำ ไม่ก้าวก่าย แต่เขาไม่ใช่ เขายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจ บางครั้งเขาก็กลับมางอแงใส่ผม ว่าผมไม่มีเวลาให้ ไม่เอาใจเขาเหมือนคนอื่นๆ เขาต้องการสิ่งเหล่านั้นจากผม 

    เมื่อเขาขอห่างออกไป ผมก็ยินดี ผมให้ระยะห่าง ให้เวลากับเขา แต่เมื่อระยะห่างมันเกิดขึ้นมาแล้วนั้น มันก็ยากที่จะต่อกลับให้ติดเหมือนเดิม ผมเชื่อว่าเขาคงคิดไม่มากก็น้อย ว่าระยะห่างแค่ไหนถึงจะดีสำหรับเราทั้งคู่ ห่างแค่ไหนถึงเรียกว่าห่าง และห่างแค่ไหนถึงจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันเอาไว้ได้

    และผมเชื่อว่า ระยะห่างระหว่างผมกับเท็มในตอนนี้ มันอาจจะกำลังดีที่สุดแล้วสำหรับเราทั้งคู่ ห่างกันมากกว่าเดิม แต่ปลอดภัย และยังอยู่ในวงโคจรระหว่างกันและกัน



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in