เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I write what I want tothefirstofmine
Oíche




  • ดำ ราวกับรัตติกาลมืดมิด     
    ขาว เทียมพระอาทิตย์ที่เจิดจ้า     
    แดง เหมือนกับเลือดนกที่ตกฟ้า      
    น้ำเงิน ดั่งสายธารารัตนากร    






    ว่ากันว่าสีดำเป็นสีที่ดูดกลืนแสงทุกชนิด สีขาวเป็นสีที่สะท้อนแสงได้ทุกชนิด สีแดงเป็นสีที่มีความถี่ของแสงต่ำที่สุด สีน้ำเงินเป็นสีที่มีความยาวคลื่นต่ำที่สุด





    จันทร์ส่องสว่างให้เห็นท้องฟ้าสีเลือดนกแซมสีขาวจางๆราวกับว่าพายุจะเข้าในคืนนี้





    คนอื่นรีบกลับบ้านกันหมดจนภายในร้านหนังสือเหลือเพียงไม่กี่คน





    "พี่ไม่รีบกลับบ้านหรอ เดี๋ยวพายุเข้านะพี่ โบราณเขาว่าไว้ถ้าฟ้าแดงพายุจะเข้า"




    "เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ไม่รีบเท่าไหร่ อีกอย่างร่มก็มี จะกลัวอะไร"





    ผมยืนคุยกับเด็กในร้านซักพักแล้วก็ออกมา ไม่ได้ตรงกลับบ้าน ผมไม่รู้ว่าพาตัวเองมาในสวนสาธารณะของหมู่บ้านได้ยังไง ผมไม่ได้มาที่นี่เกือบห้าปีได้แล้ว แม้มันจะอยู่ในหมู่บ้านผมก็ตาม 






    วันนี้วันเดิม เวลาเดิม สถานที่เดิมกับเมื่อห้าปีก่อน







    ผมเสียบหูฟังเปิดเพลงที่เขาชอบดังก้องอยู่ในหัว ผมไม่แน่ใจว่าน้ำตาของผมหรือน้ำตาของท้องฟ้าไหลหยดลงที่มือ ผมทรุดนั่งลงใต้ชิงช้าใหญ่มีหลังคาที่ยังพอกันฝนให้ผมได้





    เสียงฝนดังกลบเสียงสะอื้นของผมจนกระทั่งเหลือเพียงเสียงสะอื้นบางเบา ผมปาดน้ำตาทิ้ง เดินออกมาจากใต้หลังคา รัตติกาลที่เคยร้องไห้กลับกลายเป็นสีดำมืดไร้แสงส่อง แม้แต่จันทร์ก็ไม่มีแสงให้เห็น นอกเสียจากแสงไฟที่สวนสาธารณะและจากบ้านคน





    ผมใช้ชีวิตอยู่กับความมืดมิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ชีวิตที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง ... ผมเองก็ไม่ได้อยากอยู่ในสภาพนี้หรอก แต่ผมไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว ผมพยายามมามาก ตอนนี้ทำได้แค่เพียงใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีเขาได้ แต่ไม่ใช่เปลี่ยนทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม





    ผมพาร่างตัวเองกลับถึงบ้าน รัตติกาลนี้ทำร้ายผมจนปวดไปทั้งหัวใจ สายฝนไม่เคยปรานีผู้ใด ล้มตัวลงนอนทันที แต่เมื่อผมหลับตาคราวใดก็นึกถึงแต่เขาผู้เป็นที่รักสุดหัวใจ ผู้ที่จากไปไม่มีวันหวนคืนมา ร่มของผมวางอยู่ข้าง ๆ 





    กับของเขา ตู้เสื้อผ้า ไม้เบสบอล กล้องถ่ายรูป ทุก ๆ อย่างของเขายังอยู่ที่เดิมราวกับว่ารอเจ้าของกลับมาใช้อีกครั้ง แต่หาได้ไม่ เขาไม่สามารถกลับมาใช้ของเหล่านั้นได้อีกแล้ว






    เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าของผม จากเสื้อผ้าโทนสว่างที่ผมชอบใส่ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีโทนเข้มจนถึงสีดำที่เป็นสีโปรดของเขา เนคไทด์ที่เขาชอบกลายเป็นเนคไทด์เส้นเก่งที่ผมใส่ทุกครั้งเวลาออกงาน แม้มันจะทำให้ผมคิดถึงเขาก็ตาม แต่กลับรู้สึกอุ่นใจเหมือนมีเขาอยู่ข้าง ๆ 






    เขาบอกว่าที่เขาชอบสีดำก็เหมือนกับตัวเขาที่ทำตัวเป็นฟองน้ำพร้อมซึมซับทุก ๆ ความรู้ ทุก ๆ ประสบการณ์ที่มีคนให้มา เขาสอนผมในวันนั้น แต่ผมเองที่กลับไม่เชื่อ ไม่ฟังเขาเลยแม้แต่น้อย เขาบอกว่าสีดำจะดูดทุกแสง และสีขาวสะท้อนทุกแสง เขาเปรียบเหมือนสีดำ ส่วนผมก็ดูเหมือนสีขาว ที่พยายามต่อต้านไม่เชื่อเขาในวันนั้น





    ผมหยิบกีตาร์ของเขามานั่งหัดนั่งเล่นอยู่บ่อย ๆ หลังกลับจากงาน ตอนนี้ก็เช่นกัน เสียงเพลงที่เขาชอบเล่นให้ฟัง ผมพยายามหัดเล่นให้ได้ ตอนนี้ก็ยังไม่เหมือนเขา เขาน่าจะอยู่สอนผมเล่นเพลงนั้น เพลงโปรดของผม






    ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อแสงแยงตาของผม เช้าที่ไม่มีคนปลุก ผมจัดแจงทำความสะอาดบ้าน อาบน้ำแต่งตัว ซื้อดอกไม้เพื่อไปหาเขา






    เช้าวันนี้ ฟ้าหลังฝน แม้จะดูสดใส แต่บรรยากาศก็พาเศร้าหมอง





    ผ่านไปแล้วห้าปี หลาย ๆ คนอาจจะลืมเขาแล้ว แต่ไม่ใช่ผม





    ทุกความทรมานที่เขาต้องเผชิญ มันต้องเป็นผม ไม่ใช่เขา






    ในมือของผมมีดอกไม้ที่เขาชอบเอามาให้ผม "ดอกการ์ดิเนีย" วางลงบนพื้นหญ้าข้าง ๆ แผ่นหินอ่อนสีดำ 






    เสียงแตรรถยังคงดังก้องในหัวของผม แรงกระชากยังคงรู้สึกได้ถึงทุกวันนี้ พี่ชายครับ ผมขอโทษที่เป็นเหตุทำให้พี่ตาย คนนั้นควรจะเป็นผมมากกว่า ไม่ควรจะเป็นพี่เลย พี่คือคนทีีีี่แสนดี เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลกของผม พี่มีอนาคต พี่ดูแลผมมาอย่างดี แต่ผมกลับไม่มีโอกาสดูแลพี่เลยซักครั้ง ผมขอโทษ ถ้าผมไม่ทำหลอดไฟหน้ารถแตกวันนั้น พี่ก็คงยังอยู่กับผมในวันนี้







    รัตติกาลวันนั้นได้ดูดกลืนแสงทุกชนิดไปแล้ว 







    รวมถึงแสงสว่างในชีวิตของผม







    พี่ชายที่แสนดี








    [OíCHE (Irish) = Dark]




    -----
    TEZ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in