เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อวันที่ข้าพเจ้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (Depression Diary)Tongg Pongsathorn
ซึมเศร้า Diary (8) ความสับสน
  • 3 พฤศจิกายน 2560 เราตื่นตีห้าครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวหนีลูกไปโรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อไม่ให้ลูกร้องตาม กลางคืนที่ผ่านมาเราก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ ขึ้นรถเมล์จากหน้าหมู่บ้านตอนหกโมงเช้าไปถึงโรงพยาบาลย่านราชวิถี ประมาณเจ็ดโมงเช้า เราเดินไปที่โรงอาหารเพื่อจะกินข้าวหน้าเป็ดชื่อดังที่ขายในโรงพยาบาล เนื่องจากเห็นว่าน่ากินดีตอนไปพบหมอครั้งก่อน แต่!!! ร้านยังไม่เปิดจ้า มีแต่ 7 ที่เปิดขายเราเดินไปซื้อขนมจีบ 2 ไม้ พร้อมน้ำแร่ 1 ขวด เนื่องจากพี่สาวคนนึงที่ทำงานบอกว่ากินแล้วจะได้สดชื่นขึ้น เราถือมากินที่โต๊ะอาหารที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ เนื่องจากเราแกะซองซอสจิ๊กโฉ่ไม่ออกเราเลยกินแบบไม่ใส่ซอส พร้อมแกะพลาสติกที่ขวดน้ำแร่ เรายกขึ้นดื่มเพราะความฝืดคอจากขนมจีบ อ่าาาซ์ แม่_ก็น้ำธรรมดานี่หว่า..

    เราใช้เวลากับอาหารเช้าพร้อมกินยาที่หมอสั่งไม่นาน ประมาณเจ็ดโมงครึ่งเราเดินขึ้นไปยื่นใบนัดที่แผนก พยาบาลก็เรียกชื่อวัดความดัน ชั่งน้ำหนักเหมือนเดิม พยาบาลถามว่าทานข้าวมาหรือยังก็บอกไปว่าทานแล้วครับ เราสังเกตดูก็พบว่ามีคนมาช่วงเช้าเยอะเหมือนกัน มีตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา คนที่ผิดปกติทางจิตจนดูแลตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเราก็รู้สึกหดหู่นะว่าทำไมเราต้องมาในที่แบบนี้ เราคือปัญหาหรือไม่ ซักพักพยาบาลก็เรียกให้ไปรอหน้าห้องตรวจซึ่งเราได้คิวแรกของหมอที่รักษาเรา ตามใบนัดหมอนัดเรา 08.30 น. เนื่องจากเป็นการมาครั้งแรกในตอนเช้าเราเลยลาป่วยเต็มวัน โดยการส่งไลน์ไปบอกหัวหน้าซึ่งเขาไม่อ่าน เราก็เฉยๆและลบทิ้งไปเพราะถือว่าส่งไปแล้ว หมอมาถึงห้องนัด 08.30 น. เป๊ะ เดินไปวางในกระเป๋าในห้องแล้วออกไปทำธุระส่วนตัวประมาณ 10 นาที รวมทั้งหมดเป็น 1 ชั่วโมงที่เราว่างมาก เราไม่เล่นเกม เปิดเฟส ฟังเพลง เพราะเราไม่อยากทำมัน จนหมอเดินกลับมาที่ห้องแล้วเรียกเราเข้าไป

    หมอถามประโยคแรกรอนานไหมคะ เราบอกไปทันทีด้วยไม่คิดอะไร ก็ตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง ตอนนั้นไม่รู้ว่าหมอรู้สึกผิดหรือเปล่าแต่ก็ตอบไปแล้ว หมอถามต่อว่ามายังไง เราก็บอกว่ามารถเมล์ หมอก็ถามถึงอาการและความคิดของเราปัจจุบัน จริงๆหมอจะถามเป็นข้อๆแต่เราจะสรุปเพื่อไม่ให้ยาวเกินไป เราบอกหมอไปว่าอารมณ์เรานิ่งขึ้นเพราะเราใส่ใจเรื่องคนอื่นน้อยลง และเรามีอาการเวียนหัวตลอดเวลา หลังจากยาคลายเครียดหมดเรานอนหลับไม่สนิท และตอนเช้าเราจะเพลียมาก วันไหนที่ไม่ได้ทำงานเราก็จะง่วงทั้งวันและนอนหลับกลางวันแบบยาว วันทำงานเราก็ง่วงนะแต่มันไม่เผลอหลับ แต่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีวันหยุดเยอะเนื่องจากงานพระราชพิธี จึงยังไม่มีผลกระทบมากเท่าไหร่ นอกจากทำงานได้ยากมากขึ้นเนื่องจากร่างกายและสมองเราไม่พร้อม เราหงุดหงิดน้อยลง ไม่ตวาดใส่ลูก พูดด้วยเหตุผล แต่เรายังเบื่อทุกอย่างที่เราเจอในแต่ละวัน เราเบื่อที่ต้องตื่น ต้องซื้อข้าว เดินทางไปทำงาน เดินทางกลับบ้าน ทุกอย่างน่าเบื่อไปหมด สรุปหมอบอกว่าเป็นช่วงที่เราปรับตัวกับยา โดยยาจะทำให้เราคิดน้อยลง ไม่คิดในเรื่องที่ไม่ดี (ยาช่างวิเศษเหลือเกิน) ช่วงแรกอาจมีผลกระทบจากยาคือคลื่นไส้ เวียนหัว ไม่นานก็จะปรับตัวได้เอง หมอถามถึงครอบครัวเราก็บอกไปว่าเหมือนเดิม และบอกว่าที่เราเบื่อก็เป็นเพราะสารเคมีในสมองเรามันหลั่งน้อยเราจึงไม่มีความสุขและเบื่อกับทุกอย่าง ไม่มีความสุข เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะดีขึ้นตามลำดับ หมอจึงขอให้เรากินยาตามที่สั่งต่อไป พร้อมยาคลายเครียดก่อนนอน และนัดพบกันครั้งหน้าในอีก 1 เดือน สุดท้ายหมอถามว่าเราเหนื่อยไหม เราตอบแบบไม่คิดเลยว่าเหนื่อยครับ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง.. หมอถามเราอีกครั้งมีอะไรจะถามหมอไหม เราบอกหมอว่าไม่มีและเดินออกมาเพื่อไปรับใบนัดที่เคาเตอร์พยาบาลข้างนอก เรารับใบนัดและลงไปจ่ายเงินค่ารักษาและค่ายา และรับยา นึกใจว่าแค่นี้ก็จบแล้วเหรออุตส่าห์ลาเต็มวัน เดี๋ยวความงงๆอยู่เราเลยนั่งรถเมล์ไปดูหนังเรื่อง ตอ (Thor) ที่ห้างย่านงามวงศ์วาน จริงๆหนังก็สนุกนะคนหัวเราะกันในโรง เป็นหนังประเภทฮีโร่ที่เราชอบดูอยู่แล้ว แต่เรากลับไม่ขำมุกในหนังในตอนนั้นเลยซักนิดเดียว แต่ก็ทนดูจนจบนะ ถึงตอนนี้ทุกคนอาจงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับชื่อตอนวะ

    หลังดูหนังจบเรากลับมาที่บ้านไม่มีใครอยู่ เราไม่รู้จะทำอะไรเลยเปิดแอพเพลงในมือถือ ในมือถือมีเพลงนึงซึ่งมาใหม่ในชาร์ต เราเปิดฟังเพลงนั้นปุ๊บน้ำตาเราไหลออกมาเองเลยไม่ทราบสาเหตุ ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้อินกับเพลงมานานมาก แต่เพลงนี้เหมือนมีมาเพื่อเราโดยเฉพาะเป็นเพลงที่สะท้อนตัวเราออกมาในตอนนั้นที่สุด เพลงนั้นก็คือเพลง ปรารถนาสิ่งใดฤๅ ของวง COCKTAIL ( https://youtu.be/eye_ntqvnVc ) โดยเนื้อหาของเพลงเป็นการถามหาว่าชีวิตของเราตกลงมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร หรือสุดท้ายมันไม่มีอะไรเลย เนื้อหาเพลงกระแทกถึงจิตใจเรามาก ทำให้เราสับสนว่าจริงๆแล้วเรามีชีวิตเพื่ออะไรกันแน่ เราอยากตายจริงๆหรือเปล่า หรือเราเพียงแค่เรียกร้องความสนใจจากคนอื่น เราไปหาหมอเพราะป่วยจริงๆหรือไม่ สารเคมีในสมองคืออะไร มองก็ไม่เห็นมันมีจริงๆหรือเปล่า จนลูกกลับมาที่บ้านเนื่องจากพ่อแม่พาลูกเราไปเที่ยวมาหลังลูกเลิกเรียน เราจึงตัดสินใจว่าจะใช้เวลา 1 เดือนก่อนไปพบหมอครั้งต่อไปค้นหาความหมายว่าจริงๆแล้วตัวเรานั้น "ปรารถนาสิ่งใดฤๅ"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in