ในชั้นเรียนวิชา "การเขียนเชิงสร้างสรรค์" อาจารย์ได้มอบหมายงานให้นักศึกษาไปอ่านนวนิยายรักโศกอมตะ เรื่องข้างหลังภาพ ของศรีบูรพา แล้วให้ลองคิดจินตนาการว่า หากตอนจบไม่ได้จบแบบในเรื่อง เราจะเขียนเนื้อเรื่องไปในทิศทางไหน หลังจากนั่งคิดนอนคิดอยู่สามวันก็บังเอิญนึกถึงนวนิยายอีกเรื่องของศรีบูรพาที่เพิ่งอ่านจบไป เรื่อง "แสนรักแสนแค้น" ซึ่งเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ผิดหวังในรัก จึงคิดแผนการที่จะกลับไปแก้แค้นเพื่อให้อดีตคนรักของตนได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเพราะผิดหวังในรักบ้าง เราจึงนำโครงเรื่องของนวนิยายเรื่องนั้นมาปรับแต่งเข้ากับเรื่องข้างหลังภาพจนเป็นข้างหลังภาพฉบับเราเองอย่างที่จะได้อ่านต่อไปด้านล่าง :)
หลังจากที่สามีของคุณหญิงกีรติเสียชีวิตคุณหญิงก็เฝ้ารอการกลับมาของนพพรด้วยใจกระวนกระวาย แต่ด้วยศักดิ์และฐานะอันค้ำคอทำให้คุณหญิงไม่อาจแสดงท่าทีจนเกินงามได้ คุณหญิงใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการดูแลตัวเองให้พริ้งเพราอยู่เสมอเพื่อที่ว่าเวลานพพรกลับมาจะได้รู้สึกประทับใจในความสวยงามของเธอเหมือเมื่อครั้งยังอยู่ที่ญี่ปุ่น
เวลาผ่านไปหกปีนพพรกลับมาพร้อมใบปริญญาและบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ สุขุม นุ่มลึกหาใช่เด็กหนุ่มผู้มีรอยยิ้มร่าเริงแจ่มใสอยู่ตลอดเวลาดังเช่นเมื่อก่อน นพพรทักทายคุณหญิงเป็นอันดี ด้านคุณหญิงนั้นเพียงแค่เห็นแววตาก็รู้ทันทีว่านพพรไม่เหมือนเดิม แววตาที่เคยอ่อนหวานหยาดเยิ้มยามที่เคยจ้องมองเธอเมื่อครั้งกระโน้นหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงประกายตาของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มองหญิงงามตรงหน้าด้วยความรู้สึกแค่คนรู้จักคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้คุณหญิงเจ็บปวดเกินกว่าจะพูดคำใดๆ ออกมาได้ พร้อมกันนั้นความน้อยใจและความแค้นก็ประดังขึ้นมาจนแน่นหน้าอก ในหัวคิดแต่ว่าทำฉันใดนพพรจึงจะกลับมารักเธออีก
เธอกลับบ้านมานั่งครุ่นคิดอยู่ตลอดทั้งคืนทั้งวันมิเป็นอันกินอันนอน จนวันหนึ่งเธอตัดสินใจโทรศัพท์ไปหานพพรที่บริษัทเพื่อชวนมาทานข้าวด้วยกันหลังเลิกงาน คุณหญิงจองโต๊ะในมุมที่เงียบที่สุดของร้านอาหารในโรงแรมชั้นหนึ่งและแต่งกายด้วยชุดที่คิดว่าจะทำให้นพพรตะลึงที่สุด และก็เป็นไปตามคาด เมื่อนพพรเห็นคุณหญิงก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นคุณหญิงแต่งกายด้วยชุดราตรีผ้าต่วนสีแดงเลือดหมูเป็นเงามันละเลื่อมในแสงสลัวของร้านอาหาร ทั้งยังรัดรูปและผ่าข้างขึ้นไปจนเห็นต้นขาขาวผ่องนวลเนียนไม่มีที่ติ เมื่อนั้นนพพรก็ตกหลุมรักผู้หญิงตรงหน้าอีกครา คุณหญิงยิ้มหวานหันไปสั่งบริกรให้รินไวน์ให้ชายหนุ่ม ทั้งสองทานอาหารอย่างเนิบช้าไม่รีบร้อนอะไรและไม่ได้สนทนากันกี่มากน้อย ใช้เพียงสายตาพูดคุยกัน ตอนนั้นนพพรไม่รู้เลยว่ารสชาติอาหารเป็นอย่างไร เขารู้แต่ว่าวันนี้คุณหญิงสวยมากเหลือเกินและสายตาของเขาก็เฝ้าวนเวียนอยู่แต่ใบหน้าของคุณหญิงซึ่งทาแป้งนวลไปทั้งหน้า แก้มสองข้างแดงระเรื่อ ปากรูปกระจับที่เขาเคยชมนักชมหนาว่างามก็แต้มลิปสติกสีชมพูชวนให้จุมพิตยิ่งนัก ทรงผมเล่าก็เกล้าขึ้นทำเป็นมวยไว้ด้านหลังเผยให้เห็นต่างหูเพชรทิ้งสายระย้าเคล้าเคลียคองามระหง เรื่อยลงมายังบ่าสองข้างอันกลมกลึงและเนินอกอิ่มเต็ม เห็นได้ชัดว่าวัยสี่สิบปีของคุณหญิงไม่สามารถทำให้ความงามและความสวยสะพรั่งลดลงแม้แต่น้อย คุณหญิงเองเมื่อเห็นว่านพพรเมามายทั้งรสไวน์และรสยั่วเต็มที่แล้วจึงสั่งให้บริกรพาชายหนุ่มไปไว้ในห้องสวีตของโรงแรมแล้วคืนนั้นนพพรก็หลับไปด้วยจิตใจที่ผ่อนคลายและเปี่ยมสุขโดยมีคุณหญิงนอนเคียงข้างตลอดทั้งคืน
หลังจากวันนั้นนพพรก็เป็นฝ่ายชวนคุณหญิงไปทานข้าว เต้นรำ ไปคอฟฟี่ช็อป บาร์เหล้าชั้นดีที่เปิดเพลงคลาสสิกแบบที่คุณหญิงชอบ แต่ทุกครั้งคุณหญิงก็มักจะให้นพพรดื่มจนเมามายก่อนที่จะพากันไปนอนที่โรงแรม ยิ่งได้พบเจอกันนพพรก็ยิ่งทวีความสนิทเสน่หาในตัวคุณหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดนพพรผู้เก็บความรู้สึกไม่ค่อยอยู่ก็ได้บอกรักคุณหญิงอีกครั้ง ต่างกันตรงที่ว่าครั้งนี้คุณหญิงก็บอกรัก นพพรด้วย นพพรรู้สึกเป็นสุขและคิดไว้ว่าจะไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเขาจะแต่งงานกับคุณหญิงกีรติ แต่ยังไม่ทันได้บอก คุณพ่อคุณแม่ก็แจ้งข่าวร้ายแก่เขาเสียก่อน ข่าวร้ายนั้นก็คือ เขาจะต้องแต่งงานกับ คู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็กๆ และไม่มีทางจะถอนหมั้นได้เพราะเตรียมงานวิวาห์ไปกว่าครึ่งและหาฤกษ์ยามเรียบร้อยแล้ว เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางอกของนพพรทันที่รู้ข่าวนี้ เขาแจ้งแก่พ่อแม่ว่า ยังไงก็จะไม่แต่งงานกับคู่หมั้นเพราะเขามีคนรักของเขาอยู่แล้วและเรากำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า ขอให้พ่อแม่ไปยกเลิกงานแต่งก่อนที่จะเตรียมงานไปมากกว่านี้ แล้วนพพรก็นำข่าวนี้ไปแจ้งแก่คุณหญิง คุณหญิงเพียงแต่แสดงสีหน้าเรียบเฉยแล้วยื่นตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาให้เขาใบหนึ่ง บอกเพียงสั้นๆ ว่า “หากเธอประสงค์จะอยู่กับฉันไปชั่วชีวิตแล้วล่ะก็ ขอให้มาเจอกันที่สนามบินตามวันเวลาที่ระบุไว้ในตั๋วใบนี้เถิด” แล้วคุณหญิงก็ประคองกายลุกขึ้นยืน เดินเข้าห้องส่วนตัวไป นพพรมัวแต่ตื่นเต้นไม่ทันสังเกตว่าคุณหญิงผอมลง หน้าตาแม้จะทาเครื่องสำอางแต่ก็เห็นได้ชัดว่าซีดเซียวกว่าแต่ก่อน นพพรรีบกลับบ้านจัดกระเป๋าเดินทาง
แล้ววันเดินทางก็มาถึง นพพรตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวอย่างประณีต ฉีดน้ำหอมกลิ่นที่คุณหญิงชอบไปรอเธอที่สนามบินแต่ก็พบเพียงน้องสาวของเธอยืนอยู่ น้องสาวของคุณหญิงไม่พูดอะไรเป็นแต่ยื่นของในมือให้เขาแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้เขายืนพิศวงงงงวยอยู่คนเดียว ณ ที่ตรงนั้น ต่อเมื่อได้สติแล้วจึงรีบเปิดของในมือดู ก็พบว่าเป็นภาพวาดทิวทัศน์ มีภูเขาเป็นฉากหลัง มีน้ำตกสายเล็กๆ มีดอกไม้หลากสีสัน และมีผู้หญิงกับผู้ชาย ๒ คนนั่งอยู่ด้วยกันในเรือลำเล็ก เขาจำได้ทันทีว่าเป็นภาพเขากับคุณหญิงกีรติตอนที่ไปพายเรือเล่นที่มิตาเกะด้วยกัน เมื่อเขาพลิกดูข้างหลังภาพก็เห็นข้อความ ดังนี้
ข้างหลังภาพใบนี้มีความแค้น ตรึงตราแน่นท่วมหทัยหาใดเหมือน
ข้างหลังภาพจากเราเขาลืมเลือน ข้างหลังภาพมิอาจเตือนเรื่องวันวาน
ข้างหลังภาพฉาบไว้ด้วยรอยรัก แต่เธอทำช้ำนักช่างกล้าหาญ
ปล่อยให้ฉันเฝ้ารอทรมาน แสนเนิ่นนานรักจืดจางห่างหายไป
คนหลังภาพใบนี้มิอยู่แล้ว จิตแน่แน่วไม่หวนคืนให้หวั่นไหว
คนหลังภาพล้างรอยแค้นที่ฝังใจ ฝากนพพรจดจำไว้มิรู้ลืม
เมื่ออ่านจบนพพรก็รู้ทันทีว่าเขาโดนคุณหญิงหลอกเสียแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณหญิงทำก็เพียงเพื่อล้างแค้นที่เขาละเลยคุณหญิง ไม่เคยติดต่อกลับมาเลยตลอดระยะเวลาหกปี เขาหัวเราะเบาๆ กับตนเอง ยอมรับผลกรรมที่เขาก่อและไม่กล่าวโทษคุณหญิงแต่อย่างใด เขากลับบ้านพร้อมกับภาพวาดแผ่นนั้น บรรจงใส่กรอบอย่างดีติดไว้บนฝาผนังในห้องทำงาน
หลายเดือนต่อมานพพรก็ได้ทราบข่าวที่ทำให้เขาเสียใจยิ่งกว่าตอนที่เขารู้ว่าคุณหญิงหลอก เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งมีจดหมายฝากมาถึงเขา เป็นจดหมายที่คุณหญิงกีรติเขียนไว้ก่อนที่คุณหญิงจะไปอเมริกาโดยที่ไม่มีเขาตามไปด้วย เนื้อความในจดหมายมีดังนี้
“นพพรที่รัก
กว่าเธอจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ฉันก็คงไปมีชีวิต ณ โลกใหม่แล้ว ฉันดีใจจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรถูกที่ได้ทำให้เธอหลงฉันหัวปักหัวปำอีกครั้ง แต่นั้นก็เป็นเพียงความหลงเท่านั้น เธอหาได้รักฉันจริงๆ ไม่ ความรักระหว่างเรามันคงหมดสิ้นและถูกทิ้งไว้ที่มิตาเกะนานแล้ว และเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันวานเหล่านั้นอีก คงมีแต่ฉันที่ยังระลึกถึงอยู่เสมอและมันก็ทำให้ฉันรู้สึกแช่มชื่นในหัวใจพอๆ กับทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดปางตายทีเดียว
นพพรเอ๋ย เธอคงคิดซินะว่ารสสวาทของสาวแก่แม่ม่ายสามีตายคนนี้จะร้อนแรงถึงขนาดที่ทำให้เธอเป็นสุขไปได้หลายเดือน แต่นั้นก็เป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น ฉันยังเป็นคุณหญิงกีรติคนเดิมผู้ซึ่งรักศักดิ์ศรีและยึดมั่นในการมีสามีคนเดียว ดังนั้น แม้จะรักเธอมากเพียงใดฉันก็ไม่อาจให้ความหลงของเธอมาทำร้ายจิตใจตัวเองซ้ำสองได้หรอก...”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in