สวัสดีค่ะ
กลับมาอีกครั้งกับคอนเทนต์รีวิววิชาเรียน 5555 แต่ข่าวดีก็คื้อออออ เราจบปี 1 แล้วค้าบบบบบ เย่!
เทอมนี้ไม่ลากเลือดเท่าเทอมที่แล้ว(รึเปล่านะ) ด้วยกิจกรรมคณะที่เริ่มจะ optional มากขึ้น เราจึงมีเวลานอนเยอะขึ้นตามไปด้วย(?) ล้อเล่น...แต่เรื่องจริงค่ะ เฮ้อ ที่สำคัญเทอมนี้ผ่านไปเร็วมากกก พริบตาเดียวก็จบเทอมแล้ว ปีหนึ่งช่างผ่านไปไว
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราจะเริ่มรีวิววิชาเรียนกันเลยค่ะ แต่ครั้งนี้จะพยายามจัดหน้าให้อ่านง่ายและเข้าใจง่ายขึ้น
รีวิวครั้งนี้เราจะแบ่งเป็นส่วนๆ โดยมีข้อมูลของแต่ละวิชา การสอบ การทำงานส่ง และความรู้สึกที่ได้เรียนนะคะ ซึ่งในพาร์ทความรู้สึกเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวของเราล้วน ๆ นะคะ แน่นอนว่ามันจะมีความไบแอส สำหรับรุ่นน้องคณะที่เข้ามาอ่านก็คือ อย่าเชื่อเรามากจนกว่าจะได้ลองมาเรียนเองนะ อย่าเพิ่งอคติกับอะไรทั้งนั้น 5555 บทความนี้ก็จะรีวิวกึ่ง ๆ บ่นหน่อยแหละ แหะ อ่านขำ ๆ เอาเนอะ อิ-อิ
--
กลุ่มวิชาศึกษาทั่วไปพิเศษ (บังคับเรียน)
Politics and Government of Thailand การเมืองการปกครองไทย ( 3 หน่วยกิต)
การสอบ: กลางภาค ปลายภาค
ควิซ: มี
งานเก็บคะแนน: มี
ห้องเรียนรวม
เรียนเกี่ยวกับอะไร?
: วิชานี้ก็ตามชื่อเลยค่ะ เป็นของคณะรัฐศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของไทย การเมืองไทยในอดีตที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน การเลคเชอร์จะเป็นเชิงเหมือนเล่าสู่กันฟัง มีควิซเก็บคะแนนบางคาบ แต่เป็นควิซที่ชิวมาก 55555 การบ้านแต่ละวีคจะเป็นการอ่านบทความหรือหนังสือที่อาจารย์ให้มา แล้วเขียน Reflection สะท้อนความรู้ความเข้าใจของเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้น ๆ สามารถแสดงความเห็นได้เต็มที่เลย
ส่วนข้อสอบค่อนข้างหินค่ะ เขียนเยอะมาก ๆ (เป็นปกติ 55555) ตอนกลางภาคจะเป็น open book เอาหนังสือหรือชีทเข้าไปเปิดตอนทำข้อสอบได้ มีกี่เล่มก็แบกเข้าไปให้หมดจ้า ส่วนสอบไฟนอลเป็นเทคโฮม อาจารย์ให้โจทย์มาแล้วให้เราก็นั่งทำที่บ้านเลย ให้เวลาทำนานพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้มันง่ายลงเลยค่ะ T-T และสุดท้ายคือตอนไฟนอลจะมีให้ทำคลิปเกี่ยวกับการเมืองเป็นคะแนนไฟนอลนอกเหนือจากการสอบ
---
ความรู้สึก : วิชามันฟังดูน่าเบื่อ แต่เอาจริง ๆ เป็นวิชาที่เปิดโลกเรามากค่ะ เคยคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องน่าปวดหัว (ซึ่งก็ปวดหัวจริงๆ 5555) พอเรียนแล้วก็รู้สึกว่าได้อะไรมาเยอะเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเข้มข้นในช่วงที่เราเรียนวิชานี้พอดี อาจารย์ก็เม้าท์มอยเล่านู่นเล่านี่ให้ฟัง แบบว่าอินไซด์ อิ-อิ คือเรายอมรับตรงนี้เลยว่าไม่ค่อยตั้งใจเรียน (...) แต่ก็ได้อะไรมาเยอะเลยนะ 5555 เราเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นเยอะเลย เทียบกับเรียนวิชาประวัติศาสตร์/สังคมในมัธยมมา 6 ปี กับเรียนวิชานี้แค่เทอมเดียว เราได้ความรู้เยอะกว่าตอนเรียนมัธยมอีก แง 555555 หนังสือนอกเวลาที่อาจารย์ให้อ่านก็คือคุณภาพมาก ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน 555555 รวม ๆ ก็ประทับใจ จากคนที่ไม่ค่อยอินการเมืองก็กลายเป็นว่าสามารถร่วมฉอดกับคนอินได้แล้ว สนุกดีค่ะ 5555
คะแนนความพึงพอใจ 7/10
กลุ่มวิชาชีพพื้นฐาน (บังคับเรียน)
Principles of Public Relations หลักการประชาสัมพันธ์ ( 2 หน่วยกิต)
การสอบ: กลางภาค ปลายภาค
ควิซ: -
งานเก็บคะแนน: -
เรียนแยกเซค
เรียนเกี่ยวกับอะไร?
: พูดถึงการประชาสัมพันธ์แล้วคนส่วนมากน่าจะนึกถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ในห้างอะไรแบบนั้นใช่มั้ยคะ 5555 ผิดค่ะ! วิชานี้เราจะได้เรียนถึงหลักการประชาสัมพันธ์ที่แท้จริง ซึ่งจริง ๆ แล้วการประชาสัมพันธ์คือการรักษาความสัมพันธ์และภาพลักษณ์ขององค์กรต่อประชาชน ภาครัฐ หรือแม้แต่องค์กรด้วยกันเองค่ะ นี่เป็นคำอธิบายที่เราพยายามย่อมาอย่างสั้นที่สุดจริง ๆ T-T 55555 จริง ๆ แล้วความหมายของการประชาสัมพันธ์มันกว้างกว่านั้นเยอะค่ะ สำหรับน้อง ๆ ที่อยากรู้มากกว่านี้ก็ต้องมาเรียนแล้วแหละ! อิ-อิ และ ๆ ๆ ถ้าถามว่าการประชาสัมพันธ์กับการโฆษณาต่างกันยังไง การประชาสัมพันธ์คือการที่เราได้ซีนโดยไม่ต้องใช้เงินค่ะ ในขณะที่การโฆษณานั้นต้องใช้เงินซื้อพื้นที่สื่อเพื่อให้มีคนมาซื้อสินค้า พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ 55555
วิชานี้ก็จะได้เรียนตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การกำเนิดขึ้นของการประชาสัมพันธ์ case study ดัง ๆ และตัวอย่างการแก้ไขปัญหาเวลาเกิดวิกฤตที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กร วิชานี้ไม่มีการเก็บคะแนนช่วยใด ๆ ค่ะ ;-; แต่จะเป็นสอบมิดเทอม 40 คะแนน ไฟนอล 50 คะแนน และคะแนนเช็คชื่ออีก 10 คะแนน แต่ข้อสอบไม่ได้หินขนาดนั้นค่ะ เน้นความเข้าใจเป็นหลัก
---
ความรู้สึก: เราเอ็นจอยวิชานี้มากกกกกกก ถึงแม้ว่าเพื่อนบางคนจะบอกว่ามันนามธรรมไปหน่อยก็ตาม 55555 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาจารย์ด้วยค่ะ อาจารย์เซคเราน่ารักมาก ตลกมาก 5555 สอนไม่น่าเบื่อเลย เราคิดว่าประชาสัมพันธ์มันเป็นศาสตร์ที่สนุกดี เหมือนเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ต้องรวดเร็ว ต้องตามโลกให้ทัน ต้องรู้ว่าขณะนี้คนกำลังสนใจอะไร มีข่าวอะไร อาจารย์เราก็อ่านข่าวไปยันวงการบันเทิงเกาหลีเลยค่ะ 55555 แบบว่าแอบเขวอยากเข้าเอกประชาสัมพันธ์ไปช่วงนึงเลยแหละ ;; ถูกจริตมาก แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปเพราะคิดว่าคงไม่เหมาะกับสายงานนี้เท่าไหร่ แง้
คะแนนความพึงพอใจ 8/10
Principles of Advertising หลักการโฆษณา ( 2 หน่วยกิต)
การสอบ: กลางภาค ปลายภาค
ควิซ: -
งานเก็บคะแนน: มี
เรียนแยกเซค
เรียนเกี่ยวกับอะไร?
: วิชานี้ก็...เรียนเกี่ยวกับหลักการโฆษณาต่าง ๆ ทฤษฎีจ๋าเลย เน้นจำเสียส่วนใหญ่ ในคาบก็จะมีเปิดตัวอย่างโฆษณานู่นนี่ให้ดู ได้ดูโฆษณาเยอะมากจริง ๆ 55555 ที่บอกว่าทฤษฎีก็คือทฤษฎีจริง ๆ จำเยอะ ตัวย่อนู่นนี่ ศัพท์ทางการโฆษณา การนับเรตติ้ง มีเนื้อหาที่เป็นคำนวณด้วย (T-T) ส่วนภาระงานก็มีแบบให้ไปสัมภาษณ์คนที่ใช้สินค้าแบรนด์ใดแบรนด์นึงเป็นประจำ แล้วก็เอาไปพรีเซนต์ให้อาจารย์และเพื่อน ๆ ฟัง มีการบ้านให้วิเคราะห์โฆษณา ซึ่งเอาจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่าส่วนนี้เป็นคะแนนช่วยมากน้อยแค่ไหน 55555 แต่วิชานี้งานน้อยค่ะ ไม่ค่อยมีการบ้านเท่าไหร่ เน้นสอบเอามากกว่า สอบก็แบ่งเป็นมิดเทอมกับไฟนอล ตัวข้อสอบก็คือเน้นจำแล้ววิเคราะห์ออกมา ค่อนข้างหินสำหรับคนไม่ชอบ (แบบเรา)
---
ความรู้สึก: บอกตรง ๆ ว่าเราไม่ถูกกับวิชานี้เลยค่ะ 5555 ตอนเรียนสนุกนะ นั่งดูโฆษณาเพลิน ๆ ทฤษฎีก็ดูเหมือนจะคอมมอนเซนส์ดี เวลาทำการบ้านวิเคราะห์โฆษณาก็สนุก เปิดชีทไปทำไป แต่ด้วยความที่หลักการมันเยอะมาก ยิบย่อยมาก เวลาสอบเราเลยพังพินาศ 555555 เพราะเราไม่สามารถเปิดชีทแล้ววิเคราะห์โฆษณาไปด้วยได้ ทุกอย่างต้องอยู่ในหัว แถมยังมีคำนวณอีก เราเลยไปไม่ค่อยรอดค่ะ 55555 ความรู้สึกคือไม่ได้เกลียดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่ เอ๊ 5555 อารมณ์แบบเรา appreciate กับความรู้ที่ได้มา ตอนเรียนก็ไม่ได้ซัฟเฟอร์มาก แต่ถ้าให้ไปทางนี้ก็คงต้องขอบายค่ะ ไม่ไหวจริงง เกรดออกมาแล้วก็คือ อืม... ไม่แปลกใจ 55555
คะแนนความพึงพอใจ: 7/10
Ethics in Media and Communication จริยธรรมสื่อและการสื่อสาร ( 3 หน่วยกิต)
การสอบ: -
ควิซ: -
งานเก็บคะแนน: มี
เรียนรวม+แยกเซค
เรียนเกี่ยวกับอะไร?
: วิชานี้เรียนเกี่ยวกับจริยธรรมสื่อค่ะ แต่รับประกันว่ามันไม่ใช่การเรียนจริยธรรมที่ต้องนั่งท่องตำรา ท่องทฤษฎีเชย ๆ แน่นอน 55555 วิชานี้มีทั้งเรียนในห้องรวมและแยกเป็นเซค การเรียนก็จะเป็นกิจกรรมซะส่วนใหญ่ค่ะ แล้วก็ค่อนข้างฟรี ไม่มีคำว่าผิดถูกในวิชานี้ วิชานี้ได้ทำหลายอย่างมากกกก แบ่งหัวข้อเป็นวีค ๆ ไป เช่น จริยธรรมในโฆษณา จริยธรรมในการประชาสัมพันธ์ จริยธรรมการเขียนข่าว คร่าว ๆ ประมาณนี้(เน้นว่า "คร่าว ๆ" ) และตัวอย่างกิจกรรมก็อย่างเช่น อาจารย์จะให้บทบาทสมมติมา เราก็แสดงละครแบบด้นสดตรงนั้นตามบทบาทที่เราได้ หรือเปิดรูปให้ดู แล้วถามว่าคำแรกที่ขึ้นมาในหัวของเราคืออะไรหลังจากที่เห็นรูปนี้
หรือบางคาบก็จะเป็นเล่นเกม เกมก็จะมีความหมายของมันค่ะ 5555 ชวนให้เราคิดว่าสถานการณ์ในเกมนั้นเปรียบได้กับสถานการณ์อะไรในชีวิตจริง อะไรแบบนั้นเลยค่ะ หรือบางคาบก็ให้ case study มาให้เราวิเคราะห์ตามหลักจริยธรรมสื่อ ซึ่งหลังจากทำกิจกรรมในคาบ อาจารย์ก็จะให้เรามา discuss กันว่าได้อะไรจากเกม คิดยังไงกับมันบ้าง ยกมือแสดงความเห็นได้เต็มที่เลย ฟรีมาก อาจารย์เซคเราจะหยอดคำพูดบางอย่างให้นิสิตรู้สึกว่า เอ๊ะ น่าคิด แล้วเอามาคุยกัน ต่อยอดกันต่อ
เก็บคะแนนด้วยการเขียน Journal ทุกสัปดาห์ ซึ่งใน Journal เราจะต้องเขียนความรู้สึกหลังจากที่ได้เรียนคาบนั้น ว่าความคิดเราเปลี่ยนไปมั้ย ยังไง หรือความรู้ที่ได้นั้นมันส่งผลอะไรต่อตัวเรา เรารู้สึกอย่างไรหลังจากที่ได้ทำกิจกรรม ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าคะแนน Journal ตรงนี้จะเป็นไปตามความคิดที่พัฒนาของตัวนิสิตเองเลยค่ะ 55555 เหมือนอาจารย์ต้องการทราบจริง ๆ ว่าเรียนวิชานี้แล้วมันส่งผลยังไงต่อความคิดของนิสิตบ้าง
สำหรับวิชานี้ไม่มีสอบค่ะ เย่ แต่! ตอนปลายภาคจะมีการทำรายงานเกี่ยวกับจริยธรรมสื่อ แล้วก็ต้องออกไปพรีเซนต์หน้าห้องเรียน ส่วนคะแนนเก็บก็มาจาก Journal และกิจกรรมที่เราทำในห้องเรียนนั่นเองค่ะ
----
ความรู้สึก: เป็นอีกหนึ่งวิชาที่เราชอบมากกกกก แล้วก็รู้สึกว่าได้ตกตะกอนทางความคิดเยอะมาก ๆ ค่ะ บางเรื่องเราไม่เคยตั้งคำถามกับความคิดของตัวเองเลย พอเรียนวิชานี้แล้วก็จะเอ๊ะ ๆ หน่อย เหมือนได้ทำความรู้จักกับความคิดตัวเองมากขึ้น 5555 แล้วเรารู้สึกว่าวิชานี้ทำให้เราเบรกความเป็นผิด/ถูก ไปเลย (ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี 55555) ฟีลแบบมันทำให้เราตั้งคำถามกับคำว่าผิด/ถูก ประมาณนั้น และเราชอบตรงที่เวลาแสดงความคิดเห็นในคาบนี้ก็คือฟรีสไตล์มาก อย่างที่บอกอะค่ะ ไม่มีผิดถูกในคาบนี้ 555555
แต่คาบเลคเชอร์รวมน่าเบื่อหน่อย ๆ เพราะมันเป็นทฤษฎี เราหลับตลอด แง 5555 แต่เวลาแยกเซคทำกิจกรรมแล้วมา discuss กัน ได้มาตกตะกอนทางความคิด ก็คือมีประโยชน์มาก เราคิดว่ามันจะเป็นทฤษฎีจ๋า นั่งท่องตำราซะอีก 5555 ผิดคาดเลยค่ะ บางทีก็แอบเหนื่อยเวลาต้องคิดเยอะ ๆ ฮือ บางเรื่องมันก็ mind blowing มาก ๆ 5555 แต่ก็ประทับใจค่ะ ชอบ ไอเลิ้บ
คะแนนความพึงพอใจ: 8.5/10
Principles of Audio and Visual Communication หลักการสื่อสารด้วยเสียงและภาพ ( 3 หน่วยกิต)
การสอบ: -
ควิซ: -
งานเก็บคะแนน: มี
เรียนรวม+แยกเซค
เรียนเกี่ยวกับอะไร?
: วิชานี้จะได้เรียนเกี่ยวกับการใช้เสียงและภาพค่ะ เป็นของภาควิชา MD เป็นอีกหนึ่งวิชาที่เราชอบมาก สนุกมาก เซคเราเรียนค่อนข้างชิว(แต่งานไม่ชิว 5555) สิ่งที่เรียนก็อย่างเช่นการจัดองค์ประกอบในรูปภาพ รูปร่างรูปทรงที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ (ใช้ฟีัลลิ่งเรียนเอาค่ะ 5555) มีคาบนึงให้ฟังเสียงคลื่นความถี่ต่าง ๆ ว่าความถี่เท่านี้เราจะได้ยินดัง-เบาประมาณไหน อะไรแบบนี้
เนื่องจากวิชานี้ไม่มีสอบ ดังนั้นจึงเก็บคะแนนด้วยการทำงานล้วน ๆ ค่ะ งานก็อย่างเช่นถ่ายรูป ทำเสียง Foley (อันนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก 5555 ใครไม่ทราบลองเสิร์ชในยูทูบดูนะคะ) มีทำรายงานส่งตอนกลางภาค ทำเอ็มวี One Shot ตอนปลายภาค เป็นต้น
---
ความรู้สึก: วิชานี้สนุกค่ะ วิชาคลายเครียด(?)ของเราเอง 5555 ชอบมาก ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ดี บางงานก็ท้าทายมาก ทำให้เราได้ลองครีเอท content ที่ไม่เคยทำ ออกแนวเป็นวิชาปฏิบัติ เวลาเรียนสนุกจริง แต่เวลาคิดงานแต่ละทีก็ค่อนข้างหัวหมุน หัวแตก เป็นที่เราเองแหละ รู้สึกกดดัน อยากให้งานออกมาดี 55555 ด้วยความที่คณะนี้ล้อมรอบไปด้วยคนเก่งอะเนอะ ทุกคนดูมีอะไรในหัวตลอดเวลา เราก็อยากจะมีบ้าง 5555555555555
สิ่งที่ปลาทับใจอีกอย่างคือมีวีคนึงงานเราได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเซคออกไปพรีเซต์หน้าเซครวมด้วย แสนจาดีใจ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ชอบงานของเรานะ แงT-T
ก็คือเราเอ็นจอยวิชานี้มากค่ะ 5555555555 รวม ๆ ก็คือมันทำให้เราได้ลองทำหลายอย่างเลย รัก
คะแนนความพึงพอใจ : 9.5/10
วิชาเลือก (บังคับเลือก เก็บอย่างน้อย 2 วิชาจากทั้งหมด 7 วิชาก่อนจบปีสี่)
Introduction to Film การภาพยนตร์เบื้องต้น (3หน่วยกิต)
การสอบ: กลางภาค ปลายภาค
ควิซ: -
งานเก็บคะแนน: มี
เรียนเกี่ยวกับอะไร?
: วิชานี้จะได้เรียนเกี่ยวกับหนังค่ะ ตั้งแต่ต้นกำเนิด ประวัติศาสตร์วงการหนัง Genre ต่าง ๆ ของหนัง หน้าที่ในกองถ่ายหนัง และใช่ค่ะ ได้ดูหนังด้วย แต่มันก็ไม่ใช่หนังเมนสตรีมที่เราดูกันสนุก ๆ แน่นอนค่ะ ฮือ 5555 หนังที่ได้ดูทั้งหมดจะเป็นหนังรางวัล หนังขึ้นหิ้ง หนังอาร์ตหลุดโลก อะไรแบบนั้นไปเลย ดูจบแล้วก็จะมานั่ง discuss กันว่ามันเป็นยังไง คิดยังไงกับหนังเรื่องนี้
สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเอกภาพยนตร์ก็ควรจะลงวิชานี้เพราะมันเป็นพื้นฐานที่เราจะสามารถนำไปต่อยอดในเอกได้ค่ะ แต่ลงยากหน่อยเพราะคนสนใจเยอะมาก ช่วงนี้เอกฟิล์มกำลังบูม 55555 ภาระงานของวิชานี้ก็จะเป็นการไปดูหนังตามที่อาจารย์สั่ง แล้วเขียนวิเคราะห์/วิจารณ์ออกมาตามเนื้อหาที่ได้เรียนในวีคนั้น ๆ แล้วก็มีลิสต์หนัง 20 เรื่องที่ต้องดูก่อนสอบด้วยค่ะ เหมือนจะน้อยนะ แต่มันดูยากมาก หัวแตกมาก 55555 สอบกลางภาคกับปลายภาคเป็นข้อเขียนทั้งหมด ถ้าเข้าใจเนื้อหาก็จะไม่ซัฟเฟอร์กับข้อสอบมากเท่าไหร่
---
ความรู้สึก: วิชานี้ทำให้การดูหนังของเราเปลี่ยนไปค่ะ 5555 เราเป็นคนที่ชอบดูหนังแมสมาก ไม่ค่อยอินหนังรางวัล เคยเป็นคนดูหนังเพื่อคลายเครียด ดูเพราะมันสนุก แรก ๆ ก็แอบเครียดว่าเราจะรอดมั้ยนะ 55555 แต่เราก็พยายามเปิดใจกับมัน แล้วพบว่าหนังช่วยพัฒนาความคิดจริง ๆ ค่ะ มันเปลี่ยนมุมมองของเราไปเลย ทำให้ดูหนังแล้วคิดเยอะคิดละเอียดยิ่งขึ้น มันทำให้เราดูหนังสนุกและไม่สนุกไปพร้อม ๆ กัน เพราะจะคิดอยู่ตลอดเวลา 55555555555 เป็นรีวิวที่อ่านแล้วน่าจะงง ถ้าได้มาเรียนแล้วจะงงกว่านี้อีกค่ะ (ล้อเล่น แต่ก็จริง แง 555555555) เป็นอีกวิชาที่ปั๊วะค่ะ อาจารย์ก็ปั๊วะ ชอบมาก รักครูยุ้ยนะคะ อิ-อิ
คะแนนความพึงพอใจ 10/10
---
จบแล้วสำหรับการรีวิววิชาเรียนในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ปี 1 เทอม 2 นะคะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อย แต่อย่างที่ย้ำไปว่าในพาร์ทความรู้สึกก็ไม่ต้องเชื่อมากก็ได้ค่ะ ความรู้สึกส่วนตัวเราล้วน ๆ เลย 555555
มีข้อสงสัยก็สามารถ DM มาที่ทวิตเตอร์ @urmidnightsunx ได้เลยนะคะ :]
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ปล. ยินดีต้อนรับน้องนิเทศ 55 นะจ๊ะ อิ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in