สวัสดีค่ะ
อัพเดตล่าสุดก็นานมาแล้ว 5555 ซึ่งนั่นก็คือรีวิวสอบสัมภาษณ์เข้านิเทศ จุฬาฯนั่นเองงง หลังจากที่ได้เรียนคณะนี้มาเป็นเวลา 1 เทอมเต็ม (ระหว่างพิมพ์ก็เพิ่งผ่านไฟนอลมาสด ๆ ร้อน ๆ เลย T_T) เราจะมารีวิววิชาเรียนของปี 1 เทอม 1 ในคณะกันนนน
ต้องเกริ่นก่อนว่าปีของเรา (รุ่น 54 ปีการศึกษา 61) เป็นปีที่คณะนิเทศ จุฬาฯ ปรับปรุงหลักสูตร ซึ่งอาจารย์เคลมมาว่าจะเป็นหลักสูตรที่ทันสมัยมากขึ้น ที่สำคัญคือมีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง เช่น นิสิตจะได้เลือกเอกในตอนปี 2 (จากเดิมปี 3) และบางวิชาที่เคยเป็นวิชาบังคับก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นวิชาเลือกแทน มันค่อนข้างที่จะยิบย่อย ซึ่งเราจะค่อย ๆ อธิบายแทรกในส่วนของรีวิว
การรีวิวจะแบ่งออกเป็นสองส่วน เราจะอธิบายตัววิชาคร่าว ๆ แล้วอีกส่วนจะเป็นความรู้สึกที่มีต่อวิชานั้น ๆ แน่นอนว่ามันจะมีความไบแอสและอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง 5555 ดังนั้นในส่วนนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ :3
มาเริ่มกันเล้ยยย
.
.
.
.
หมวดวิชาบังคับ
1. Introduction to Mass Communication (การสื่อสารมวลชนเบื้องต้น)
วิชานี้เรียกกันสั้น ๆ ว่าอินโทรแมส ต้นคาบนิสิตจะเรียนในห้องเลคเชอร์ใหญ่ ๆ รวมกัน แล้วค่อยแยกออกเป็นเซค ๆ ไป วิชานี้เรียนเกี่ยวกับทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสื่อมวลชน เรียนตั้งแต่ต้นกำเนิดของสื่อ อิทธิพลของสื่อที่มีต่อสังคม บทบาทหน้าที่ โครงสร้างของสื่อ เนื้อหาจะเยอะมาก ๆ จนต้องแบ่งการสอบออกเป็นสามครั้ง มีทำรายงานส่งตอนปลายภาค ทุกคาบจะมีการส่ง reflection เป็นใบสรุปสั้น ๆ ว่าสัปดาห์นั้นเราเรียนอะไร รู้สึกยังไงกับเนื้อหานั้น มีควิซตอนต้นคาบทุกครั้งเพื่อเป็นการเก็บคะแนน และที่สำคัญคือเรียนเช้า
-----
สำหรับเรา วิชานี้คือนรกค่ะ 555555 เนื้อหามันเยอะและทฤษฎีจ๋ามาก ๆ ข้อสอบจะเน้นทั้งความจำและวิเคราะห์ เยอะแบบแอ่กกกกกกกกกก รู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ ส่วนตัวไม่ค่อยได้อะไรจากวิชานี้ นอกจากความรู้ประดับหัว(ที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงน้อยนิด...) และประสบการณ์การทำรายงาน เพราะเรามีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์คุณบอล วิทยา ทองอยู่ยง (ผู้กำกับน้อง.พี่.ที่รัก) เราเอ็นจอยแค่จุดนี้เลย ฮือ แต่ตอนพิมพ์รายงานไม่เอ็นจอยเลย แทบสิ้นลม เยอะมาก ๆ 555555 สอบแต่ละทีคือกัดฟันมาก เราตกมีนทุกรอบ... แต่ยอมรับว่าเราไม่ค่อยใส่ใจวิชานี้เท่าไหร่ เพื่อน ๆ เราก็คะแนนดีกัน ส่วนตัวคิดว่ามันน่าเบื่อ ตกมีนแต่ผ่านครึ่งพอ 5555 คนที่เอ็นจอยวิชานี้ก็คงมี มันทรมานแต่ก็ทำให้เราเข้าใจคำว่าสื่อมวลชนมากขึ้น ได้ความรู้มากพอสมควร อย่างที่บอกว่ามันเน้นทฤษฎี ถ้าใครไม่ชอบก็คงต้องอดทนหน่อย (เช่นเรา 5555)
คะแนนความพึงพอใจ : 6/10
2. Language and Communication (ภาษาและการสื่อสาร)
วิชานี้เรียกว่าแลงคอม เรียกแยกเซคกัน จะมีแค่ 1-2 คาบที่เรียนในห้องรวม เรียนเกี่ยวกับภาษาในการสื่อสาร พวกการเขียนและอ่าน เช่น การเขียนเรื่องสั้น การเขียนพรรณนา การอ่านจับใจความ การตีความ วิเคราะห์งานเขียน ฯลฯ มีหนังสือนอกเวลาให้อ่านสองเล่ม ปีของเราคือเรื่องคีตาญชลีกับดอกไม้ใต้ภูเขาน้ำแข็ง มีงานเก็บคะแนนในคาบตลอด การสอบแบ่งออกเป็นสามครั้ง สอบหนังสือนอกเวลาเล่มที่หนึ่ง เล่มที่สอง และสอบไฟนอล
-----
แลงคอมเป็นวิชาโปรดเราเลย! ชอบมากกกกกกกกกกก(กอไก่ล้านตัว) รีวิววิชานี้อาจจะยาวหน่อยเพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ 5555 อาจารย์เซคเราสอนสนุกมาก ๆ ;-; ในคาบจะเน้นการดิสคัส(discuss) ถามความเห็นนิสิตเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีถูกมีผิด อาจารย์ชอบถามจี้ ถามซอกแซก เราต้องคิดคำตอบให้ทัน ซึ่งเราคิดว่ามันฝึกความคิดดีนะ 555555 การบ้านส่วนใหญ่จะเป็นการให้เขียนเรื่องสั้นตามหัวข้อที่กำหนด เช่น กลิ่น ความทรงจำ จะเป็น non-fiction หรือ fiction ก็แล้วแต่ งานไฟนอลของเราคือให้เขียนบทความสารคดีในหัวข้อไอดอลในอุตสาหกรรมบันเทิง เป็นหัวข้อที่อินพอดี เอ็นจอยมากกกก เขียนกรุบ ๆ กันไป อาจารย์จะมีฟีดแบ็กให้ทุกคน เอาไปปรับปรุงในงานครั้งต่อ ๆ ไป
วิชานี้มีสอนการเขียนนิยายด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยลงลึกเท่าไร เหมือนจะเน้นให้ไปฝึกเอาเองมากกว่า 5555 เราคิดว่าคนที่สนใจงานเขียนน่าจะเอ็นจอยวิชานี้พอสมควรค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การสอนของอาจารย์ด้วย เพราะมีเพื่อน ๆ เซคอื่นบ่นกันว่าวิชานี้น่าเบื่อ ส่วนตัวเราชอบที่สุดเลย เป็นวิชาที่เรียนแล้วเวลาผ่านไปเร็ว 5555 แต่มันก็มีมารผจญคือหนังสือนอกเวลา อย่างที่บอกว่าปีของเราคือเรื่องคีตาญชลีกับดอกไม้ใต้ภูเขาน้ำแข็ง เอาตรง ๆ มันไม่สนุกเลยแม้แต่นิดเดียว ข้อสอบหนังสือนอกเวลาก็ยากแบบลากเลือด แง แต่ข้อสอบไฟนอลเขียนสนุกดีค่ะ เป็นการสอบที่รวมเนื้อหาทั้งหมดที่เรียนอะไรพวกนี้
เราได้แนวคิดอะไรหลาย ๆ อย่างจากวิชานี้เยอะพอสมควร ส่วนตัวสนใจงานเขียนด้วย ก็เลยรู้สึกว่าอินและได้ประโยชน์มาเยอะเลย และ ๆ ๆ วิชานี้ค่อนข้างอาศัยบุญเก่าในเรื่องของทักษะภาษาไทย เพราะมันจะช่วยให้เราทำข้อสอบได้นั่นเองค่ะ 5555555555
คะแนนความพึงพอใจ : 9/10
3. Rhetoric and Human Communication (วาทศาสตร์และการสื่อสารของมนุษย์)
เนื้อหาวิชานี้จะเกี่ยวกับวาทศาสตร์และการสื่อสาร ทฤษฎีวาทศาสตร์ หลักการของวาทนิเทศ เรียกง่าย ๆ ว่าเรียนเกี่ยวกับการพูดเพื่อสื่อสารนั่นเอง พวกหลักการโน้มน้าวใจ การพูดเพื่อให้ข้อมูล เนื้อหาจะเน้นไปที่การสื่อสารของบุคคล มีกี่ระดับ วิเคราะห์ผู้ส่งสาร บลา ๆ ช่วงต้นเทอมจะเรียนในห้องรวมใหญ่ แล้วค่อยมาแยกเซคตอนปลายเทอม เก็บคะแนนมิดเทอมด้วยการทำรายงาน การสอบจะมีทั้งหมดสามครั้งในช่วงปลายภาค สอบปฏิบัติสองครั้ง และสอบข้อเขียนอีกหนึ่งครั้ง
-----
วิชานี้หลากความรู้สึกเหลือเกิน ยาวอีกแล้ว 5555 เราเรียกวิชานี้ว่า เรทฮิว บางครั้งก็เรียกสปีช รู้สึกว่าหลักสูตรที่แล้ววิชานี้น่าจะชื่อสปีช ไม่แน่ใจ ;-; ซึ่งงงง แน่นอนว่ามันเกี่ยวกับการพูด และเราไม่ถนัดการพูดต่อหน้าที่สาธารณะเลย แพนิคง่ายมาก สติไม่ค่อยมี ตอนรู้ว่าต้องสอบพูดหน้าชั้นเรียนสองครั้งก็เห็นลางไม่ดีมาแต่ไกลแล้ว คือสองครั้งเลยอะ มันแย่มากนะสำหรับคนขี้แพนิค แง 555 ช่วงแรกที่เรียนในเซครวมเราไม่ค่อยตั้งใจเลย รู้สึกว่าเนื้อหามันคอมมอนเซนส์ (ประมาทสุด) และด้วยความที่เรียนในห้องรวมเรายิ่งเหลวไหล แต่พอแยกเซคเราก็ตั้งใจเรียนมากนะ 55555 โชคดีอีกครั้งที่ได้เรียนกับอาจารย์ที่เราถูกชะตามาก ๆ อาจารย์เก่งมากกก ถ่ายทอดความรู้ได้น่าฟัง เราเลยมีสมาธิ ตั้งใจเรียนทุกคาบที่เรียนแยกเซค เนื้อหามันก็จะออกแนวจิตวิทยาหน่อย ๆ เหมือนกับว่าเราต้องตีความให้ออกว่าถ้าอีกฝ่ายพูดมาแบบนี้ มันหมายความว่ายังไงนะ แล้วการสื่อสารที่ดีต้องทำยังไง มีเรียนเกี่ยวกับ Introvert Extrovert ด้วย เอาจริง ๆ เนื้อหาสนุกดี เรียนแล้วรู้สึก fullfilled แต่พอถึงเวลาสอบมันไม่สนุกเลย เราเครียดยิ่งกว่าแกทแพทอีก 555555 สอบไฟนอลเป็นเนื้อหาที่เรียนมา เน้นวิเคราะห์และนำหลักการมาแก้ไขสถานการณ์อะไรแบบนั้น ไม่ค่อยมีอะไรเซอร์ไพรส์ 555555 แต่ที่เราเครียดที่สุดคือสอบปฏิบัติ Speech นั่นเอง T_T
อาจารย์เซคเราขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยบ ความเป๊ะของเนื้อหา (แต่ใจดีและน่ารักมาก ๆ เลยนะ 55555) คือคอนเทนต์หรือสิ่งที่พูดควรจะดี อะไรแบบนั้น ซึ่งอันนี้เราจะปรึกษาอาจารย์เรื่องหัวข้อก่อน ก็เลยไม่ค่อยกลัวในส่วนของเนื้อหา การสอบปฏิบัติแบ่งออกเป็นสองครั้งคือ Informative Speech (พูดให้ข้อมูล) Persuasive Speech (พูดโน้มน้าวใจ) อาจารย์จะมีแบบประเมินแจกให้ทุกคนประเมินการพูดของเพื่อน และต้องเขียนคอมเมนต์ด้วย สัปดาห์ต่อมาอาจารย์ก็จะคอมเมนต์ในคาบให้ทีละคนเลย (เซคอื่นอาจารย์ไม่ได้คอมเมนต์ทีละคนแบบนี้นะ อิ) คอมเมนต์จะไม่มีความรุนแรงใด ๆ แค่บอกว่าเราบกพร่องตรงไหน จะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไข ได้ฟังทั้งความเห็นของอาจารย์และเพื่อนด้วย
วิชานี้สำหรับเรามันกดดันมาก เพราะเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำได้ดี เราคิดว่าตัวเองห่วยวิชานี้ที่สุดเลย แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เราได้ก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนจริง ๆ ได้พัฒนาตัวเอง เราได้ประสบการณ์ดี ๆ จากวิชานี้เยอะแยะเลยแหละ ส่วนใหญ่เป็นเพราะอาจารย์ เรารักอาจารย์วิชานี้มาก ฮื่อ มันมีดีเทลยิบย่อยที่เราประสบพบเจออีก แต่มันจะยืดเยื้อเกินไป 555 สรุปคือวิชานี้ทำให้ได้ฝึกการทำงานแบบเป็นระบบและพัฒนาตัวเองขึ้นมาก ถึงจะลากเลือด แต่ก็ประทับใจมาก ๆ :3
คะแนนความพึงพอใจ : 10/10
หมวดวิชาศึกษาทั่วไป (บังคับเรียน)
1. Experiential English I (ภาษาอังกฤษเพื่อการเรียนรู้ในชีวิตจริง 1)
วิชานี้เรียนภาษาอังกฤษทั่วไป เขียนพารากราฟแสดงความเห็น พารากราฟเปรียบเทียบสองสิ่ง ฝึกอ่านรีดดิ้งแล้วตอบคำถาม มี Writing Task มาให้ทำเรื่อย ๆ เพื่อเก็บคะแนน สอบมิดเทอมกับไฟนอลจะมีแค่พาร์ทเติมคำศัพท์กับรีดดิ้ง Unseen Passage
-----
วิชานี้เราคาดหวังมาก ๆ ว่ามันน่าจะได้อะไรสักหน่อย แถมเซคเรายังได้เรียนกับครูฝรั่งเจ้าของภาษาด้วย น่าสนุกดีนะ คงได้คุยกันในคาบบ่อย ๆ
ปรากฏว่าผิดคาด 5555555555555 มันน่าเบื่อมาก ๆ เราชอบภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้สึกว่าได้อะไรจากวิชานี้เลย ไม่เอ็นจอยสักนิด อาจารย์แค่บอกว่าวันนี้ทำแบบฝึกหัดนะ หน้านี้ ๆ แล้วก็เฉลยท้ายคาบ มีอธิบายคำศัพท์ในบทให้ฟัง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า ว้าวน่าสนใจ 5555555555 คือแบบฝึกหัดที่ให้ทำนี่เราเลือกที่จะไม่ทำก็ได้อะ มีค่าเท่ากัน ไม่รู้สึกว่าได้ฝึกทักษะตรงไหน แต่วิชานี้มีให้เก็บคะแนนพิเศษ 5 คะแนน คือให้ไปทำกิจกรรมกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษของจุฬาฯ (หรืออะไรประมาณนี้แหละ) เรียกกันว่า CULI (คูลี่) เช่น ไปจอย Conversation Hours ซึ่งส่วนตัวเฉย ๆ นะ มันไม่ค่อยสนุก 5555 แต่ที่ชอบคือที่คูลี่มีหนังให้ดูฟรี หนังใหม่ ๆ เยอะมากกกกก อยากดูอะไรมีหมด จริง ๆ 55555555 อ้อ อีกอย่างคือเซคเราปล่อยเร็ว และทั้งหมดคือความประทับใจ(?)ต่อวิชานี้ T_T
คะแนนความพึงพอใจ : 7/10 (มีหนังให้ดู)
2. Foundation of Economics (ความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์)
เรียนเกี่ยวกับพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ตามชื่อวิชาเลยค่ะ กลางภาคเรียนจุลภาค ปลายภาคเรียนมหภาค ไม่มีคะแนนเก็บหรือคะแนนช่วยใด ๆ สอบมิดเทอม 50 ไฟนอล 50 กันไปเลย ข้อสอบเป็นช้อยส์ 75 ข้อ ข้อเขียน 2 ข้อ
-----
เรารีวิวอะไรไม่ได้มากเพราะไม่ค่อยได้เข้าเรียน 555 ส่วนตัวเกลียดวิชาเศรษฐศาสตร์อยู่แล้ว ตอนรู้ว่าต้องเรียนก็ช็อคเหมือนกัน แต่เอาจริง ๆ มันเป็นวิชาที่ค่อนข้างชิว (ในแง่ของการเข้าเรียน 5555) อาจารย์จะพูดช้า ๆ ง่วง ๆ เราไปเรียนก็เหมือนไม่ได้เรียน เลยอ่านเองเอา สไลด์ก็จะมีความสับสนมึนงงทั้งเรื่องของเนื้อหาและการเรียบเรียงคำพูด T_T อ่านแล้วต้องตั้งสติมาก ๆ เพราะคำอธิบายวกไปวนมา อ่านหลายรอบกว่าจะเข้าใจ 55555 แต่จริง ๆ เนื้อหาก็ไม่ได้หวือหวามาก ไม่ไกลจากมอปลายเลย ถ้าตั้งใจอ่านสไลด์ ทำความเข้าใจ จำเนื้อหาได้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ด้วยความที่เราไม่ชอบวิชานี้ ฮือออ มันทรมานเวลาอ่านอะ ก็จะซัฟเฟอร์หน่อย ๆ แต่ข้อสอบออกตรงมาก 5555 ไม่ช้อยส์หลอกอะไรทั้งนั้น ถ้าจำสไลด์ได้ก็ทำได้เลย คะแนนโอเคกว่าที่คิดไว้หน่อย เพราะนี่คิดภาพไว้เลวร้ายมาก ๆ 55555 รวม ๆ คือโอเค ได้ความรู้เพิ่ม (และกำลังจะลืมหมดแล้ว)
คะแนนความพึงพอใจ : 7/10
รายวิชาเลือก
(หมวดนี้จะเป็นวิชาที่เราเลือกตามความสนใจ มีทั้งหมด 7 ตัว ต้องเก็บให้ได้ 2 ตัวภายใน 4 ปี ซึ่งเทอมนี้เปิดให้เลือก 3 ตัว เราจะพูดถึงแค่วิชาที่เลือกนะฮ้าฟ)
Principles of Photography for Communication (หลักการถ่ายภาพเพื่อการสื่อสาร)
วิชานี้เรียกสั้น ๆ ว่าปริ๊นโฟ เป็นวิชาการถ่ายรูปเบื้องต้น เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่รูรับแสง ชัตเตอร์สปีด ค่า ISO ต่าง ๆ การบ้านจะเป็นการถ่ายรูปตามโจทย์ที่อาจารย์กำหนด ไม่มีสอบ แต่มีควิซหนึ่งครั้งและพรีเซนต์ไฟนอลโปรเจคต์ข่วงปลายภาค
-----
เป็นอีกหนึ่งวิชาที่เรารักมาก วิชานี้เมื่อก่อนจะเป็นวิชาบังคับ แต่ตอนนี้เป็นวิชาเลือก และเป็นโชคดีของปีเราที่เปลี่ยนอาจารย์สอนพอดี (เคยได้ยินรุ่นพี่บ่น ๆ กัน ฮา)
เราสนใจการถ่ายรูปมาตลอด แต่ไม่รู้จักการปรับค่ากล้องเลย ความรู้เป็นศูนย์ 555 เพิ่งมาเรียนรู้ใหม่ทุกอย่างกับวิชานี้แหละ อาจารย์น่ารักมากกกก สัมผัสได้ถึงความตั้งใจอยากให้นิสิตสามารถสื่อสารผ่านรูปถ่ายได้ เราเอ็นจอยนะ ถึงแม้ช่วงแรก ๆ จะทำได้ไม่ค่อยดี มีช่วงท้อบ้างว่าทำไมเราถ่ายไม่เห็นสวยเหมือนของเพื่อนเลย แล้วก็จะเครียด ๆ หน่อยเวลาที่นึกไม่ออกว่าควรถ่ายอะไรส่งอาจารย์ดี 5555 แต่รวม ๆ คือได้อะไรเยอะมากกกกก ได้ไปแกลอรี่ ไปดูภาพถ่ายของช่างภาพระดับโลก ได้เข้าสตูดิโอถ่ายภาพ ฝึกจัดแสง (อาจารย์บอกว่ารุ่นนี้เป็นปีหนึ่งรุ่นแรกที่ได้เข้าสตูฯ ปกติมีแต่พี่โต ๆ ) สามารถไปขอฟีดแบ็กจากอาจารย์ได้ว่ารูปที่เราถ่ายเป็นยังไง
วิชานี้ชิลตรงที่ไม่มีสอบและไม่ต้องทำเปเปอร์อะไรเลย แต่มีควิซเก็บคะแนนครั้งนึง คะแนนส่วนใหญ่จะมาจากการบ้านถ่ายรูป และไฟนอลโปรเจคต์ ซึ่งไฟนอลโปเจคต์ก็พรีเซนต์แบบสบาย ๆ ฟีลตอนพรีเซนต์คือเหมือนพาเพื่อน ๆ เข้านิทรรศการของเราอะไรแบบนี้ สนุกดี วิชานี้ได้ประโยชน์มาก ๆ รู้สึกว่าการถ่ายรูปของเราพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 5555
คะแนนความพึงพอใจ : 10/10
หมวด Gen-Ed
Photographic Science
เรียนทุกอย่างเกี่ยวกับการถ่ายรูป มีวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหน่อยเพราะวิชานี้เป็นของคณะวิทยาศาสตร์ เรียนตั้งแต่โครงสร้างของกล้อง เลนส์ แสง เนื้อหาคล้าย ๆ วิชาปริ๊นโฟ อาจารย์จะมีใบที่รวมโจทย์ของทุกสัปดาห์มาให้ตั้งแต่ต้นเทอมยันจบเทอม ต้องถ่ายรูปให้ตรงโจทย์ ไม่มีสอบ ไม่มีควิซ แต่มีคะแนนเข้าห้อง มีสองเซคคือเซควันพุธกับวันศุกร์ เราเลือกวันพุธไป
-----
เราเลือกวิชานี้เพราะรีวิวมันดูชิลมาก แบบว่าน่าสนใจ แน่นอนว่าเราเรียนเพื่อเก็บเกรด ไม่ได้คาดหวังอะไรนัก ซึ่งเราตัดสินใจถูกมากที่เลือกวิชานี้ 5555 เนื้อหาเหมือนปริ๊นโฟแต่เน้นทฤษฎีมากกว่า และอาจารย์สอนจบเร็วมาก เราชอบมาก 5555 แต่งานมันจุกจิกหน่อย เพราะโจทย์ที่เขาให้มามัน Specific มากกกกก แต่ส่วนมากอาจารย์ก็อนุโลมให้ไม่ต้องตรงเป๊ะก็ได้ แบบ มันชิลอะ จริง ๆ นะ 5555 แต่คนที่ไม่ชอบถ่ายรูปก็ไม่แนะนำ เพราะมันต้องรู้พื้นฐานถึงจะถ่ายรูปให้ตรงโจทย์ได้ ;-; เรายังรู้สึกรำคาญงานนิด ๆ เพราะมันจุกจิกจริง ๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดี เพราะไม่มีอะไรเลยนอกจากเข้าไปเช็คชื่อและส่งงานให้ครบ ถ้าฟังอาจารย์ก็จะได้ความรู้เพิ่มด้วย ถามว่าเราฟังไหม ไม่จ้า 555 มันเป็นคาบปั่นงานที่แท้ทรู ฮือ 5555 แต่รวม ๆ คือชอบ!
คะแนนความพึงพอใจ : 10/10
--------------
จบแล้วค่ะสำหรับการรีวิววิชาเรียนเทอมแรกของเราาาา เย้ ขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้นะคะ มันยาวมาก รีวิวปนบ่น 5555 สังเกตได้ว่าอาจารย์มีผลต่อความชอบวิชาเรียนของเรามากเลย ;-; อาจารย์น่ารักวิชาเรียนก็จะน่ารักไปด้วย แง้
ตอนนี้เราก็เพิ่งสอบไฟนอลเสร็จ สักทีโว้ย ฮือ ดีใจ 555 ถ้ามีโอกาสเราก็จะมารีวิววิชาในเทอมต่อ ๆ ไปด้วย แล้วก็อาจจะหาอะไรมาเล่าอีก ._. ดีไหมนะ 5555 ยังไงก็ตาม หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านนะคะ :3 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอีกครั้งค่ะ
urmidnightsunx
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in