มันเป็นวันที่หิมะตกหนักในรอบปี
รายงานสภาพอากาศถ่ายทอดสดบนหน้าจอโทรทัศน์บ้านเทรย์เวอร์บอกไว้ เจ้าของบ้านถามไถ่ว่าเขาจะรับเครื่องดื่มชนิดไหนระหว่างรอแม่มารับหลังเลิกเรียน เพราะระยะทางจากโรงเรียนกลับมายังบ้านของเทรย์เวอร์ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีเศษ เขาจึงแสดงน้ำใจในฐานะเพื่อนเสนออย่างตรงไปตรงมา ลีวานปฏิเสธแก้วไวน์องุ่นราคาแพงตรงหน้า เดาจากผลิตภัณฑ์ที่ห่อหุ้มขวดปราดเดียวก็พอเข้าใจว่าทำไมเทรย์เวอร์ถึงเอาแต่เร่งเร้าให้เขารีบรับไปนักหนา เจ้าตัววิ่งไปเก็บขวดสีขุ่นเข้าตู้ ทันพอดีกับจังหวะที่พ่อของเขาเปิดประตูเข้ามา หลังเสียงเครื่องยนต์ดับลงและง่วนอยู่กับการปัดเศษหิมะบนตัวอยู่พักใหญ่
“ฟังเพลงแบบไหน”
“เอ่อ ยกเว้นร็อค”
“ถามจริง”
“ถ้าไม่ตายก่อนน่ะนะ”
เทรย์เวอร์อธิบายส่วนประกอบจากตัวหนังสือบนพื้นผิวเรียบลื่นข้างขวดไวน์ให้เขาฟัง หนำซ้ำยังเป็นเรื่องที่ลีวานไม่เข้าใจ และไม่คิดด้วยซ้ำว่าจำเป็นต้องรู้ แม้ว่าเขาจะยกมือปฏิเสธทุกครั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยปากเสนอรินให้ชิม สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นเจ้าของบ้านอยู่ดี เขาไม่ได้ทำตัวซื่อตรงตอนนี้ก็แค่อยากรอแม่อยู่เงียบ ๆ มากกว่า,
ลีวานนึกสงสัยว่าอะไรทำให้เขาสนิทกับเทรย์เวอร์มากกว่าใครในห้อง เพราะเป็นเพื่อนกันมานานกว่า 3 ปี, ตอนที่เขาเข้าไปทักเทรย์เวอร์ในวันปฐมนิเทศ,
ลีวานไม่เข้าใจว่าเขาสนใจอะไรในงานสถาปัตยกรรมนักถึงได้เอามาวางโจ่งแจ้ง แทนที่จะเป็นฟิกเกอร์สมัยนิยมของวัยรุ่นยุคนี้ เทรย์เวอร์ไม่เคยบอกเรื่องแผนในอนาคตว่าอยากเรียนหรือคลั่งไคล้ศาสตร์ใดเฉพาะเจาะจง ยกเว้นเล่าประวัติวงดนตรีโปรด ถึงอย่างนั้นลีวานก็พออนุมานเองได้บ้าง เพราะขนาดตัวเขาเองยังมีแต่โปสเตอร์สัตว์ทะเล หรือชนิดของปลาฉลามเต็มห้องไปหมด มันไม่ใช่แม้กระทั่งเศษเสี้ยวความฝันของพวกเรา แต่มันคือแรงจูงใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการยื้อยุดให้ตื่นมาพบในทุกเช้า, ลีวานเชื่ออย่างนั้น
“รู้สึกเหมือนเสียเปรียบเลยแฮะ”
“ฉันมีการอพยพของชาวอินเดียนแดงสองเล่ม นายอยากจะแลกไหมล่ะ”
เขาหัวเราะออกมาอีกรอบ คราวนี้เสียงดังฟังชัด แถมยังจริงจังกว่ารอบที่แล้ว
“ไม่ใช่ความผิดฉันคนเดียวสักหน่อย คนกำลังใช้สมาธิกับหนังสือนี่นะ”
เทรย์เวอร์แสดงสีหน้า ราวต้องการจะล้อเลียนริมฝีปากล่างยื่นออกเล็กน้อยพร้อมเลิกคิ้ว “ห้องนายมีพวกโปสเตอร์เยอะ ๆ แบบนี้ไหม” เจ้าของห้องทิ้งตัวลงบนเตียง พลางเอนกายเข้ามาแตะไหล่ลีวานที่นั่งเยื้องอยู่ข้างเตียงเล็กน้อย เร่งเร้าให้อีกฝ่ายรีบตอบ
“แน่นอน,
“แล้วอย่างอื่นล่ะ”
“ตกลงยังอยากไปหรือไม่อยากกันแน่ พิลึกคน” ลีวานเอียงตัวกลับไปเดี๋ยวนั้น เป็นตอนที่เขาเองก็ไม่แน่ใจมาก่อนว่าลมร้อนที่กำลังเป่ารดหูนั้นมาจากลมหายใจหรือริมฝีปากเรียวบางของเทรย์เวอร์กันแน่
“อยากดิ แต่คิดว่าอีกนานเลยขอซ้อมไว้จินตนาการก่อน เวลาไปจะได้รู้ว่าอยากตรงไปมุมไหนบ้าง”
“โอเค ฉันจะลิสต์เรื่องนี้ไว้สิบอย่างที่ควรจะทำก่อนตาย” ลีวานคิดว่าประโยคแกมประชดประชันเมื่อครู่จะกระตุ้นต่อมขำของเทรย์เวอร์ได้เหมือนคราวก่อน ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ทำเช่นนั้น
“จบเกรดสิบฉันจะย้ายไปแคลิฟอร์เนีย” เทรย์เวอร์หย่อนหัวมาทางลาดไหล่ขวาของลีวาน องศาการเอียงคอตั้งฉากกับปลายจมูกโด่งรั้น เฉียดเนื้อผ้าแจ็คเก็ตสีน้ำตาลเข้มตรงหน้าอยู่บ่อยครั้ง หากแต่ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายเขยื้อนหนีไปเสียก่อน
“ยินดีด้วย” ลีวานตั้งใจพลิกหน้ากระดาษในมืออย่างใจเย็น “สำหรับการออกไปจากเมืองน่าเบื่อนี้นะ”
“สำหรับฉันมันสำคัญนะ”
“ซัมเมอร์ล่ะ”
“ขึ้นอยู่กับคนที่ฉันอยากเจอจะอยู่หรือเปล่านะ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับตัวนายทั้งนั้น”
“โอเค ๆ เรามายุติสงครามน้ำลายนี้ลงดีกว่า” เทรย์เวอร์ส่ายหัวยืนกราน ก่อนจะฉวยมือหยิบหนังสือตรงหน้าลีวานมาอ่านเสียเอง
“การที่นายหยิบหนังสือออกไปจากมือฉันเท่ากับประกาศสงครามนะเทร”
เจ้าของชื่อเมินเฉยต่อน้ำเสียงราบเรียบ พลางปิดหนังสือเล่มหนาในมือต่อหน้าต่อตา เว้นแต่ไม่ลืมสอดปลายนิ้วชี้ด้านในแผ่นกระดาษ บนหน้าที่ลีวานอ่านค้างไว้ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น เผื่อจะนึกโมโหขึ้นมาจริง ๆ คงลดอารมณ์ปะทะลงได้เอง
“ฉันไม่ใช่หมอดู”
“งั้นตอนที่ฉันย้ายไปแล้วคงรู้สึกเสียดายมากแน่ๆ ” เทรย์เวอร์เอื้อมมือข้างที่ว่างอยู่หยิบบางสิ่งบางอย่างบนใบหน้าของลีวาน ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยหน้าแก้มของเขาแผ่วเบา ราวกลัวว่าพื้นผิวตรงหน้าจะแหลกสลาย “
ลีวานชะงักการกระทำที่แสดงถึงการมีชีวิตทางกายภาพ รวมถึงการหยุดหายใจชั่วขณะ ทว่ากลับตรงกันข้ามของเหลวสีข้นในร่างกายที่เอาแต่สูบฉีดพาลให้อุณหภูมิเห่อร้อน เช่นเดียวกับอาการสั่นสะท้านของกล้ามเนื้อบางส่วน ซึ่งกำลังประท้วงให้เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีต่อต้านการกระทำของเทรย์เวอร์
เนิ่นนาน
ขม
ลีวานรู้สึกว่ามันช่างเป็นการกระทำที่รู้สึกถึงรสชาติขม แผ่ซ่านมายังต่อมรับรส
เทรย์เวอร์ดึงสติกลับมาได้ชั่วขณะ เป็นจังหวะเดียวกันเมื่อถูกฝ่ามือสั่นเทาของลีวานผลักอกเขาเต็มแรง
“โทษที”
ลีวานไม่ได้ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกไปจากสถานการณ์ปั่นป่วนตัวตนของเขาในทันที แม้อยากจะทำมากแค่ไหน บางอย่างในหัวกำลังต่อต้านให้เขาพลั่งพลูประโยคคำถามนับไม่ถ้วน หากแต่ร่างกายกลับไม่หวั่นเกรงความโกลาหลของความคิดแม้แต่น้อย กลับกัน, ความหวาดหวั่นภายในเริ่มถาโถมใส่ตัวเขาเสียเองที่ตอบคำถามมากมายเหล่านั้นแทนเทรย์เวอร์ไม่ได้
ลีวานกลัว
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ลีวานไม่ยอมปริปากตอบ ดวงตาสีวอลนัทเหลียวซ้ายที พลันจ้องไปยังผ้าม่านสีขาวเบื้องหน้ากำลังโบกพลิ้วล้อคารมณ์ตามแรงลมอยู่คราหนึ่ง ก่อนจะสงบลงเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ปล่อยให้ความคิดท่ามกลางความเงียบส่งเสียงดังอยู่กับตัวเอง
ขลาดอายเกินกว่าจะจ้องมองริมฝีปากเรียวบางอีกครั้ง นิ้วมือเย็นชืดเริ่มระบายเหงื่อ ความรู้สึกครั่นเนื้อตัวทำให้ลีวานก้มหน้าเป็นคำตอบสำหรับการเผชิญหน้า
บางครั้งการไม่หนีก็นับเป็นความขี้ขลาดเช่นเดียวกัน
“เกรดแปด”
เทรย์เวอร์โตเร็วกว่าลีวานในตอนนั้น เขาเข้าใจดี เมื่อวงแขนของเทรย์เวอร์พาดผ่านลาดไหล่ซึ่งเล็กกว่าไว้หละหลวมเวลาเจอหน้ากันยามเช้าเข้าใจว่าอ้อมกอดที่โอบรัดเอวในตอนที่ต่างคนต่างหยอกล้อกันไปมามันเหนียวแน่นขนาดไหน เข้าใจว่าฝ่ามือร้อนชื้นที่กำลังไล่สัมผัสลงบนฝ่ามือเย็นเชียบท่ามกลางอุณหภูมิติดลบในเทศกาลคริสต์มาสของเทรย์เวอร์สามารถแบ่งปันความอบอุ่นได้ดีพอ ๆ กับฮีทเตอร์ในร้านกาแฟ หากแต่ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้งว่าความรู้สึกที่แฝงมาพร้อมการกระทำเหล่านั้นเกิดขึ้นจากอย่างใด
“หลังจากนี้จะไม่ทำให้ลำบากใจแล้วล่ะหายห่วง” เทรย์เวอร์แค่นหัวเราะเสียงค่อย “
“ขอโทษ”
เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นว่านัยน์ตาแวววาวคู่ตรงหน้างดงามแค่ไหน เมื่อตกกระทบกับแสงแดดยามบ่าย ซึ่งลอดผ่านปลายม่านสีขาวนวล ก่อนจะหายวูบไปเพียงเพราะสายลมก่อนหน้าต้องการจะบอกลาแค่ผิวเผิน
เสียงดนตรีเพลงร็อคถูกเปิดดังกระหน่ำขึ้นมาดื้อ ๆ เสียดสีภาพลักษณ์การตกแต่งร้านพิซซ่าโฮมเมดของเจฟ เปลี่ยนสีฉูดฉาดแดงตัดขาวบนผนังร้านออกจากศาสตร์จิตวิทยาว่าด้วยสีแดงช่วยดึงดูดให้อยากอาหาร กลับกลายเป็นความเดือดดาลพุ่งพรวดไปตามเสียงเบสทุ้มต่ำสลับกับการรัวกลองจากลำโพงร้านผ่านโสตประสาท หลังจากที่เจฟเดินมาเสิร์ฟพิซซ่าหน้า Frank Deluxe
“ว่าไง”
“ผมอยากรู้ชื่อเพลงที่คุณเปิด”
คืนนั้น — ลีวานกลับมาค้นชื่อเพลงตามที่เจฟบอก คลื่นเสียงผ่านลำโพงบลูทูธตัวโปรดในห้องบรรจงถ่ายทอดเสียงดนตรีหนักแน่น พร้อมเสียงแหบทุ้มทรงพลังจากนักร้องนำ ไม่แปลกต่างไปจากช่วงเวลาลิ้มรสพิซซ่า ผสานเป็นจังหวะเดียวกับท้วงทำนองเหล่านี้เลยสักนิด แต่กลับคิดไม่ออกว่าทำไมถึงไม่รู้สึกตื่นเต้นกับเพลงร็อคเพลงนี้ไปเสียอย่างนั้น ไม่เหมือนครั้งแรกที่มันดังผ่านโสตประสาทเลยก็ว่าได้
เปลือกตาสีเข้มปิดสนิท แพขนตายาวขยับตามการเคลื่อนไหวของนัยน์ตาสีวอลนัทเล็กน้อย
ลีวานไม่ได้ถูกจัดเจนอยู่ในความรู้สึกเดิมอีกแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in