อะไรที่เราคิดว่ามันสำคัญนักหนาในช่วงเวลาหนึ่ง จะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้วเมื่อเวลาผ่านพ้นไป — อย่างน้อยผมก็เคยคิดอย่างนั้น ถ้าสำคัญ ทำไมถึงลืมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คิดว่าจะจำได้ไปตลอดล่ะ ถ้าสำคัญ ทำไมถึงดูเป็นอื่นไปราวกับว่าไม่เคยเอ่ยคำทักทายกันมาก่อน ถ้าสำคัญ... — แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น ความสลักสำคัญที่มีค่ามากมายนั่นไม่ได้อยู่ในบทสนทนาสัพเพเหระในเย็นวันจันทร์ หรือในความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจนเราทั้งคู่ต่างไม่รู้สึกตัว ให้พูดอย่างสัตย์จริง ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันอยู่ตรงไหน พูดได้แค่ว่ามันไม่ได้เฉพาะเจาะจงแบบนั้นเท่านั้นเอง
เราทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ บานปลายใหญ่โตจนสุดท้ายไม่มีสักคนที่จำต้นเหตุของมันได้ เหมือนกับที่เราเคยยอมแบ่งเวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียนของตัวเองไปนั่งกินข้าวด้วยกันในร้านอาหารร้านเดิม ให้แม่ดุด่าหลังจากนั้นเมื่ออิ่มจนไม่สามารถกินข้าวที่บ้านต่อได้ และลืมไปว่าเราเริ่มต้นความสัมพันธ์นี้ด้วยประโยคแบบไหน ผมจำความรู้สึกตอนเห็นเขาครั้งแรกไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาก็คงเหมือนกัน เราจะเริ่มคุยกันด้วยประโยคทักทายสุดเฉิ่มเชยอย่าง สวัสดี นายชื่ออะไร ทำนองนั้นหรือเปล่านะ ให้ตาย ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงต้องขอบคุณตัวเองยกใหญ่ และขอบคุณเขาด้วย ที่เลือกจะลืมอะไรสักอย่างได้อย่างถูกต้องและไม่นึกเสียใจแม้สักเสี้ยววินาที
เหมือนว่าเราจะเคยเดินเล่นด้วยกันที่สวนสาธารณะอยู่ครั้งหนึ่งนะ หลังจากต้องทำใจกล้าขึ้นไปเดินบนสะพานแขวนเพื่อโปรยอาหารให้ปลาฝูงใหญ่ที่ดูมีความสามารถจะใช้แรงสะบัดหางส่งตัวเองขึ้นมาถึงข้างบนได้ สุดท้ายวันนั้น เราก็จบที่ซื้อของกินจากแม่ค้าหาบเร่บริเวณนั้นมาประทังความหิว อืม... เขาเคยพิงหัวและถ่ายน้ำหนักตัวทั้งหมดมาฝากไว้ให้อยู่ในความดูแลของไหล่ขวาผมด้วยตอนที่เรานั่งข้างกันบนรถบัส มันไม่ได้หนักอะไรหรอก ออกจะเบาหวิวเหมือนคำมั่นสัญญาที่พูดขึ้นอย่างลอย ๆ ของผู้ชายห่วยแตกสักคนที่บอกว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว โดยที่ไม่รู้เอาเสียเลยว่านั่นคือโอกาสครั้งสุดท้ายที่ตนเองได้รับ ผมแอบถ่ายรูปเขาไว้ด้วย กะจะยื่นให้ดูตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อรถจอดตรงที่หมาย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลบไปก่อนจะได้ทำอะไรตามที่คิด ไม่รู้ทำไมตอนนั้นผมถึงทำอย่างนั้นเหมือนกัน อาจเพราะไม่อยากเห็นสีหน้ายุ่ง ๆ และหงุดหงิดใจของเขาตอนเพิ่งตื่นล่ะมั้ง
มาถึงตรงนี้ ผมก็เริ่มนึกอะไรระหว่างเราไม่ออกแล้ว แต่ช่างหัวมันเถอะ — จากใจจริงนะ พูดจริง ๆ อย่างน้อยไอ้ความทรงจำและความรู้สึกที่มีต่อเรื่องพวกนี้มันก็ทำให้ผมเป็นผมในช่วงเวลานี้ เป็นผมที่ลองสั่งข้าวร้านนั้นที่เราเคยกินด้วยกันในตอนเย็นมากินหลังจากไม่ได้กินมานาน และนั่งนึกถึงเขาไปพร้อมกับตักข้าวเข้าปากด้วยความเร็วที่ช้าลงเรื่อย ๆ เพราะความอิ่ม
บางทีนะ แค่บางที... ถ้าหากว่าเขาจะเผลอนึกถึงผมเข้าบ้างสักวัน ลองซื้อข้าวร้านนี้ไปกินเพื่อจะพบว่ามันรสชาติแย่ลงนิดหน่อยเมื่อไม่ได้นั่งกินที่ร้าน แล้วมีความทรงจำระหว่างเราไหลเข้ามาในหัวเหมือนที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ ผมหวังว่าเราจะได้กลับมาลองเริ่มเอ่ยคำทักทายดูอีกครั้ง และแม้ว่าครั้งนี้จะเริ่มต้นด้วยประโยคที่เห่ยกว่านั้นก็คงไม่เป็นไรอีกแล้ว
เพราะอย่างที่ผมบอกว่าความสำคัญมันไม่ได้อยู่ในนั้น
ไม่ได้อยู่ในบทสนทนาไร้จุดหมายของเรา และแน่นอนว่าไม่ใช่ในประโยคแรกที่เราจะทักทายกันด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in