Ghost Walk หรือ Ghost Tour คืออะไรเห็นหัวข้อแล้วอาจจะมีคนสงสัย หรือคิดว่า มันเหมือนกับการทดสอบความกล้าหรือเปล่า
ghost tour หรือ ghost walk หรือบางทีก็เรียกว่า haunted historical walk
นิยามได้สั้นๆ ว่า เป็นการเดินตามไกด์ หรือในที่นี้จะออกแนว storyteller ด้วยมากกว่า
ไปตามสถานที่ต่าง ๆ อาคารบ้านเรือนเก่า ๆ เล่าประวัติในอดีตให้ฟัง แต่ช้าก่อน
ไม่ได้มีแค่อาคารเหล่านั้นสร้างขึ้นเมื่อไหร่ เป็นของใคร แต่มีเรื่องผีหรือเรื่องลึกลับ
ที่เกี่ยวข้องกับอาคารสถานที่เหล่านั้นมาด้วย ได้ทั้งเรื่องผี เรื่องประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน
เดิมที กิจกรรมโกสต์วอล์ก มาจากพวก ghost hunt อารมณ์ประมาณพี่ป๋อง กพล
หรือเจน ญาณทิพย์ที่ไปตามสถานที่ที่ว่ากันว่ามีผีสิง แต่ไปแบบวิทยาศาสตร์กว่า
โดยหลักแล้ว ก็เพื่อพิสูจน์ว่ามีจริงไหม แต่ตอนหลัง ๆ ก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วม
และปรับรูปแบบให้เป็นการนำเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ผสมเรื่องเล่าลึกลับมากขึ้น
กิจกรรมโกสต์ทัวร์หรือโกสต์วอล์กที่อังกฤษ มักจะจัดในสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่
และอุดมไปด้วยเรื่องผีทั้งหลาย และแทนที่จะเดินเที่ยวกลางวัน ก็เป็นเที่ยวกลางคืนแทน
ซึ่งก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะไปกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละตั้งแต่ 10-20-30 คน ไม่เกินนี้
สถานที่ที่มีโกสต์ทัวร์หรือโกสต์วอล์กเด่น ๆ ของอังกฤษ ก็เช่น ลอนดอน ยอร์ก
หลายที่ไม่เด่นเรื่องนี้มากนัก แต่ก็มักจะจัดกิจกรรมนี้ช่วงฮัลโลวีนกัน ได้บรรยากาศดี
ค่าบริการก็มีหลายระดับตั้งแต่ £5 £15 ไปจนถึง £70 แล้วแต่สถานที่ที่ไป หรือบริการ
นอกจากเรื่องผีแล้ว พวกสถานที่ที่มีอาชญากรรมดัง ๆ เกิดขึ้น อย่างกรณี แจ็คเดอะริปเปอร์
แบบนี้ก็มี walking tour อยู่เหมือนกัน แต่ต้องจองก่อน ไม่ใช่จ่ายเงินแล้วเข้าร่วมแบบทั่วไป
ระยะเวลาที่ใช้ในการทำกิจกรรมโกสต์วอล์กก็จะอยู่ราว ๆ 2-3 ชั่วโมง เดินไป พักไปแบบนั้น
Robin Hood's Bay Ghost Walk
ชื่อ 'โรบินฮู้ดส์เบย์' หรือ อ่าวโรบินฮู้ด อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่
เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ แบบเดินเที่ยววันเดียวหมด เหมาะกับคนชอบ hiking หรือเดินเขา
เมืองนี้เป็นเมืองที่มีมานานแล้ว ส่วนชื่อโรบินฮู้ดก็มีที่มาไม่แน่ชัด มีแค่เรื่องเล่าว่า
โรบิน ฮู้ด ชื่อของจอมโจรที่ดักปล้นคนรวยมาช่วยคนจนในสมัยพระเจ้าจอห์น
และเป็นตำนานสำคัญเรื่องหนึ่งของอังกฤษ เคยมาที่นี่ด้วย แต่ก็ได้ชื่อนี้มาแล้ว
เพราะเมืองประมงเล็ก ๆ มีพื้นที่เป็นเวิ้งอ่าว ทั้งยังเป็นที่หลบซ่อนพวกค้าของเถื่อนในอดีต
เรื่องผีหรือเรื่องลึกลับที่เล่าในโกสต์วอล์กของโรบินฮู้ดส์เบย์ก็จะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น
โดยเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรืออับปาง การขนของเถื่อน รวมถึงความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องภูติผีปีศาจ
เพราะเป็นจุดที่ในสมัยก่อนพบศพของคนที่ตายจากเรือล่มขึ้นมาติดบริเวณหาดของอ่าวโรบินฮู้ด
หรือบางที ศพที่มาเกยตื้นอยู่บนชายหาด ก็ตายด้วยฝีมือของพวกโจรและพวกขนของเถื่อนด้วย
เพราะพื้นที่ทางเหนือของยอร์กเชียร์ก็จะมีความเชื่อเรื่องผีสางเฉพาะของตัวเอง ก็จะเล่าเรื่องนี้ด้วย
การเข้าร่วมโกสต์วอล์กของโรบินฮู้ดส์เบย์ก็ง่าย ๆ แบบเดียวกับโกสต์ทััวร์ทางเหนือส่วนมาก
คือ ไปรวมตัวกันตรงจุดที่ตั้งป้ายโกสต์วอล์ก จ่ายเงิน £5 (ไม่รู้ว่าตอนนี้ขึ้นราคาหรือยัง)
เวลาสองทุ่ม แล้วผู้เล่าเรื่องก็จะนำเราเดินไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ของโรบินฮู้ดส์เบย์
หยุดตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น โบสถ์ หรือที่นี่จะพิเศษหน่อย คือ มี Coroner's Office
หรือสำนักงานของผู้ชันสูตรศพและห้องเก็บศพอยู่บนเนินถัดจากที่ทำการของหน่วยกู้ภัย
เพราะอย่างที่บอกมาตอนต้นว่า เมืองนี้ติดทะเล มีศพเรือแตกหรือถูกโจรฆ่ามาติดชายหาดบ่อย
ในปัจจุบัน สำนักงานผู้ชันสูตรศพ ได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่เวลาปิดเปิดไม่แน่นอน
สำหรับ โกสต์วอล์กที่นี่ก็ไม่ได้มีตลอดเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าร้อนกับฮัลโลวีนมากกว่า
ไม่ได้มีทั้งปีแบบบางที่ ถ้าใครอยากสัมผัสเมืองโรบินฮู้ดส์เบย์กับโกสต์วอล์กที่นี่ก็ต้องเช็คให้ดีก่อน
พอทุกคนรวมตัวกันแล้ว ไกด์และคนเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นคุณลุงใส่แฟลตแคป หรือหมวกแก็ปแบน ๆ
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายทางเหนือ ก็จะเป็นคนพาเดินนำไปตามเส้นทางในเมือง
เพราะว่าเดินกันตลอดรายการ และเดินขึ้นเขาเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากโรบินฮู้ดส์เบย์
มีเอกลักษณ์อีกอย่าง คือ จะสร้างบ้านกันตามเนินเขา มีทางเดินแคบ ๆ เชื่อมกันไปเรื่อย ๆ
ก็ควรจะใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าที่เดินหรือยืนนาน ๆ ได้สบายกันนิดนึง
จุดที่เราเดินกัน เริ่มจากสำนักงานชันสูตรศพ เนินเขาที่ถัดจากโบสถ์ประจำเมือง
แล้วลัดลงไปตรงบันไดบ้านที่อยู่ด้านล่างของโบสถ์ หยุดตรงถนนกลางเมือง
ก่อนที่จะเดินขึ้นไปตามบันไดระหว่างตรอกเล็ก ๆ ขึ้นไปทางคาเฟ The Swell
วนไปตรงจตุรัสด้านบนที่เป็นสวนกับบ้านของ John Wesley บุคคลสำคัญของเมือง
แล้ววนลงมาทางโรงแรมสีขาวที่เป็นแลนด์มาร์กอีกจุดหนึ่ง และจบตรงท่าเรือที่เจอกัน
ความสนุกของโกสต์วอล์กที่นี่ คือ คุณลุงคนเล่าปล่อยมุกเก่งมาก ประวัติศาสตร์ก็เป๊ะมาก
ตลอดเวลาที่เดินตามลุงต้อย ๆ ลุงบอกให้หยุดที่ไหนก็หยุด เล่าโน่นนี่ให้ฟัง เพลินจนลืมเวลา
ยิ่งวันที่ไปบรรยากาศเป็นใจมาก เพราะอากาศแจ่มใส ไม่มีเมฆ แถมเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงอีก
แต่ถามว่า น่ากลัวไหม ก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะลุงเล่นเล่าเรื่องผีไป ยิงมุกไปด้วยตลอดเลย
คนฟังหัวเราะขำกันจนลุงออกปากว่า "It suppose to be scary. I'm not telling you a comedy."
จากนั้น ต่างคนก็ต่างหัวเราะกันไปหมด จนกระทั่งเปลี่ยนจุดเดินนั่นละ ถึงหยุดหัวเราะกันไปได้
ตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่นักค้าของเถื่อน ฆ่าเจ้าของเรือกับภรรยาและทุกคนจนหมด
ก่อนตายภรรยาของเจ้าของเรือก็สาปแช่งกลุ่มโจรที่ขึ้นมาปล้นเรือและฆ่าสามีของตัวเอง
ลุงก็ถามขึ้นว่า "อยากรู้ไหมว่า ภรรยาเจ้าของเรือแช่งโจรก่อนจมน้ำตายว่ายังไง"
ทุกคนหลงกลลุงตอบรับว่า อยากรู้สิ ลุงก็ตอบหน้าตาเฉยเลยว่า "Blub.... blub...."
แปลเป็นไทย ก็คือเสียงคนจมน้ำบุ๋ง ๆ นั่นละค่ะ เสียรู้ลุงกันไปเป็นแถบ ๆ แต่ก็เฮฮากันดี
เรื่องที่เล่ามีตั้งแต่ตำนานของเมืองซึ่งเป็นที่มาของเพลงที่ร้องกันอยู่ในท้องถิ่น
เรื่องของแม่มด เรื่องของวิญญาณอาฆาตของหญิงสาวที่ถูกฆ่า และปีศาจที่กลับมาแก้แค้น
เรื่องสยองของวิญญาณเจ้าของเดิมที่ติดมากับสิ่งที่นักค้าของเถื่อนฆ่า แล้วหลอกหลอนคนที่ได้ไป
รวมไปถึงเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับปีศาจท้องถิ่นอย่างบาร์เกสต์ ปีศาจหมาดำที่ปรากฏตัวบนชายหาด
และปิดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับ ด้วยเรื่องของ วาสป์ หรือ ดอปเปิลแกงเกอร์ที่อาจตามกลับบ้านด้วย
นอกจากผี ก็มีเรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมือง เรื่องของ press gang หรือราชนาวีอังกฤษสมัยก่อน
ที่จะเกณฑ์คนออกไปร่วมกองทัพเรือ โดยเฉพาะเพื่อแสวงหาอาณานิคม ซึ่งหลายคนไม่อยากไป
เนื่องจากการออกทะเลไปนาน ๆ โดยเฉพาะอาจต้องไปรบ ไปเจอโจรสลัด มีโอกาสตายมากกว่ารอด
เพราะฉะนั้น บางทีเกณฑ์กันดี ๆ ไม่ได้ ก็ถึงขนาดไล่ตามจับกันไปขึ้นเรือของทหารเรือกันเลยทีเดียว
เป็นเรื่องลึกลับกับเรื่องประวัติศาสตร์ที่แปลกใหม่ดี ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แอบหลอนบ้างนิดหน่อย
ถ้าไปอังกฤษ อยากให้ลองโกสต์วอล์กดู จากประสบการณ์เรา ผีเป็น OTOP อังกฤษของแท้แน่นอนค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in