เรามาเริ่มเรื่องเล่ากันเถอะ
* เรื่องแรกเกิดขึ้นตอนที่ผมเพิ่งจบการฝึกงานหมาดๆ ผมยังใหม่กับทุกอย่าง อย่างที่ผมบอกว่าผมทำงานเป็นอาสาสมัครมาก่อนก่อนที่ผมจะมาทำงานนี้ เพราะฉะนั้น ผมพอจะเข้าใจว่าผมจะต้องเจอกับอะไร แต่งานส่วนใหญ่ที่ผมได้รับก็คือการตามหาคนหายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราแกะรอยพวกเขาเจอ ในฐานะเจ้าหน้าที่กู้ภัยและค้นหา คุณต้องทำงานทุกอย่างตั้งแต่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวถูกแมลงสัตว์กัดต่อยไปจนถึงหัวใจวาย
ผมถูกเรียกตัวเพื่อเคสนี้ตั้งแต่เช้ามืด จากหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่อยู่บนทางเดินเลียบทะเลสาบ ฟังจากเสียงแล้วคนที่เป็นสามีกำลังอยู่ในภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แน่ๆ เรายังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทันที และเราก็ได้ยังยินเสียงภรรยาของเรากรีดร้องมาจากด้านหลัง ฝ่ายสามีขอร้องให้พวกเรารีบไปหาเธอตรงนั้น เมื่อพวกเราเดินไปถึง ผมเห็นสามีกำลังโอบกอดภรรยาของเขาไว้ โดยในมือเธอถืออะไรบางอย่างอยู่ เธอกรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมานเหมือนเสียงร้องของสัตว์ ในขณะที่ฝ่ายสามีเองก็สะอื้นไห้ไม่หยุด เขาตะโกนให้พวกเราช่วยเขาที ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ขึ้นมาบนนี้ แต่ว่ารถพยาบาลไม่สามารถวิ่งบนทางเดินนี้ได้อยู่แล้ว ผมจึงถามเขาว่า ภรรยาของเขาโอเคหรือเปล่า เธอยังเดินไหวไหม
คนเป็นสามียังคงร้องไห้ไม่หยุด แต่เขาก็สามารถบอกเราได้ว่า ภรรยาของเธอไม่ใช่คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราหรอก ผมเดินไปหาฝ่ายผู้หญิง โดยปล่อยให้เพื่อนร่วมงานของผมปลอบใจผู้ชายคนนั้นไปพลาง ผมถามเธอว่า เกิดอะไรขึ้น เธอตกใจและตัวสั่น ในมือเธอถืออะไรบางอย่างไว้ ผมก้มตัวลงเพื่อมองดูให้ถนัด ตัวเธอเปื้อนเลือดเต็มไปหมดและเมื่อผมเห็นเป้อุ้มเด็กบนตัวด้านหน้าของตัวเธอ หัวใจผมก็หล่นวูบ ผมเอ่ยถามเธออีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยๆ ยกแขนเธอออกเพื่อมองให้ชัดว่าเธอกำลังอุ้มอะไรไว้ สิ่งนั้นคือ ทารก .. ศพเด็กทารก
หัวของทารกน้อยยุบเข้าไปด้านหนึ่ง และทั้งตัวก็เต็มไปด้วยรอยแผลถลอก ถึงในตอนนั้นผมจะเคยเห็นศพมาก่อนแล้ว แต่ในเหตุการณ์นั้นทำเอาผมใจเสียไม่น้อย ผมต้องใช้เวลาครู่นึงในการรวบรวมสติ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง แจ้งเขาว่าเป็นศพเด็กทารก เขาเหมือนจะตบไหล่ผมเบาๆ เพื่อปลอบใจ และบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการเอง
เราต้องใช้เวลากว่าชั่วโมง กว่าผู้เป็นแม่จะยอมให้เราดูศพลูกของเธอชัดๆ ทุกครั้งที่เราพยายามจะอุ้มศพเด็กออกจากตัวเธอ เธอจะสะบัดตัวหนี และบอกเราว่า "ไม่ให้" และบอกว่าลูกของเธอไม่เป็นอะไรหรอก ปล่อยเขาไว้กับเธอนั่นแหละ เดี๋ยวเธอจะช่วยลูกเธอเอง แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ยาวนานของเราคนหนึ่งก็เกลี้ยกล่อมให้เธอมอบศพลูกของเธอให้พวกเราได้สำเร็จ เราพาร่างเด็กน้อยไปยังโซนที่มีแพทย์ประจำการ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินของเราเห็นร่างดังกล่าวว ก็แจ้งเราว่าไม่มีหวังที่จะช่วยชีวิตเด็กคนนี้แล้วล่ะ เด็กน้อยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเนื่องจากศีรษะถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก
ผมบังเอิญเป็นเพื่อนกับพยาบาลคนหนึ่งที่รับเคสนี้ต่อที่โรงพยาบาล เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังว่า สามีภรรยาคู่นี้กำลังเดินเล่นอยู่โดยที่ฝ่ายภรรยาอุ้มเด็กไว้ในเป้แนบตัวเธอ แต่เด็กน้อยร้องไห้โยเย ฝ่ายพ่อจึงเปลี่ยนมาเป็นคนอุ้มแทน แล้วหยุดยืนดูห้วยน้ำข้างล่างตรงสุดขอบทางเดินนั้น คุณแม่เด็กน้อยเดินขึ้นมายืนข้างเขา แต่เธอเหยียบพลาดลงบนดินร่วนๆ และสะดุดล้มไปยังคนพ่อ ซึ่งทำเด็กน้อยหลุดมือจากความสูงประมาณ 20 ฟุต ลงไปกระแทกหินด้านล่าง คนเป็นพ่อพยายามไต่ลงไปเพื่อช่วยเหลือลูกของเขา แต่เขาก็พลาดลื่นหล่นลงไปทับตัวเด็กทารกน้อยพอดี เด็กน้อยเสียชีวิตแล้วเมื่อเขาไปถึงตัวเด็ก และบอกอีกว่าเด็กที่เสียชีวิตมีอายุแค่เพียง 15 เดือนเท่านั้น
มันเป็นอุบัติเหตุที่ประหลาด เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เคสนี้อาจจะเป็นเคสที่สะเทือนใจที่สุดที่ผมเคยเจอเลยก็ได้
-----------------------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in