เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Don't need a name.nimmmm_
ปลุก
  • Pitipat x Jirakorn


    กริ๊งๆ


    ตื่นยังวะเนี่ย


    ปิติพัฒน์พยายามชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่นั้น พลางกดกริ่งซ้ำอีกที


    โว้ะ คนนัดเองแท้ๆ


    ร่างสูงในเสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงขาจัมพ์ที่ใส่เป็นประจำ เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่กระเป๋ากางเกงหลัง เลื่อนหาเบอร์เจ้าของบ้าน

      

    แต่เสียงรอสายก็ดังอยู่นานแล้วดับไปแทนที่ด้วยเสียงของสาวโอเปอร์เรเตอร์ 


    เป็นอย่างนี้อยู่สามสี่ครั้ง ปิติพัฒน์สบถ เก็บโทรศัพท์กลับที่เดิม


    อย่ามาบ่นกันทีหลังละกัน


    แล้วร่างสูงก็เอื้อมมือไปจับขอบรั้วบ้านไว้ แล้วใช้เท้าดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนแผงของรั้ว พลางหมุนตัวและส่งตัวเองลงมายืนอยู่ที่พื้นดังเดิม ผิดกันที่คนละฝั่งรั้ว


    "เอ๊ะ!"


    ปิติพัฒน์ป้องปากตะโกน แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือความเงียบ


    เออ เอาเข้าไป ให้มันได้ยังงี้สิ


    ปิติพัฒน์ตัดสินใจเดินเข้าไป ผ่านสวนหย่อมเล็กๆที่ถูดจัดอย่างสวยงามเรียบง่าย ผ่านรถเบนซ์สีขาวใหม่เอี่ยมของเจ้าของบ้านที่ไม่ค่อยได้ใช้นัก (เพราะส่วนใหญ่ก็กินนอนบนรถตู้) จนมาถึงประตูบานเลื่อนสีดำที่อยู่ใต้หลังคาสังกะสีอลูซิงค์บานใหญ่ ร่างสูงล้วงกระเป๋ากางเกงควานหาบางอย่าง


    ดีนะที่เมื่อวานขอกุญแจสำรองจากไอเบิร์ดไว้


    ปิติพัฒน์คิดพลางเอากุญแจเสียบที่ประตูแล้วบิดออก ประตูส่งเสียงดังแก๊กเบาๆ แล้วร่างสูงก็สามารถเข้าสู่ตัวบ้านได้


    "โห"


    สิ่งที่ทำให้ปิติพัฒน์ถึงกับอุทานออกมาคือสภาพห้องนั่งเล่นของบ้านที่เต็มไปด้วย เศษอาหารและขวดเครื่องดื่มแอลกอฮออล์มากมายที่วางอยู่เกลื่อนกลาดไม่เป็นระเบียบ ทั้งห้องเต็มไปด้วยกินของเหล้า


    ไหนบอกว่า ปาร์ตี้เบาๆ โนแอลฯไง


    ปิติพัฒน์คิดพลางก้มหยิบขวดสีเขียวใสที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดขึ้นมาพิจารณา


    หมดเกลี้ยง!


    12 ชั่วโมงก่อน

    เหตุการ์ณเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน ที่เขาเองกำลังนั่งอยู่หน้าคอมฯ เคลียร์งานทั้งหมดที่สะสมมาตลอดสัปดาห์อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็เรียกให้เขาหันหลังกลับไปมองที่ปลายเตียง ก็เห็นเจ้าเครื่องมือสื่อสารสั่นจนขยับได้วางอยู่บนนั้น เขาตัดสินใจลุกขึ้นไปกดรับ ได้ยินเสียงหวานของเจ้าของเบอร์ทักขึ้นมาอย่างชัดเจน


    "หมวดดด"


    ปิติพัฒน์รอบกลอกตา พลางยิ้มน้อยๆ


    "ว่า?"


    "มาตี้กันป่าว บ้านกูเองง"


    เสียงอ้อนจากปลายสายทำให้ปิติพัฒน์ถึงกับใจกระตุก แต่ก็พยายามวางเสียงนิ่งต่อไป


    "เนื่องในโอกาส?"


    "อยากแดกไง โว้ะ ถามมากว่ะ"


    ร่างสูงหัวเราะในลำคอ พลางถามอีก


    "คนอื่นก็มีไม่ชวนล่ะ?"


    "ชวนแล้ว มันบอกจะมาด้วย ครบเลย"


    "อ่อ..."


    การสนทนาเงียบไปสักพัก ปิติพัฒน์เลื่อนสายตาไปมองหน้าจอคอมที่ค้างไว้ที่หน้าโปรแกรมโมดิฟายเพลงรุ่นที่ใช้เป็นประจำ พลางถอนหายใจอย่างเสียดาย


    ถ้าเคลียร์วันนี้ไม่เสร็จ พรุ่งนี้ไม่ได้ออกไปไหนแน่


    "สรุปมึงจะมามั้ยเนี่ย"


    เสียงใสจากปลายสายที่อยู่ไม่อยู่ก็ดังขึ้นมาทำให้ปิติพัฒน์ที่กำลังใช้ความคิดสะดุ้ง


    "เอ่อ..."


    "เอ่อไรมึง บ้านกูน้ำยังไม่ท่วม"


    "ตลก"


    "ผ่าม!"


    ปิติพัฒน์ยิ้มบางๆ


    "สรุปยังไง? มาไม่มา?"


    "ไปไม่ได้ต้องเคลียร์งาน"


    "เคลียร์ไรนักหนา ออกมาเจอเพื่อนฝูงบ้าง"


    "เพื่อนหรอ?"


    "เอ่อ.."


    ปิติพัฒน์หัวเราะให้กับภาพในหัว ตอนนี้คนทางนู้นคงหน้าแดงเป็นมะเขือเทศแน่ๆ


    "มาองมาเอ่อ บ้านกูน้ำก็ยังไม่ท่วม"


    "สัสก๊อป ไอพวกตลกไม่มีสมอง เล่นมุขคนอื่น"


    ปิติพัฒน์หัวเราะออกมา จนคนทางปลายสายถอนหายใจเฮือก


    "สรุปไม่มา?"


    "แหน่ะ เปลี่ยนเรื่องว่ะ"


    "มึงนี่!"


    "โทษครับ อิอิ"


    "อิพ่ออิแม่มึงสิ"


    "พ่อแม่ไม่ได้ชื่อนี้ครับ"


    "จังไรละ"


    "แล้วมึงจะเมาเหรอคืนนี้"


    อยู่ๆปิติพัฒน์ถามหยั่งเชิงออกไป เขาไม่ค่อยชอบให้ไอเจ้านั่นเมาเท่าไหร่ เพราะเมาทีไรเละเทะทุกที หมดซึ่งภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว


    "ไม่ๆๆ เอ่อ...โนแอลฯจ้า"


    เชื่อตายล่ะ


    ปิติพัฒน์กลอกตาอย่างไม่เชื่อเต็มที


    "เชื่อมั้ยเนี่ย?"


    "เชื่อก็เชื่อ"


    "งั้นไปแล้วนะ"


    "เออๆ แล้วอย่าลืมนะว่าวันพรุ่งนี้มันวั..."


    ตู้ด ตู้ด ตู้ด ตู้ด ตู้ด


    เออ ให้มันได้ยังงี้สิวะคนเรา


    ปัจจุบัน

    แล้วเรื่องทุกอย่างก็ประจักษ์ชัดกับสายตาในตอนนี้...


    จ้า โนแอลฯจ้า โนเลยจ้า 


    ปิติพัฒน์ถอนหายใจ พลางหันตัวมุ่งหน้าเดินไปที่ห้องครัว หยิบถุงดำที่ม้วนไว้ที่ข้างประตูห้องครัวขึ้นมา แล้วลงมือเก็บห้องที่แสนจะสกปรกนั่นทันที


    เวลาผ่านไปนานอยู่เหมือนกัน เพราะห้องนั่งเล่นกลับมาสะอาดหูสะอาดตาขึ้นมาบ้างแล้ว ปิติพัฒน์ปาดเหงื่อที่ไหลลงมาที่คาง 


    จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น


    ปิติพัฒน์ยกถุงดำไปวางไว้นอกรั้ว พอกลับเข้ามาในบ้าน ทั้งบ้านก็ยังเงียบสงัดอยู่เหมือนเดิม


    จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะนั่น


    ร่างสูงคิดขณะที่ก้าวขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นสองของบ้าน พอถึงที่สุดปลายบันไดก็หันตัวเดินไปทางขวาอย่างคุ้นชิน เพราะเขาก็ค่อนข้างมาที่นี่บ่อยอยู่เหมือนกัน...เรียกได้ว่าทุกวันก็คงจะได้มั้ง


    ปิติพัฒน์หยุดอยู่หน้าประตูไม้สีดำบานใหญ่ที่สุดปลายทางเดิน ลองบิดลูกบิดประตูก็ปรากฏว่า...


    ไม่ล๊อคอีกละ บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ย


    ร่างสูงถอนหายใจ พลางดันประตูบานใหญ่เข้าไปสู่ห้องนอนทึบ ที่มีแสงสลัวของแสงแดดที่ส่องเล็ดลอดมาจากหน้าต่างที่มีผ้าม่านปิดไว้ ที่ใจกลางห้องมีเตียงขนาดห้าฟุตที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเทาเรียบง่าย บนนั้นมีก้อนอะไรสักอย่างอยู่...


    ปิติพัฒน์มองภาพนั้นพลางกระตุกยิ้มมุมปาก


    เสร็จ!


    ร่างสูงย่างกายอย่างรวดเร็วไปที่ผ้าม่านสีเข้ม มือแกร่งทั้งสองข้างจับมันแล้วเปิดออกทันที


    แสงแดดยามสายที่ตกกระทบหน้าต่างอย่างพอดิบพอดีสาดเข้ามาอย่างไม่เกรงใจใคร พุ่งตรงไปที่ก้อนกลมๆบนเตียงใหญ่ทันที 


    เพียงชั่ววินาที... อะไรในก้อนกลมนั้นก็ขยับพลิกไปมา


    ปิติพัฒน์มองภาพนั้นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาเดินเข้าไปใกล้เตียงเรื่อยๆ


    พลึบ!


    "ตื่นโว้ยยย!!!"


    ปิติพัฒน์ตะโกนสุดเสียงใส่เจ้าก้อนกลมๆที่ปรากฏว่าเป็นร่างเล็กของคนๆหนึ่งที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มที่เขาพึ่งดึงออกอย่างถือวิสาสะ คิ้วหนาของคนที่กำลังหลับสนิทขมวดเข้าหากันยุ่ง พลางทำเสียงงึมงัมฟังไม่ได้ศัพท์เบาๆ


    "ตื่นๆๆๆๆ"


    ปิติพัฒน์ก้มตัวไปตะโกนใกล้ๆใบหูของคนหลับ คนตัวเล็กใช้มือปิดหูทั้งสองข้างไว้อย่างดื้อดึง เสียงพึมพำดังขึ้น


    "จะตื่นมั้ย?"


    ปิติพัฒน์ถาม คนตัวเล็กบนเตียงนิ่งไป ไร้เสียงตอบรับ


    นี่ยังหลับลงอีกเหรอ?


    ปิติพัฒน์ตัดสินใจทิ้งตัวลงไปนั่งบนที่ว่างของเตียงที่มีขนาดใหญ่เกินไปถ้าเทียบกับขนาดตัวของเจ้าของ พลางใช้มือทั้งสองข้างดึงมือที่ปิดหูของคนตัวเล็กออก แต่ก็ไม่ได้ผล


    "เอ๊ะโว้ยย!"


    ร่างสูงออกปากเรียกอีกครั้ง แต่เจ้าของชื่อก็ไม่ยอมจะตอบกลับ ได้แต่ทำเสียงพึมพำภาษาที่ไม่มีใครบนโลกนี้เข้าใจ


    "คุณชายจิรากรครับบบ ตื่นเถอะครับ"


    "งืออ ปิดม่านๆ"


    เจ้าของชื่อจิรากรในที่สุดก็พูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้แล้ว ปิติพัฒน์กระตุกยิ้มอีกครั้ง


    น่ารักชิบหายเลย


    "ปิดทำไม สายแล้วตื่นเถอะ" 


    "ปิดๆ นะๆ" 


    จิรากรพูดเสียงอ้อน ขณะที่เปลือกตาทั้งสองยังปิดสนิท


    "ไม่"


    "ปิดนะ"


    "ไม่"


    "งือออ"


    "จะตื่นไม่ตื่น?"


    "ม่ายย"


    "ไม่ตื่นเหรอ งั้นจูบนะ"


    พูดแล้วปิติพัฒน์ก็โน้มตัวลงไปหาใบหน้าขาวใสของคนข้างล่างอย่างรวดเร็ว จิรากรที่ได้ยินคำนั้นก็สะดุ้งสุดตัว พลางยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา ทำสีหน้ายอมแพ้


    "ตื่นแล้วๆๆ"


    ที่สุดปลายเตียงสองด้าน ร่างของคนสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ปิติพัฒน์รอบยิ้ม ก้มสำรวจการแต่งตัวของคนตรงหน้า


    จิรากรอยู่ในกางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้น (มากๆ) ลายทาง เสื้อที่ใส่คือเสื้อสีดำล้วนบางๆแขนสั้นที่มีเป็นร้อยตัวในตู้เสื้อผ้า ปิติพัฒน์มองอย่างพอใจ


    "อย่างน้อยก็รู้จักอาบน้ำสินะ"


    เบะ!


    "กูก็ไม่ได้สกปรกขนาดนั้นป้ะ?"


    "ไม่เลยมั้ง ถ้ามองจากสภาพห้องข้างล่าง"


    จิรากรเบิกตากว้างอย่างพึ่งนึกได้


    "ก็...มันเก็บคนเดียวไม่ไหวอ่ะ"


    "แถ" ปิติพัฒน์ว่า


    "งั้นกูไปอาบน้ำดีกว่า"


    จิรากรทำท่าจะลุกหนีออกไป ปิติพัฒน์ได้ทีก็เด้งตัวตะครุบแขนของฝ่ายตรงข้างไว้ พลางฉุดเบาๆ ร่างเล็กในมือก็ลอยตามแรงมาอย่างง่ายดาย 


    ได้ยินเสียงลมหายใจของกัน ใบหน้าของจิรากรห่างกับของร่างสูงไม่ถึงคืบ ผมที่ไม่ได้เซตของตัวเองหล่นลงโปะบนใบหน้าของปิติพัฒน์


    "ผมหอมดี"


    ปิติพัฒน์พูดแผ่วเบา ทั้งห้องเงียบสนิท จิรากรเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้


    พั่บ!


    เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีของคนไม่ได้ทันตั้งตัวอย่างจิรากร ร่างเล็กก็ถูกสั่งให้อยู่ใต้ร่างสูงของปิติพัฒน์เรียบร้อย ใบหน้าของคนด้านบนไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ จิรากรใจหายวาบ


    "วันนี้วันอะไร?"


    เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นเป็นคำถาม


    "เอ่ออ..."


    "วัน - อะ - ไร?"


    "...."


    ฟุ่บ!


    ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ริมฝีปากของตัวเองก็ถูกครอบงำด้วยความขมฝาดลิ้นที่ร่างสูงด้านบนได้ส่งมาให้ จิรากรเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาพยายามจะผลักร่างสูงออกไป แต่เมื่อปิติพัฒน์กดใบหน้าลงมาอีกครั้ง หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ลิ้นอุ่นถูกส่งเข้ามากอบโกยความหวานออกไป รสชาติขมนิดๆของคนร่างสูงที่คงได้มาจากกาแฟยามเช้ากับรสหวานที่อยู่ภายในของอีกฝ่ายผสมปนเปกัน จนไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดใดๆได้ 


    "อื้อ!"


    จิรากรผลักคนตรงหน้าออกไปสำเร็จ ปิติพัฒน์ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้


    "คราวนี้นึกออกยัง?"


    "มีไรมึงก็พูดมาเลย" 


    จิรากรไม่มีหนทางใดแล้ว เพราะตอนนี้สมองขาวโพลนไปหมด


    "ในฐานะที่มึงลืม งั้นกูขอเอาคืนนะ"


    "เอาอะไรคื..!"


    แล้วความหวานก็ถูกขโมยออกไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่เหมือนกัน มันนุ่มนวลและชวนให้หลงไหล รสขมฝาดทำให้สติของจิรากรเลือนลาง ให้ความรู้สึกบางอย่างที่คุ้นเคยเหลือเกิน อะไรกันนะ...


    6 ปีก่อน


    "เอสเปสโซ่ร้อนแก้วนึงครับ"


    ปิติพัฒน์สั่งเมนูเครื่องดื่มกับพนักงานโรงแรม จิรากรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินจึงพูดขึ้นว่า


    "กาแฟแต่เช้าเลยนะมึง"


    "เรื่องของกู" ปิติพัฒน์ตอบสั้นด้วยสีหน้ากวน (ส้น) เท้า 


    "เออ! ไม่ยุ่งก็ได้" จิรากรเบะปาก มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก


    "เอ้า งอนเฉย" 


    เหมือนได้ยินเสียงพึมพำเบาๆจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม จิรากรเสมองออกไปทางนอกระเบียงโรงแรม เป็นโรงแรมริมทะเลที่อากาศดีเหลือเกิน


    "เอ๊ะ"


    "ห้ะ? อ๊ะ!"


    ไม่รู้แหล่งที่มา แต่ความอุ่นปนขมที่ริมฝีปากได้รับมาทำเอาจิรากรตกใจจนสะดุ้ง สัมผัสของมือกร้านที่แตะอยู่ที่ท้ายทอยทำเอาขนลุกซ่านไปทั้งตัว เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ริมฝีปากนั้นก็ผละออก เหลือทิ้งไว้เพียงความขมที่น่าหลงไหลที่ปลายลิ้น


    "สุขสันต์วันครบรอบครับ"


    ปัจจุบัน


    เป็นช่วงที่ร่างสูงผละริมฝีปากออกไปพอดี ชั่วระยะเวลาสั้นๆนั้น จิรากรกลับมาจำได้ทุกอย่าง


    "เดี๋ยว" เขาห้าม


    "อะไร"


    ขณะนั้นจิรากรเหมือนนึกอะไรออกมาได้


    "ไม่ได้ลืมสักหน่อยนะ"


    อยู่ๆร่างเล็กก็พูดขึ้นมาแบบนี้ ปิติพัฒน์ถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย


    "กูไปอาบน้ำละ"


    "ห้ะ?"


    จิรากรเลื่อนตัวออกจากอานัสของร่างสูง กลับขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ปิติพัฒน์มองตามมาอย่างไม่คลาดสายตา สีหน้ามึนงงอย่างหนัก


    จิรากรระบายยิ้มกว้าง ยิ่งทำให้ร่างสูงงงหนักเข้าไปใหญ่


    "เดี๋ยวไปเที่ยวด้วยก็แด่ะ"


    Fin










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in