เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Don't need a name.nimmmm_
Based On Sense #ตี๋เอ๊ะ
  • Pitipat x Jirakorn 


    "ส่วนคนนี้ สามีผมเองครับ พี่ตี๋ ~ "


    เสียงเฮลั่นเคล้าไปกับเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับสาวๆข้างล่าง ทำให้ปิติพัฒน์ถึงกับเอียงคอมองค้อนไปให้กับคนที่พูดประโยคดังกล่าว พลางทำปากมุบมิบบ่นไปให้อย่างหมั่นไส้ว่า


    'เอาอีกแล้วนะมึง'


    แต่ไอตัวแสบอย่างจิรากรก็แค่ยักไหล่พลางยกยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทแล้วหันไปพูดคุยกับแฟนคลับต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา ท่ามกลางเสียงดนตรีอินโทรเพลงที่ดังไปทั่ว


    ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ไอเจ้าบ้านั่นดันพูดยังงี้ทุกวัน ความเขินมันก็เปลี่ยนมาเป็นความหมั่นไส้เข้าเรียบร้อยแล้ว


    พูดมากเดี๋ยวก็จับทำเมียจริงๆสะหรอก


    ปิติพัฒน์นึกแล้วก้มลงทำเป็นสนใจกับเพลงต่อไป มือทั้งสองข้างทำหน้าที่ไปอย่างเคยชิน


    หึ... ทำเป็นซ่าไปเถอะมึง เดี๋ยวเจอกู


    ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเองอย่างห้ามไม่ได้ ปิติพัฒน์โยกตัวไปตามจังหวะของเพลงป๊อบร๊อกเพลงใหม่ของเจ้านักร้องนำคนดังของวง 


    เพลงต่อไปแล้วสินะ...


    "หมวด!"


    เฮือก!


    ปิติพัฒน์สะดุ้งเฮือก แทบจะซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ทัน เกือบจะจับคอร์ดผิดไปแล้ว...


    "ไรมึง"


    ปิติพัฒน์ก้มลงมองหน้าของจิรากรอย่างสงสัย พยายามบังคับให้สีหน้าไม่แสดงพิรุธมากที่สุด


    คนร่างเล็กชะงักนิดนึงแล้วพยักหน้าหนักๆหนึ่งที เพียงเท่านั้นปิติพัฒน์ที่เข้าใจดีก็โน้มตัวลงไป ให้หูอยู่ระดับเดียวกับริมฝีปากของจิรากร


    "เพลงต่อไปไรนะ?"


    จิรากรกระซิบแผ่วเบา พลางยิ้มแหยๆ


    "ไอขี้ลืม!" 


    "ไรมึ้ง!?"


    คนตัวเล็กรีบแก้ตัวทันที


    "งานเยอะ ก็มีสับสนมั่ง"


    "ได้ข่าวว่าใช้ลิสต์เดียวทุกงาน"


    "พ่อง!"


    จิรากรด่ากลับ เขาขยับตัวอยู่บนส้นเท้า


    "สรุปยังไงวะ?"


    "จากนี้ครับคุณจิรากร"


    "ก็แค่เนี้ยะ!"


    แล้วคนร่างเล็กก็เดินจากไป 


    อย่างไม่เอะใจอะไรเลย...


    เสียงกลองส่งที่ห้องสุดท้ายของเพลง มือคีย์บอร์ดบรรจงวาดมือลงบนคอร์ดจบอย่างสวยงาม กีต้าร์ส่งคอร์ดท้ายอย่างสมบูรณ์ที่สุด


    ตื่นเต้นใช่ได้แฮะ ปิติพัฒน์คิด


    ชั่ววินาทีที่เหยื่อก้มลงหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม สายตาของสมาชิกทั้งสี่ก็ประสานเข้าหากันอย่างมิได้นัดหมาย เสียงไฮแฮท (อุปกรณ์ของกลองชุดชิ้นนีงที่ใช้นับเข้าเพลง) ดังขึ้นให้จังหวะช้าๆ 


    เป็นเพลงที่เล่นกันบ่อยไม่น้อยกว่าเพลงอื่นๆ แต่วันนี้มันต้องไพเราะที่สุดเท่าที่ปิติพัฒน์เคยเล่นมา


    "สิ่งที่มันกำลังเกิดกับเราทั้งสองคน..."


    จิรากรที่กำลังกระดกน้ำจากขวดค่อยๆลดมือลง เหลียวตัวกลับมามองออกไปรอบๆ


    ทั้งร้านเงียบสนิท แฟนคลับที่นั่งอยู่ด้านล่างเหมือนไร้เสียงที่จะเอ่ยออกมาได้ เวลาเหมือนถูกหยุดลง เหลือไว้แต่เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยแต่ว่าเป็นแค่เสียงพูด ไม่ใช่เสียงร้อง


    "เธอเรียกมันว่าความรักหรือเปล่า...มันชอบกล"


    "เคยคิดถึงกันบ้างไหม เคยเหงาหัวใจบ้างไหม"


    "วันนี้เธอเป็นอย่างไร..."


    "ตอบให้หายสงสัยให้รู้ที"


    ตัวโน๊ตตัวสุดท้ายของท่อนถูกบรรเลงออกมาอย่างไพเราะที่สุด เสียงของเหล่าแฟนเกิร์ลด้านล่างเหมือนจะฟื้นกลับคืนมาแล้ว ปิติพัฒน์คลี่ยิ้มบางให้คนเหล่านั้น แล้วเลื่อนสายตามาจบลงที่ร่างเล็กของจิรากรที่ยืนอยู่กลางเวทีท่ามกลางแสงสีขาวของสปอร์ตไลท์ ใบหน้าของจิรากรไม่บอกอารมณ์ใดๆ


    แต่ปิติพัฒน์ไม่สนใจอีกแล้ว..


    ประโยคต่อไปเขาตั้งใจจะถามกับคนๆนั้น


    "สิ่งที่มันกำลังเกิดกับใจของฉันเอง" 


    "ฉันเรียกมันว่าความรักเต็มปากอย่างมั่นใจ"


    "ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้ ไม่ว่ากับใครคนไหน"

    "เธอเรียกมันว่าอย่างไร...คือความรักใช่ไหมเราสองคน"


    เหมือนจะรอคอยคำตอบ ทุกอย่างกลับมาเงียบเหมือนเดิม แต่ความเงียบนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา


    มันช่าง...อึดอัด


    ตึง!


    เสียงของไมค์ลอยหนึ่งเดียวในที่นี้ถูกวางลงบนตู้แอมป์หน้าเวทีอย่างแผ่วเบา เจ้าของของมันเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกอยู่สักครู่ แล้วก็หันหลังกลับ เดินหายเข้าไปทางหลังเวทีทันที


    ปิติพัฒน์ยืนนิ่งมึนงง เขา...ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ


    "ตามไปดิเสี่ย!"


    เสียงใครสักคนดังขึ้นมา ปิติพัฒน์คว้าสายคล้องเบสแล้วถอดมันออกจากตัวทันที ขาเรียวยาวสับกันและออกวิ่งตามจิรากรไปทันที 


    อยู่ไหนของมันวะ!?


    ปิติพัฒน์เหลียวซ้ายแลขวาอยู่นานอย่างกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก 


    "หมวด"


    เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ปิติพัฒน์เหลียวตัวกลับทันที 


    คนตัวเล็กในเสื้อคอกลมสีดำแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ขาดๆที่ใส่ประจำยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น 


    "เอ๊ะ กูขอโ.."


    สัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ปิติพัฒน์ลืมตาโพรง เขาคิดว่ามันเป็นแค่ฝันด้วยซ้ำ


    "โคตรกาก"


    จิรากรเลียริมฝีปาก พลางยิ้มกวนประสาท


    "นี่เหรอวะ หมวดตี๋ที่สารภาพรักกับกู"


    ปิติพัฒน์พึ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้นี่เอง เขายกยิ้มสู้


    "ปากดีนักนะมึง"


    แล้วความหวานก็ถูกขโมยออกไป ริมฝีปากบางเผยอรับรสจูบของร่างสูง เหมือนเวลาผ่านไปนานเหลือเกิน...


    "แล้วไง รับรักกูยัง?"


    ปิติพัฒน์เอ่ยขึ้น แขนแกร่งประคองเอวของจิรากรไว้


    "ปล่อยกู"


    "ตอบกูก่อน"


    "ปล่อยย!"


    "ไม่!"


    "น้า! เสี่ย! ขึ้นเล่นได้แล้ว เดี๋ยวพ่อพี่ก็มาด่าหรอก!"


    จิรากรสะบัดตัวหลุดออกมาจนได้ ร่างสมส่วนกระโดดดึ๋งออกห่างร่างสูงทันที แล้วหันหลังกลับจะวิ่งขึ้นเวทีไป


    "เฮ้ย เอ๊ะ! แล้วคำตอบกูอ่ะ?"


    จิรากรชะงัก จับเสาข้างนึงของบันไดเวทีไว้ ไม่หันกลับมา แต่ปิติพัฒน์ได้ยินมันอย่างชัดเจน


    "เออ! พอใจยัง?"


    "หันมาตอบดีๆ"


    "เอออออออ"


    "เป็นแฟนกันนะ!"


    "เออออ เป็นครับบบ"



    Fin





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in