เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WatcheverMADMOG
Trollhunters
  •      

         จริงๆตอนแรกจะเขียนถึง The Good Place ก่อน เพราะเห็นว่าเพิ่งได้ลง netflix หลังจากไปตายรังอยู่ใน iflix ยันจบซีซั่น 2 แต่ต้องลัดคิวก่อนเพราะดันไปเจอเรื่องใหม่(ที่เก่าแล้วแหละ) แล้วมันสนุกเหลือเกิน ซึ่งก็คือ Trollhunters: Tales of Arcadia

         แอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นออริจินอลของ netflix ซึ่งก็เป็นของ Dreamworks อีกที สร้างโดย Guillermo Del Toro จากนิยายของเจ้าตัวเอง เรื่องราวว่าด้วยเด็กหนุ่มอายุ 15 นาม Jim Lake Jr. (เดี๋ยวจะขอเรียกว่าจิมพอ ง่ายๆ) ที่ได้รับเลือกจาก Amulet of Daylight ให้เป็น Trollhunter คนต่อไป หลังจากที่คนก่อนหน้าได้โดนฆ่าไป ต้องเล่าก่อนว่าฉากในเรื่องนี้ดำเนินอยู่บนโลกมนุษย์ที่มีโทรลอาศัยอยู่ใต้ดินอย่างลับๆ แล้วพวกโทรลก็จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งดีที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ ส่วนอีกฝั่งก็เป็นโทรลฝั่งร้าย ที่มีความต้องการในการขึ้นมาครองโลก ทำให้ต้องมี Trollhunter ที่ทำหน้าที่ในการคอยกันไม่ให้โทรลฝั่งร้ายทำสำเร็จ ถึงชื่อจะบอกว่า Trollhunter แต่จริงๆแล้วทุกรุ่นที่ผ่านมาล้วนแล้วเป็นโทรลกันทั้งนั้น ก็จะมีจิมนี่แหละ ที่เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้รับเลือก


         จิม หรือชื่อเต็ม James Lake Jr. ตัวละครหลักของเรื่องผู้ได้รับเลือกให้เป็น Trollhunter คนต่อไป จิมใช้ชีวิตอยู่กับแม่แค่ 2 คน ทำให้จิมเป็นเด็กที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง สำหรับใครที่ไม่ชอบเรื่องประเภทตัวเอกขี้แพ้ ได้รับพลังเปลี่ยนโลก ในเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์เลย เพราะจิมเป็นตัวเอกที่ "เก่ง" ในระดับพอดี ไม่ได้เวอร์ระดับเทพทรู หรือเป็น loser ทำตัวงี่เง่าไม่เอานู่นเอานี่ตลอดเวลา


         อีกตัวละครที่ขอแนะนำก็คือโทบี้ หรือ Tobias Domsalski เพื่อนคู่หูตัวติดของจิม เห็นจากดีไซน์ตัวละครแล้วโทบี้อาจจะดูเป็นตัว comic relief ของเรื่องอย่างเดียว แต่จริงๆแล้วโทบี้ทำหน้าที่มากกว่านั้น โทบี้เป็นตัวละครที่ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือจิมตลอดเวลา ถึงแม้ไม่ได้มีพลังเหมือนจิม แต่โทบี้ก็ใช้ความสามารถในการเป็นเพื่อนคนนึง บางครั้งจะมีบทงี่เง่าบ้างตามมารยาท แต่ด้วยการคอยเป็นตัวซัพพอร์ตแก้ปัญหาต่างๆ ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้ในเรื่องว่ะ

         Trollhunters ได้เรท 7+ ก็เท่ากับว่าเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก แต่องค์ประกอบต่างๆในเรื่องไม่ได้เด็กไปทุกอย่าง ยังมีอยู่บ้างกับการที่ตัวเอกเป็นผู้ถูกเลือก ปกป้องโลก พล็อตที่ไม่ซับซ้อนทำความเข้าใจง่ายแบบการ์ตูนเด็กทั่วๆไป แต่ในมาตรฐานที่เราจะหวังได้จากการ์ตูนเด็กเรื่องนึง ซึ่งนานๆทีจะเจอการ์ตูนเด็กที่ทำออกมาแล้วผู้ใหญ่รู้สึกสนุกได้ เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีเกินคาด

         ดูแล้วเป็นยังไง:
         ที่เลือกดูเรื่องนี้เพราะเห็นมันผ่านตามาหลายรอบแล้ว ก็เลยลองกดดูซักตอนก็ได้ ก็ติดใจตั้งแต่ตอนแรกทันที ตอนแรกมีอคติกับ Dreamworks เพราะส่วนตัวแล้วเอนไปทาง Disney เต็มๆ เพราะจะติดที่ว่าแอนิเมชั่นของ Dreamworks จะมีลายเซ็น ซึ่งก็คือมุกตลกแปลกๆ ตัวละครที่ทำจะทำตัว childlish แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเรื่องจะแย่ ของฝั่งนี้ก็มีเรื่องดีๆอยู่เหมือนกัน หลังจากได้ดูแล้ว เรื่องนี้มันไม่มีอะไรแบบนั้นว่ะ ในส่วนตลกมันโอเคถึงแม้จะเป็นมุกแบบเด็กๆ ภาพสวย งานละเอียด ระดับมีแสงแดดส่องเข้ามาแล้วมีฝุ่นลอยให้เห็น ฉากบู๊เคลื่อนไหวลื่นไหล คิดว่าฉายเป็นซีรี่ส์จะทำให้ต้องลดทอดคุณภาพงาน แต่มันเหมือนหนังฉายโรงเรื่องนึงเลย แล้วเอามาหั่นเป็นตอนๆแบบพอดีคำ

         ในส่วนของเนื้อเรื่อง เรื่องนี้เป็นการ์ตูนเด็กเรท 7+ ก็จริง แต่มีการฆ่าก็ฆ่ากันจริงๆ ตายกันจริงๆ ถึงจะมีเซ็นเซอร์เนียนๆด้วยการแทงกันแล้วหันหลังให้กล้องบ้าง ตัดภาพมาแค่ครึ่งตัวแล้วทำหน้าเจ็บบ้าง สำหรับใครที่กลัวว่ามันจะง้องแง้งมีแต่สายรุ้งจนถึงขั้นโทรลขี่ยูนิคอร์นสู้กันก็สบายใจได้ แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดมีเลือดให้เห็น ปมในเรื่องทำออกมาน่าสนใจ ยิ่งมากตอนก็ยิ่งเข้มข้นเรื่อยๆ เชิญชวนให้เกิดการ binge-watch เหลือเกิน

         สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดู นึกไม่ออกแล้ว อยากหาการ์ตูนเบาๆเพลินๆดู กับในยุคที่หาการ์ตูนเด็กโตดีๆมีฉากต่อสู้ดูยากมาก ล้วนล้มหายตายจากจบกันไปเยอะแยะ จะไปดูพาวเวอร์พัฟเกิร์ลรีบูตก็ไม่ใช่เรื่อง อยากแนะนำให้มาลองดูเรื่องนี้ ตอนนี้มีสองซีซั่นแล้ว(แต่ดันเรียกพาร์ท ทำไมไม่รู้เหมือนกัน) และยังไม่จบแค่นี้แน่นอน

    ตัวอย่างนิดหน่อย



         
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in