"แกว่าเราจะเป็นนักเขียนได้มั้ยวะ" ใครบางคนที่ฉันเรียกว่าเพื่อนรักเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างที่เราทั้งคู่กำลังเดินทอดน่องกลับบ้านกัน
"เป็นได้ดิวะ" ฉันตอบออกไปทันที พลางหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่เต็มไปด้วยความกังวล "ทำไมถึงคิดว่าตัวเองจะเป็นนักเขียนไม่ได้ล่ะ" เป็นฉันเองที่อยากฟังเหตุผลของเพื่อนรักกับความฝันที่เพื่อนพูดราวกับมันช่างแสนไกล
"บอกไม่ถูกเหมือนกัน" เพื่อนรักเอ่ยตอบเสียงเบา แต่เพื่อนยังคงพูดกับตัวเองต่อไป "เวลาที่ได้อ่านงานเขียนของคนอื่น ใจเราทั้งชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของนักเขียนคนนั้นมาก ๆ แต่พอ..." จู่ ๆ เสียงก็พลันจมลงสู่ความคิดไปเสียเฉย ๆ
"แต่อะไรเหรอ" ฉันยังคงตั้งใจรอฟังในสิ่งที่เพื่อนรักของฉันคิด อย่างน้อยเพื่อนรักคงได้ระบายความกังวลในใจออกมาบ้าง
"แต่พอเห็นงานตัวเองที่เขียนออกมาแล้วมัน..." เพื่อนรักเม้มปากคล้ายกับไม่รู้จะพูดออกมาดีมั้ย "มันไม่เป็นเหมือนที่ใจคิด เราเขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ วนอยู่แบบนั้น รู้สึกแย่มากเลยล่ะ" ฉันยื่นมือไปประสานมือกับเพื่อนรักต่อโดยไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ในเวลานี้ดวงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า ลมเย็น ๆ พัดผ่านเราทั้งคู่ขณะที่กำลังเดินไปตามทางกลับบ้านที่คุ้นเคย และเป็นฉันเองที่เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น
"นี่แก กว่าที่นักเขียนจะสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ แบบนั้นมาให้แกได้อ่าน เขาเองก็คงผ่านอะไรมาตั้งเยอะเหมือนกัน" เพื่อนรักหันมาสบตาฉัน "ตอนเริ่มเขียนก็คงเขียนแล้วลบไม่ต่างกันหรอกนะ ใครจะไปปังตั้งแต่เริ่มเขียนครั้งแรกกันเล่า" รอยยิ้มน้อย ๆ เริ่มปรากฎบนใบหน้าของเพื่อนรัก "แต่ถ้าแกมัวแต่กลัว แกจะไปเริ่มนับหนึ่งตอนไหนดีล่ะ"
"นั่นสินะ" เพื่อนรักตอบพลางพยักหน้ากับตัวเอง "ขอบคุณแกมากนะเว่ย ถึงจะยังกลัวอยู่..." ฉันบีบมือเพื่อนรักให้มั่นใจในตัวเองอีกครั้ง
"แกไม่ต้องกลัว แกจะเป็นนักเขียนได้ แกจะมีหนังสือเป็นของตัวเอง" เพื่อนรักทำตาโตราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน "ฉันรอขอลายเซ็นต์แกอยู่นะ" เราทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน อยากบอกเพื่อนรักว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเธอยังเชื่อมันอยู่หรือเปล่าต่างหาก ขอให้เพื่อนรักของฉันมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รักก็พอแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in