📗 REVIEW: #ใครโกหกยกมือขึ้นผู้เขียน : อากินาริ อาซาคุระ
#PrismPublishing
เล่มเดียวจบ
.
*รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*
.
ท่ามกลางสมรภูมิการหางานอันดุเดือดของนักศึกษาจบใหม่ บริษัท
“สปิราลิงซ์” ยักษ์ใหญ่ในวงการไอทีเปิดรับพนักงานเป็นนักศึกษาจบใหม่เป็นครั้งแรก ทำให้อุณหภูมิการแข่งขันเพื่อจะได้รับ
“ออฟเฟอร์” ยิ่งร้อนแรงและดุเดือด หกคนสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบต้องร่วมอภิปรายกลุ่มด้วยกันเพื่อโหวตผู้ที่เหมาะสม
“เพียงหนึ่งเดียว” เท่านั้น และแล้วในวันนั้นซองปริศนาจากผู้ส่งนิรนามก็ส่งถึงมือของทุกคน ภายในซองนั้นบรรจุ
“ความจริง” อันน่าสะอิดสะเอียดของทุกคนเอาไว้ใครกันคือผู้ที่ตีหน้าซื่อแฉทุกคน...ใครกันคือผู้ที่ตัดโอกาสการมีชีวิตรอด...ใครกันคือผู้ที่
“โกหก” เพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์...
.
อันที่จริงถือว่าสนุกกว่าที่คาด หลังจากดองไว้นานเพราะคิดว่าไม่ค่อยน่าสนใจ แต่พอหยิบมาอ่านแล้วถือว่าชอบทีเดียว แม้ช่วงหลังๆ จะอีหยังวะไปนิด เฉลยออกมาก็อืมๆ ไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่รู้สึกว่าหากเอาไปทำซีรีส์คงน่าสนใจไม่น้อย
.
หนังสือพูดถึงนักศึกษาช่วงหางานหกคนที่เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการสัมภาษณ์งานกับบริษัทไอทีชื่อดัง และเป็นที่รู้กันว่าหากผ่านมาถึงรอบนี้แล้วก็คงได้รับเลือกให้ทำงานแล้วค่อนข้างแน่นอน ทั้งหกเลยวางใจและร่วมมือกันเตรียมกรุ๊ปดิสคัสชันครั้งสุดท้ายด้วยความร่วมแรงร่วมใจเป็นอย่างดี
.
แต่บรรยากาศแสนสุขทั้งหมดก็หายไปเมื่อบริษัทเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์การรับสมัครเป็นการให้ผู้สมัครทั้งหกคัดเลือกกันเองว่าใครสมควรได้รับออฟเฟอร์
"เพียงหนึ่งเดียว" หลังจากนั้นบรรยากาศก็กลายเป็นคุกรุ่น ทุกคนไม่ใช่มิตรแต่เป็นศัตรู
.
เรื่องราวบานปลายขึ้นเมื่อการลงคะแนนระหว่างผู้สมัครทั้งหกกลายเป็นเวทีแฉถึงเรื่องราวดำมืดในอดีตของแต่ละคนผ่านซองเอกสารปริศนา เราจะค่อยๆ ค้นพบความลับที่แต่ละคนปกปิดไว้ ตัดสลับไปกับช่วงปัจจุบันของผู้สมัครว่าหลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ณ ปัจจุบันทุกคนทำอะไรอยู่และมีชีวิตยังไงบ้าง ซึ่งเราก็จะค่อยๆ คลายปมและจำกัดวงของ
"คนร้าย" ให้แคบขึ้นมาได้จากตรงนี้
.
ส่วนตัวคาดเดาได้ว่าผู้ดำเนินเรื่องในฝั่งปัจจุบันคือใคร แต่ก็คาดเดาไม่ได้จริงๆ ว่า
"คนร้าย" ในที่นี้คือใคร เพราะมีการหักมุมอยู่สองสามรอบเห็นจะได้ ความจริงเราชอบบรรยากาศที่มิตรเปลี่ยนเป็นศัตรู แล้วทุกคนก็พยายามชี้นิ้วใส่กันว่าแกนั่นแหละที่ชั่วช้าที่สุด แต่กับความผิดของแต่ละคนบางเคสก็ออกจะเฉยๆ ไปหน่อย เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยอิมแพ็คเท่าไหร่ตรงนี้
.
กับช่วงเฉลยที่แอบอีหยังวะและไม่ค่อยเข้าใจนักว่า
"คนร้าย" มันมีปัญหาอะไรนักหนา เราเลยไม่ค่อยอินกับปมตรงนี้ แต่ดันไปชอบตรงจุดที่เฉลยทีหลังว่าแต่ละคนที่คุณอาจมองว่าเขาเป็นคนไม่ดี ชั่วช้าและน่ารังเกียจ ความจริงหากมองให้ดีคนพวกนั้นก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งและมีด้านดีอยู่ในตัวเพียงแค่มันเป็นอีกด้านที่คุณไม่ได้เห็นมัน เหมือนพระจันทร์ที่คุณเห็นมันจากทางด้านหน้า และนึกสงสัยว่าด้านหลังของพระจันทร์ที่คุณไม่ได้มองเห็นนั้นมันเป็นยังไง
อีกจุดที่ชอบคือการตีแผ่วงการสมัครงานของญี่ปุ่นที่ไม่นิยมเปลี่ยนงานบ่อย สมัครที่ไหนก็ทำยาวไปเลยแทบทั้งชีวิตการทำงาน ดังนั้นช่วงแรกของการสมัครจึงสำคัญมาก นักศึกษาหลายคนทุ่มเทและพยายามกับมัน ไม่ว่าจะต้องโกหกสร้างภาพยังไงก็ทำได้ทั้งหมดเพียงเพื่อให้ได้งานมา ซึ่งก็เกิดการตั้งคำถามตามมาว่าวงจรเช่นนี้แท้จริงแล้วมันดีหรือไม่ ที่แท้การสมัครงานก็เป็นเพียงเรื่องราวน่ารังเกียจที่ทุกคนล้วนต้องเผชิญหน้ากับมันใช่หรือเปล่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in