เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คุยกันจับฉ่ายmercy.lupin
เรื่องราวระหว่างคนกับผีที่ไม่ได้มีแค่ความหลอน 'ผมกับผีในห้อง' (Something in my room)
  •           ... ยินดีต้อนรับสู่บ้านเลขที่ 88 ประโยคเปิดตัวของซีรีส์เรื่องหนึ่งที่จะชวนคุณนั้นมาทำความความรู้จักกับ 'ภพ' และ 'พัท' กับปริศนาในการตามหาเรื่องราวของวิญญาณที่ความจำเสื่อมภายใต้เงื่อนไขหลังความตายที่มีเวลาเหลือเพียงแค่ 49 วัน ...
              สิ้นสุดการรอคอยแล้วกับการปรากฏตัวของของซีรีส์วายที่น่าสนใจกับเรื่องราวปริศนาระหว่างคนกับวิญญาณที่ต้องตามหาความจริงให้ได้ภายใต้เงื่อนไข 49 วัน นำโดยทีมผู้ผลิตที่ีหลาย ๆ คนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากันดี นั่นก็คือ Dee Hup House, Good Feeling และ SMK Group ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ที่ได้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนที่หลายคนจะต้องร้องอ๋ออย่าง ผมและผีในห้อง โดยผู้เขียนนามปากกา Rafael สู่ซีรีส์ที่หลายคนรอคอย ‘ผมกับผีในห้อง (Something in my room)’ ที่จะขอพาให้ทุกคนมาช่วยกันตามหาความจริงของวิญญาณความจำเสื่อมกับความรู้สึกที่อาจจะค้างคาอยู่ภายในใจว่า เราจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้มีใครกำลังอยากจะขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ ลองมองไปรอบ ๆ ตัวคุณดูแล้วรึยัง... ? ?

     

    เรื่องย่อ 'ผมกับผีในห้อง'  

              'พัท' เด็กหนุ่มที่ต้องระหกระเหินย้ายบ้านตามผู้เป็นแม่มาเพื่อสร้างชีวิตใหม่สู่บ้านเลขที่ 88 บ้านที่ทำให้พัทรู้สึกว่าไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังระหว่างแม่กับเขาเท่านั้น เหตุการณ์แปลกประหลาดค่อย ๆ เกิดขึ้น หลังจากการพยายามค้นหาคำตอบ พัทได้พบกับ 'ภพ' วิญญาณหนุ่มสุดทะเล้นที่หมายมาขอความช่วยเหลือให้พัทตามหาตัวตนของเขาที่เลือนหายไปบนเงื่อนไขหลังความตายที่มีเวลาเหลือเพียง 49 วันเท่านั้นก่อนที่จะต้องติดอยู่บนโลกนี้เป็นสัมภเวสีทุกข์ทรมานตลอดไป ความรักของทั้งคู่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น ร่วมไปกับการค้นหาเบาะแสเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งตัวตนให้สมบูรณ์ 

    เรื่องย่อจาก Ch3 plus


    มาทำความรู้จักกับ 'ผมกับผีในห้อง'

              ผมกับผีในห้องถือได้ว่าเป็นซีรีส์ BL อีกเรื่องหนึ่งที่ได้มีการหยิบเรื่องราวบางส่วนจากคอมิคมาดัดแปลงเพื่อที่จะทำเป็นซีรีส์ นั่นก็คือ ผมและผีในห้อง ผลงานที่เป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ของคุณ Rafael โดยตัวซีรีส์และตัวคอมิคนั้นต่างมีเส้นเรื่องที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ยังคงคาแรกเตอร์ของตัวละครและองค์ประกอบบางส่วนที่ยังเหมือนกันอยู่ โดยซีรีส์ผมกับผีในห้องนั้นได้มีการแทรกประเด็นไว้ให้เราได้มาค้นหาตลอดทั้ง 10 อีพี เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผีนั้นได้ถูกเล่าให้เราได้ทำความรู้จักกับพวกเขาได้อย่างไร แล้วไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครหลักที่เราจะได้ไปทำความรู้จัก ตัวละครรอบข้างเองก็ล้วนมีเส้นเรื่องของพวกเช่นเดียวกัน พูดได้เลยว่าประเด็นที่สอดแทรกมาในซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องราวโรแมนติกหรือสยองขวัญเพียงอย่างเดียวแน่ มาร่วมกันค้นหาแล้วติดตามไปพร้อมกันว่า ตลอดระยะเวลา 10 อีพีนี้ เราจะได้พบเจอกับอะไรบ้าง ให้เวลาทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ได้ทำใจก่อนที่จะนับถอยหลังไปพร้อม ๆ กัน 5...4...3...2...1 ไปกันเถอะ !!!! ??


    เนื้อหาตลอดทั้งบทความนี้เป็นเนื้อหาที่มาจากการวิเคราะห์ และตีความของตัวผู้เขียนเอง 
    ? มีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วนจากในซีรีส์ ? 

    เนื่องจากเนื้อหาบางส่วนอยู่ในคอนเทนท์พรีเมี่ยม หากต้องการรับชมเพิ่มเติมสามารถสมัครแพ็คเกจพรีเมี่ยมได้ ที่นี่
    ขอขอบคุณ @happywindz

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ※ Privacy : ความเป็นส่วนตัว

              คงเป็นฉากที่เราคงได้กลับไปทบทวนตัวเองในเรื่องความเป็นส่วนตัวที่บางครั้งเราได้ถูกละเมิดไปเพียงเพราะคำว่า 'เป็นห่วง' เห็นได้จากที่คริสนั้นอ้างเหตุผลว่าตัวเองก็เป็นห่วงพัทหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่พัทนั้นกำลังจะกระโดดลงระเบียงแล้วก็เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นกับพัท จึงนำไปสู่สถานการณ์ที่เธอกำลังจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกเธอเอง หรือจะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งของภพที่ดันใช้ความเหงาของตัวเองเผลอไปละเมิดความเป็นส่วนตัวของพัทไป จริงอยู่ที่เขาสามารถเข้าฝันพัทได้ตลอด แต่อย่างน้อยเราก็ควรมีพื้นที่ส่วนตัวให้กันบ้างแม้กระทั่งโลกในความฝันเราเองก็ตาม และเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่คาดคิดนั่นก็คือ การแอบติดกล้อง CCTV ในบ้านเลขที่ 88 เพื่อดูความเป็นไปของคนในบ้านหลังนี้ของป้านวล 

    'แต่มึงอะรู้จักความเป็นส่วนตัว'

             เป็นอีกฉากนึงที่มีอิทธิพลกับเรามากอีกฉากหนึ่งเลย การที่เรากลายเป็นวิญญาณไปแล้วไม่ได้แปลว่าเราจะมีสิทธิทำอะไรก็ได้ภายในบ้านหลังนี้ เช่นเดียวกันกับภพที่ถึงจะกลายเป็นวิญญาณไปแล้วแต่การที่ไม่มีข้อตกลงระหว่างกัน หรือแม้กระทั่งการเดินไปไหนมาไหนในที่ต่าง ๆ ภายในบ้านก็อาจจะทำให้พัทคนที่สามารถมองเห็นเขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการเป็นวิญญาณของภพนั่นเอง

    : อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่ที่กูตาย กูก็ไม่ได้เจอและไม่ได้คุยกับใครเลย กูคงเหงามั้ง
    : กูเข้าใจ แต่เราก็ควรรักษาระยะห่างกันบ้าง กูแค่ต้องการมีพื้นที่และเวลาส่วนตัวของกูบ้างอะภพ

              สิ่งที่น่าประทับใจของฉากนี้คือการที่ภพเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษพัทที่เคยทำให้พัทรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งจากการเข้าฝันโดยที่ไม่ได้บอกกันก่อนหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาที่เขาเคยละเมิดความเป็นส่วนตัวของพัทไป การใช้ข้ออ้างที่ว่าตายมานานแล้ว หรือไม่ค่อยได้พูดกับใครก็คงไม่ใช่เหตุผลที่ดีนักในการที่จะละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนอื่นเช่นกัน

              ฉากที่พัทกับคริสนอนปรับความเข้าใจกันก็เป็นอีกฉากนึงที่ทำให้เรารู้สึกว่าครอบครัวคนเอเชียส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเคารพความเป็นส่วนตัวของลูกเลย เหมือนทั้งพัทแล้วก็คริสต่างก็โดนละเมิดความเป็นส่วนตัวเพียงเพราะคำว่า 'เป็นห่วง' กันทั้งนั้น แต่เปล่าเลย ถึงเราจะเป็นห่วงกันมากขนาดไหน เราก็ต้องรักษาระยะห่าง ไม่ล้ำเส้นของใคร ลึก ๆ แล้วใครก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวกันทั้งนั้น เป็นการปรับความเข้าใจที่ดีอีกฉากนึงนะที่ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของคำว่า 'ความเป็นส่วนตัว'


    ※ Patriarchy : ระบบทางสังคมที่ชายเป็นใหญ่ 

              จากฉากในตอนต้นอีพี 2 เราจะเห็นได้ว่าคริสได้มาที่วัดแห่งหนึ่งเพื่อมาคุยกับพระไกร ดูเหมือนว่าจะเป็นการที่คริสแวะมาเยี่ยมหรือมาปรึกษาเรื่องพัทกับไกร แต่เมื่อได้ลองสังเกตมากขึ้นว่ามันยังมีการแทรกความคิดของระบบที่ชายเป็นใหญ่ (patriarchy) อยู่ เพราะว่าวิธีหนีปัญหาของไกรนั้นคือการบวชนั่นเอง แน่นอนว่าวิธีหนีปัญหาที่หลาย ๆ คนเคยได้ยินมาก็คือ ละทางโลก เข้าสู่ทางธรรม นั่นก็คงเป็นวิธีแก้ปัญหาเช่นเดียวกับไกร การเลือกที่จะไปบวชเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้น ทั้งปัญหาส่วนตัวของไกรเองที่ไม่ทันกลับไปดูใจแม่จนวินาทีสุดท้ายจนกลายเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ภายในใจของเขา หรือจะเป็นการที่หนังของเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ หลาย ๆ อย่างที่ประดังประเดเข้ามาในจังหวะชีวิตช่วงนั้นเลยทำให้การเลือกที่จะละทางโลกคงเป็นสิ่งที่ดีีที่สุดสำหรับไกร แต่ในทางกลับกันคริสเองก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องเผชิญปัญหานั้นต่อ ทั้งยังต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซ้ำยังถูกตำหนิว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พัทรู้สึกไม่สบายใจ ทั้ง ๆ ที่ไกรก็เป็นคนที่หนีปัญหาไป แล้วปล่อยให้คริสเผชิญกับปัญหาที่อยู่ข้างหลังเพียงลำพังแต่ผู้เดียวโดยไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะต้องใช้ชีวิตยังไงต่อ


    ※ Toxic relationship : ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ

              ความสัมพันธ์ระหว่างลัคน์และดรีม มันช่างดูเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (toxic relationship) มาก การที่ไม่ไว้ใจกันจนถึงขั้นที่ต้องมีการแอบแฮ็ก IP address คอมพิวเตอร์ของพัทเพื่อตามดูว่าเขาทั้ง 2 คนกำลังทำอะไรกันอยู่ แล้วอ้างว่าที่ทำไปเพราะเป็นห่วง หรืออาจจะเป็นความรู้สึกลึก ๆ ว่าพัทกับดรีมดูสนิทกันมากกว่าปกติอย่างที่เพื่อนกันควรจะเป็น จนอาจจะกลายเป็นชนวนที่ทำให้ลัคน์เองรู้สึกไม่เชื่อใจในตัวดรีม แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องในการยอมรับการกระทำของลัคน์ แล้วการกระทำเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกทำให้มองว่าเป็นเรื่องปกติของการคบหาเป็นแฟนกัน ตัวดรีมเองก็ตอบกลับการกระทำนั้นไปว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วก็แสดงอาการไม่พอใจกับการกระทำลัคน์เช่นกัน
              แล้วไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ฉันคู่รักเท่านั้นที่จะเป็นพิษได้ สิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่งในซีรีส์เรื่องนี้เลยคือความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่เป็นพิษเช่นกัน หลาย ๆ ครั้งที่มักจะมีการกล่าวอ้างถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่มากเกินความพอดี จนกลายเป็นสิ่งที่คอยกัดกินสภาพจิตใจของคนเป็นลูกจนกลายเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันหายไปตลอดชีวิต

              'นง' กับการคลุมถุงชนให้ลูกสาวตัวเอง ได้แต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก ด้วยความที่เป็นคนมีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคม การบังคับให้ลูกของเขาต้องมีชีวิตเป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของวงตระกูลตัวเองมันเลยกลายเป็นการสร้างบาดแผลภายในใจให้นวลมาถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของนวลเลยว่าการบังคับให้คลุมถุงชนมันทำให้เธอรู้สึกแย่ขนาดไหน จนกระทั่งทำให้เธอต้องหลบหนีออกมาจากที่ตรงนั้นเพื่อมาหาความสบายใจที่เธอสามารถเลือกได้เอง

              'คินทร์' บุคคลที่คิดว่าโลกหมุนรอบตัวเอง เขามักบงการคนรอบตัวเขาให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ ทั้งบังคับให้ดาล้มเลิกความฝันในการเป็นนางแบบ เป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าเธอต้องละทิ้งความฝันที่จะเป็นนางแบบเพื่อมาเลี้ยงลูกในจังหวะเวลาที่ช่วงชีวิตของเธอกำลังจะไปได้ดี แล้วพอภพโตขึ้นเขาก็ยังดูถูกความฝันของภพที่อยากเป็นดีไซน์เนอร์ มองแค่ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ประกอบกับที่เหตุการณ์ที่ภพเข้าใจผิดไปว่าพ่อตัวเองนั้นนอกใจแม่ตัวเองไปอีก รวมถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของภพ ทำให้บาดแผลภายในใจภพที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาเลยเริ่มขยายตัวมากขึ้นจนเมื่อถึงจุดหนึ่งการเลือกจบชีวิตของภพคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขา


    ※ Power dynamics : สถานะทางอำนาจ 

         คนที่ยังไม่ตายแบบพวกมึงอะ มีทั้งความต้องการ มีพลัง มีอำนาจ และยังไม่มีข้อจำกัดอีก แบบนี้มึงว่า  'คนควรกลัวผีหรือผีควรกลัวคนมากกว่ากัน'

              แน่นอนว่าสถานะทางอำนาจถ้าเปรียบเทียบระหว่างคนเป็นกับคนตายย่อมมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันตัวภพเองที่มองว่าตัวเองเป็นแค่วิญญาณไม่ได้มีอำนาจหรือความต้องการใด ๆ มันก็มีความย้อนแย้งกันอยู่ ภพต้องการค้นหาตัวตนว่าเขาเป็นใคร มีความต้องการอะไรก่อนตาย มันก็กลายเป็นว่าภพใช้จุดนี้ในการพยายามสื่อสารกับพัทที่เป็นคนเช่าบ้านคนใหม่ แล้วใช้จุดนี้เพื่อการโน้มน้าวให้พัทช่วยเหลือเขาภายใต้เงื่อนไข 49 วันหลังความตาย ไม่มีทางที่พัทจะสามารถปฏิเสธการช่วยเหลือนี้ไปได้เลยแล้วด้วยความที่เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แถมยังเป็นไม่กี่คนที่สามารถสื่อสารกับภพได้ ก็กลายเป็นว่าภพก็ยังคงมี power dynamics หลงเหลืออยู่ในการโน้มน้าวเพื่อร้องขออะไรบางอย่างจากพัทเช่นกัน


    ※ Ars longa, Vita brevis : ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น

             อย่างที่หลาย ๆ คนคงทราบดีอยู่แล้วว่าอุตสาหกรรมศิลปะในประเทศไทยนั้นมักไม่ได้รับการสนับสนุนมากเท่าที่ควรจะเป็น แล้วยิ่งในสังคมที่มีค่านิยมไม่สนับสนุนวงการศิลปะนั้นยังคงมีอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หลาย ๆ ครั้งศิลปะมักจะถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ในระบบการศึกษาไทยนั้นกลืนกินความฝันของใครอีกหลายคนเพียงเพราะต้องเรียนเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานที่สังคมเราต้องการ และไม่ได้มีพื้นที่ให้ความฝันของทุกคนในประเทศนี้ได้เฉิดฉายมากนัก ต้องทำอะไรที่ตอบสนองความต้องการที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ต้องตอบสนองสิ่งที่เรียกว่า 'ทุนนิยม' การเดินทางอยู่ในสายงานภาพยนต์ที่เป็นความฝันของพัทนั้นกลับถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันและไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในสังคมนี้ ทั้ง ๆ ที่สิ่งนี้มันก็เป็นความชอบนึงของพัทแต่พัทกลับไม่สามารถทำมันออกมาได้เพียงเพราะสายตาของคนในสังคม จึงต้องเบนสายมาเรียนครูแทนเพื่อที่จะได้กลับไปแก้ไขหรือเป็นจุด ๆ หนึ่งที่ช่วยให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง แล้วในขณะเดียวกันเบนก็เป็นอีกคนนึงที่มีความฝันว่าอยากเป็นนักแสดงเช่นเดียวกัน แต่ในประเทศที่ไม่ได้สนับสนุนความฝันของทุกคน ประเทศที่คอยกลืนความฝันและไม่เห็นคุณค่าในเส้นทางสายนี้ มันเลยเป็นเหมือนคำตอบกลาย ๆ ว่าคนที่มีความฝันในแบบนี้ต้องดิ้นรนไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ในที่ที่ตัวตนของเรานั้นจะได้ถูกได้รับการยอมรับแล้วได้เฉิดฉายออกมา แล้วคอยเติมเชื้อเพลิงให้กับความฝันของเขาที่ไม่ให้มันมอดดับลงไป

              อย่างฉากที่พัทเล่าให้ภพฟังเกี่ยวกับเส้นทางการทำหนังของหนังของพ่อเขาเองว่าต่อให้ผลงานชิ้นนั้นมันจะดีขนาดไหน พอเป็นหนังทุนต่ำ ไม่มีกระแส ไม่แรงโปรโมท ไม่มีคนพูดถึงมันก็ต้องถูกถอดออกจากโรงอยู่ดี มันก็สะท้อนให้เห็นเหมือนกันว่าในอุตสาหกรรมนี้ยังมีคนที่คอยผลิตผลงานดี ๆ ออกมาอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าแสงต้องส่องไปให้ถึงงานเหล่านั้นบ้าง การที่ยังมีคนที่คอยผลิตผลงานดี ๆ ออกมาเรื่อยแต่มักจะได้รับผลตอบแทนที่ว่าไม่มีคนพูดถึง ไม่ได้มีการค้นพบผลงานชิ้นนั้นสักที เชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานผลงานชิ้นนั้นมันก็ต้องถึงเวลาที่มันจะต้องถูกลืมหายออกไปอยู่ดี


    ※ Gender : เพศ

    • Coming out : การเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศ

    : นี่แม่ไม่ตกใจหน่อยหรอ พัทมีแฟนเป็นผู้ชายนะ
    : นี่มันพ.ศ.ไหน ยุคไหนแล้วพัท พัทคิดว่าแม่จะรับไม่ได้หรอ จะเป็นเกย์ เป็นไบ เป็นแพน หรืออะไรก็แล้วแต่มันไม่เห็นจะแปลกเลย

              ปกติเรื่องที่เราคุยกันบนโต๊ะกินข้าวคงหนีไม่พ้นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป คงไม่ได้เป็นเรื่องที่มีความซีเรียสมากเท่าไหร่นัก แต่ในฉากที่พัทกำลังจะ come out ให้แม่เขารู้ว่าเขาเป็นอะไร ราวกับว่าทางทีมเขียนบทเองก็อยากให้เรามองเห็นภาพว่าการ coming out ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตหรือเป็นเรื่องที่มันแปลกประหลาดอะไร การที่เราต้องการจะเปิดเผยว่าตัวตนของเราเป็นอะไรมันก็เป็นเรื่องปกติที่เราสามารถพูดคุยกันได้เป็นปกติทั่วไป แล้วเรารู้สึกว่าฉากนี้มันมีความเป็นมนุษย์มาก ๆ ทันทีที่พัทบอกไปว่าเขาชอบผู้ชาย คริสก็ยังมีความรู้สึกช็อคอยู่ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าผู้ใหญ่ยุคบูมเมอร์ก็คงยังมีภาพจำในเรื่องที่ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง แต่คริสแตกต่างออกไปตรงที่ว่าเธอสามารถเปิดกว้างกับสิ่งที่ลูกของเธอเป็นอยู่ แถมยังไม่ได้เร่งเร้าหาคำตอบจากพัทว่าลูกของเธอเป็นเพศอะไร ในขณะที่ตัวพัทเองก็กำลังค้นหาตัวตนว่าเขาเป็นเพศอะไรกันแน่ เพราะครั้งหนึ่งพัทเองก็มีความรู้สึกดี ๆ กับผู้หญิงเช่นกัน มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงความไหลลื่นทางเพศ (gender fluid) ของพัทเหมือนกันว่าคนเราสามารถรู้สึกดีกับใครก็ได้ โดยเขาอาจจะเป็นเพศเดียวกัน หรือเพศอื่น ๆ เพราะสำหรับบางคนมันสามารถลื่นไหลได้ตลอดเวลา ไม่จำกัดว่าจะเป็นใครก็ตาม

    Gay-เกย์: ผู้ชายที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นผู้ชายโดยจะมีความรักและความปรารถนาในระหว่างเพศเดียวกันการมีความสัมพันธ์ในแบบคู่รักหรือการมีเพศสัมพันธ์ (Sex) อาจจะไม่กำหนดว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเป็นฝ่ายรับหรือรุกเท่านั้นแต่อาจจะเป็นได้ทั้งสอง
    Bisexual-ไบเซ็กชวล: คนที่มีรสนิยมแบบไบเซ็กชวลอาจมีประสบการณ์ทางเพศ อารมณ์ ความรัก กับคนที่มีลักษณะทางเพศ (Sexual Characteristics) ที่เป็นเพศเดียวกับตัวเองหรือเพศตรงข้ามและยังหมายถึงความรู้สึกส่วนตัวและอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender identity) โดยยึดจากความสนใจทางเพศ (Sexual orientation) การแสดงออกทางพฤติกรรม (Gender expression)
    Queer-เควียร์: กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเพศไหน จะรักใคร จะชอบเพศไหน ไม่จำกัดว่าจะต้องรักชอบกับเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น 
    ที่มา 'ทำความรู้จักกับ LGBTQI' (https://www.amnesty.or.th/latest/blog/860/)

    • Marriage equality : สมรสเท่าเทียม

              การผลักดันอีกเรื่องนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เริ่มที่ฉากซ้อมละครเวทีระหว่างเบนกับภพ จะเห็นได้ว่ามีไดอะล็อกที่แฝงไปถึงประเด็น 'สมรสเท่าเทียม' ได้อย่างน่าสนใจ แม้จะเป็นฉากเล็ก ๆ แต่เมื่อทำความเข้าใจดูดี ๆ แล้วจะเห็นว่ากลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นต้องการเพียงแค่ความเท่าเทียมกันในสังคมเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องในเชิงโรแมนติก แต่ยังรวมถึงสิทธิและสวัสดิการที่พวกเขาควรจะได้รับด้วย เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของหลักสิทธิมนุษยชนที่ว่า 'มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรี และสิทธิต่างในตนมีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณแห่งภราดรภาพ' (Amnesty,2022) แล้วการที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงในประเทศนี้ก็เป็นการขัดปฏิญญาสากลในเรื่องความเท่าเทียมกันเช่นกัน

    ที่มา 'ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน' (https://www.amnesty.or.th/our-work/hre/udhr/)

           ตอนนี้พวกเราก็เหมือนกับผีอะมึง ถูกพูดถึง รู้ว่ามีอยู่ แต่ไม่มีใครระบุตัวตนให้เป็นคนจริง ๆ ซักที

              อย่างที่พัทและภพได้ย้ำในอีพีสุดท้ายว่า ความต้องการของพวกเขามีแค่อยากตื่นนอนมาแล้วเห็นหน้ากันเหมือนคู่รักทั่วไป (ในที่นี้คงหมายถึงกลุ่มบุคคลที่เพศกำเนิดตรงกับเพศสภาพ - cisgender) ความซับซ้อนของความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้ (ที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผี) มันไม่ได้มีความซับซ้อนแค่เป็นความรักของผู้ที่รักเพศเดียวกันเท่านั้น แต่ความรักระหว่างคนกับผีมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เหมือนเป็นการตีแสกหน้าถึงความเป็นจริงในประเทศนี้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นมีการถูกพูดถึงอยู่เสมอ แต่ไม่มีใครสามารถจะระบุว่าพวกเขามีตัวตนอยู่ได้เลย ทั้งจากการยอมรับในสังคมเอง หรือการรับรองพวกเขาผ่านตัวกฎหมายด้วย ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีความต้องการเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้ต้องการอะไรที่พิเศษหรือมากไปกว่าใครเลย

    สนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือว่าเป็นใครก็ตาม
    มาช่วยกันลงชื่อสนับสนุนสมรสเท่าเทียมเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน
    (https://www.support1448.org/)


    ※ กรอบของสังคม

              บทบาทของผู้หญิงที่สังคมมีความคาดหวังไว้ว่าการทำตัวแบบนี้คือการเป็นกุลสตรี การที่สังคมมีความคาดหวังเช่นนั้นเลยทำให้มีภาพจำและข้อจำกัดมากมายภายใต้คำว่าเพราะเธอเป็นผู้หญิง เธอต้องทำตัวแบบนี้สิ ตัวละครในซีรีส์ก็สะท้อนสิ่งนี้มาเช่นกัน อย่างตัวละคร 'นวล' ชีวิตของเธอต้องทำตัวตามกรอบที่พ่อแม่ของเธอได้วางไว้ว่าต้องเป็นคนที่เรียบร้อย อ่อนหวาน เป็นแม่บ้านแม่เรือน มีสเน่ห์ปลายจวัก และสิ่งสำคัญเมื่อแต่งงานออกไปแล้วก็ต้องมีลูกไว้สืบสกุลต่อ หากถ้าเป็นโลกในอุดมคติเธอคงมีลูกไว้สืบสกุลต่อไปแล้ว แต่ในโลกของความเป็นจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น เธอมีปัญหาสุขภาพและยังมีความคิดที่ไม่คล้อยตามกับสิ่งที่สังคมบีบให้เธอต้องทำตาม จนทำให้พอถึงจุดหนึ่งการเลือกเดินออกมาใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว นวลถือได้ว่าเป็นตัวละครที่สามารถเดินออกมาจากกรอบที่สังคมคาดหวังได้ 

              แต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำแบบนั้นได้ เห็นได้จากตัวละคร 'ดา' เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สังคมมีความคาดหวังว่าเธอจะต้องเป็นคนแบบที่สังคมต้องการ ดาเป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่มีความฝันเป็นของตัวเองเหมือนกับคนอื่น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่แต่งงาน มีลูกความฝันของเธอก็ต้องถูกพับเก็บไปด้วยคำว่า 'ความเป็นแม่' ทั้งมีโรคประจำตัวที่มาจากภาวะหลังคลอดของตัวเอง ความรู้สึกที่ไม่พอใจว่าภพนั้นเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถทำตามความฝันได้อีกต่อไป นั่นก็คือการเป็นนางแบบนั่นเอง ความฝันนี้ต้องจบลงไปเพื่อแลกกับการดูแลคน ๆ นึงให้เติบโตมาเป็นคนที่ดีตามที่สังคมคาดหวังไว้โดยที่คนในสังคมไม่เคยกลับมาเหลียวมองดูเลยว่าการที่ต้องรับบทเป็นแม่ที่ดีนั้นได้พรากอะไรไปจากชีวิตของเธอบ้าง ทั้งสุขภาพร่างกายที่มันต้องเปลี่ยนแปลงไป ความกดดันจากสังคมที่มองว่าต้องเลี้ยงลูกออกมาให้ดี จนก่อให้เกิดความรู้สึกที่เกลียดลูกตัวเองอยู่ข้างใน แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเกลียดที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้ เพราะฉะนั้นบทบาทการวางตัวของผู้หญิงในสังคมไทยจึงถูกจำกัดไว้แค่การเป็นช้างเท้าหลัง อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนตามที่กรอบสังคมนั้นได้กำหนดไว้ 


    ※ ระบบอุปถัมภ์

    ดูดิมีแต่พวกลูกข้าราชการ พวกคนมีเส้นเท่านั้นที่ได้รางวัล คนตัวเล็กตัวน้อยอย่างเราไม่มีทางได้หรอก

              หากเราเปรียบเทียบว่าเวที Nova V เป็นเสมือนสังคม ๆ หนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังค้นหาตัวตนของเขาเพื่อทำตามความฝันที่เขาต้องการ แต่โลกนี้ไม่ได้สวยงามเป็นไปดั่งที่ใจเราต้องการ เมื่อเกิดการแข่งขันแน่นอนว่าย่อมต้องมีผู้ชนะเกิดขึ้น การที่เราเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยในระบบการแข่งขันในสังคมนี้ หลาย ๆ คนมักจะต้องต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ถึงแม้ว่าเราจะมีความสามารถขนาดไหน พยายามมากกว่าคนอื่นขนาดไหน แต่เมื่อมีคำว่าเส้นสายหรือระบบอุปถัมภ์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว มันก็กลายเป็นความเหลื่อมล้ำที่เราคงจะไม่สามารถหลีกหนีไปทางไหนได้เลย 


    ※ วาระสุดท้าย

              ถ้าให้พูดถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็หนีไม่พ้น 'ดา' ผู้หญิงที่ถูกพรากความฝัน พรากอะไรหลาย ๆ อย่างไปเพียงเพราะว่าเธอต้องผันตัวมาเป็นแม่ เธอได้พยายามใช้ชีวิตในสิ่งที่เธอไม่ได้ต้องการมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต สิ่งเดียวที่ดาขอเลือกให้กับตัวเธอได้เป็นอย่างสุดท้ายก่อนที่จะจากไป นั่นก็คือ หนทางที่เธอจะได้จากไปอย่างสงบนั่นเอง วิดีโอที่เธอได้ฝากถึงภพนี้ก็เปรียบเสมือนเป็นพินัยกรรมชีวิต หรือ Living wills ที่เธอได้ขอเลือกให้กับชีวิตของตัวเธอบ้าง การเลือกเส้นทางที่จะหายไปจากความทรมานที่ตัวเองได้แบกมาตลอดทั้งชีวิตคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้หญิงคนนึงได้ร้องขอได้แล้ว

    หมายเหตุ พินัยกรรมชีวิต หมายถึง หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยื้อการตายในวาระสุดท้ายของตนหรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ เป็นเอกสารหรือหนังสือที่เขียนแสดงความ ปรารถนาหรือเป็นการสื่อสารกับบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงความต้องการในระยะสุดท้ายของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวิธีการรักษาในระยะสุดท้าย การจัดงานศพ การเลือกวิธีการรักษาในระยะสุดท้าย                                                                    (https://www.rama.mahidol.ac.th/cancer_center/th/palliative-care-living-will#:~:text=พินัยกรรมชีวิต%20หมายถึงหนังสือ,แห่งชาติ%20พ.ศ.2550)

    ※ การปล่อยวาง

    พ่อไม่ต้องห่วง นวลได้คำตอบแล้วว่านวลจะอยู่ต่อไ

              นวลเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีปมภายในใจที่เป็นการยึดติดกับอดีต ทั้งในเรื่องของความคาดหวังจากครอบครัวของเธอ หรือจะเป็นสิ่งที่นวลนั้นคิดไปเองในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคินทร์ จนกลายเป็นว่าเธอเองก็เป็นคนที่คอยดึงให้พ่อของเธอที่ตายไปแล้วไม่สามารถได้เดินทางต่อเพียงเพราะเธอต้องการให้พ่อของเธอได้เห็นอะไรบางอย่างจากสิ่งที่พ่อของเธอเคยทำกับไว้ในอดีต เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่นวลพยายามฝืนความเป็นจริงทั้งการใช้เรื่องไสยศาสตร์ในการที่จะได้มาสิ่ง ๆ หนึ่งตามที่เธอต้องการ เห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คอยพันธนาการผูกติดไม่ให้เธอได้เดินต่อไปข้างหน้า เธอตกอยู่ในวังเวียนที่เธอสร้างไว้เองอย่างไม่จบไม่สิ้น แต่เมื่อเธอได้พบความจริงที่ว่าหลาย ๆ สิ่งที่เธอตั้งใจทำมามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องเลย การหันกลับมามองที่ตัวเอง กลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา มันก็ถึงช่วงเวลาที่คงต้องปล่อยสิ่งที่ติดค้างภายในใจมาตลอด ปล่อยมันทิ้งไปเพื่อที่จะได้ดินทางกันต่อไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนก็ตามซึ่งทางที่เธอได้เลือกนั่นก็คือ การปลดปล่อยให้พ่อของเธอได้เดินทางต่อไปตามทางที่พ่อเธอต้องการ ส่วนเธอเองก็ได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการที่อยุธยานั่นเอง



    ❝ เบ็ดเตล็ดก่อนจาก ❞

    ◍ Easter egg

              รู้หรือไม่ว่าจากซีนที่ทั้งภพและพัทได้ไปดูงานที่ NOVA นั้น ภายในการจัดแสดงโปสเตอร์หนังสั้นได้มีจุดเชื่อมโยงที่ซ่อนไว้อยู่ นั่นก็คือผลงานของคุณผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับของซีรีส์เรื่องนี้ด้วยนั่นเอง โดยมีทั้งหมด 3 เรื่อง นั่นก็คือ...

    ประยูร (2016) กำกับโดย สมชาย ตฤษณาวุฒิ ??
    Genre: Drama/Mystery
    Synopsis: สมาชิกชายสามคนของครอบครัวที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างพากันกระจัดกระจายย้ายจากบ้านหลังเก่าของพวกเขาไป ความเงียบปกคลุมเนิ่นนานก่อนเหตุการณ์บางอย่างจะเกิดขึ้นในคืนหนึ่งซึ่งนำให้พวกเขาต้องกลับมาข้องเกี่ยวกันอีกครั้ง

    I want you to be (2015) กำกับโดย บัณฑิต สินธนาภารดี ??
    Genre: Drama
    Synopsis: เรื่องราวระหว่างนัทกับโอม เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมปลาย นัทเป็นหญิงสาวที่หลงรักโอมที่เป็นเกย์ เธอรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แต่เธอก็หยุดรักโอมไม่ได้ นัทถลำลึกเข้าไปในจิตใจของตัวเองมากขึ้นจนเธอเกือบเสียสติ นี่จึงเป็นเรื่องราวของความรัก ความสัมพันธ์ที่ไม่มีวิธีแก้แต่ทำได้เพียงรอวันแตกหัก

    Don't worry, be happy (2015) กำกับโดย ภวิชช์ อำนาจเกษม 
    Genre: Romantic/Drama
    Synopsisพ.ศ.2557 'กัน' วัยรุ่นกรุงเทพฯ ที่กำลังจะปิดเทอมใหญ่ ถูกแม่บังคับให้ไปบวชในวัดป่ากลางเขาที่ห่างไกลจากเมือง เพื่อหวังจะให้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีก่อนจะย้ายเข้าบ้านใหม่ ในระหว่างที่บวชเขาฝันแปลกประหลาดหลายครั้งติดต่อกัน อย่างกับว่ามันจะเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ไกลจากนี้



    ◍ การใช้ Original score          

              สิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งในผมกับผีในห้องคือ มีการเลือกทำสกอร์ขึ้นมาเอง เพื่อที่จะใช้ให้เข้ากับซีรีส์เรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะในผลงานก่อนหน้าอย่าง 'นับสิบจะจูบ' ก็ได้มีการทำสกอร์ขึ้นมาใหม่เองเช่นกัน ซึ่งการทำสกอร์ขึ้นมาเองนั้นจะช่วยส่งให้งานชิ้นนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย คล้ายกับว่าเมื่อไหร่ที่เราได้ยินเสียงนี้ แน่นอนว่ามันจะดึงความทรงจำหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกอร์นั้นขึ้นมาอย่างแน่นอน 
              หรือจะเป็น theme song ที่เปิดตัวซีรีส์เรื่องนี้ก็คงความลึกลับ พาให้เรารู้สึกพร้อมที่จะเดินทางไปค้นหาคำตอบไปกับตัวละคร แถมยังมีลูกเล่นในการคีพความเป็นคอมิค มีการใช้ภาพประกอบเป็นลายเส้นการ์ตูนมากกว่าที่จะใช้เป็นรูปนักแสดงจริง ๆ ถือได้ว่าเป็นการคงเอกลักษณ์ตามต้นฉบับที่ได้มาจากผมและผีในห้องเลยนั่นเอง


              อย่างที่หลาย ๆ คนถ้าได้ดูมาก็คงจะคุ้นชินกับสกอร์เพลงนี้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะฉากที่มีตัวละคร 'ป้านวล' จะมีสกอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของป้านวลเองเลยคือจะเป็นสกอร์ที่เป็นดนตรีไทย มีกลิ่นอายของความลึกลับ ชวนสงสัยในตัวละครนี้อยู่ตลอดเวลา (หรือนี่ก็อาจจะเป็น easter egg ที่ทางดีฮัพกำลังจะส่งเข้าซีรีส์เรื่องถัดไปนั่นก็ 'หอมกลิ่นความรัก' นั่นเอง!!)


    ◍ ภาพจำที่คุ้นเคยของการเป็นซีรีส์ BL

              ความน่าสนใจที่เป็นจุดที่ดึงดูดให้ชวนติดตามเลยนั่นก็คือ การที่ผู้ผลิตแล้วก็ตัวนักแสดงเองออกมาพูดอย่างชัดเจนเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ปักโพ (position) ให้ตัวละคร อย่างที่หลาย ๆ คนคงเคยรับชมซีรีส์ BL หลาย ๆ เรื่องยังคงมีการติดกรอบ binary ว่าต้องมีฝ่ายหนึ่งที่เป็น masculine มีการครอบทับกรอบความเป็นผู้ชาย ต้องแข็งแรง เป็นฝ่ายที่ต้องปกป้อง แล้วต้องมีอีกฝั่งที่ออกไปในทาง feminine ที่ต้องมีลักษณะว่าต้องอ่อนหวาน อ่อนโยน เป็นฝ่ายที่ต้องการการดูแล ซึ่งทั้งตัวพัทแล้วก็ภพเองผู้ผลิตไม่ได้สร้างภาพจำให้เราเห็นแบบนั้น แล้วเราก็เบลอกรอบ binary นี้ไปโดยปริยาย แน่นอนว่าการสร้างภาพจำของการยึดติดความเป็น heteronormativity มันส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เพราะถ้าพูดถึงโพสิชั่นกันจริง ๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว แล้วก็เป็นรสนิยมส่วนบุคคล เป็นเรื่องปัจเจกมาก แล้วสามารถฟิกซ์หรือสลับเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา มันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกว่าการที่ผู้ผลิตพยายามจะไม่สร้างภาพจำว่าการที่ภพและพัทมีภาพลักษณ์ภายนอกเป็นแบบนี้ แล้วโพสิชั่นของพัทกับภพจะเป็นแบบไหน แต่คอยเล่าเรื่องให้เราได้ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไปเองว่าสุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถตัดสินโพสิชั่นของทั้ง 2 ตัวละครนี้ได้จากมุมมองของคนที่อยู่นอกความสัมพันธ์ของพวกเขานั่นเอง
              สำหรับเราเองมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากว่าทางผู้ผลิตจะทำออกมาให้เราเห็นได้อย่างไร เพราะหลาย ๆ ครั้งเรามักจะเห็นสื่อที่เข้ามาเพียงฉกฉวยอัตลักษณ์ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ เพียงเพราะวงการนี้มันหอมหวาน หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่สื่อเหล่านั้นไม่เคยตระหนักหรือสร้างความเข้าใจเพิ่มเติมในด้านความหลากหลายทางเพศเลย อัตลักษณ์ของคนที่มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้เป็นเครื่องมือเพื่อเป็นสื่อความบันเทิงที่ให้ใครเข้ามาดูที่พอจบไปแล้วก็จบกัน เป็นแค่เครื่องมือสนองความต้องการของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันยังมีกลุ่มคนที่เขาต้องเจ็บปวดกับการถูกฉกฉวยอัตลักษณ์ทางเพศของเขาจริง ๆ จากการที่คนในสังคมมีภาพจำที่ผิด ๆ มาจากสื่อไม่ได้พยายามทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลากทางเพศเลย มันคงจะดีไม่น้อยถ้ามีคนเริ่มพยายามพาเราทำความเข้าใจพวกเขาผ่านสื่อบันเทิงที่มันสามารถย่อยได้ง่าย และไม่ได้มีการไปลบตัวตนหรืออัตลักษณ์ผ่านการสร้างภาพจำผิด ๆ ให้พวกเขาเพิ่ม


    ◍ การเล่าเรื่องจากภาพ        

              จากความคิดเห็นของเราเอง หลาย ๆ ฉากหากเราได้สังเกตดูดี ๆ เราอาจจะเห็นได้ว่ามีการแบ่งภาพออกเป็น 2 ส่วน ฝั่งหนึ่งมีความมืดซึ่งตรงข้ามกับอีกฝั่งที่มีความสว่าง มีใช้เส้นแบ่งหรือมีวัตถุที่คั่นกลางระหว่างตัวละคร 2 ตัวนี้เป็นตัวแบ่งสถานะของภพและพัทอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเทียบได้ว่าเป็นการแบ่งเส้นระหว่างโลกของมนุษย์และโลกของวิญญาณที่ไม่อาจข้ามเส้นมาอยู่ในฝั่งเดียวกันได้

              หรือแม้แต่การเลือกใช้มุมกล้องที่ชวนทำให้เรารู้สึกอึดอัดไปกับสถานการณ์ตรงหน้า

              หรือจะมีการใช้มุมกล้องที่เปลี่ยนไปเพื่อสื่อถึงเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน การปรับขนาดอัตราส่วนภาพ หรือแม้แต่การเลือกใช้สีที่แตกต่างกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความต่างระหว่างเหตุการณ์ที่กำลังเล่าถึง เรารู้สึกว่ามุมมองการเล่าแบบนี้มันน่าสนใจมากเพราะไม่ต้องย้อมสีภาพให้มันดูเก่า ปรับสีให้มันซีดลง แต่ก็ทำให้เราได้รู้เองว่านี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแน่ ๆ เขากำลังพาเราเข้าไปทำความรู้จักกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ภพจะตาย


    ◍ CG

              และแน่นอนว่าเราคงจะไม่พูดถึงการใช้ CG ในผมกับผีในห้องไม่ได้ หลาย ๆ ฉากที่เราได้ดูไปไม่ว่าจะเป็นในอีพีต้นที่ภพต้องเดินทะลุจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง ฉากที่ภพอยากสัมผัสตัวพัทแต่ก็ทำไม่ได้หรือจะเป็นฉากที่พัทสงสัยว่าตัวภพนั้นมีความโปร่งแสงเพราะว่าเป็นวิญญาณจริง ๆ ฉากเหล่านี้ล้วนมีความยากลำบากในการถ่ายทำเพราะต้องมีการบล็อคกิ้งนักแสดงให้ได้อยู่ตำแหน่งเดิม หรือต้องมีการใช้เทคนิคหลาย ๆ อย่างระหว่างที่ถ่ายทำ ทั้งต้องอาศัยมุมกล้อง แสง รวมถึงการจินตนาการร่วมกับการใช้ทักษะทางการแสดงของนักแสดงที่ต้องเล่นฉากนั้นซ้ำไปซ้ำมาด้วย



      Media effect

              ซีรีส์เรื่องนี้ก็มีการสอดแทรกการใช้อาหารและขนมไทย แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกประทับใจนั่นก็คือทางดีฮัพที่ไม่ได้นำเสนอยู่ในภาพจำคนทั่วไป ถ้าพูดถึงอาหารไทยส่วนใหญ่แล้วคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเราคงนึกถึงพวกต้มยำกุ้ง ผัดไทย ส้มตำ แต่ในผมกับผีในห้องนั้นมีการใส่อาหารหลากหลายชนิดที่สามารถหากินได้ง่าย อย่าง โจ๊กหมู, แกงเขียวหวาน, ไข่พะโล้, ไข่เจียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการใส่เมนูอาหารที่เราคงไม่ได้หากินได้ทั่วไป อย่าง แตงโมปลาแห้ง, ช่อม่วง หรือเมี่ยงคำ ก็เป็นการช่วยดึงความสนใจจากคนดูว่ามันยังคงมีเมนูนี้อยู่ และเพื่อไม่ให้มันหายไปตามกาลเวลา อาจจะเป็น media effect เล็ก ๆ ที่ชวนให้คนดูอย่างเรารู้สึกอยากไปหากินตามบ้าง 

              แต่เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่คงไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือเครื่องดื่มอย่าง ชานมไข่มุก ของลุงเจ้าที่มาด้วย เพราะชานมไข่มุกนั้นเป็นหนึ่งในกิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มาจากต้นฉบับเอง แล้วคงเป็นการเอาใจคนที่ตามมาจากคอมิคได้ไม่น้อยเลย



    ของฝากถึงทีมงาน

    เรารู้ว่าการเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่จะมาทำซีรีส์เรื่องนี้คงจะเป็นการเดินทางที่คงไม่สวยงามมากนัก ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องสถานการณ์โควิดเองที่ทำให้การถ่ายทำต้องหยุดชะงักแล้วล้าช้าออกไป หรือการที่ถูกเปลี่ยนแพลตฟอร์มออนไลน์ในการเข้าดูย้อนหลัง แต่สิ่งที่เราเชื่อในซีรีส์เรื่องนี้เลยคือนอกเหนือจากความสนุก มันต้องมีประเด็นอะไรที่สอดแทรกเข้ามาให้เราได้กลับมาขบคิดต่อแน่ ๆ การที่บอกว่าผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานทดลองทำ เป็นเหมือนการทดลองทดลองหนึ่ง สำหรับเราผลลัพธ์ที่ออกมามันดีมากนะ แต่การทดลองชิ้นนี้มันอาจจะไม่ได้ถูกค้นพบในเร็ว ๆ นี้ แต่เราเชื่อว่าสักวันหนึ่งมันต้องถูกค้นพบอย่างแน่นอน ดีใจที่อะไรก็ตามพัดพามาให้เราได้เจอกับซีรีส์เรื่องนี้ ถึงแม้ว่ามันจะยังมีจุดที่จะต้องมีการปรับอยู่บ้าง แต่มันเป็นเรื่องที่เราภูมิใจมากว่าซีรีส์ไทยมันกำลังมีการเปลี่ยนแปลง หลาย ๆ ประเด็นที่ถูกเล่ามาในซีรีส์เรื่องนี้มันดีมากจริง ๆ สำหรับเรามันไม่ใช่การดูซีรีส์เพื่อความบันเทิงแล้ว แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของพัทกับภพมันยังทำให้เราได้กลับมามองย้อนดูตัวเอง หันกลับมามองคนเราข้างมากขึ้น ในฐานะคนดูเราชื่นชมมากที่กล้าหยิบประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างเรื่อง gender-fluid ที่หาได้ยากในการเล่าผ่านซีรีส์ BL หรือแม้แต่การแฝงความยากลำบากของการเป็นคนในคอมมู lgbtqian+ เปรียบเทียบมาในรูปแบบสิ่งที่พัทกับภพได้เจอ ใส่มาเพื่อให้เราได้เอามาขบคิด เอามานั่งคุยกันต่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่องนี้ แล้วมันยังสามารถส่งต่อให้กับใครอีกหลายคนได้เลย ขอบคุณคนที่เกี่ยวข้องทุก ๆ คนเลยที่พยายามมาอย่างหนักกับซีรีส์เรื่องนี้ เราคาดหวังว่าผมกับผีในห้องจะเป็นซีรีส์อีกเรื่องนึงที่เป็นอีกก้าวที่สำคัญของการเริ่มต้นที่จะออกจากกรอบของความเป็น BL จากภาพจำของคนทั่วไป ขอบคุณสำหรับทุกความตั้งใจเสมอมาทั้งทีมงานผู้ผลิต นักแสดงที่เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ในมุมของคนดูตัวเล็ก ๆ อย่างเราก็ขอให้ผู้คนได้ค้นพบการทดลองนี้ไว ๆ เหมือนกับที่เราได้ค้นพบแล้ว ก่อนที่แต่ละคนจะต้องเดินทางต่อไปในทางของตัวเองก็ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ  
    แล้วภพกันใหม่ ?


     

    ✦ ช่องทางการสื่อสารกับนักแสดง 

    นัท ศุภณัฐ เลาหะพานิช รับบทเป็น ภพ
    Twitter: @supanut_l
    Instagram: supanut
    Youtube: Supanut Channel

    แปลน ธนวัฒน์ คูสุวรรณ  รับบทเป็น  พัท
    Twitter: @plankoosu
    Instagram: plankoo
    Youtube: Plankoo

    ฝ้าย สุมิตตา ดวงแก้ว  รับบทเป็น  ดรีม
    Twitter: @fyeqoodgurl
    Instagram: fyeqoodgurl
    Youtube: Fyeqoodgurl

    บิ๊ก ธนกร กุลจรัสสมบัติ รับบทเป็น ลัคน์
    Twitter: @Biggthanakorn
    Instagram: bigteenoy

    กรีน พงศธร ผดุงเกียรติวงศ์  รับบทเป็น  เบน
    Twitter: @Greenkungz
    Instagram: greenkungz
    Youtube: greenkungz

    ตุ๊ก ชนกวนัน รักชีพ  รับบทเป็น  คริส
    Instagram: tookchanokwanan
    Youtube: TOOK TO GO

    แทน มิเกลลี่  รับบทเป็น  เจ้าที่
    Instagram: tam_m

    เพียว ดวงใจ หิรัญศรี รับบทเป็น นวล
    Instagram: phiao_duangjai


    เรียบเรียง: ว้อดเอ้บ @lunarinsummer
    พิสูจน์อักษร: แอคม๋า @ilbyc_

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in